ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ພວກຜູ້ນຳລາວຂາຍຊາດ ຂາຍແຜ່ນດິນ
Anonymous

Date:
RE: ພວກຜູ້ນຳລາວຂາຍຊາດ ຂາຍແຜ່ນດິນ
Permalink   
 



เครื่องบินโบอิ้ง 737 ของฟ้าชายถูกอายัดที่สนามบินมิวนิค
by Andrew M.Marshall on July 14, 2011 in Blog with Comments Off



แอนดรูว์ แมกเกรเกอร์ มาร์แชล

เครื่องบินโบอิ้ง 737 พระราชพาหนะของมกุฎราชกุมาร วชิราลงกรณ์ ถูกอายัดที่สนามบินมิวนิคโดยเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สินของบริษัทสัญชาติ เยอรมัน วอลเตอร์ บาว (Walter Bau AG) เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยึดเนื่องมาจากข้อเรียกร้องทางการเงินต่อรัฐบาลไทย –ที่เจาะจงไปทีกรมทางหลวง – ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนี้ส่วนตัวของฟ้าชาย แต่อย่างใดอย่างก็ตาม เจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้ของบริษัทเยอรมันที่ว่านี้ ยึดเครื่องบินไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอาจมองได้ว่าเป็นการรุกเพื่อที่จะ เร่งรัดให้ประเทศไทยจ่ายหนี้ที่ติดค้างไว้ เครื่องบินลำดังกล่าวในทางการแล้วเป็นของกองทัพอากาศไทย แต่สงวนเป็นการใช้ส่วนพระองค์สำหรับฟ้าชาย

หนี้ดังกล่าว มีที่มาจากการถือหุ้นของบริษัทวอลเตอร์ บาว จำนวน 10เปอร์เซ็นต์ในบริษัททางยกระดับดอนเมืองซึ่งสร้างและดำเนินการทางด่วนยก ระดับจากตัวเมืองกรุงเทพฯ เชื่อมต่อสนามบินดอนเมืองซึ่งเป็นอดีตสนามบินนานาชาติของกรุงเทพฯ บริษัทวอลเตอร์ บาวได้ล้มละลายในปี 2548 และเจ้าหน้าที่ที่ที่พยายามเร่งรัดหนี้ดังกล่าวให้กับเจ้าหนี้ได้เรียก ร้องสินไหมต่อประเทศไทยสืบเนื่องจากการเปลี่ยนเงื่อนไขของข้อสัญญาในการ สร้างทางด่วน และการปฏิเสธการขึ้นค่าทางด่วนที่ต้องจ่ายโดยพาหนะผู้ใช้ถนนดังกล่าวซึ่งถูก มองว่าเป็นสาเหตุให้ทำให้โครงการดังกล่าวขาดทุน

ในปี 2552 คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ มีคำสั่งให้ประเทศไทยจ่ายเงินจำนวน 29.2 ล้านยูโรเป็นค่าชดเชย พร้อมทั้ง 1.98 ล้านยูโรเป็นค่าละเมิดสัญญาการตัดสินใจ และความเป็นมาที่เป็นปัญหาของโครงการทางยกระดับสนามบินดอนเมืองสามารถอ่าน ได้ที่นี่ นับเป็นหนึ่งในตำนานว่าด้วยเรื่องความไม่มีประสิทธิภาพและคอร์รัปชั่นของ ราชการคณะอนุญาโตตุลาการได้พบว่าการลดค่าทางด่วนในสมัยอดีตนายกฯ ทักษิน ชินวัตร ที่ประกาศใช้ในปี 2547 เป็นการละเมิดข้อตกลงกับวอลเตอร์ บาว และเมื่อคณะอนุญาโตตุลาการประกาศผลตัดสินนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่ารัฐบาลไทยไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และสัญญาว่าจะต่อสู้กลับโดยทำในสิ่งที่นักการเมืองไทยทุกคนทำเมื่อเกิดปัญหา นั่นคือตั้งคณะกรรมการเพื่อฝังกลบประเด็นดังกล่าวด้วยระบบราชการที่ยืดยาด และไม่มีวันจบสิ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคม โสภณ ซารัมย์ กล่าวหาบริษัทเยอรมันดังกล่าวว่าใช้ “วิธีที่สกปรก”

เนื่องจากค่าชดเชยที่คณะอนุญาโตตุลาการสั่งให้จ่ายยังไม่ได้รับการชำระ ผู้ตรวจการทางการเงินของเอาส์เบอร์ก (Ausburg) แวร์เนอร์ ชไนเดอร์ (Werner Schneider) ซึ่งดูแลเรื่องการล้มละลายของวอลเตอร์ บาว ตัดสินใจจะทำการยึดเครื่องบินลำดังกล่าวเพื่อเป็นมาตรการบังคับให้ประเทศไทย จ่ายหนี้ที่ค้างชำระ โฆษกของเขาได้ยืนยันว่าเครื่องบินลำดังกล่าวถูกอายัดแล้วรายงานเกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าวสามารถดูได้จากเว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทมส์ของเยอรมนี ไฟ แนนเชียลไทมส์กล่าวว่าการยึดเครื่องบินลำดังกล่าวต้องวางแผนด้วยความระมัด ระวังเนื่องจากฟ้าชายได้บินไปยังหลายสนามบินในประเทศเยอรมนีในช่วงอาทิตย์ ที่ผ่านมาเช่น เดรสเดน ซาร์บรุ๊คเคน นูเรมแบร์ก และเบอร์ลิน-เทเกล นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ฟ้าชายวชิราลงกรณ์ได้ไปเยี่ยมโรงงานทำพอร์ซเลนในเดรสเดนพร้อมคณะผู้ติดตาม อีก 40 คน ทั้งนี้ ฟ้าชายไม่ได้รับการเตือนล่วงหน้าเรื่องการยึดเครื่องบินดังกล่าว

ดังเช่น เอริค จี. จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เขียนในโทรเลขลับทางการทูตว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2552 วชิราลงกรณ์ใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศเยอรมนี

ฟ้าชายวชิราลงกรณ์ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ (มากถึง 75%) ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาอยู่ในยุโรป (ส่วนใหญ่ ณ วิลล่าแห่งหนึ่งในสปาทางการแพทย์ที่ห่างจากมิวนิค 20 กิโลเมตร) กับนางสนมคนล่าสุดและสุนัขตัวโปรด ฟูฟู เชื่อกันว่าวชิราลงกรณ์น่าจะป่วยเป็นโรคทางเลือด พระ-ชายาองค์ปัจจุบัน (คนที่สาม) หม่อมศรีรัศม์ และโอรสอายุ 4 พรรษา ที่รู้กันในชื่อองค์ที อาศัยอยู่ในวังสุโขทัยในกรุงเทพฯ แต่เมื่อวชิราลงกรณ์เดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ พระองค์ก็ไปอยู่กับนางสนมคนที่สองในเลานจ์ของกองทัพไทยที่ตกแต่งใหม่ ณ ปีกที่หก สนามบินดอนเมือง (ข้อสังเกต: นางสนมทั้งสองคนของฟ้าชายเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ฟ้าชายได้เปลี่ยนเครื่องบินจาก F5s มาเป็นเครื่องโบอิ้งของการบินไทย และแอร์บัส ในช่วงปีที่ผ่านมา) เนื่องจากอารมณ์ที่ปรวนเปรและคาดเดาไม่ได้ของพระองค์ที่ รู้จักกันดี ฟ้าชายจึงมีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถอยู่ในวงล้อมที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ได้

ฟ้าชายทรงขับขี่เครื่องบินส่วนตัวโบอิ้ง 737 ในการเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยและเยอรมนีดังปรากฏให้เห็นอย่างบ่อยครั้งในเว็บไซต์ planespotter

เนื่องด้วยชื่อเสียงของวชิราลงกรณ์เรื่องอารมณ์ที่รุนแรง เป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยและเยอรมันคงต้องพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ฟ้าชายมีประวัติเรื่องหายนะทางการทูตมาแล้ว โดยในเดือนกันยายนปี 2530 พระองค์ได้เสด็จไปยังประเทศญี่ปุ่น และก่อนที่จะเดินทางพระองค์เรียกร้องว่าจะให้นางสนมเดินทางไปด้วยกันด้วย สถานะที่เป็นทางการ แทนที่จะเป็นพระชายาของพระองค์รัฐบาลญี่ปุ่นจึงปฏิเสธเนื่องด้วยเหตุผล ธรรมเนียมทางการทูต และเมื่อพระองค์ไปถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วสถานการณ์กลับแย่ลงกว่าเดิม ดังที่บาร์บาร่า โครเส็ตต์รายงานในเดอะนิวยอร์คไทมส์ว่า

หายนะทางการทูตนี้เป็นที่รู้กันอย่างระเบิดระเบ้อในโตเกียว และกรุงเทพฯ ในเรื่องที่หนังสือพิมพ์ไทยมองว่าเป็น “ข้อผิดพลาดเล็กน้อย” ของฟ้าชาย, นักบินและผู้บังคับบัญชาพลตรี ผู้ซึ่งควบคุมกรมทหารของตนเอง, ในระหว่างการเสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่น

คนขับรถชาวญี่ปุ่นที่ขับรถของฟ้าชาย หยุดรถอย่างกะทันหันที่จุดพักบนทางด่วนเพื่อขอหยุดพัก โดยเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกล่าวว่า คนขับรถดังกล่าว รู้สึกไม่สบายและจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวคนขับ และอีกสถานการณ์หนึ่ง ก็มีการกล่าวกันว่าฟ้าชายถูกให้นั่งเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมและถูกบังคับให้ เอื้อมไปหยิบเชือกที่อยู่บนพื้นเพื่อเปิดพิธีของอนุสาวรีย์ ปรากฏว่าฟ้าชายเสด็จกลับประเทศไทยเร็วกว่ากำหนดสามวันและทิ้งวิกฤติการณ์ทาง การทูตไว้เบื้องหลัง

ฟ้าชายได้แก้แค้นคืนเก้าปีหลังจากนั้น โดยในปี 2539 พอล แฮนด์ลีย์เขียนใน เดอะคิง เนเวอร์ สไมลส์ งานวิชาบุกเบิกว่าด้วยชีวประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า

ในวันที่ 1-2 มีนาคม ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและยุโรป การจัดประชุมครั้งนี้เป็นตัวที่เชิดชูสถานะของประเทศไทยเป็นอย่างมาก และพระมหากษัตริย์ก็ได้จัดการให้มีงานเลี้ยงต้อนรับสำหรับประธานาธิบดีและ ผู้นำประเทศต่างๆ อย่างไรก็ตาม ฟ้าชายได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เรียวตาโร ฮาชิโมโตะ ที่ต่างไป
เมื่อเครื่องบินโบอิ้ง 747 ของนายกฮาชิโมโตะ จอดลงที่สนามบินดอนเมืองในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก่อนที่เครื่องบินจะได้จอดลงยังพรมแดงเพื่อทอดบันได แต่เครื่องเจ็ตดังกล่าวกลับถูกขวางทางอย่างโจ่งแจ้งด้วยเครื่องบินเจ็ต F-5 สามเครื่องที่ควบคุมโดยฟ้าชาย และบรรดาช่างภาพ ณ จุดต้อนรับถูกบังคับให้เอากล้องถ่ายรูปลงในขณะที่ฟ้าชายเอาคณะผู้แทนจาก ญี่ปุ่นเป็นตัวประกันในบริเวณรันเวย์เป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะแยกกัน เป็นที่เห็นได้ชัดว่าฟ้าชายได้ทำการแก้แค้นต่อสิ่งที่อ้างว่าเป็นการต้อนรับ ที่ไม่เหมาะสมของญี่ปุ่นเมื่อเขาได้เสด็จเยือนญี่ปุ่นในปี 2530 ในตอนนั้น รัฐบาลไทยและญี่ปุ่นขายหน้าเป็นอย่างมากและทางญี่ปุ่นเองก็ปฏิบัติแบบทูตโดย ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดโดยไม่ประท้วงหรือให้ความคิดเห็นใดๆ

โทรเลขของสหรัฐอีกฉบับหนึ่งให้ข้อมูลว่าทริปที่วางแผนไปประเทศจีนของวชิราลงกรณ์ถูกยกเลิก เนื่องจากข้อเรียกร้องให้มีการเตรียมการพิเศษ:

ทริปที่มีกำหนดเดินทางโดยฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ์ในต้นปีนี้ถูก เลื่อนออกไป ฟ้าชาย “พิโรธ” มากที่เขาถูกปฏิเสธคำขอสำหรับ “การปฏิบัติพิเศษแบบวีไอพี” ในขณะเสด็จเยือนประเทศจีน นี่เป็นการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งแรกของพระองค์ในขณะที่น้องสาว ของพระองค์ฟ้าหญิงสิรินธรได้เสด็จประเทศจีนหลายครั้งแล้วและพูดภาษาจีนได้ คล่องแคล่วด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟ้าชายจะพบว่าการยึดเครื่องบินของเป็นเรื่องที่น่า โมโหโทสะอย่างที่ไม่ได้ล่วงรู้มาก่อน คำถามตอนนี้คือว่าพระองค์จะมีปฏิกิริยาอย่างไรและเจ้าหน้าที่ของไทยจะมีวิธี การรับมือปัญหาดังกล่าวได้รวดเร็วเพียงใด

Comments are closed.
← Thai crown prince’s 737 impounded at Munich airport

http://www.zenjournalist.com/2011/07/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87-737-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89/


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Interesting Thai news
Now is the time to remember 'Magnificent 14'

http://www.nationmultimedia.com/2011/07/15/national/Now-is-the-time-to-remember-Magnificent-14-30160344.html


Re: How about a two-state solution for Thailand? Letters, July 14.
Published on July 15, 2011

http://www.nationmultimedia.com/home/Why-splitting-up-Thailand-wouldn&039;t-work-30160286.html

Thailand's making 'all efforts' to end aircraft spat : FM

http://www.nationmultimedia.com/2011/07/15/national/Thailands-making-all-efforts-to-end-aircraft-spat--30160340.html

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


ເຂົ້າໄປ google ແລ້ວພິມ

ไืทยลาวแยกกันเถอ

http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=41009



Why splitting up Thailand wouldn't work
Published on July 15, 2011

Re: How about a two-state solution for Thailand? Letters, July 14.


Horst Bullinger says Thailand should be divided into two nations:

the North and Northeast on one side (for Thaksin Shinawatra to rule);
the North and Northeast on one side (for Thaksin Shinawatra to rule);
the North and Northeast on one side (for Thaksin Shinawatra to rule);
the North and Northeast on one side (for Thaksin Shinawatra to rule);

and the rest as a second country. I don't think Mr Bullinger knows enough of Thailand's geopolitics to suggest that.

Bangkok is a seaport city. It has been a major source of income for Thailand for more than 300 years. It is said that about three-fourths of tax money in Thailand comes from Bangkok and the surrounding provinces.

The North and Northeast are a landlocked country. If separated from Bangkok, the new country will be reduced in terms of economic development on the same line with Laos and Cambodia. More importantly, it will be the most populous country with the least source of income to feed itself, let alone prosper.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


ວັນທິ່19 ເດຶອນ9 ປີ 2006 ຄົນທິ່ເບິ່ງບໍ່ເຫັນ(ເຫັນຢູ່ ວ່າ ເວລາ 12ໂມງກາງຄືນ ທັງຜົວຕາບອດ ເມັຍປາກແດງ ປ່ອຍໃຫ້ຫັວຫ້ນາປະຕິວັດຄື ນາຍພົນເອກສົນທິເຂົ້າເຝົ້າ ເຖົ້າຊິຕາຍແລ້ວ ກະບໍ່ຢູ່ບໍ່ນອນຍາມນິ້ ແຕ່ປາກບໍ່ໄດ້ໄອບໍ່ດັງ) ໄດ້ ໃຊ້ກອງທະຫານ ຂົ່ນລົ້ມຣັຖບານຂອງອ້າຍສາວຍິງລັກ ທິ່ ຜ່ານສະຖາບັນ ປຊທປຕ ໂດຍມິປຊຊ ທັງປທ ເລືອກມາແທ້ໆຈົນໄດ້
5 ປິ ຕໍ່ມາ ພວກໂຈນ ກະຍັງຊິໃຊ້ແຜນເກົ່າອິກແລ້ວ ເຂົ້າມາທຳລາຍ ສິ່ງທິ່ ຊາວບ້ານ ເລຶອກມາກັບມືແທ້ໆ
ຈົນ ສື່ຕ່າງປທ ບອກວ່າ ນາຍຍົກຍິງຄົນທິ່28ຂອງ ປທທ ຈະໄດ້ ຖືກ ກກຕ(ກັມມະການກວດກາການເລືອກຕັ້ງ) ຫລິ້ນເສັ້ນທາງດ້ານກົດຫມາຍອິກແລ້ວ ຫລື ຕາມພາສານິຕິສາດໄຫ່ມ ກະຄື

ປະຕິວັດຣັຖປະຫານທາງກົດຫມາຍນັ້ນເອງ
ປະຕິວັດຣັຖປະຫານທາງກົດຫມາຍນັ້ນເອງ
ປະຕິວັດຣັຖປະຫານທາງກົດຫມາຍນັ້ນເອງ

ໃຫ້ລໍ ອິກ 2 ທິດ ວ່າ ຄຳທຳນາຍຂອງຊາວລາວປາງກ່ອນຈະເກິດເປັນຈິງຈົນໄດ້ບໍ?

ວຽງຈັນຮ້າງເປັນໂພນຂິ້ຫມາຈອກ
ບັງກອກຮ້ອງເປັນມູ້ງກະຕ່າຍນອນ

ໂຊກດິທ້າຍສັປດາ ພີ່ນ້ອງລາວທັງໂລກ
ແຕ່
ຖ້າຢາກມ່ວນຊື່ນຢ່າເຂົ້າໄປຟັງວິທຍຸຈຳປາເມືອງລາວເດັດຂາດ
ເພາະ ຈະມິແຕ່ນ້ຳຕາກັບນ້ຳຕາ ເພາະ ທາງທຶມງານໄດ້ເຫລົ່າ ເຖິງການສູນເສັຍຊິວິດຂອງຍິ້ງລາວອາຍຸ12 ທິ່ ວັດໄຕຈາກນ້ຳມຶຂອງພວກແກວຫັວຂອດ21ຄົນ ແລະ ຄວາມເຈັບແສບທາຣຸນຂອງພິ້ນ້ອງລາວ7ແສນທິ່ດິນແດນໂຈນສຍາມ ຍຸກໂຈນຂ້າປໍສາມປໍ4ຄອງເມືອງ

ອາຣົມດິໆ ຕົ້ນສັປດາຄຶວັນຈັນຈື່ງເຂົ້າໄປຟັງກະໄດ້
ຫລຶຢາກ ມິນ້ຳຕາກ່ອນ.....ກ່ອນ ກະໄປຟັງເລິຍ
www.radiochampamuonglao.free.fr
ທິມງານບໍ່ວ່າຫຍັງ
ພຽງແຕ່ວ່າຍ່າງຜ່ານຫລືຂີ່ລົດກາຍຫໍຄຳ ບ່ອນ ບັກຂ້າອັຕປຶນອນດົມຫອຍ ມ.....ມັນ ຢ່າລືມ ຮ້ອງສຽງແຮງໆ
ໃຫ້ມັນໄດ້ງີນເວລານິ້ ປຊຊ ເຈັບປວດ ທິ່ສຸດບໍ່ວ່າຍຸກໃດຍາມໃດ ເດິ

ຟ່າວກອດຄໍພາກັນລົງຈາກອຳນາດມຶດໄດ້ແລ້ວ
.................................................
.................................................


ຢິ່ງລັກ ຊິນນະວັດ
ກຽມຈະເປັນ ນາຍົກລັດຖະມົນຕີຍິງ ຄົນທໍາອິດຂອງໄທ (ເບິ່ງວີດີໂອ ພາສາລາວ/ອັງກິດ)
ປະ​ເທດ​ໄທ​ກໍາລັງ​ຈະ​​ມີນາ​ຍົກ​ລັດຖະມົນຕີ​ຍິງ​ຄົນ​ທໍາ​ອິດ ກໍ​ຄື ທ່ານ​ນາງ ຢິ່ງລັກ ຊິນນະ​ວັດ ນ້ອງ​ສາວ​ຂອງ​ອະດີດ​ນາ​ຍົກ​ລັດຖະມົນຕີ ທັກສິນ ຊິນນະ​ວັດ ທີ່​ຖືກ​ໂຄ່ນ​ລົ້ມ​ນັ້ນ. ​ໄຊຊະນະ​ຂອງ​ທ່ານ​ນາງ​ໃນ​ຖານະ​ເປັນ​ຜູ້ນໍາ​ພັກ​ເພື່ອ​ໄທ ຊຶ່ງ​ເປັນ​ພັກ​ຝ່າຍ​ຄ້ານນັ້ນ ​ໄດ້​ສ້າງ​ຄວາມ​ຫວັງ​ວ່າ ​ພວກ​ແມ່ຍິງ​ໄທ​ທັງຫລາຍ​ສາມາດຈະ​ມີ​ບົດບາດ​ອັນ​ຍິ່ງ​​ໃຫຍ່​ກວ່າ​​ເກົ່າ​ໄດ້ ໃນ​ປະ​ເທດ​ທີ່​ຜູ້ຊາຍ​​ເປັນ​ຝ່າຍ​ທີ່​ຄອບ​ງໍາ​ການ​ເມືອງນັ້ນ​. ​ແຕ່​ຫລາຍໆ​ຄົນ​ມີຄວາມ​ສົງ​ໃສ​ວ່າ ທ່ານ​ນາງ​ຈະ ສາມາດ​ໂຜ່​ໂຕ​ອອກມາຈາກ​ໃຕ້​ເງົາຂອງ​ຜູ້​ເປັນ​ອ້າຍນັ້ນ​ໄດ້ຫລື​ບໍ່ ຢ່າ​ວ່າ​ແຕ່ຈະ​ທ້າ​ທາຍ​ຕໍ່ສູ້​ກັບກໍາ​ແພງທາງດ້ານ​ວັທະນະ​ທໍາ​ແລະ​ປະ​ເພນີ​ຂອງສັງຄົມ​​ໄທ ທີ່​ກີດ​ກັ້ນພວກ​ແມ່ຍິງ​​ໄທ​ຢູ່​ນັ້ນ​ເລີຍ. ທອງ​ປານມີ​ລາຍ​ລະອຽດ​ກ່ຽວກັບ​ເລື່ອງ​ນີ້ ຈາກລາຍ​ງານທີ່ຜູ້​ສື່​ຂ່າວ​ວີ​ໂອ​ເອ Daniel Schearf ສົ່ງ​ມາ​ຈາກຈາກ​ບາງກອກ.

ລາຍງານໂດຍ ທອງປານ ເທບວົງສາ | ວໍຊິງຕັນ


ຮູບຈາກ:
ທ່ານນາງ ຢິ່ງລັກ ຊິນນະວັດ ວາທີນາຍົກລັດຖະມົນຕີຍິງຄົນທໍາອິດຂອງໄທ
ທ່ານ​ນາງ ຢິ່ງລັກ ຊິນນະ​ວັດ ​ໄດ້​​ໂຜ່​ໂຕ​ຂຶ້ນມາ​​ເປັນ​ຜູ້ຊະນະ​ໃນ​ນຶ່ງ​ຂອງ​ການ​ເລືອກ​ຕັ້ງ​ທີ່​ມີ
​​ເດີມ​ພັນສູງ​ທີ່​ສຸດ​ ໃນ​ປະວັດ​ສາດ​ບໍ່​ດົນຜ່ານ​ມາ​ຂອງ​ປະ​ເທດ​ໄທ.

ພັກ​ເພື່ອ​ໄທ​ຂອງ​ທ່ານ​ນາງ ​ໄດ້​ຮັບ​​ໄຊຊະນະ​ເປັນ​ຜູ້​ກໍາ​ສຽງ​ສ່ວນ​ຫລາຍ​ຢ່າງ​ງ່າຍດາຍ ​ໃນອັນ
​ທີ່​ເປັນ​ການ​ປະຕິ​ເສດ​ຢ່າງ​ສິ້ນ​ເຊີງຕໍ່ພວກ​ເຈົ້າຂຸນ​ມູນ​ນາຍຫົວ​ກະທິດັ້ງ​ເດີມ​ຂອງ​ໄທ ທີ່​ສະໜັບ
ສະໜຸນ​ພັກ​ປະຊາທິປັດ​ຂອງ​ນາຍົກລັດ​ຖະມົນຕີ​ ອະພິສິດ ​ເວດ​ຊາ​ຊີວະ ຊຶ່ງ​ເປັນ​ພັກ​ທີ່ປົກ ຄອງ​ປະ​ເທດ​ຢູ່​ໃນ​ເວລານີ້.

ເວລາ​ນີ້ ນັກ​ທຸລະ​ກິດ​​ ​ໄວ 44 ປີ​ຄົນ​ນີ້ ກໍາລັງ​ຕຽມ​ໂຕ​ເຂົ້າຮັບ​ຕໍາ​ແໜ່ງ​ທາງ​ການ​ເມືອງ​ເປັນ ​ເທື່ອ​ທໍາ​ອິດ ​ໃນ​ຖານະ​ນາຍົກລັດຖະມົນຕີຍິງຄົນ​ທໍາ​ອິດ​ຂອງ​ໄທ.



ທ່ານ​ນາງ​ ຢິ່ງລັກ ກ່າວ​ວ່າ ຫລັງ​ຈາກ​ຄວາມ​ວຸ້ນວາຍ​ບໍ່​ສະຫງົບ​ສຸກ​ດ້ານການ​ເມືອງ​ ​ແລະ​ຄວາມ​ຮຸນ​ແຮງ​ຢູ່​ຕາມ​ຖະໜົນ​ຫົນທາງມາ​ເປັນ​ເວລາ​ຫລາຍ​ປີ​ແລ້ວ​ນັ້ນ ບັດ​ນີ້ ປະ​ເທດ​​ໄທອາດ​ສາມາດ​ໄດ້​ຮັບ​ຜົນ​ປະ​ໂຫຍດ ​ຈາກ​ການ​ມີແມ່ຍິງ​ ​ເປັນ​ຜູ້​ນໍາກໍ​ໄດ້ ຊຶ່ງ​ທ່ານ​ນາງ​ກ່າວ​ວ່າ:

“ຂ້າພະ​ເຈົ້າຄິດ​ວ່າ ​ຂ້າພະ​ເຈົ້າສາມາດ​ໃຊ້​ວິທີ​ການໃນ​ຖານະ​ແມ່ຍິງ ເພື່ອ​ໂອ້​ລົມ​ກັບ​ທຸກໆ​ຄົນ ເພື່ອ ເຮັດໃຫ້​ປະ​ເທດ​ຊາດ​ກ້າວ​ໄປ​ຂ້າງ​ໜ້າ ​ໂດຍ​ຍຸ​ທະ​ສາດ​ທີ່​ສັນຕິ.”

ແຕ່​ພວກ​ທີ່​ຕ້ອງ​ຕິ​ແລະວິຈານ​ທ່ານ​ນາງຢິ່ງລັກ​ກ່າວ​ວ່າ ທ່ານ​ນາງ​​ເປັນ​ພຽງ​ຫຸ່ນ​ຂອງ​ອ້າຍ
ກໍ​ຄື​ທ່ານ​ທັກສິນ ຊິນນະ​ວັດ ຜູ້​ນໍາ​ທີ່​ສ້າງ​ຄວາມ​ແຕກ​ແຍກ ທີ່​ຖືກທະຫານ​ໂຄ່ນ​ລົ້ມ​ໃນ​ປີ 2006 ນັ້ນ

ການກໍ່ລັດຖະປະຫານ​ໄດ້ນໍາ​ໄປ​ສູ່ການ​ຍາດ​ແຍ່ງ​ອໍານາດ​ກັນ​ເປັນ​ເວລາ​ນຶ່ງ​ປີ ລະຫວ່າງພວກ​ເຈົ້າຂຸນ​ມູນ​ນາຍ​ດັ້ງ​ເດີມ​ຂອງ​ບາງກອກ ​ກັບ​ຜູ້​ສະໜັບສະໜຸນທ່ານ​ທັກສິນ ​ທີ່​​ໄດ້​ພາກັນທໍາ​ການ​ປະ​ທ້ວງ​ ທີ່​ໄດ້ຍັງ​ຜົນ​ໃຫ້​​ເຂດໃຈກາງນະຄອນຫລວງບາງກອກ ຕ້ອງ​ໄດ້​ອັດ​ລົງ​ເມື່ອ​ປີຜ່ານ​ມາ.

ພວກ​ປະກອບ​ອາວຸດ​ໃນ​ກຸ່ມ​ພວກ​ປະ​ທ້ວງ ​​ໄດ້​ທໍາ​ການ​ຕໍ່ສູ້​ຕາມ​ຖະໜົນ​ຫົນທາງ​ກັບກໍາລັງ​ທະຫານ​ ທີ່​ລັດຖະບານ​ສົ່ງ​​ໄປປາບ​​​ການ​ປະ​ທ້ວງ​ນັ້ນ ​ຍັງ​ຜົນ​ໃຫ້​ມີ​ຜູ້​ເສຍ​ຊີວິດ ຫລາຍ​ກວ່າ 90 ຄົນ ​ຊຶ່ງ​ສ່ວນ​ໃຫຍ່​ເປັນ​​ພົນ​ລະ​ເຮືອນ.

ໃນ​ການ​​ເຄື່ອນ​ໄຫວຕອບ​​ຕໍ່ຄວາມ​ຮຸນ​ແຮງ​ດັ່ງກ່າ​ວ ພວກອົງການ​ຕ່າງ​ໆຂອງ​ແມ່ຍິງ​ຫລາຍ​ກວ່າ 60 ອົງການ ​ໄດ້ຮ່ວມ​​ກັນ​​ຈັດ​ຕັ້ງ​​ ເຄືອຂ່າຍ​ແມ່ຍິງເພື່ອ​ຫລໍ່​ຫລອມ​ປະ​ເທດ​ໄທ​ຄືນ​ໃໝ່ ​ເພື່ອ​ຊຸກຍູ້​ໃຫ້​ພວກ​ແມ່ຍິງ​ເຂົ້າ​ພົວພັນ​ໃນ​ການ​ເມືອງ​ຫລາຍ​ຂຶ້ນ. ​ໃນ​ບໍ່​ເທົ່າ​ໃດ​ປີ​ຜ່ານມາ​ນັ້ນ ​ແມ່ຍິງ​​ແມ່ນ​ປະກອບ​ເປັນ​ພຽງ​ແຕ່ປະມານ 15 ​ເປີ​ເຊັນ ​ຂອງພວກ​ຜູ້​ນໍາ​​ທີ່​ຖືກ​ເລືອກ​ຕັ້ງ​ຂອງ​ປະ​ເທດ.

ຄລິກຢູ່ບ່ອນນີ້ ເພື່ອເບິ່ງວີດີໂອພາສາລາວ ຫລືບ່ອນ mp4 ຫລື window media ຂ້າງເທິງຂວາມື


ຜູ້​ປະສານ​ງານກຸ່ມ​ເຄືອ​ຂ່າຍ​ແມ່ຍິງ ນາງ ສຸທາ​ດາ ​ເມກຣຸ່ງ​ເຣືອງກຸລ ສົມ​ທຽບ​ການ​ແບ່ງ​ແຍກໃນ​ປັດຈຸບັນ​ຂອງ​ໄທ ​ໃສ່​ກັບ​ເດັກນ້ອຍ​ຜູ້​ຊາຍ​ສອງ​ຄົນ​ ທີ່​ກໍາລັງ​ຊົກ​ຕ່ອຍກັນ​ຢູ່​ເດີນ​ໂຮງຮຽນ​​. ນາງ​ເວົ້າ​ວ່າ: “ຄວາມ​ຮູ້ສຶກ​ຂອງ​ພວກ​ເຮົາ​ ວິທີ​ແກ້​ໄຂ​ບັນຫາ​ຂອງ​ພວກ​ເຮົາຂໍ້ສະ​ເໜີ​ແນະ​ຂອງ​ພວກ​ເຮົາ ກໍ​ຄື​ ເຈລະຈາ​ກັນ ນັ່ງ​ລົມ​ກັນ. ບາງທີ​ພວກ​ເຮົາ​ບໍ່​ຈໍາ​ເປັນຈະ​ຕ້ອງ​​ຕົບ​ຕີ​ກັນ ພວກ​ເຮົາ​ບໍ່ຈໍາ​ເປັນ​ຕ້ອງ​ໃຊ້ອໍານາດ​​ເພື່ອ​ກໍາຈັດ​ປັດ​ເຂ່ຍ​ຜູ້​ໃດຜູ້​ນຶ່ງ​ອອກ​ໄປ”

ວົງ​ການ​ທຸລະ​ກິດ​ຂອງ​ໄທ​ແມ່ນ​​​ເປັນ​ຜູ້​ນຶ່ງ​ທີ່ນໍາ​ໜ້າໂລກ​ຢູ່​ແລ້ວ​ ໃນ​ການ​ວ່າ​ຈ້າງແມ່ຍິງ​ເຂົ້າ ຮັບ​ຕໍາ​ແໜ່​ງ​ລະດັບ​ຫົວໜ້າ​ບໍລິຫານ. ການ​ສໍາ​ຫລວດ​ເມື່ອບໍ່​ດົນຜ່ານ​ມາ​ນີ້​ ລາຍ​ງານ​ວ່າ 30 ​ເປີ​​ເຊັນ​ຂອງ​ພວກ​ບໍລິ​ສັດ​ຕ່າງໆ​ນັ້ນ​ມີ​ແມ່ຍິງ​ເປັນ​ຫົວໜ້າ​ບໍລິຫານ​ງານ ຫລື CEO ແຕ່​​ແມ່ຍິງ​ໄທກໍ​ຍັງລ້າ​ຫລັງ​ຜູ້​ຊາຍ​ໄທ​ຢູ່ ​ໃນ​ເລຶ່ອງການ​ເມືອງ​ນັ້ນ​.

ເຖິງ​ແມ່ນ​ການ​ສະມັກເລືອກ​ຕັ້ງ​ຂອງ​ທ່ານ​ນາງ​ຢິ່ງລັກ ​ໄດ້​ຮັບ​ການ​ໂຄສະນາ​ເຜີຍ​ແຜ່​ຢ່າງໂດ່​ງ ດັງກໍຕາມ ພັກ​ການ​ເມືອງ​ໃຫຍ່ໆ​ທັງໝົດ​​ໃນ​ການ​ເລືອກ​ຕັ້ງ​ ​ໂຮມ​ທັງ​ພັກ​ຂອງທ່ານ​ນາງ​ເອງ ​ສ່ວນ​ໃຫຍ່​​ແລ້ວ​​ແມ່ນ​​​ໄດ້ບໍ່​ເອົາ​ຫົວຊາ​ຕໍ່​ກົດ​​ເກນ​ແຫ່ງ​ລັດຖະທໍາມະນູນ ທີ່​ຮຽກຮ້ອງ​ໃຫ້​ມີ​ການ​ປະກອບສ່ວນ​ໃນສັດສ່ວນ​ທີ່​ເທົ່າ​ທຽມ​ກັນ​ກັບ​ຜູ້​ຊາຍ ​ຂອງ​ຜູ້​ສະໝັກ​ທີ່​ເປັນ​ແມ່ຍິງ​ນັ້ນ.

ພວກ​ແມ່ຍິງ​ແມ່ນປະກອບ​ເປັນ 16 ​ເປີ​ເຊັນ​ຂອງ​ຜູ້​ຖືກ​ຄັດເລືອກ​ລົງ​ສະໝັກ​ ສສ ຂອງ​ພັກ​ເພື່ອ​ໄທ ​ໃນ​ຂະນະ​ທີ່​ພັກ​ປະຊາທິປັດ​ມີ​ພວກ​ແມ່ຍິງ​ພຽງ 11 ​ເປີ​ເຊັນ ສ່ວນ​ຫລາຍ​ແມ່ນ​ຢູ່​ທ້າຍ​ບັນຊີ.

ທີ່​ກອງ​ປະຊຸມ​ກ່ອນ​ການ​ເລືອກ​ຕັ້ງ​ ສໍາລັບ​ພວກ​ແມ່ຍິງ​ທີ່​ຖືກ​ຄັດ​ເລືອກ​ລົງ ​ສະ​ໝັກ​ອັນ​ດັບ​ສູງ​ສຸດ ມີ​ແມ່ຍິງ​ພຽງ​ບໍ່​ເທົ່າ​ໃດ​ຄົນທີ່​​ໄປ​ຮ່ວມ ​ແລະ​ກໍ​ບໍ່ມີຜູ້​ໃດສົນ​​ໃຈ​ຢາກຈະ​ຍົກ​ເອົາ​ບັນຫາ​ເລຶ່ອງການ​ຂາດ​ແຄນ​ການ​ສະໜັບສະ​ໜຸນ​​ພວກ​ແມ່ຍິງ​ໃນ​ວົງ​ການ​ການ​ເມືອງ​ ຂຶ້ນມາ​ປຶກສາ​ຫາ​ລື​ກັນ​.

ນາງ ສຸທາ​ດາ ກ່າວ​ວ່າ ມີ​ແມ່​ຍິງ​ໃນ​ຈໍານວນຫລາຍ​ເກີນ​ໄປ ທີ່​ຮຽນ​ຮູ້​ການ​ໃຊ້ວາທະ​ສິນ ຫລື ສິນລະປະ​ໃນ​ການ​ປາກ​ເວົ້າດ້ານ​ການ​ເມືອງ ​ພຽງເພື່ອ​ໃຫ້ ຖືກ​ເລືອກ​ຕັ້ງ​ເທົ່າ​ນັ້ນ ​ແລະ​ກໍ​ມີ​ຄວາມ​​ສົນໃຈໜ້ອຍ​ຫລາຍ​ ທີ່​ຈະ​ຜັກ​ດັນ​ພັກ​ການ​ເມືອງຕ່າງໆ ​ໃຫ້​​​ຈັດໃຫ້ມີ​ແມ່ຍິງ​​ເຂົ້າສະມັກ ຮັບ​ເລືອກ​ຕັ້ງ​ຫລາຍ​ຂຶ້ນ. ນາງ ສຸທາ​ດາ ເວົ້າ​ວ່າ:

“ຂ້າພະ​ເຈົ້າຄິດ​ວ່າ​ມັນ​ເປັນວັດທະນະ​ທໍາຫລາຍ​ກວ່າ ​​ເວົ້າໂດຍ​ທາງ​ກົດໝາຍ​ແລ້ວພວກ​ເຮົາ​ຕ້ອງ​ປະຕິບັດ​ຕາມ ​ແຕ່​ໂດຍ​ທໍາ​ມະ​ຊາດ​ຫລື​ຕາມ​ປະເພ​ນີ​ແລ້ວ​ ​ເຮົາແມ່ນບໍ່​ເອົາ​ຫົວຊາ ຄື​ເມີນ​ເສີຍຢ່າງ​ອັດຕະ​ໂນ​ມັດ​ໄປ​ເລີ​ຍ.”

ນາງ​ສຸທາ​ດາ​ກ່າວ​ວ່າ ມັນ​ຈະ​ໄວ​ເກີນ​ໄປ​ທີ່​ຈະ​ບອກ​ໄດ້​ວ່າ ການ​​ໂຜ່​ໂຕ​ຂຶ້ນມາ​ສູ່​ອໍານາດຂອງ​ທ່ານ​ນາງ​ຢິ່ງລັກ​ຄັ້ງ​ນີ້ ຈະມີ​ຄວາມ​ໝາຍ​​ແນວ​ໃດ​ກ່ຽວ​ກັບ​ບົດບາດ​ຂອງ​ພວກ​ແມ່ຍິງ​ໃນວົງ​ການ​ເມືອງ​ຂອງ​​ໄທ ຫລື​ຄວາມ​ພະຍາຍາມ​ຫາ​ທາງສ້າງ​ຄວາມ​ປອງ​ດອງພື່ອ​ແກ້​ໄຂ​ບັນຫາ​ການ​ແຕກ​ແຍກ​ທາງ​ການ​ເມືອງ​ອັນ​ຂື່​ນຂົມຂອງ​ໄທ​ນັ້ນ.

ເວລາ​ນີ້​ ພັກ​ເພື່ອ​ໄທກໍາລັງຄິດ​ໄກ່​ກອງທີ່​ຈະ​​ໃຫ້​ນີລະ​ໂທດ​ກໍາ​ແກ່​ພວກນັກ​ເຄຶ່ອນ​ໄຫວ​ດ້ານ​ການ​ເມືອງ ​ແລະ​ພວກ​ນັກ​ການ​ເມືອງ​ທີ່​ຖືກ​ສັ່ງ​ຫ້າມ​ບໍ່ໃຫ້​ຫລິ້ນ​ການ​ເມືອງນັ້ນ​. ນອກ​ນີ້​ແລ້ວ​ ທ່ານ​ນາງ​ຢິ່ງລັກ ກໍ​ກໍາລັງ​ພິ​ຈາລະນາ​ອະ​ໄພ​ໂທດ​ໃຫ້​ແກ່​ອ້າຍ​ຂອງ​ທ່ານ​ນາງ ຄື​ທ່ານ​ທັກສິນ ຊິນນະ​ວັດ​ ທີ່ລີ້​ໄພ ຢູ່​ຕ່າງປະ​ເທດ​ມາ​ຕັ້ງ​ແຕ່​ປີ 2008 ​ເພື່ອ​ຫລີກ​ໂທດ​ຈໍາ​ຄຸກ​ໃນ​ຂໍ້​ຫາ​ສໍ້ລາດ​ບັງ​ຫລວງ​.

ການ​ກັບ​ຄືນ​ມາ​ປະ​ເທດ​ໄທ​ຂອງ​ທ່ານ​ທັກສິນ ອາດ​ຈະ​ກໍ່​ໃຫ້ເກີດຄວາມ​ບໍ່​ສະຫງົບ​ໃນ​ໄທ​ຂຶ້ນອີກ​ຮອບ​ນຶ່ງ​ໄດ້ ​ແຕ່​ທ່ານ​ນາງ​ຢິ່ງລັກ​ກ່າວວ່າ ການ​ກັບ​ຄືນ​ມາ​ຂອງ​ທ່ານ​ທັກສິນ ​ບໍ່​​ແມ່ນ​​ບູລິ​ມະ​ສິດ​ ​​ໃນ​ເວລາ​ນີ້.

“ຂ້າພະ​ເຈົ້າຢາກ​ຈະ​ເວົ້າວ່າ ການ​ໃຫ້​ນີລະ​ໂທດ​ກໍາ​ນັ້ນ ມັນ​ເປັນ​ພຽງ​ເທັກນິກ ​ເທ​ກນິກອັນ​ນຶ່ງ ໃນການ​ສ້າງ​ຄວາມ​ປອງ​ດອງ ​ແຕ່ພວກ​ເຮົາ​ບໍ່​ໄດ້​ແນ​ເປົ້າໝາຍ​ໃສ່​ການ​ໃຫ້​ນີລະ​ໂທດ​ກໍາ​ເທື່ອ​ໃນ​ເວລາ​ນີ້. ພວກ​ເຮົາ​ແນ​ເປົ້າໝາຍ​ໃສ່​ວ່າ​ພວກ​ເຮົາ​ຈະ​ນໍາພາ​ປະ​ເທດ​ຊາດ​ເຄຶ່ອນ​ໄຫວ​ໄປ​ໜ້າ​ໄດ້​ແນວ​ໃດ ພວກ​ເຮົາຈະ​ເຮັດ​ວິທີ​ໃດ​ເພື່ອ​ຊ່ວຍ​ໃຫ້​ໄທ​ເປັນ​ນໍ້າ​ນຶ່ງ​ໃຈ​ດຽວ​ກັນ​ໄດ້.”

ໃນ​ຂະນະ​ທີ່​ທ່ານ​ນາງ​ຢິ່ງລັກ ກຽມ​ທີ່​ຈະ​ເຂົ້າດໍາລົງ​ຕໍາ​​ແໜ່​ງນາຍົກລັດຖະມົນຕີ​ຄົນ​ຕໍ່​ໄປ​ຂອງ​ໄທ​ໃນ​ອີກບໍ່​ເທົ່າ​ໃດ​ອາທິດ​ຕໍ່ໜ້າ​ນີ້ ປະຊາຊົນ​ໄທ​ທັງ​ໝົດ​ກໍກໍາລັງ​ລໍຖ້າ​ເບິ່ງ​ວ່າ ຄວາມ​ຊໍາ ນານ​ດ້ານການ​ເມືອງ​ທີ່​ຍັງ​ບໍ່​ໄດ້​ຖືກ​ທົດ​ສອບ​ຂອງ​ທ່ານ​ນາງ​ນັ້ນ ຈະສາມາດ​ເອົາ​ຊະນະ​ການ​ແຕກ​ແຍກ​ອັນ​ເລິກ​ເຊິ່ງຂອງ​ໄທ​ໄດ້​ຫລື​ບໍ່ ຫລື​ ທ່ານ​ນາງ​ຈະສາມາດຫັນ​ປ່ຽນ​ທັດສະນະ​ຄະ ຕິທາງ​ການ​ເມືອງ​ ​ໃນ​ລະຫວ່າງ​ພວກ​ຜູ້​ຊາຍ​ແລະ​ແມ່ຍິງນັ້ນ​ໄດ້ ຫລື​ບໍ່?


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Subject: Re: To hear your voice and options.

ກຣາບ ຣຽນ ທຸກໆທ່ານຫົວຫນ້າ....

ກ່່ຽວກັບບັນຫາ ການທີ່ຢາກຕໍ່ສູ້ ຕ້ານລະບອບຜເດັດກາຣ ພັຄດຽວ ຄອມມູນິສໃນ ປະເທດລາວໃນປະຈຸບັນ
ຂພຈ ໄດ້ ສເນີ ຫລາຽຄັ້ງຄາວແລ້ວ ເພື່ອໃຫ້ພິຈາຣນາ ມີຢູ່ ສາມ ເນື້ອໃນ ແລະໃນ ສາມເນື້ອໃນ ດັ່ງກ່ວນີ້ ກໍ່
ຍັງເຫັນມີ ແຕ່ ທ່ານ ບຸນລຽນ ຄົນດຽວ ທີ່ອອກຄວາມເຫັນ ວ່າເຫັນດີ ຄວນພິຈາຣະນາ ດັ່ງນີ້ :
1 - ສ້າງຄວາມສາມະຄີ ລາວນອກທຸກ ທະວີບ ໃຫ້ເປັນກຸ່ມດຽວ
2 - ເມື່ອໄດ້ ຂໍ້ທີ 1 ນີ້ແລ້ວ ພຍາຍາມສ້າງ ນະໂຍບາຍຮ່ວມ ສາມຊາຕ ອິນໂດຈີນ ( ລາວ-ຫວຽດ-ຂແມ)
ເຮັດ ຄື ຕອນທີ່ ພວກ ຄມນ ຕີເຂົ້າຢຶດ ສາມປະເທດ ໃນປີ 1975: ເລື້ອງຮ່ວມກັນທີ່ກ່າວມານີ້ ໃຫ້
ເອົາຈິງເອົາຈັງ ໃຫ້ມີ ສູນກາງ ປະຕິບັດການຮ່ວມກັນ ຢ່າງເປັນຮູປປະທັມ...ບ່ແມ່ນແບບຮູ້ກັນລ້າໆ..
3 - ທວງ ສິທທິມະນຸຊຍະຊົນ ກອ່ນອື່ນຫມົດ ເມື່ອໄດ້ ອັນນີ້ແລ້ວ ເລື້ອງອື່ນ ຈະ ຕິດຕາມມາເອງ....

ຈຶ່ງ ຂໍ ຮຽນ ທ່ານ ທຸກໆຄົນ ໂປຣດໄດ້ເປົ່າມົນຕຣາ ທີ່ໄດ້ຣຽນມາຈາກ ທ່ານ ດຣ ສສ ວຈ ສ໌...ຟ້ຽງ...ຟ້ຽງ...
ບາງທີ ທ່ານ ຄົນລາວ ຜູ້ ຮັກຊາຕທັງຫລາຍ ອາຕ ຕື່ນຈາກຝັນ ..ກໍ່ອາດເປັນໄດ້....ຟ້ຽງ.....

ດ້ວຽຄວາມນັບຖື ຮັກແພງ



ຮຽນ ບັນດາທ່ານພີ່ນ້ອງລາວທີ່ສົນໃຈໃນບັນຫາ ພາຍໃນປະເທດລາວ ທີ່ເຄົາຣົບ,
ຂພຈ ໄດ້ນໍາເອົາຂ່າວສອງກະແສນີ້ມາໃຫ້ທ່ານໄດ້ອ່ານພ້ອມກັນ ເພື່ອຢາກໃຫ້ທ່ານເຂົ້າໃຈ ແລະປຽບທຽບສອງກະແສ ໃສ່ກັນແລ້ວ, ທ່ານຈະມີຄວາມເຫັນແນວໃດ?
ເປົ້າຫມາຍຂອງ ຂພຈ ກໍແມ່ນເຮົາຄວນຈະສົນໃຈເອົາບັນຫານີ້ມາ ເປັນປະເດັນໃນການທັກທວງແນວໃດແນວນຶ່ງ ຊ່ວຍ ປຊຊ ລາວຜູ້ຖືກເຄາະກັມນີ້ບໍ່? ມີການຈັດຕັ້ງໃດ ຮວມທັງ ຣຖບ ພັດຖິ່ນລາວ ທີ່ຈະເປັນຫລັກໃຫ້.
ຖ້າບໍ່ມີໃຜ ສ່ວນຕົວທ່ານຄິດແນວໃດ ກຣນ. ອອກຄວາມເຫັນດ້ວຍ
ຂອບໃຈຫລາຍໆ,


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຜຂ ກໍຂໍກຣາບ ຄືກັນ, ທ່ານ ຈອນ

ທຸກຄາຖາ ເວດມົນ ໄດ້ນໍາອອກມາໄຊ້ແລ້ວ,
ລໍຟັງໄປວ່າຈະມີຜົນແນວໃດ? ແຕ່ ຜຂ ເຂົ້າໃຈວ່າ ເວດມົນທຸກຢ່າງ
ລວມທັ້ງກົນລະຍຸທມັນຕ້ອງມີສາວົກທີ່ເຊື່ອຖື ແລະໃຫ້ການສນັບສນູນມັນຈຶ່ງສັກສິດ, ຖ້າບໍ່ດັ່ງນັ້ນ ຈະເສກແນວໃດກໍບໍ່ຂຶ້ນ, ຂໍມອບໃຫ້ ອາຈານ ຄໍາໄໝ່ ຜູ້ມີຄາຖາມະຫານິຍົມ ເສກເລື້ອຍໆອາດໄດ້ຜົນ.

ແຜນການທີ່ທ່ານວ່າມານີ້ 1-2-3 ພວກເຮົາໄດ້ແລ້ວຄວາມສາມັກຄີລາວນອກ, ຕາມສັງເກດເຫັນນີ້ແມ່ນພວກ
ລາວນອກພ້ອມທີ່ຈະຂື້ນເວທີ ຜູ້ເຊັຍກໍມີຫລາຍແລ້ວ ບໍ່ຕ້ອງເປັນຮ່ວງ, ເຮົາຂາດເວທີ ບໍ່ມີເວທີຈະຂຶ້ນຊົກ
ບໍ່ມີ promoter ບໍ່ມີງານ ກໍຄືບໍ່ມີສນາມ ລໍຖ້າ ປຊຊລາວ ຈັດໃຫ້ກໍລໍແລ້ວລໍອີກ. ລາວນອກບໍ່ມີອໍານາດ ຊວນ
ຄູ່ຕໍ່ສູ້ຂຶ້ນເວທີ ພວກເຮົາເປັນນັກມວຍບໍ່ມີຄ້າຍ ບໍມີສຖາບັນ, ສນັ້ນເຮົາຈຶງພາກັນ ລໍແລະຊອກຫາສຖາບັນ.
ເວລານີ້ພວກເຮົາເຕັ້ນຂື້ນເວທີເປົ່າ, ບໍ່ມີຄູ່ຕໍ່ສູ້, ບໍ່ມີກັມະການ, ບໍ່ມີງານ ແລະເປັນນັກມວຍບໍ່ມີ Coach
ແຕ່ບໍ່ມີບັນຫາ ຖ້າພວກເຮົາເປັນນັກຊົກທີ່ມີຝີມື ແລະມີນໍ້າໃຈນັກສູ້ Coach ຄົງເຫັນຄວາມສໍາຄັນແລະ
ຢາກອູ້ມຊູ ເວລາຂື້ນເວທີແລ້ວ.
ຫລືທ່ານຄິດວ່າແນວໃດ? ອົມ..ມະນະຊິວະ..ຕ້ອງຊະນະຄອມມິວນິສ.. ຟ້ຽງ !..ຟ້ຽງ ! ຟ້ຽງ !

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


http://www.businessspectator.com.au/bs.nsf/Article/Rains-hit-PanAust-Laos-mine-worker-killed-JGAVS?opendocument&src=rss

www.radiochampamuonglao.free.fr



NEWS - Resources and Energy
Comment
Rains hit PanAust Laos mine

Published 7:23 PM, 5 Jul 2011 Last update 7:23 PM, 5 Jul 2011

QUICK SUMMARY | FULL STORY | RESOURCES & ENERGY

AAP

A contractor working for miner PanAust Ltd in Laos was likely killed in a rain-triggered landslide, the company said.

PanAust on Tuesday said an excavator operator who was working on road clearance activities off-site from the company's Phu Kham mine had been swept away in a landslide.

The company said more than one metre of rain had fallen on the mine in the past month - more than double the average.

It said normal weather had returned and that four days of concentrate production had been lost at the mine as a result of suspended operations.

Scheduled shipments of copper and gold should be unaffected, PanAust said.

PanAust shares finished seven cents weaker at $3.90.

ASX Stock Chart for PNA

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

บันทึกว่าด้วยโทรเลขวิกิลีกส์ (1): พลเอกสนธิ บอกทูตสหรัฐ การเข้าเฝ้าในหลวง ในคืนรัฐประหาร 19 กันยา
von สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, 27. 12. 2010
บันทึก ว่าด้วยโทรเลขวิกิลีกส์ (1): พลเอกสนธิ บอกทูตสหรัฐ “ในหลวงทรงผ่อนคลายและมีความสุข ทรงยิ้มตลอดเวลาการเข้าเฝ้า” ในคืนรัฐประหาร และการประเมินผลสะเทือนการเข้าเฝ้าของทูตสหรัฐ



สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์





คำชี้แจง: โทรเลขที่ทูตสหรัฐประจำไทยส่งรายงานยังวอชิงตัน ฉบับลงวันที่ 20 กันยายน 2549, 1 ตุลาคม 2551, 6 พฤศจิกายน 2551 และ 25 มกราคม 2553 ที่วิกิลีกส์นำออกเผยแพร่ ผ่านทาง นสพ.เดอะการ์เดี้ยน ของอังกฤษ มีเนื้อหาที่สำคัญและน่าสนใจอย่างยิ่งเกียวกับการเมืองไทยหลังรัฐประหาร 19 กันยา โดยเฉพาะในประเด็นสถาบันกษัตริย์ อย่างไรก็ตาม เชนเดียวกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทุกประเภท โทรเลขดังกล่าวยังต้องผ่านการวิเคราะห์ตีความและนำเข้าสู่การเรียบเรียงเป็น การนำเสนอในรูปงานเขียนหรือการพูดอภิปรายจึงจะมีความหมายสมบูรณ์โดยแท้จริง แต่ภายใต้กฎหมายที่เกียวกับสถาบันกษัตริย์ของไทย (รัฐธรรมนูญ มาตรา 8, ประมวลอาญา มาตรา 112) การจะกระทำดังกล่าวมีข้อจำกัดอย่างรุนแรง กระนั้นก็ตาม ผมเห็นว่าโทรเลขเหล่านี้ มีความสำคัญเกินกว่าที่จะปล่อยให้ตกอยู่ภายใต้ความเงียบเกือบจะโดยสิ้นเชิง อย่างที่เป็นอยู่ในสื่อสาธารณะที่เปิดเผยในขณะนี้ ในบันทึกสั้นๆข้างล่างนี้และในบันทึกฉบับอื่นที่หวังว่าจะตามมาในอนาคตอัน ใกล้ ผมจะได้พยายามนำเสนอข้อความหรือเนื้อหาในโทรเลขวิกิลีกส์ทั้ง 4 ฉบับเท่าที่จะทำได้ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายที่เป็นอยู่ เริ่มต้นด้วยโทรเลขฉบับแรกที่กล่าวถึงการเข้าเฝ้าในคืนวันรัฐประหาร







ใน โทรเลขฉบับลงวันที่ 20 กันยายน 2549 ทูตสหรัฐได้รายงานการพบปะพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 กันยา เมื่อบ่ายวันที่ 20 กันยายน 2549 การสนทนาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ตามที่ทูตสหรัฐบันทึกไว้ มีเพียงสั้นๆ 5-6 บรรทัด ดังนี้







ผม ได้เริ่มต้นด้วยการถามสนธิเกี่ยวกับการเข้าเฝ้าในหลวงเมื่อคืนนี้ มีใครเข้าเฝ้าบ้าง? สนธิกล่าวว่าประธานองคมนตรีเปรม ติณสูลานนท์ได้นำเขา, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรืองโรจน์ และผู้บัญชาการทหารเรือ สถิรพันธุ์ เข้าเฝ้า. สนธิเน้นว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูกเรียกเข้าไปในวัง; เขาไม่ได้เป็นฝ่ายพยายามขอเข้าเฝ้า. เขากล่าวว่าในหลวงทรงผ่อนคลายและมีความสุข ทรงยิ้มตลอดเวลาการเข้าเฝ้า เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม.



ถ้าพระอากัป กริยาของในหลวงเป็นไปตามที่สนธิบอกทูตสหรัฐจริง เราสามารถ “อ่าน” (ตีความ) อะไรได้หรือไม่? ดูเหมือน เดอะการ์เดี้ยน คิดว่าได้ ถ้าดูจากการพาดหัวและสรุปเนื้อหาโทรเลขที่ นสพ.จัดให้ (ผมได้ลบพาดหัวและสรุปเนื้อหาดังกล่าวออกจากภาพประกอบข้างบน) ทูตสหรัฐเองได้ประเมินความสำคัญของการเข้าเฝ้าค่อนข้างสูง ใน “ความเห็น” ตอนท้ายของโทรเลข เขากล่าวว่า







สนธิ มีท่าทีผ่อนคลายและสงบ เห็นได้ชัดว่าการเข้าเฝ้าเป็นจุดหักเลี้ยวเมื่อคืนนี้ (โทรเลขอีกฉบับหนึ่ง [Septel = separate telegram] รายงานเรื่องท่าทีไม่ยอมแพ้จะสู้ต่อของทักษิณสูญสลายไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเขา ได้รู้ข่าวการเข้าเฝ้า)



ขณะนี้เรายังไม่มี “โทรเลขอีกฉบับหนึ่ง” ของสถานทูตสหรัฐที่เล่าเรื่องการเปลี่ยนท่าทีของทักษิณหลังทราบข่าวการเข้า เฝ้า จึงไม่อาจทราบว่าทางสถานทูตสหรัฐมีข้อมูลอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนี้หรือไม่ หรือเพียงแต่ใช้การสังเกตแล้วตีความเอา อย่างไรก็ตาม ใครที่ติดตามการเมืองในช่วงหลังรัฐประหารโดยใกล้ชิดอาจจะพอจำได้ว่า เคยมีการหยิบยกมาอภิปรายในที่สาธารณะเรื่องการเปลี่ยนท่าทีของทักษิณ จาก “ทำท่าจะสู้-ตอบโต้” มาเป็น “ยอมรับ” สิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีประเด็นเชื่อมโยงกับสถาบันกษัตริย์ด้วย เพียงแต่ไมใช่เรื่องการได้เข้าเฝ้าของคณะรัฐประหาร แบบเดียวกับความเห็นของทูตสหรัฐ



กล่าวคือ ในปี 2550 นักการเมืองและนักเขียนในค่ายทักษิณบางคนได้อ้างว่า เดิมทักษิณซึ่งอยู่ที่นิวยอร์คขณะเกิดรัฐประหาร มีความคิดจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นและประกาศสู้การรัฐประหาร แต่ล้มเลิกความคิด หลังจากสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งอยู่ที่นิวยอร์คด้วย โทรศัพท์มากรุงเทพ แล้วอ้างข้อมูลบางอย่างจากแวดวงราชสำนัก (สุรเกียรติ เป็นหลานเขยของพระราชินี) มาแจ้งกับทักษิณ ตามคำของ “ประดาบ” นักเขียนค่ายทักษิณในขณะนั้นคือ “สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นคนที่แนะนำให้นายกฯทักษิณ ยอมจำนนต่อการรัฐประหาร โดยอ้างว่าได้รับข้อมูลจาก ‘ฟ้าเบื้องบน’ . . .” สุรเกียรติ์เองไม่เคยชี้แจงเรื่องนี้ แต่ได้ตอบโต้ด้วยการกล่าวหาเป็นนัยว่า “บางคนในพรรคไทยรักไทย” พูดให้เขา “ได้ยินกับหูตัวเอง” ในลักษณะที่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ของเขาที่ “ทำงานเพื่อชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์” ในขณะที่สุรเกียรติ์พูดเป็นนัย สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ระบุออกมาตรงๆ โดยอ้างว่าสุรเกียรติ์เป็นคนบอกเขาเอง ว่าในระหว่างที่อยู่นิวยอร์คช่วงรัฐประหาร ทักษิณได้ “พูดจาจาบจ้วงดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัว” ต่อหน้าสุรเกียรติ์ (ดูตัวบททอดเทปการพูดของสนธิ ที่ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000100015 ข้อความดังกล่าวอยู่ในย่อหน้าที่ 6 ของหัวข้อ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2”) ทักษิณจึงฟ้องสนธิหมิ่นประมาท และศาลเพิ่งพิพากษาให้สนธิผิดเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา



ทักษิณ เองไม่เคยพูดถึงไอเดียเรื่องการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเมื่อเกิดรัฐประหารหรือ เรื่องผลกระทบของการเข้าเฝ้าของคณะรัฐประหาร แต่ในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร Time ของสหรัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 (ที่นี่ http://www.time.com/time/printout/0,8816,1584101,00.html ) เมื่อถูกถามว่าถ้ารัฐบาลของเขาเป็นที่นิยมของประชาชนมาก ทำไมแทบไม่มีประชาชนออกมาโวยวายประท้วงเมื่อเกิดรัฐประหารขึ้น ซึ่งทักษิณตอบว่า “มันก็เหมือนกับการรัฐประหาร 17 ครั้งก่อนหน้านี้ในประเทศไทย แรกทีเดียว ประชาชนจะช้อค แล้วพวกเขาก็เริ่มแสดงความไม่เห็นด้วย และแล้วพวกเขาก็เริ่มจะยอมรับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐประหารนั้นได้รับการรับรองจากพระเจ้าอยู่หัว” (It was the same with Thailand’s 17 other coups. First, the people are shocked. Then they start to voice their concerns. And then they start to accpet it, especially after it’s endorsed by His Majesty the King.) ผมคิดว่า เราคงยังไม่ถึงกับสามารถใช้คำสัมภาษณ์นี้เป็นหลักฐานยืนยันโดยตรง ต่อรายงานของทูตสหรัฐที่ว่าทักษิณเปลี่ยนท่าทีต่อการรัฐประหาร 19 กันยา หลังการได้เข้าเฝ้าของคณะรัฐประหาร แม้ว่าการที่ทักษิณให้ความสำคัญกับประเด็น “ได้รับการรับรองจากพระพระเจ้าอยู่หัว” และยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเหตุผลอธิบายปฏิกิริยาต่อรัฐประหารของประชาชนทั่ว ไป นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง





โปรดติดตามตอนต่อไป “บันทึกว่าด้วยโทรเลขวิกิลีกส์ (2) : กรณี พระราชินี กับ พันธมิตร”



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ໂຣກຂອງຈ່າ ຄຶ ເອດສ ນັ້ນເອງ


https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%94-sanction-witch-doctors/%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99-3-li-kay-story-episode-3/187715127948817


ข้าพเจ้านั้นเห็นคนถามกันเยอะ ว่าทำไมข้าพเจ้าถึงเรียก เอดส์ ว่า เอดส์? เอดส์
เป็นเอดส์จริงหรือเปล่า? ตามข้อมูลวิกิลีกส์ ก็ไม่ได้ฟันธงว่าจริงนะ แต่ว่านาย
Eric John
ทูตของอเมริกาก็บอกว่าจะต้องเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่มีทางรักษาหายแน่นอน
และต้องเป็นโรคที่ต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้อยู่ 2 โรค คือ
เอดส์ หรือไม่ก็ Hepatitis C


อีกสาเหตุหนึ่งที่ทูตอเมริกามั่นใจว่า เอดส์ ต้องเป็นโรคพวกนี้
เพราะว่าวิลล่าที่มิวนิก เยอรมนี ที่เอดส์ไปซื้อไว้ เพื่ออยู่กับ นุ้ย และ FF
หมาตัวโปรด นั้น เป็น Medicinal Spa
นั่นก็หมายความว่าเป็นวิลล่าสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งวิลล่านี้
เป็นวิลล่าสปา ที่มีนางพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าราคาย่อมต้องแพงมาก
ซึ่งตามข้อมูลนั้นวิลล่าเพียงหลังเดียว ราคาสูงถึง 9 ล้านยูโรเลยทีเดียว
ทูตอเมริกาเลยมั่นใจว่าต้องเป็นโรคเรื้อรัง
ที่ต้องมีนางพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดแน่นอน เพราะว่าเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่า
เอดส์น่ะ เงินไม่ค่อยพอใช้ เพราะว่านายลวงโลก สั่งตัดงบ ไม่ให้ใช้เงินมาก
แล้วถ้าเงินไม่พอใช้อยู่แล้ว เรื่องอะไรจะต้องเอาเงินตั้ง 9 ล้านยูโร
ไปซื้อกะอีแค่บ้านหลังเดียว จะซื้อบ้านนั้นเพื่อหวังจะเคลมนางพยาบาลฝรั่งเหรอ?
ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ นางพยาบาลเมืองฝรั่งนั้น
เอดส์จะไปลากมาเคลมตามใจชอบไม่ได้แน่ ขืนทำป่านนี้มีเรื่องมีราว
เป็นข่าวดังเล็ดรอดเข้ามาที่ตอแหลแลนด์ ลือกันไปทั่วแล้ว
ถึงแม้สื่อในประเทศนี้จะไม่กล้ารายงานก็เหอะ



แถมข้าพเจ้าว่าส่วนใหญ่ นางพยาบาลในวิลล่านั้น คงจะหาสวยๆ เอ๊าะๆ ยาก
น่าจะมีแต่อีแก่เหนียงยานรุ่นผ่านสงครามโลกแล้วเป็นส่วนใหญ่
ให้เอาถุงก๊อบแก๊บคลุมหัวก่อนจะทำสลีปปิ้งบิวตี้ ยังขอคิดดูก่อนเลย ฉนั้น
ถ้าใครจะมาแย้งว่า เอดส์ อาจจะไปซื้อวิลล่า เพราะว่าอยากเปิดฮาเร็มนางพยาบาล
อันนี้ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยแน่นอนตามเหตุผลที่กล่าวมา
ต้องมีโรคเรื้อรังร้ายแรงที่รักษาในตอแหลแลนด์ไม่ได้แน่นอน
เพราะถ้าให้หมอในตอแหลแลนด์ตรวจอาการเมื่อไหร่
วันเดียวข่าวก็แพร่ไปทั่วโรงบาลอยู่แล้วว่า เอดส์ เป็นโรคอะไร และวันรุ่งขึ้น
ข่าวก็ต้องแพร่ไปทั่วประเทศ เพราะถ้าเอดส์ ให้หมอที่ตอแหลแลนด์รักษาโรคร้าย
มีเหรอที่หมอ พยาบาล จะไม่เอาไปกระซิบต่อว่าเอดส์เป็นโรคอะไร
และแค่วันเดียวแหละ ฟันธง ว่าดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศแน่ๆ
และคงต้องมีการเปลี่ยนหมอและพยาบาลบ่อยๆ เพราะหมอกับพยาบาลชุดที่แพร่ข่าวซุบซิบ
ย่อมต้องโดนสั่งให้โดนแปรสภาพเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ยกชุดอยู่เนืองๆ ฉนั้น เอดส์
จะต้องเป็นโรคเรื้อรังร้ายแรง และที่ต้องรักษาที่เมืองนอก
เพราะไม่ต้องการให้หมอตอแหลแลนด์ได้รู้ ว่าเป็นโรคอะไร



ฉนั้น เมื่อเรารู้แน่แล้วว่า เอดส์ ต้องเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องถ่ายเลือดประจำ 1
ใน 2 โรคนี้ แล้วเอดส์เป็นโรคไหนกันแน่? สำหรับข้าพเจ้า ฟันธงว่าเอดส์ใสๆ
เพราะว่าโรค Hepatitis C นั้น เป็นโรคที่ติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
ใช้แปรงสีฟันร่วมกัน ใช้มีดโกนร่วมกัน คำถามคือ หน้าอย่างเอดส์น่ะเหรอ
จะไปแชร์แปรงสีฟัน หรือแชร์มีดโกนกับใคร
หรือว่าหมอที่ไหนจะกล้าเอาเข็มฉีดยาที่ฉีดคนอื่นแล้ว ไปฉีดเอดส์?
เป็นไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าเรื่องไปเย๊สไม่เลือก แล้วติดเอดส์น่ะ
ความเป็นไปได้สูงกว่าเยอะ เพราะเอดส์นั้น ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า บ้าฮีขนาดหนัก
ขนาดที่ว่าถ้าอยากจะเย๊สใครในตอแหลแลนด์ กระซิบหูลูกสมุนทีเดียว
ลูกสมุนก็จะไปฉุดกระชากลากถูผู้หญิงคนนั้นมาให้เอดส์ฟันจนถึงเขียง ในทันที ขนาด
ปุ๊ย ปอนติ๊บ หลังจากได้เป็นนางงามจักรวาล กลับมาตอแหลแลนด์
เจอเอดส์สั่งเข้าไปถวายงานถึงแท่นปัจถรณ์ สมุนออกมาไล่ล่าไปขึ้นเขียง ปุ๊ย
ยังต้องรีบหนีออกนอกตอแหลแลนด์บินกลับอเมริกาแทบไม่ทัน ฉนั้น
ข้าพเจ้าว่าระหว่าง Hepatitis C ที่ติดจากการแชร์มีดโกน กับ เอดส์
ที่ติดจากการที่เอดส์ ปี้ไม่เลือกหน้า ความเป็นไปได้ว่าจะเป็น Hepatitis C
มีไม่ถึง 0.01% สรุป พ่อก็เป็นง่อย ผสม พาร์กินสัน ลูกชายก็เป็นเอดส์
หลานชายก็ปัญญาอ่อน
อนาคตของคณะลิเกลวงโลกตอแหลนี้น่าจะฉิบหายในไม่ช้าอย่างแน่นอน
มารอดูความพินาศฉิบหายของคณะลิเกอัปรีย์จัญไรกันดีกว่าพวกเรา

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ນິຍາຍຕັວຈິງກ່ຽວກັບຣາຊວົງອັບປິ ຕອນ 190
ຕັວລະຄອນ ຈ່າ ແມ່ນເສິ້ຍໂອ
ປ້າລູງແມ່ນ ອິ່ອ້ວນປາກແດງ ແລະ ບັກບອດ
ຈະພຍາຍາມສົ່ງໃຫ້ອ່ານເປັນປະຈຳ


ตอนที่ 190 - 15 July 2011 - 06:07 PM
โดย Hi s Tales เมื่อ 15 กรกฎาคม 2011 เวลา 18:35 น.
วันนี้ ก่อนจะมารายงานถึง ความเป็นไปของโรงงาน ที่เห็นทีว่า ทีแรกนึกว่า ลุงกับป้าจะ คิดได้และยอมอ่อนข้อ แต่แล้วทุกอย่างดูเหมือน ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแล้วจริงๆ

วัลภา ตอนไปนี้ เธอจะเป็นกุญแจสำคัญ ในแผนการยึดโรงงานของปุ่ของเธอ

ตอน นี้วัลภาพักอาศัยอยู่ตามลำพังที่บ้านเดิมของจ่า แถว สุโขทัย โดยปกติแล้วเธอจะอยู่กินกับสามีคนที่ 2 (ดูข่าว 2 ทุ่ม ตัวเล็กที่เดินมาหลัง) หลังๆ ทั้งคู่มักจะมีปากเสียงกันบ่อยจากการทีวัลภาเป็นคนขี้ใจร้าย หงุดหงิดง่าย ตามประสาลูกคนรวย เธอจึงไล่สามีของเธอออกจากบ้าน

เธออาจจะเครียด เพราะไหนจะเรื่องของพ่อของเธอ ที่มักจะมาหาเรื่อง แม่ของเธอ (เมียอ้วน) เรื่องทรัพย์สินเงินๆ ทองๆ

ตอนนี้วัลภาเป็นมือเป็นไม้ และหนึ่งเป็นหัวหอกใหญ่ที่ลุงฝังหัว ให้เธอมาจัดการ แมวและพวก
ก่อนที่นี่ก่อนที่ เธอจะย้ายมาทำงานที่หนองบัว เมื่อก่อนเธอเคยทำงานอยู่ที่ ศาลพัทยา

ระหว่าง ที่เธอทำงานวัลภา มีปัญหา เรื่องการวางตัว คือ เป็นที่รู้กันดีว่า ผู้หญิงในตระกูลของบ้านนี้จะมีอะไร เหมือนๆ กันก็คือ เกือบทุกคน จะมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ลองไล่นับกันเอาเองว่ามีใครบ้าง

ระหว่าง ที่วัลภา ทำงานที่ ศาลจังหวัดพัทยา เธอมีปัญหาปากเสียงกับจ่าบ่อยครั้ง และวัลภา ชอบออกเที่ยวยามราตรี เรียกได้ว่า เที่ยวแทบทุกคืน ใครเคยไป Hard rock คาเฟ่ น่าจะได้เยเห็น การปิดถนน บ่อยมาก
ทุกคนที่ต้องคอยดูแลเป็นห่วงเธอเพราะวัลภา ชอบ เมาแล้วขับอยู่เป็นประจำ

เธอเคยมีคดี ขับรถชนกับ พวกภักดี (คนที่ขี่มอเตอร์ไซด์นำขบวน จะเรียกว่า ภักดี) บาดเจ็บ อยู่เป็นประจำ

ที่ สำคัญนอกจากที่ วัลภา จะเที่ยวจัด และมีปัญหาเรื่องเที่ยวเตร่คือ เพราะที่ พัทยา มีแหล่งจูงใจมากเกินไป สาเหตุหลักน่าจะเป็นเรื่อง ที่เธอไปมีปัญหาเรื่องชู้สาว กับ อัยการผู้ชายอีกคนมากกว่า จ่าเลยสั่งให้ ย้าย วัลภา ไปประจำอยู่ที่ หนองบัวลำภู (ไม่รู้ว่า อัยการหนุ่มคนนั้นจะ ลงเอยเหมือนกันกับหมอเก้ง หรือเปล่า)

ตอนนี้ วัลภา ได้ถูกลุงดึงเข้ามาเป็น ทีมงานที่ลุงจะได้ใช้งานเพื่อที่จะกำจัดแมว ต่อไปเธอจะเป็นคีย์ที่สำคัญ ที่ทำให้แมวสูญสิ้นทุกอย่าง

ตอนนี้ อาการของลุงที่ เห็นลุงออกหน้าจอบ่อยๆ เป็นผลมาจากฤทธิ์ของโรคพาร์กินสันที่ดีขึ้น จากการที่ลุง ฝัง ชิพ เพื่อรักษาพาร์กินสัน

แต่ ก็เป็นอย่างที่เราได้เคยบอก การรักษาด้วยการฝังชิพ ในสมองของลุง ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ลุงดีขึ้น แต่มันไม่ได้ลด หรือยืดระยะเวลาอัตราการตายจากพาร์กินสันออกไป อาจจจช่าวยได้ แต่คงไม่มากเท่าไร

ทีมหมอสมอง แพลนว่า ถ้าลุงยังไม่สามารถเดินได้ ลุงอาจที่จะจำเป็นต้องฝังชิพ ในสมองอีกตัว ที่เรียกว่า deep brain stimulation เพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์ และโรคสโตรกของลุง

ถ้าเผื่อว่า ลุงต้องทำ DBS จริงๆ หมอบอกว่า ลุง และคนใกล้ตัว คงห้ามให้โทรสัพท์มือถือ เพราะสัญญาณโทรศัพท์ อาจจะไปรบกวน ไมโครชิพ และ เครื่องกระตุ้นการเต้นหัวใจของลุง ทำให้ลุงอาจะมีปัญหาตามมาได้

ตอนนี้ลุงก็ยังคง สูบไปบ์เหมือนเดิม จนหมอ ประดิษฐ์ (ที่ใส่แว่น คอยเข็นลุง) ที่เป็นหมอหัวใจของลุงเริ่มจะ จนปัญญาแล้วที่จะรักษาโรคดื้อของลุง

ลุง เป็นห่วง และกังวลว่า แมวจะแย่งทุกอย่างจากลุงไป ดึกๆ มักจะเห็นลุงเรียก ดิสธร และ เมธ เฟอรารี่ มาเข้าหาอยู่เนืองๆ เพื่อฟังรายงานเรื่องราวของโรงงาน


ลุงเป็นคนที่แพ้ ไม่เป็น ที่ลุงมีอาการเช่นนี้ เคยมีคนวิเคาะห์ว่า น่าจะเป็นผลจากการอบรมเลี้ยงดูแลของลุงเมื่อตอนเด็กๆ จากแม่ และพ่อเลี้ยงชาวกรีซ ที่ทุบตีลุงอยู่เป็นประจำ ทำให้ ลุงเป็นคนที่เก็บกด ไม่มีชีวิตชีวา ลุงจะดูด้อยลงเป็นอย่างมากที่ลุง อยู่กับโป๊ย ตรงนี้ใครๆ ก็น่าจะรู้

ตอนนี้ลูกๆ ของลุง ไม่ค่อยเห็นมาเยี่ยมลุงเหมือนแต่ก่อน ไม่เห็นแม้แต่ภรรยาของลุง ตอนนี้ป้าปากแดง ถ้าไม่จำเป็นที่จะต้องออกงานใหญ่ (งานต้องใหญ่จริงๆ ) จึงจะมีโอกาสได้เห็นผัว-เมีย คู่นี้ ยอมออกงานเอาหน้าด้วยกัน


ป้า ที่หลังๆ ไม่ได้เห็นมาเยี่ยมลุงแล้ว ตอนนี้ป้าย้ายกลับไปอยู่ที่ บ้านสวนจิตร ที่ตำหนักกลางน้ำ ดึกๆ ป้ามักจะไปทำหน้า ทำสปา ที่ โรงแรมเซ็นทราแกรนด์ ที่ๆ เดียวกับที่ซูซี่ ชอบมาทำตอนดึกๆ (ใครอยู่แถวนั้น ราวๆ 5 ทุ่ม ลองสังเกตุได้เลย)

ป้าต้องการให้วันงานในเอน หน้าของป้า ป้าจะดูสวยอย่างไม่มีที่ติด ถึงตอนนี้ ป้า กำลังหลงไหล กับการเข้าคอร์ส Anti aging ป้าเริ่มทำสปา ขัดผิวอย่างจริงจัง คงเห็นว่า ซูซี่ทำแล้ว ดูดีขึ้น

พูดถึงถั่ว ทุกคนอาจจะ งงๆ กับถั่วที่ว่า ทำไม ตั้ง เกือบ 7 เดือนแล้วที่ถั่วกระดูกหัก แล้วถั่วไม่ยอมเดินเองซะที

เรื่อง นี้ เราเองพอจะรู้ ถั่ว เป็นโรค Bipolar ที่เราเคยบอกถ้าอาการกำเริบ วันดีคืนดีเธอมักจะ รถเข็ญหัวเสือจากัวรืมานั่ง ตอนนี้ถั่วกำลังรักษาโรค bipolar อีกส่วนหนึ่งถั่วเองน่าจะอยากให้ สามีคนใหม่คอยเอาใจด้วย


ตอน นี้ ป้าไม่ค่อยไปมาหาสู่ กับเจ๊กแล้วอยู่ แต่หลังๆ เราก็ไม่รู้มาว่าทั้งสองคบกันหรือเปล่า แต่ที่ทุกคนในสวนจิตร พูดเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งคู่น่าจะยังไม่เลิกกัน

เพราะ ไม่นานมานี้ ป้าได้สั่งให้ตกแต่งตำหนักใหม่ ริมน้ำ ให้ใหม่ ทุกคนคิดเหมือนกันหมดว่า ป้าน่าจะเอาไว้ให้ชายคนใดคนหนึ่งของป้า ซึ่งน่าจะเป็นเจ๊ก ที่เป็นได้มากที่สุด


ถึงแม้ว่าลุงกับป้า ไม่ถูกกัน แต่ทั้งสองก็มีศัตรูเป็นคนเดียวกัน ป้ามีแผนการไม่ให้ปูเป้ ได้รับรอง
ส่วนแกนนำ ทั้งหมดที่ถูกแขวน ก็เป็นผลพวงมาจากของ นาย ป

โดย 25 คน ที่ถูกแขวน น่าจะไม่มีพวกเหล่านี้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของป้า

เรื่องป้าทำการสั่งการสกัดแทบทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ปูเป้ มีอำนาจ เช่นสั่งการให้ นะจ๊ะ โด่ง (คนนี้เป็นลูกรักรายใหม่ของป้า)

ป้าสั่งให้จับตา รายงาน ความคืบหน้าของทุกคนที่ป้าไม่ไว้วางใจ ป้ารู้หมด ว่าใครเป็นใคร

แต่ที่น่ากังวล น่าจะเป็นแผนการของลุงมากกว่า เพราะป้าแก เล่นไม่เนียน ป้าเนียนสู้ลุงไม่ได้

ที่ตอนนี้ลุงไม่ได้จะใช้แค่ ชายใหญ่ แต่ลุงเล่นลามไปถึง อัยการ โดยใช้หลานสาว เป็นสะพานเชื่อมให้แล้ว

ต้อง ยอมรับว่า เรา และอีกหลายๆ คนที่อยู่กับลุง เริ่ม กังวลว่า งานนี้ลุง และป้า จะเอาจริง และเป็นไปได้มากว่างานนี้ลุงจะลงมาเล่นด้วยตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นลุง เป็นกังวล และดูขาดความมั่นใจ มากเท่าครั้งนี้มาก่อน

ตอนนี้ได้ข่าวว่าลุงไฟเขียวให้ จรูญ แอนด์ เดอะแกงค์ เตรียมรับมีด รอแล้ว ถ้าป้าปล่อยให้ปูเป้ และแกนนำ หลุดเข้ามา


ถ้าป้า และลุง ยังเล่นไม่เลิก แบบนี้เห็นทีว่า ปูเป้ และแกนนำทั้งหมด มีโอกาสแห้วสูงมาก ขึ้นอยู่กับว่า จะเร็วหรือช้า เท่านั้นเอง


(เรื่อง เครื่องบิน ที่ถูกจับในวันที 12 สามมื้ก่อร ผ่านมา ที่ ทางภาคไต้เยีระมันพร้อม Sunny Vector คา โบอิ้ง 737 ของจ่า ขณะที่จ่าไปรักษาโรคร้าย ที่เยอรมัน เครื่องลำนี้แหละ ที่จ่าซื้อมาใหม่นะ ตามที่เคยรายงานเอาไว้เมื่อ 2 ตอนที่แล้ว เครื่องนี้ ปกติประจำที่ กองบิน บ.น 6 และจะมีเครื่องATR ที่เป็นเครื่องใบพัดอีกหนึ่งลำ )


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dOakUxTURjMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdOeTB4TlE9PQ==


วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7533 ข่าวสดรายวัน


จาก "พระวิหาร" ถึง การอายัดโบอิ้ง 737 ของเส้ยโอความเงียบยึดครอง



ทั้งๆ เครื่องบินโบอิ้ง 737 สัญชาติไทยถูกเจ้าหน้าที่เยอร มนีอายัดขณะจอดอยู่ในท่าอากาศยานมิวนิก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม

แต่ "ข่าว" ที่ปรากฏในประเทศไทยกลับเงียบอย่างผิดปกติ

เรียกตามภาษาของ

คนลาวภาคอีสานก็ต้องว่า "มิดอิมซิมມິດອິມຊິມ"
คนลาวภาคอีสานก็ต้องว่า "มิดอิมซิมມິດອິມຊິມ"
คนลาวภาคอีสานก็ต้องว่า "มิดอิมซิมມິດອິມຊິມ"
คนลาวภาคอีสานก็ต้องว่า "มิดอิมซิมມິດອິມຊິມ"

แม้ว่าข่าวนี้จะปรากฏผ่านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก

แม้ว่า นายธานี ทองภักดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จะออกมายอมรับ

แม้ว่า นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะออกมายืนยันว่าได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว

แต่กลับกลายเป็นเหมือนกับ "เรื่องเล็ก" เป็นอย่างมาก

นั่นก็คือ ไม่ปรากฏรายละเอียดจากรัฐบาล ไม่ปรากฏรายละเอียดจากกระทรวงการต่างประเทศว่าเป็นอย่างไร

คนไทยตกอยู่ในความไม่รู้เหมือนๆ กับเรื่อง "มรดกโลก" อย่างนั้นหรือ

ใคร ก็ตามที่เข้าไปรับฟังการเสวนาหัวข้อเรื่อง "การถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก อนาคตปราสาทพระวิหาร" ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงมีความรู้สึกร่วม

เป็นความรู้สึก "ร่วม" ของการไม่พูด "ความจริง" ของรัฐ บาลไทย

ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาศาลโลกตั้งแต่เมื่อปี 2505 แล้วแต่รัฐบาลไทยก็ทำให้เชื่อว่า

เป็นแต่ตัวปราสาท พื้นดินใต้ปราสาทยังเป็นของไทย

ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2551 และมีการรับรองแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทตั้งแต่ปี 2552 แล้ว แต่รัฐบาลไทยก็ทำให้คนไทยเชื่อว่าการขึ้นทะเบียนยังไม่สมบูรณ์

เรื่องปราสาทพระวิหารเป็นเช่นนี้ เรื่องโบอิ้ง 737 ก็กำลังเป็นเช่นนี้

หาก ศึกษารายละเอียดจากข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก กลายเป็นว่า การอายัดและยึดเครื่องบินสัญชาติไทยครั้งนี้เพื่อกดดันให้ไทยชำระหนี้สิน จำนวน 42.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป็นหนี้สินที่ไทยติดค้างอยู่กับบริษัทวอเตอร์บาวน์แห่งเยอรมนี

เป็น หนี้สินซึ่งคณะกรรมการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ สหประชาชาติ สั่งให้รัฐบาลไทยจ่ายเงินให้วอเตอร์บาวน์ ฐานละเมิดกฎบัตรการลงทุนระหว่างเยอรมนีและไทยในการก่อสร้างโครงการยกระดับ วิภาวดีรังสิต หรือที่รู้จักกันในชื่อ "โทลล์เวย์"

เห็นไหมละว่าเรื่องนี้มิได้อยู่เพียงในขอบเขตระหว่างเยอรมนีกับไทย หากแต่ขึ้นไปถึงสหประชาชาติ

เป็นการขึ้นไปถึงสหประชาชาติโดยที่คนไทยเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสีย "ค่าโง่"

อาจเป็นเพราะว่าเรื่องเกิดขึ้นในห้วงแห่งการผลัดเปลี่ยนรัฐบาล จึงทำให้ไม่มีการชี้แจงอะไร

ใน เมื่อรัฐบาลเก่าของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่แถลงอะไร รัฐบาลใหม่ก็ยังติดกรอบของกกต.อยู่ และมีสถานะเสมอเป็นเพียง "ว่าที่" รัฐบาล มิใช่รัฐบาลโดยสมบูรณ์

คนไทยจึงต้องอยู่ในภาวะไม่รู้เรื่อง คนไทยจึงต้องอยู่ในภาวะไร้เดียงสาต่อไป กระนั้นฤๅ

หน้า 6


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7533 ข่าวสดรายวัน


"กษิต"แจงเหตุ-เยอรมันยึดโบอิ้งไทย

บินด่วน! ไปเจรจา ยันไม่ใช่ ทรัพย์ รบ.



"กษิต"บิน ด่วนเยอรมันเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย หลังส่งทีมกฎหมายประสานงานล่วงหน้า ขอเลิกอายัดทันที หวั่นน้ำผึ้งหยดเดียวทำความสัมพันธ์ร้าวฉาน เผยต้นตอมาจากคดีสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์ที่อนุญาโต ตุลาการสากลให้ไทยแพ้คดี ต้องชดใช้บริษัทสัญชาติเยอรมันกว่า 30 ล้านยูโร พร้อมเปิดช่องอายัดทรัพย์รัฐบาลไทยได้

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงถึงกรณีเครื่องโบอิ้ง 737 สัญชาติไทย ถูกทางการเยอรมนีอายัดที่ท่าอากาศยานเมืองมิวนิก ว่า เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งสัมปทานโทลล์เวย์ดอนเมือง เมื่อปี 2548 และได้ดำเนินการผ่านกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ จนกระทั่ง 1 ก.ค.2552 คณะอนุญาโต ตุลาการสากล ที่ศาลนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พิพากษาให้ประเทศไทยต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัทวอลเตอร์ บาว เป็นเงินราว 30 ล้านยูโร บวกดอกเบี้ยอีกราว 2 ล้านยูโรที่ล้มละลาย เนื่องจากรัฐบาลไทยในขณะนั้นผิดพันธสัญญา ซึ่งต่อมาทางการไทยได้อุทธรณ์ โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ในขณะที่กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าของคดี อย่างไรก็ตาม นายแวร์เนอร์ ชไนเดอร์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทดังกล่าว มีอำนาจบังคับคดี โดยสามารถอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลไทยได้ในทุกพื้นที่ของประเทศที่มีพันธะต่อ อนุสัญญานครนิวยอร์ก ซึ่งเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมาได้ฟ้องศาลเยอรมัน และมีคำสั่งอายัดเครื่องบินลำดังกล่าว

นายกษิตกล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย ไม่สามารถอายัดได้ จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของฝ่ายเจ้าทุกข์ที่ให้ข้อมูลกับศาล เยอรมัน โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งข้อมูลหลักฐานให้กับศาลเยอรมัน ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเบอร์ลินทันที รวมทั้งตนได้มีหนังสือไปถึง รมว.ต่างประเทศเยอรมนี ซึ่ง อยู่ระหว่างไปราชการที่สหรัฐอเมริกา ผ่านนายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทยที่เยอรมนี ยังได้ติดต่อกรมสนธิสัญญาทางกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ให้ประสานงานกับศาลยุติธรรมของเยอรมนีแล้ว

นายกษิตกล่าวอีกว่า และเมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ตามเวลาเยอรมนี คณะนักกฎหมายไทย ประกอบด้วย อัยการสูงสุด และรองอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางถึงนครมิวนิกแล้ว นอกจากนี้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตน โดยตนจะออกเดินทางไปประเทศเยอรมนีในเวลา 23.45 น. จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปพบกับรัฐบาลเยอรมัน เพื่อแสดงความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งถึงความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้น นี้ คาดว่าขณะนี้หลักฐานข้อมูลทั้งหมดคงจะอยู่ในมือของทางการเยอรมนีแล้ว เป้าหมายแรกของทางการไทยคือ ต้องการให้ศาลเยอรมันยกเลิกการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวในทันที โดยทางการไทยนั้นมีความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของเยอรมนี แต่ต้องศึกษาว่ากระบวนการฟ้องอายัดทรัพย์ของเยอรมนีเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียว ไม่ได้ให้โอกาสไทยได้ให้ข้อมูลและโต้แย้ง ซึ่งเมื่อศาลเยอรมันได้รับข้อมูลจากทางการไทยก็คงต้องให้เวลาพิจารณา

เมื่อ ถามว่า จะมีการฟ้องร้องดำเนินการต่อหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า เป้าหมายแรกคือต้องให้ศาลเยอรมันยกเลิกการอายัดเครื่องบินก่อน เมื่อถามถึงท่าทีของทางการเยอรมนี นายกษิตกล่าวว่า หลังจาก รมว. ต่างประเทศเยอรมนีได้รับจดหมายของตนก็มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ของเยอรมนีโทรศัพท์มาหารือกับตน จึงน่าจะถือว่าฝ่ายนั้นก็ร้อนใจเช่นกัน

ผู้ สื่อข่าวถามว่า จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า แน่นอน หากผลออกมาไม่สมเหตุสมผล ประเทศไทยถูกโลกตะวันตกเพ่งเล็งมาตลอด ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใสและจรรโลงประชาธิปไตย จึงอยากให้ประเทศที่บอกว่าตนเป็นประชา ธิปไตยผ่านระบอบเผด็จการมาได้เข้าใจ และอยากให้มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ต้องการให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

หน้า 1

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

เปิดแฟ้มคดี"วอลเตอร์ บาว"ยืดเยื้อ 5 รัฐบาล หนี้ 30 ล้านยูโร เยอรมันอายัดเครื่องบินไทย

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:30:00 น.
กษิต บินด่วนไปเยอรมัน
กรณี วอลเตอร์ บาว ของเยอรมนี อายัดเครื่องบินไทย ที่จอดอยู่ที่สนามบินนครมิวนิก

เป็น เรื่องใหญ่และเรื่องร้อนที่ "กษิต ภิรมย์" รมว.กระทรวงต่างประเทศ ต้องบินด่วนไป มิวนิก เยอรมัน เพื่อแก้สถานการณ์ ร่วมกับทีมกฎหมายจากอัยการสูงสุดที่บินไปก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.
มติชนออนไลน์ ขอนำเสนอ แฟ้มคดีวอลเตอร์ บาว คดีประวัติศาสตร์ ดังนี้
บริษัท วอลเตอร์ บาว จำกัด (Walter Bau) ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยช่วงปี 2549 สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลไทยผิดสัญญา ในโครงการก่อสร้างโทลล์เวย์ หลายประเด็น เช่น ขอให้ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย และมีมาตรการไม่ให้บริษัทปรับค่าผ่านทาง
นอกจากนี้ยังมี ประเด็นเรื่องการสร้างทางแข่งขัน เช่น โครงการโฮปเวลล์ การก่อสร้างทางเบี่ยงบนถนนวิภาวดีรังสิต การก่อสร้างสะพานลอยที่แยกสุทธิสารบนถนนวิภาวดีรังสิต การย้ายสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ
จริงๆ แล้ว สถานะของ วอลเตอร์ บาว คือ ผู้รับเหมาจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเคยถือหุ้นบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานโทลล์เวย์ สัดส่วน 9.87%
วอ ลเตอร์ บาว ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทย-เยอรมนี ปี พ.ศ. 2545 โดยคณะอนุญาโตตุลาการมีที่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แต่กระบวนการไต่สวนดำเนินการในฮ่องกง ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการซักค้านเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม และ 1 สิงหาคม 2550

อนุญาโต ตุลาการได้มีคำชี้ขาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ระบุว่าประเทศไทยผิดพันธกรณีภายใต้ความตกลง และต้องชำระค่าชดเชยจำนวน 29.21 ล้านยูโร พร้อมดอกเบี้ย คำนวณตามอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารในกลุ่มยูโร (6 month successive Euribor) ในอัตรา 2% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549 จนกว่าถึงวันชำระเงิน พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของฝ่ายวอลเตอร์ บาว จำนวน 1,806,560 ยูโร รวมทั้งดอกเบี้ยตามอัตราเดียวกับค่าชดเชยความเสียหาย
ในปี 2553 คณะทำงานดำเนินการเสนอคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำชี้ขาด แต่ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยว่า คดีดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง
ต่อมาผู้จัดการทรัพย์ของ บริษัทวอลเตอร์ บาว( บริษัทล้มละลาย ) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐอเมริกา (Southern District of New York) เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553 เพื่อบังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ โดยใช้สิทธิตามอนุสัญญานิวยอร์กว่าด้วยการยอมรับและบังคับตามคำชี้ขาด ของอนุญาโตตุลาการที่ทำในต่างประเทศ ซึ่งไทยและสหรัฐฯเป็นภาคี
ศาลสหรัฐ ได้ออกคำสั่งรับรองคำชี้ขาดและออกคำตัดสินว่าประเทศไทยต้องรับ ผิดชอบการจ่ายเงินตามที่คำชี้ขาดกำหนด ในกรณีที่ไทยไม่ชำระตามคำตัดสิน วอลเตอร์ บาว อาจขอให้ศาลบังคับเอากับทรัพย์สินของรัฐบาลไทยที่อยู่ในเขตอำนาจได้
กรณีวอลเตอร์ บาว ถูกนำเข้าที่ประชุมครม.รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นเรื่องด่วน เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ค. 2553 เพราะมีกระแสข่าวว่า วอเตอร์ บาว กำลังเตรียมอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลไทยในต่างแดน
รายงานที่ประชุมครม. ระบุว่า บริษัทวอลเตอร์ บาว ได้ดำเนินการ 2 แนวทาง คือ
1.ทำ หนังสือถึงรัฐบาลเยอรมันเพื่อขอความคุ้มครอง และทางรัฐบาลเยอรมันได้ทำหนังสือสอบถามมายังกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องการชำระหนี้ เพราะก่อนหน้านี้คณะอนุญาโตตุลาการของไทยก็เคยมีคำชี้ขาดให้รัฐบาลไทยจ่าย ค่าชดเชย แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้จ่าย
2.ทำเรื่องฟ้องต่อศาลนิวยอร์ก ให้ศาลออกคำสั่งบังคับให้รัฐบาลไทยดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโต ตุลาการ และให้ออกคำสั่งไปทั่วโลก เพื่อให้สามารถยึดทรัพย์สินของรัฐบาลไทยมาชำระหนี้ หากไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
จุดยืนของรัฐบาลไทย คือ ไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อต่อสู้คดี ซึ่งที่ผ่านมาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้นให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะ อนุญาโตตุลาการแล้ว แต่ศาลไม่รับคำร้อง อยู่ระหว่างจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป ทั้งต่อศาลไทยและศาลโลก หลังจากที่บริษัทวอลเตอร์ บาว ยื่นฟ้องต่อศาลนิวยอร์ก
ขณะที่ ทีมกฎหมายจาก สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผย แนวทางต่อสู้ของฝ่ายไทยคือ การโต้แย้งคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยยึดตามข้อเท็จจริง เพราะ วอเตอร์ บาว ฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยเจตนาไม่สุจริต และคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการไม่ยุติธรรมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้บริษัทไม่มีสิทธิจะฟ้องรัฐบาลไทย เพราะไม่ใช่คู่สัญญากับรัฐบาลโดยตรง เป็นเพียงแค่ผู้ถือหุ้นของโทลล์เวย์เท่านั้น
ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้เยียวยาจากที่โทลล์เวย์เรียกค่าชดเชยไป แล้ว เช่น ขยายสัมปทานออกไปอีกถึงปี 2577 ให้ปรับค่าผ่านทางได้ตามสัญญาเดิม รวมถึงการปรับค่าผ่านทางขึ้นรถยนต์ 4 ล้อ จาก 55 บาทเป็น 85 บาท (22 ธ.ค.2552) ส่วนค่าชดเชยรายได้จากการให้ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย กรมทางหลวงจ่ายชดเชยไปแล้ว 30 ล้านบาท เป็นต้น
ข้อมูลที่ฝ่ายไทย วิเคราะห์กันก่อนหน้านี้คือ ทรัพย์สินของไทยที่ได้รับความคุ้มครองพิเศษจากการถูกยึด ได้แก่ ทรัพย์สินของสถานทูตและอาคารที่เกี่ยวข้องตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ทรัพย์สินของธนาคารกลางหรือหน่วยงานทางการเงิน โดยทรัพย์สินนั้นจะต้องเก็บไว้เพื่อบัญชีตัวเอง และไม่ใช้เพื่อการทำธุรกิจ และต้องไม่สละสิทธิการคุ้มครองโดยธนาคารหรือรัฐนั้นเอง และทรัพย์สินทางทหาร ที่ใช้เพื่อและเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางทหาร และอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานทหาร
สำหรับทรัพย์สินที่เสี่ยงต่อการ ถูกยึด แบ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐ โดยสามารถกระทำได้กับทรัพย์สินใด ๆ ที่ใช้ในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องเดิม ทรัพย์สินอีกส่วนที่เสี่ยงต่อการถูกยึด คือ ทรัพย์สินขององค์กรที่รัฐเป็นเจ้าของ

แต่แล้ว วอลเตอร์ บาว ก็เลือกยึดเครื่องบิน โบอิ้ง 737

ประเด็น ที่น่าสนใจคือ กรณี วอลเตอร์ บาว เกิดขึ้นเป็นปัญหาในช่วงที่ประเทศไทยประสบวิกฤตการณ์เมือง ตั้งแต่ปลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมายังรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ รัฐบาลรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สภาวะการเมืองที่ไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนรัฐบาลถึง 5 ชุด ทำให้การตัดสินใจล่าช้าและไม่ชัดเจนในแนวทาง
ขณะที่วอลเตอร์ บาว ดำเนินการเชิงรุกทุกขั้นตอนทางกฎหมาย
กรณีวอลเตอร์ บาว เป็นหนึ่งในกรณีค่าโง่ที่ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เคยเสนอให้ยกเลิกระบบอนุญาโตตุลาการ ออกจากสัมปทานระหว่างรัฐกับเอกชน
แต่นอกเหนือจากบทเรียน"ค่าโง่"แล้ว สิ่งที่น่าคิดคือ การเมืองที่ไม่นิ่ง ทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างไม่น่าเชื่อ !!!

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຕໍ່ໄປ ຜູ້ຂ້າຈະອະທິບາຍ
ເລື້ອງການທວງຫນີ້ ລະຫ່ວາງຊາດເຂົາເຮັດກັນຢ່າງໃດ ?? ເພື່ອ ໃຫ້ໄດ້ຫນິ້ເຂົາມາຄຶນເປັນທິ່ຊອບທັມ

ແນ່ນອນ ປທທ ເປັນ ປທ ເຈົ້າເລ້ ຫ້ນາໄຫ້ວຫລັງຫລອກ ເປັນນັກອັນຕະພານທ້ອງຖີ້ນ ຫັວໄສ ຫລຶ ບັກຊຽງມ້ຽງແຫ່ງsea
(South East Asia)

ແຕ່ມັນເຮັດໄດ້ກັບ ລ າ ວຫ້ນາຫມາຫ້ນາໂງ່ຜູ້ນຳໂຈນລາວແດງ ແລະ ຂເມນເທົ້ານັ້ນ
ກັບເຍິຣະມັນ ເຈົ້າໂລກ ແຫ່ງເອີຣົບ ມັນອ່ອນຄຶ ຜັກຫນຶ້ງນິ້

ປິ 1992 ນາຍຫ້ນາຝຣັ່ງເສດ ຕົ້ມເງິນ ບັກໄກສອນ 760ລ້ານ ດລ ມິດຕາຍເລິຍ ບໍ່ກ້າຖາມເອົາຄຶນຊ້ຳ
ແລະ ຕໍ່ມາ 300 ລ້ານ ດລ ກະ ຖືກ ບັກເຈັກຫ້ນາຫມາ ສົນທິ ລິ້ມທອງກຸນ ອົມໄປອິກ
ໂຄດແມ່ມັນພວກຂ້າແນວລາວ ກະບໍ່ຍອມໄປໃຊ້ ຂະບວນການຍຸດຕິທັມໄທ ທວງເອົາເງິນນິ້ມາໃຫ້ ປຊຊ ລາວ ຄຶນຊ້ຳ
ດຽວນິ້ ລາວນອກ 1ລ້ານຄົນກະຍັງຝາກໄປໃຊ້ຫນິ້ໃຫ້ພວກມັນຢ່າງຕໍ່ເນື່ອງ ໂດຍມັນເອົາລູກສາວອາຍຸ10ປິ 12 ປິ ມັນມາຫລອກ

ເກິນມືງຊັ່ວ
ປຊຊ ລາວ ທັງ ປທ ຊ່ວຍເຕະມັນລົງດ້ວຍ
ຊິກອບໄຈຫລາຍໆ

ຍັງມິຕໍ່

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

15 Jul 11, 04:46 AM
สัมภเวสีเร่ร่อน: ไอ้ห่าตัวนี้มันป่วยเป็นโรคจิต ขี้โมโห ความอดกลั้นต่ำมาก
15 Jul 11, 04:45 AM
แพ้ขาดวุ้ย ถอยเถอะ: มันกล้าลงหรือคะคุณสัม
15 Jul 11, 04:44 AM
สัมภเวสีเร่ร่อน: สื่อไทยลงข่าวเหมือนกัน แต่ลงไม่ครบ
15 Jul 11, 04:42 AM
แพ้ขาดวุ้ย ถอยเถอะ: อยากทราบจังว่าสื่อข่าวไทย ลงข่าว เครื่องบินเสี้ยโดนยึดนี้หรือเปล่า หรือจะเงียบเหมือนโสมโดนจับที่ฝรั่งเศส สมัยค้าแป้ง เหอๆ
15 Jul 11, 05:04 AM
ช้างศึก: กษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 บอด สัตวฺบอด ไอ้แบงค์ ในหลว ง ภูมิพล กษัตริย์ ในหลายๆ นาม ออกมานั่งกดดันศาล !!!! อีกแร้วคับท่าน ถอนจาย หน้าด้าน ยังด้ายยู้
15 Jul 11, 05:02 AM
ช้างศึก: อิอิ อ้าว ขอโทษคับ คุณ ABC
15 Jul 11, 05:01 AM
ช้างศึก: สื่อไทย หลายๆ สำนัก ลงรูปเครื่องบิน 737 ของ เจ้าชาย Thailand แต่ไม่กล้าพูดแม้นแต่คำเดียว เหอๆ ซะง้าน !!! ทำไปได้


Welt -online 15072011

Pfändung in München
Drucken Bewerten 05:46
Thailändische Prinzen-Boeing wird zum Politikum

Bangkok ist empört über die Beschlagnahmung einer Boeing in München. Die Maschine gehört dem thailändischen Königshaus. Nun reist der Außenminister an.

Die spektakuläre Pfändung der Boeing 737 des thailändischen Kronprinzen Maha Vajiralongkorn in München droht zu einer diplomatischen Krise zu führen. Thailands Außenminister Kasit Piromya machte sich persönlich auf den Weg nach Deutschland, um sich um die Angelegenheit zu kümmern. Sollte es kein zufriedenstellendes Ergebnis geben, könne dies die deutsch-thailändischen Beziehungen belasten, warnte er nach einem Bericht der „Bangkok Post“ vor der Abreise. Er sprach von einem „Riesenfehler“ der deutschen Behörden.

Flugzeug von Thailands Kronprinz
Foto: dpa/DPA Um sein beschlagnahmtes Flugzeug dreht sich der Streit: Thailands Kronprinz Maha Vajiralongkorn

Boeing des Kronprinzen
Foto: dpa Das beschlagnahmte Flugzeug des thailändischen Kronprinzen


Boeing des Kronprinzen

Boeing des Kronprinzen
Foto: dpa Das beschlagnahmte Flugzeug des thailändischen Kronprinzen

Der Insolvenzverwalter des Baukonzerns Walter Bau hatte die Boeing in einer Nacht- und Nebelaktion am Dienstag pfänden lassen. Gerichtsvollzieher versiegelten die Maschine am Münchner Flughafen. Der Kronprinz, der meist selbst am Steuer sitzt und oft in München weilt, kann mit der Maschine nicht mehr abheben. Hintergrund ist eine Millionenforderung von Walter Bau gegen den thailändischen Staat, die auf einen Streit um eine bei Bangkok gebaute Maut-Autobahn zurückgeht.

Nach Angaben des thailändischen Außenministeriums gehört die Maschine dem Kronprinzen persönlich und nicht dem Staat. Der Außenminister hat sich bereits an das Auswärtige Amt gewandt. Er will die deutschen Gerichte ersuchen, die Maschine umgehend freizugeben.

ທາງການເຍີຣະມັນຍິດເຮຶອບິນເສັ້ຍໂອ ກາຍເປັນການເມຶອງໄປເສັຍແລ້ວ
ຣັຖບານໄທບໍ່ພໍໄຈກັນທາງການເຍິຣະມັນຍຶດເຮຶອບີນຂອງເສັ້ຍໂອ ທິ່ Munich ຊື້ງຢູ່ໃນການເປັນເຈົ້າຂອງຂອງຣາຊວົງໄທ
ນັ້ນເອງ
ຣມຕຕ່າງ ປທ ໄທໄດ້ ເດິນທາງເຂົ້າມາເຈຣະຈາເຖິງເຍຣຣະມັນເລິຍ
ການຍຶດຍົນ ໂບອິງ 737 ແບບສາຍຟ້າແລບ ຂອງເສັ້ນໂອ ທິ່ ມູຍນິກ ອາດຈະສ້າງບັນຫາ ທາງການທູດລະຫ່ວາງກັນໄດ້ໃ ກະສິດພິຣົມ ຣມຕ ຕ່າງປທ ຄົນນີ້ ມາສາສາງ ເລື້ອງດັ່ງກ່າວໂດຍສ່ວນຕັວທີ່ເຍີຣະມັນ ພ້ອມທັງຂູ່ ຜ່ານ ບັງກອກ ໂພສ ກ່ອນອອກເດິນທາງ ວ່າ ຖ້າຕົກລົງບໍ່ເປັນໄປຕາມທິ່ຄາດຫມາຍ ໄວ້ ສາຍສັມພັນທາງການທູດ ໄທ ເຍິຣະມັນ ອາດຈະມິຄວາມມັວຫມອງກັນໄດ້. ນັ້ນແມ່ນຄວາມຜິດພາດອັນຍີ່ງໄຫ່ຍຂອງທາງການເຍິຣະມັນ .ເຂົາກ່າວ

ຜູ້ຮັບຜິດຊອບກ່ຽວກັບການລົ້ມລະລາຍ(insolvenz-administrator)ຂອງບໍລີສັດກໍ່ສ້າງ Walter Bau ສັ່ໝໃຫ້ທາງການສານ(Bailiff)ສັ່ງໃຫ້ຍຶດຍົນດັ່ງກ່າວຢ່າງກະທັນຫັນທັນທິທັນໃດ ໃນມື້ວັນອັງຄານຜ່ານມາ(1107) ສານໄດ້ ປິດຜະນິກຫ້າມຂື້ນລົງຍົນຄັນນີ້ ທິ່ ເດືນເຮືອບິນເມືອງ ມູຍນິກ. ເສັ້ຍໂອເອງ ທິ່ ມັກ ມາ ເມືອງນິ້(ມັນມິເມັຍນ້ອຍມັນ)
ສ່ວນມາກແລ້ວແມ່ນຂັບຍົນມາເອງ ມື້ນັ້ນບໍ່ສາມາດປ່ອຍຍົນຂື້ນຈາກສນາມບິນໄດ້ເລິຍ
ສາຍເຫດ
ທາງຣັຖບານໄທຍບໍ່ໄດ້ຈ່າຍຄ່າກໍ່ສ້າງ ທາງສາຍດ່ວນທິ່ ເມືອງບັງກອກຊື້ງ ບໍລີສັດກໍ່ສ້າງເຍິຣະມັນ ໄດ້ ເຣັດຊີ້ນລົງແລ້ວ ຕາມທິ່ໄດ້ຕົກລົງກັນນັ້ນເອງ
ຕາມຄຳໃຫ້ການຂອງກະຊວງຕ່າງ ປທ ໄທ ບອກວ່າ ຍົນຄັນນິ້ ບໍ່ໄດ້ ເປັນກັມມະສິດ ຂອງຣັຖບານ ແຕ່ແມ່ນຂອງສ່ວນໂຕຂອງເສັ້ຍໂອ້(ຄືມືງມິຫລາຍແທ້ເງິນນັ້ນ) ຣມຕ ຕ່າງປທ ໄດ້ຄິດຕໍ່ໂດຍດົງໄປຍັງກະຊສງທຄ່າງ ປທ ເຍິຣະມັນ ເພືອ່ຮ້ອງຂໍໃຫ້ສານຈົ່ງປ່ອຍຍົນດັ່ງກ່າວໄດ້ບີນຈາກເຍຣະມັນໂດຍປົກກະຕີເສັຍ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


http://www.vancouversun.com/news/Thailand+seeks+lift+impounding+prince/5102790/story.html


BANGKOK - Thailand's foreign minister said on Thursday he would fly to Germany to try to convince authorities to reverse a court-authorized impounding of a Boeing 737 owned by Thailand's Crown Prince Vajiralongkorn.

Kasit Piromya said he would lead a Thai delegation of diplomats and lawyers to rectify "a great mistake" made by German liquidators who impounded the jet in a financial dispute between Thailand and an insolvent German construction firm.

"We would like to clarify that this case has no connection whatsover with His Majesty the Crown Prince. This is a great mistake stemming apparently from false information provided to the German judicial system by the plaintiff," Kasit told a news conference.

"A prompt lifting of the impounding of the plane is our top priority. We don't wish to see this incident dragged on for a single day more lest it affects our mutual friendly relations."

Kasit said he would fly to Berlin on Friday and a spokesman for the ministry in Berlin said the delegation was expected for talks at the foreign office on Friday evening.

As German Foreign Minister Guido Westerwelle is in South America, the delegation will be met by Minister of State Cornelia Pieper.

German insolvency administrators impounded the plane on Wednesday in a move to seek payment of an old debt owed by the Thai government to the collapsed German firm.

The debt goes back more than 20 years to when German company Dywidag helped build a 26 km toll road to Don Muang airport, formerly Bangkok's main international airport.

Dywidag merged in 2001 with Walter Bau AG, which later became insolvent.

"We have been seeking payment of more than 30 million euros ($43 million) for years and this drastic measure is virtually the last resort," administrator Werner Schneider said on Wednesday.

A spokeswoman for the administrator said on Thursday the situation had not changed and they were still waiting for money to be transferred.
© Copyright (c) Reuters

Read more: http://www.vancouversun.com/news/Thailand+seeks+lift+impounding+prince/5102790/story.html#ixzz1SAAiRZBB

ส่วนอ้ายพวกกระบือเหลืองทั้งหลาย พวกมึงออกกันมาได้แล้ว มาปลุกระดมความรักชาติไง ชวนมวลชนประท้วงศาลโลกไปเลย
15 Jul 11, 03:33 AM
.: ไอ้ สัดบอด อย่าทำซ่าส์ กองทัพเยอรมัน มีปื นใหญ่อัตตาจรรุ่น 2000 ยิงได้ไกล 45 ไมล์ นาทีละ 5 นัด ล็อคเป้าอัตโนมัติ ...สมุนมึงตายเหี้ยนทั้งกองโจรแน่
15 Jul 11, 03:32 AM
C'est sa: ไอ้เหี้ยนรก ท่องอยู่แต่พอเพียง พอเพียง พอเพียงโคตรพ่อแม่มันน่ะสิ

15 Jul 11, 03:32 AM
เอนเซียน: .: ขายชาติและเป็นไส้ศึกกันใหญ่แล้ว ไม่ประกาศสงครามกับประเทศเยอรมัน // เฮ้ย..เอนเซียน ไม่เกี่ยวนะ...ช่วยประชาชนเท่านั้น..
15 Jul 11, 03:32 AM
ยาจก: ยอมไม่ได้นะบอดเยอรมันแกล้งลูกมึง
15 Jul 11, 03:31 AM
C'est sa: เป็นตัวเดียว เอ๊ยคนเดียวที่เป็นอัจฉริยะ นอกนั้นเป็นอีเดียตหมด
15 Jul 11, 03:31 AM
C'est sa: มิน่า รายการโทรทัศน์เยอรมันเรียกไอ้บอดว่าซุปเปอร์แมน บอกว่าที่คนเยอรมันอยากมาประเทศไทย เพื่อได้ดูซุปเปอรแมนให้เป็นขวัญตา ซ่าได้ยินกับหูเลย ไม่ได้จำขี้ปากใครมาพูด

15 Jul 11, 03:31 AM
แพ้ขาดวุ้ย ถอยเถอะ:
ประชาชน ได้ฟังคุณสะไภ้ ด่าอีห่ากาลาแม แล้วเขาฝากขอบคุณมากนะคะ มันต้องเจอแบบนี้ ประจานความเลวมันค่ะ

15 Jul 11, 03:30 AM
เอนเซียน: C'est sa: อยากให้เสี่ยเรียกไอัมาร์คเข้าไปพบ ตบหน้ามันสักฉาดใหญ่ๆ//โดนแน่ ทั้งรัฐบาลนั่นแหละ..
15 Jul 11, 03:30 AM
กราบเหี้ยไม่ตายก็เร่ร่อน: แทมมี่ สู้ๆ
15 Jul 11, 03:30 AM
ยาจก: เห้ย บอดมึงยึดเครื่องบินเยอรมันแทนเลย
15 Jul 11, 03:30 AM
.: ขายชาติและเป็นไส้ศึกกันใหญ่แล้ว ไม่ประกาศสงครามกับประเทศเยอรมัน

15 Jul 11, 03:30 AM
เอนเซียน: ยาจก: ไอ้บอดก่อนอื่นมึงไล่ทูต เยอรมันเลยนะ// เอกอัครราชฑูตเยอรมัน กลับบ้านมาตั้งแต่เดือนที่แล้วครับ..ฑูตคนใหม่ยังเดินไปไม่ถึงครับ..
15 Jul 11, 03:29 AM
กราบเหี้ยไม่ตายก็เร่ร่อน: อย่าไปไล่ฑูตเยอรมันนะโว้ยสัดบอด เก็บไว้เป็นตัวประกันแลกเครื่องบินคืน
15 Jul 11, 03:29 AM
C'est sa: อยากให้เสี่ยเรียกไอัมาร์คเข้าไปพบ ตบหน้ามันสักฉาดใหญ่ๆ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

สวัสดีท่านนักวิชาการขั้นสูงสุดลาวนอกพลัดถี่น หรือลาวอพยพที่ไม่ชอบลัทธิระบอบการปกครองของ พัก-ลัด สปป ลาว
หนีจากบ้านเกีดออกมาอาศัยชาติของต่างด้าวอยู่ อยากไห้ออกมาอธิบายด้านการเมืองในเวทีของสังคมและข้อแนะนำแก่
มวลชนชาวลาวทั้งในและนอกไห้เข้าใจในระบอบ"ประชาธิปไตย"บ้างทางด้านINTERNET และ PALTAKK บ้าง ขพจ
ไม่เคยพบ หรือได้เห็น นักวิชาการที่อวดอ่งว่าตนเองมีความรู้สูงสุดในโลกเสรีประชาธิปไตย มาขีดเขียน หรือมาพูด-ออก
ความคิดเห็นใดๆเลยไห้แก่ส่วนรวมของคนลาวนอกเลย ถ้ามีบ้างก็เพียง 1-2 คนเท่านั้น นอกนั้นจำนวนมากได้แก่ ปชชล
คนธรรมดาเท่านั้น ที่กล้าออกมาออกความคิดเห็น และ แสดงออกทางการเมืองของลาวในเวที"ประชาธิปไตย" พวกท่าน
ที่อวดตัวว่าจบ DIPLOME สูงมาในประเทศเจริญเสรีประชาธิปไตยนั้น พวกท่านอยังนอนหลับทับสิทธิ์อยู่ ออกมาอธิบาย
ไห้ ปชช ลาว ของพวกท่านได้มีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อ"ประชาธิปไตย"บ้าง...ท่านกลัวอะไร!!!กลัวเผด็จการลาว-แกวแดง
หรือ กลัวว่าเผด็จการลาว-แกวแดง จะเสียใจ ขพจ ขอเตือนท่านว่า ประเทศลาวของพวกท่านอีกไม่นานก็จะจากพวกท่าน
ไปเ็ป็นของคนชาติอื่นเช่นลาวตระวันตกคือ"น้ำของขาดไหลผ่าทางกาง"เมื่อก่อนนั้น"น้ำของผ่านไหลผ่านทางกาง"...
เวลานี้เวียตนามมาเปีด"สำนักงานข้าหลวงไหญ่เวียตนามประจำลาว"แล้ว พวกนักวิชาการสูงสุดท่านไม่ละอายตัวเองเลย
หรือที่ปล่อยไห้ชาติเกีดของตนเองเป็น"ประเทศข้าทาส"ของชาติอื่น เหมือนอดิตร์ที่ผ่านมา อย่าไห้ชาติอื่นเขาดููถูกคนลาว
อีกต่อไปเลย ว่าเป็นคนอวดอ่ง,โม้ฝอย,ไม่มีความกล้าหาญ ขพจ อายแทนพวกท่านคนลาวผู้อวดอ่งว่าเ็ป็นผู้ฉลาด,มีความ
รู้สูงสุดในโลกนี้ แต่ประเทศของตนเองกลับเป็นข้าทาสของแกวแดง,จีน และื่อื่นๆอีก...จากเพื่อนบ้านผู้หวังดี.


__________________
Black saphire

Date:
Permalink   
 

สวัสดีท่าน
เกี่ยวกับประวัติของราชวงษ์กษัตริย์สยามนี้เรี่มจากตั้งกรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงเป็นต้นมา คือองค์แรกคือ พระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลก ที่เข้าไปยึดเอาอาณาจักรลาวล้านช้างได้หมดทั้งสามคือ;หลวงพระบาง,เวียงจันทน์,จัมปาศักดิ์ใน ค.ศ1778.ต่อมา
องค์ทีสาม พระนั่งเกล้า ปราบเจ้าอนุวงษ์ในสงคราม"ลาวล้านช้างกอบกู้เอกราช"เจ้าอนุวงษ์ปลดปล่อยชาติไม่สำเ็ร็จเพราะ
ลาวขาดความสามัคคีกันคือ 1.กองทัพลาวหลวงพระบาง.2.กองทัพลาวล้านนา ที่เคยตกลงกันว่าจะยกกองทัพมาช่วย แต่
กลับทรยศไม่ช่วย แต่ไปเข้าข้างกรุงเทพฯเลยสู้ไม่ได้ถอยทัพกลับเวียงจันทน์ ต่อมาถูกกองทัพสยามติดตามไป ถูกจับได้
ที่เชียงขวางขณะจะหลบหนีไปลี้ภัยในอาณาจักรอานาม ถูกจับมาขังไว้ที่กรุงเทพฯ.ถูกทรมารอย่างสัตว์ในกรงขัง เจ้าอนุ
ทนการทรมารไม่ได้เลยบอกทหารของพระองค์เอายาพิษมาไห้กิน เจ้าอนุวงษ์สวรรคตเมื่อ วันพุทธ์ 21 มกราคม พ.ศ
2371 ที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรค์ ที่ประทับดูเฉลยศึกลาว ของพระนั่งเกล้า คนสยามได้แต่งกวีไห้เจ้าอนุวงษ์ตอนตาย
แล้วว่า:ชักชะงาก รากเลือด เป็นลิ่มลิ่ม.ถึงปัจฉิม ชีวาตม์ ก็ขาดสาย.เป็นวันพุทธ อุศเรน ถึงเวรตาย.ปีศาจร้าย ร้องก้อง
ท้องพระโรง.ก่อนเจ้าอนุจะตายได้ร้องบอกคนลาวที่อยู่ไกล้ชิดว่า"จงปลดปล่อยชาติเกีดต่อไปแทนเราด้วย"เจ้าอนุวงษ์
ตายเมื่อมีอายุครบ60ปีพอดี หลังตายแล้ว พระนั่งเกล้าได้ไห้เสียบศพเจ้าอนุเยี่ยงสัตว์เอาไปไห้ข้าทาสลาวดูที่สำเหร่ใน
บริเวรกรุงเทพฯเพื่อไห้ทาสลาวด้วยกันดูเป็นตัวอย่าง...เวียงจันทน์ถูกเผาทำลายทิ้งหมด สยามกวาดต้อนเอาของมีค่าและ
พลเมืองลาวมาเป็นข้าทาส-ไพร่ในยุคนี้มากที่สุด.ต่อมาถึงยุค พระจุลจอมเกล้า ฝรั่งเศส กับ สยาม ทำสงครามแย่งลาวกัน
ฝรั่งเศสได้ลาวฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงไป สยามได้ลาวฝั่งขวาแม่น้ำโขง(ลาวอิสาน16แขวง)ใน1893. ต่อมา พ.ศ2475 คณะ
ทหารและพลเรือนนำโดย ปรีดี พนมงค์ ทำรัฐประหารโคล่นล้ม พระปกเกล้าได้สำเร็จ พระปกเกล้าไปตายอยู่London,UK.
ต่อมาคณะปฎิัวัติเอา พระอนันทมหิดล จากSwisserland มาปกครองต่อ แต่ถูกตายในวัน 9 มิถุนา พ.ศ2489 สาเหตุไม่รู้
มีเบื้องหลังลึกลับ ทุกคนพูดไม่ได้เพราะผิดกฎหมายระบอบกษัตริ์ ม.112 ในประเทศไทย.สยามประเทศเปลี่ยนชื่อไหม่ใน
ค.ศ1939 เป็น"ประเทศไทย"คนไห้ชื่อนี้คือ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ทิสดีการเมือง"ลัทธิ ไทยไหญ่".กษัตริย์คนสุดท้ายของ"ประเทศไทย"ชื่อว่า ภูมิพลอดุลยเดช ขื้นบรรลังแทนพี่ชายที่ตายไปในวันเดียวกันนั้นเอง...มีลูก4คน หญิง3
ชายหนึ่ง มีเรื่องราวมากมาย ถ้าอยากรู้ายละเีอียดควรอ่านหนังสือ The king never smiles ท่านจะเข้าใจดีหมดทุกอย่าง
ปล:การเมือง,ประัวัติศาสตร์ เป็นของคู่กัน ปชช ลาว ขาดการเรียนรู้ชาิิติจึ่งถูกทำลายล่มสลายมาเท่าทุกวันนี้.

Black,S.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ທ່ານBlacksaphire
ເວົ້າຖືກຫລາຽກ່ຽວກັບປັນຫາການເມືອງລາວແລະລາວນອກທີ່ໄປຮັບຫຼຽນຂອງລາວ-ແກວແດງນັ້ນ ພວກມັນຫລອກໄຊ້ລາວລິງໂງ່ທີ່ບໍ່ຮູ້ຫຼຽມການ
ເມືອງຂອງມັນ ຂະນາດຫນີລອດຕາຽມາຢູ່ບ່ອນຈະເຣີນແລ້ວພວກມັນສະມອງກໍ່ຍັງມືດບອດຄືເກົ່າ ນີ້ແລ້ວໄທເຂົາຈື່ງວ່າຄົນລາວໄປຕົກຢູ່ໄສກໍ່ຍັງເປັນຄົນຈ້າຄົນໂງ່ຢູ່ຄືເກົາ
ເຊັ່ນດຽວກັບລາວອີສານຄົນຫລາຍ40ລ້ານຊື່ໆກໍຍັງໂງ່ຈ້າຄືດວ່າໂຕເປັນຄົນໄທຍສະຍາມ ບາດຮຽກຮ້ອງຍາກໄດ້ສິດທິເສຣີພາບຄືກັນກັບຄົນບາງກອກຢາມໃດເຂົາເອົາປືນໄລ່ຂ້າໄລ່ຍີງຄືກັບສັດຕລອດເວລານັບຕັ້ງແຕ່1893ເປັນຕົ້ນມາ ສ່ວນຍິງສາວລາວ
ອີສານກໍ່ເອົາໄວ້ໄຊ້ວຽກຕາມໂຮງງານຕ່າງໆຫຼືເອົາໄວ້ເຮັດແມ່ຈ້າງໄວ້ໄຫ້ນັກທ່ອງທ່ຽວມາຢາມເມືອງໄທຍ ເພື່ອດຶງດູດນັກທ່ອງທ່ຽວຈະໄດ້ມາເມືອງໄທຫຼາຽໆຂື້ນ.
ລາວນອກມີເງີນຫລາຍກໍ່ພາກັນສ້າງແຕ່ວັດ ນິມົນພຣະລາວ-ແກວແດງ,ພຣະໄທຍ ມາເທສເອົາເງີນ ເສົາ-ອາທິດ ກິນທານ-ຟ້ອນລຳວົງກັນໃນວັດ ຖ້າເຣື່ອງບ້ານເມືອງ
ບໍ່ສົນໄດ້ກີນທານແລ້ວກໍ່ດີໃຈ ເພາະຈະໄດ້ຂື້ນສວັນຄ໌ຊັ້ນຟ້າບາດຕາຽໄປແລ້ວບ້ານເມືອງລາວຈະເປັນຂອງແກວ ,ຂອງໄທຍ໌,ຂອງເຈັກ ບໍ່ສົນໃຈເລີຽ ນັກວິຊາການຊັ້ນ
ສູງລາວນອກກໍ່ອວດໂຕເກ່ງກົ່ວຫມູ່ມີແຕ່ເວົ້າຊື່ໆບໍ່ ເຮັດຫຍັງ ແຕກກັນຈັດຕັ້ງ"ສະມາຄົມ"ຂອງໃຜຂອງມັນ ນີ້ຄືຄວາມເຂົາເວົ້າວ່າລາວໂງ່ກໍແມ່ນຄວາມເຂົາແທ້ ຂອບໃຈ
ເດີທ່ານນິລດຳ ບໍ່ຄຽດໄຫ້ເຈົ້າດອກ ຊ່ອຽບອກແລະເຕືອນເລື້ອຽໆແດ່.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ພວກໂຈນລາວແດງຂາຍ ປທ ເຮົາ ໃນຮູບເຂດພັທນາພິເສດ 10 000 ກລມ ມົນທົນ
ແມ່ນຫຍັງ??

ແມ່ນການສູນເສັຍເອກກະຣາຊຂອງພວກ ປທ ເຣົາແມ່ນບໍ??

ພວກຫມາພານນິ້ເແລ່ນອອກປ່າກ່ອນ60ປິຍ້ອນຫຍັງ ??

ເຂົາຕໍ່ສູ້ຍາມນັ້ນກະຄືຍາມນິ້ຍ້ອນເຫດຜົນທາງເມືອງຢ່າງໃດ??

ຜູ້ນຳ ປທ ເອກກະຣາຊ ເຂົາບໍ່ນຳພາ ປທ ໄປສູ່ການເປັນຂິ້ຂ້າມ້າໃຊ້ຕ່າງຊາດແບບນິ້ເດັດຂາດໃນຍຸກນິ້

ເຮົາມິເຂດພິເສດ ບໍ່ແຕນ(ໂຊກດິ ອັດໄປແລ້ວ) ບ້ານນ້ຳເຜິງ ຊຳເຫນືອ ສາຣະວັນອັຕປຶ ຈຳປາສັກ ທັງຫົມດ 10 000 ກລມ ມົນທົນ
ບໍ່ຈຳເປັນຈະສ້າງເຂດນິ້ຂື້ນໃນປທ ເອກກະຣາຊ ອະທິປະໄຕ ເພາະເຮົາເສັຍຄວາມເປັນລາວ ທາງພາສາ ເສັຍຄວາມຫັ້ນຄົງທາງດ້ານທະຫານຕຳຣວດ ກຳໄລ ຫາຍໄປຢ່າງຫລວງຫລາຍ ຍ້ອນ ຣັຖບານປ່ອຍໃຫ້ເຂົາຄູມຕົນເອງໄດ້ໃນເຂດພິເສດ ຫ້ນາທິ່ແມ່ນ ເຈົ້າຂອງປທ ຕັວຈິງຕ້ອງໃຊ້ຄວາມສາມາດດຂົ້າໄປເບີ່ງແຍງ
ນີ້ຊີບອກ ເຮົາສູນເສັຍຄວາມເປັນເຈົ້າພໍ່ຕົນເອງຍັງບໍ່ແລ້ວ ຖານະຄວາມມິເອກກະຣາຊທາງດ້ານການເງີນກະຕົກໄປໃນຕັວ ເພາະ ສະກູນເງີນເປັນທີ່ບໍ່ຍອມຮັບໄດ້ໃນເຂດພິສດນິ້ ເຊັ່ນດຽວກັບເຮົາສູນເສັຍຄວາມເປັນເອກກະຣາຊດ້ານຍຸດຕິທັມ ເພາະ ກົດຫມາຍລາວໄປບໍ່ເຖິງເຂດພິເສດນີ້
ການສົ່ງ ກັມມະກອນຜິດກົດຫມາຍ21ຄົນ ທິ່ ຂົ່ມຂື່ນເດັກຍິງອາຍຸ12ປິຈົນຕາຍ ກັບ ປທເຂົາ ໂດຍບໍ່ຜ່ານຂະບວນການຍຸດຕິທັມລາວ
ບອກໃຫ້ເຫັນຢ່າງແຈ້ງຂາວວ່າ ໃນ ຍຸກສັຕວັດທີ່ 21 ສປປລ ເປັນແຂວງນື່ງຂອງ ພວກຫມາແກວຫັວຂອດຢ່າງເຫັນແຈ້ງປະຕີເສດບໍ່ໄດ້ເດັດຂາດ

ມິຄຳຕອບຕໍ່ ທີ່

www.radiochampamuonglao.free.fr

__________________
Blacksaphire

Date:
Permalink   
 

รัฐบาล สปป ลาว เป็นรัฐบาลคอมมูนิสม์ซ้ายจัด
เป็นเผด็จการไม่แตกต่างกับ พอลพตเขมรแดงฃ่าได้,ขายได้พลเมืองของประ

เทศตนเองไห้กับชาติอื่น ปัจุับันนี้ประเทศลาวไม่แตกต่างกับลาวฝั่งตระวันตกไทอิสานเป็นของไทยสยาม เพราะคนลาวมืด
บอดทางปัญญา ไม่กล้าต่อสู้กับศัตรู แต่ชอบพูดโอ้อวดความเก่งกล้าเพียงแต่ปากเท่านั้น ถ้าศัตรูมามีแต่ปบกับแล่นเท่านันเอง.
พอมีควมสุขในต่างประเทศก็ลืมอดิตร์เก่าที่โดดหนีจากการไล่ฃ่าของลาว-แกวแดง ก็กลับคืนไปรับไช้ัสัตรูเก่าของตนเอง
และไปโอ้อวดใน สปปล อีก นี้คือนิสัยของคนลาวโง่ๆ ที่เจ็บแล้วไม่จำ เช่นพวกคนลาวนอกไปรับเหรียญตราหลอกลาวนอกโง่...

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ເສຖກິດ

ຫລັງປິ 1991 ເມື່ອ ຄມນໂຊວຽດໄດ້ຝົ້ງອອກຈາກສັງຄົມໂລກ ໃຜໆ ກະຄິດວ່າ ອມຣກ ເປັນເຈົ້າໂລກຄົນດຽວ
ແຕ່ເຂົ້າໄຈຜິດໄປແລ້ວ
ອມຣກ ສາມາດສົ່ງກອງກຳລັງທະຫານ ຍົນ ລົດຕັງ ເຮຶອບັນທຸກເຄຶ່ອງ ບິນໄປຖະຫລົ່ມ ປທ ນັ້ນ ປທ ນິ້ໄດ້
ແຕ່
3 Rating agencies ( Standard&poor , Moody's and Fitch ) ສາມາດສົ່ງຂໍ້ມູນ ທາງດ້ານເສຖກິດເຂົ້າທຳລາຍເພຶ່ອເຕຶອນເສດຖິໂລກ ໃຫ້ເຂົ້າໄປ ລົງທຶນ ຫລຶ ຖອນທຶນເຂົ້າໄດ້ສະບາຍ

ປທທິ່ 1 ຫລຶ ສາມ Rating agencies ອັນໃດຕະລາຍຕໍ່ກັນ ???
ຊອກຫາຄຳຕອບເອງ ກໍ່ແລ້ວກັນ
ພຽງແຕ່ຂໍບອກວ່າ
ສາມສະຖາບັນຄາດຄະເນ ຢູ່ທິ່ ອມຣກ ນັ້ນເອງ

ເຖິງເຣັດໃຫ້ນັກເສຖສາດ ທິ່ ເອິຣົບຕ້ອງການສ້າງ Rating agencies ຂື້ນເພື່ອເປັນການຕໍ່ຮອງກັບການຜູກຂາດຂອງ ອມຣກ ໃນເລື້ອງນິ້




1.
http://www.standardandpoors.com/ratings/sovereigns/ratings-list/en/us/?subSectorCode=39&start=0&range=50
ຄະແນນທີ່ ອົງການນິ້ໃຫ້ ເພຶ່ອເຕືອນແກ່ນັກລົງທຶນ ວ່າ ປທໃດ ສົມຄວນແກ່ການລົງທຶນ ເມື່ອເສຖກິດຫັ້ມນຄົງ ຕ່ອນເງີນທິ່ເຂົານຳມາຄເ່ຂາຍໃນ ປທ ນັ້ນກະມິໂອກາດຈະສູນເສັຍນ້ອຍທິ່ສຸດ (ສປປລ ບໍ່ຢູ່ໃນກັບການໃຫ້ຄະແນນ້ພາະເປັນ ປທ ທຸກຍາກລ້າຫລັງບໍ່ເປັນໂຕຂອງຕົນເອງ

2.
http://www.moodys.com/privatepolicy.aspx?lang=en&cy=global
http://www.stepmap.de/karte/moodys-laender-rating-158393
ປທ ເກຣກ ແລະNord Irland ອັນຕະຣາຍທິ່ສຸດ ໃນການລົງທຶນຈາກນອກ ປທ ຫລື ຈະຮັບການໃຫ້ຢືມເງິນມາພັທນາ ປທ ເພາະເປັນ ປທ ລົ່ມລະລາຍແລ້ວ
ຄະແນນມີດັ່ງນີ້

AAA Excellent
AA very good
A sufficient
BBB enough
BB insufficient
B very insufficient
CCC default


3.http://reports.fitchratings.com/

Fitch Ratings is a global rating agency committed to providing the world’s credit markets with independent and prospective credit opinions, research, and data. With 50 offices worldwide, Fitch Ratings’ global expertise, built on a foundation of local market experience, spans across capital markets in over 150 countries. Fitch Ratings is widely recognized by investors, issuers, and bankers for its credible, transparent, and timely coverage.

Fitch Ratings is headquartered in New York and London and is part of the Fitch Group. In addition to Fitch Ratings, the Fitch Group also includes Fitch Solutions, a distribution channel for Fitch Ratings products and a provider of data, analytics, and related services. The Fitch Group also includes Algorithmics, a world leading provider of enterprise risk management solutions.

The Fitch Group is a majority-owned subsidiary of Fimalac, S.A., headquartered in Paris, France. For additional information, please visit www.fitchratings.com; www.fitchsolutions.com; and www.algorithmics.com.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

http://www.youtube.com/watch?v=oVhIeBa_E-I

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


Reply Quote Printer Friendly

Thairath 08.07.2011

http://samakomlao.blogspot.com/2011/07/10.html?showComment=1310449147070#comment-c2222320702277134807

รวบ10สาวลาว ยืนขายบริการ ริมถ.เมืองอุดรธานี

ตำรวจ อุดรธานีรวบ 10 สาวลาว ยืนจับกลุ่มเชิญชวนผู้ชายที่เดินผ่านไปมาซื้อบริการทางเพศ สารภาพได้เงินครั้งละ 1,000 บาท ก่อนส่งกลับไปให้พ่อแม่ และเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา...

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 8 ก.ค. พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป. สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ถึงซอยอดุลยเดช 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบหญิงสาว 10 คน ยืนจับกลุ่มอยู่ริมถนน เชิญชวนผู้ชายที่เดินผ่านไปมาซื้อบริการทางเพศ ตำรวจจึงได้แสดงตัวขอตรวจบัตรประชาชน แต่กลุ่มหญิงดังกล่าวไม่มีแสดง และสารภาพว่าเป็นคนลาว จึงควบคุมตัวไปโรงพัก

จากการสอบสวนทราบชื่อ ว่า น.ส.อัมพวัน อายุ 21 ปี, น.ส.สุพันสา อายุ 22 ปี, น.ส.มน อายุ 21 ปี น.ส.น้อย อายุ 19 ปี, น.ส.บัวสาวัน อายุ 24 ปี, น.ส.พุทพะทัย อายุ 24 ปี, น.ส.ธันยาภัทร์ อายุ 24 ปี, น.ส.สุกัน อายุ 20 ปี, น.ส.ตาคำ อายุ 21 ปี และ น.ส.สมปอง อายุ 22 ปี ทั้งหมดราษฎรแขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำหนังสือผ่านแดนเดินทางเข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย ก่อนจะนั่งรถตู้โดยสารมา จ.อุดรธานี แล้วเช่าบ้านอยู่รวมกันในซอยอดุลยเดช 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี พอตกกลางคืนก็จะแต่งตัวออกมายืนเชิญชวนผู้ชายที่ผ่านไปมาซื้อบริการทางเพศ ครั้งละ 700-1,000 บาท ส่วนเงินที่หามาได้ จะส่งไปให้พ่อแม่ หรือบางคนจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา และเมื่อหนังสือผ่านแดนหมดอายุ พวกตนก็จะเดินทางกลับไป แล้วเดินทางกลับมาใหม่อีก

ทั้งนี้ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา "เข้าติดต่อชักชวนแนะนำตัวติดตาม หรือรบเร้าบุคคลตามถนนหรือสาธารณะสถาน หรือกระทำการดังกล่าวในที่อื่นใด เพื่อการประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย หรือเป็นที่เดือดร้อน รำคาญแก่สาธารณะชน" แล้วควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ໄຊສົມພອນກອດຄໍກັນສາມອ້າຍນ້ອງໄປ ຂຸດສົບພໍ່ພວກສຸຂື້ນມາສາສາງໃຫ້ມັນແຈ້ງຂາວ ແລ້ວ ບອກໃຫ້ ໂຄດພໍ່ຂອງພວກສຸ ຊາບໄວ້ ກ່ອນ ປີ 75 ຍາມສົງຄາມແທ້ໆ ບໍ່ມິສິ່ງນີ້ເກິດຂື້ນໄດ້ເດັດຂາດ ໃນສັງຄົມເສຣີບີເເຕ

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี+2สวัสดี Eat Germany

 

Good morning  to all serichon lao   around the world

ทั้งเจ้าcommunist laodeang  ทั้งทหารphak ปัญญาอ่อนแบบนี้ เล่นไม่ยากครับ..เราก็ไปชุมนุมหน้าโรงแรม Donechan Palace ที่มีฝรั่งมากๆ แจกหนังสือว่ารัฐบาลประชาชนBouasoneโดนเจ้าChoummalyเตะตัดขา..เราไม่เอาเจ้า communist neolao ..เดี๋ยวก็เข้าทางแบบ Russia 1991  East Germany 1989   and Cambodia 1992  สหประชาชาติ เข้ามาจัดการ เลือกตั้ง เอากษัตริย์ communistกับไม่เอากษัตริย์แบบ Russia + DDR /GDRเจ้าcommunist neolaoพังแน่ๆ ทหารPhak ของไอ้เหี้ย Douangchai PHICHITที่ไม่ยอม ก็จะตกเป็นอาชญากรสากล..ขอให้Keohouakot from HANOIอย่าเสือกเท่านั้นรับรองสวยแน่ๆ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

+4สวัสดี              SABAIDEE PEENONG LAO                  +สวัสดีค่ะ

 

นักการเมืองneo lao xat xua มึงทำธุระกิจการเมืองไม่มีใครว่า แต่มึงต้องฟังเสียงคนที่เขาลากมึงเข้าสภา อย่าคิดว่ามึงเป็นนายประชาชน



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

อย่าหยุดกระแสร์ ไอ้เหี้ยKhamtai 860landonสั่งอุ้ม 

Bac Ma  General KhamOuane BOUPHA สั่งยิง ..ไม่ต้องไปฟัง ไอ้หมาปัญญาอ่อน Choummaly+Bounngang+Thongsing+Bac Ha xaisomphone Santiphab Sanyaluck PHOMVIHEE เท่านั้นรับรองว่า เจ้าCOMMUNIST BEGGAR NEO LAO พังแน่ๆ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

สวัสดีครับLaoHomlao and Pasalao's Teams: ใครพอรู้บ้างว่า ลูกทักกี้แต่งกับลูกเสี้ยโอ จริงหรือเปล่าค่ะ//ไม่จริง แต่เคยมีการตกลงแบบนั้นเผอิญอีนังพาไปเมืองหลวงของฝรั่งเศสเสียก่อน โดยผลพวงของทหารครูฝึก ทำนองนี้

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ระบอบศักดินา Tiao communist Lao Deang มันล้าสมัยแล้ว คนทุกคนมีความเป็นคนเท่าเทียมกัน จำไว้



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

เสียดินแดน"ปราสาทพระวิหาร" ประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน สังคมวัฒนธรรม สุวรรณภูมิ

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:00:24 น.

Share217

13106156301310615680.jpg


โดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

<!-- P { margin: 0px; } -->



pra01140754p1.jpg
"ผืนดินแลกเปลี่ยน" ในแผนที่ Covention du 7 Octobre 1902 (ขนาด 400x296 มม.) โดยกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส จากหนังสือ Documents diplomatiques affairs de Siam 1893-1902 (พ.ศ.2436-2445) พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส พ.ศ.2445 (ค.ศ.1902) ตรงกับปลายรัชกาลพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5

แสดงเขตแดนสยามตามอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2445 (ค.ศ.1902) พื้นที่แรเงา คือดินแดนที่สยามเสนอให้ฝรั่งเศส ได้แก่ หลวงพระบางฝั่งขวาบางส่วน จำปาศักดิ์ และมโนไพร แลกกับการให้ฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่อนุสัญญานี้ไม่มีผลใช้บังคับเพราะทางรัฐบาลฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบัน นำไปสู่การเจรจาเพิ่มเติมจนได้อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 (เท่ากับแบบสากลคือ ค.ศ.1904) โดยสยามยินยอมสละดินแดน 6 ผืน คือ หลวงพระบางฝั่งขวาทั้งหมด จำปาศักดิ์ มโนไพร ตราด ด่านซ้าย และฝั่งซ้ายแม่น้ำคอบ แลกกับการให้ฝรั่งเศสถอนออกจากจันทบุรี

(ภาพจาก ประมวลสนธิสัญญา อนุสัญญา ความตกลง บันทึกความเข้าใจและแผนที่ ระหว่างสยามประเทศไทยกับประเทศอาเซียนเพื่อนบ้าน โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ)

บทความชื่อ "เสียดินแดน" เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ "ไทย" ไม่เคยเสียดินแดน) ของ ศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เขียนอธิบายถึงความรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง "การเสียดินแดน" ว่าวางอยู่บนความเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างผิดๆ โดยได้อ้างถึงระบบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐในอุษาคเนย์สมัยก่อนศตวรรษที่ 20 ไว้ จะสรุปมาย่อๆ ดังนี้

′รัฐเจ้าพ่อ′ในอุษาคเนย์


รัฐสมัยเก่าไม่ถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องสำคัญ แต่เป็นเรื่องของเจ้าที่มีอำนาจมากถืออำนาจบาตรใหญ่เหนือเจ้าที่มีอำนาจน้อยกว่า ลดหลั่นเป็นลำดับชั้นกันลงไปคือ เป็นความสัมพันธ์แบบ "เจ้าพ่อ"

เจ้าพ่อรายใหญ่ย่อมเรียก "ค่าคุ้มครอง" จากเจ้าพ่อรายเล็กกว่าในรูปของส่วยสาอากรผลประโยชน์ต่างๆ และไพร่พล จากนั้นเจ้าพ่อทั้งรายใหญ่รายเล็กก็ไปขูดรีดเอากับไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตนอีกทอดหนึ่ง

อำนาจของเจ้าพ่อรายเล็กจึงอยู่ที่อำนาจเหนือไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน อำนาจของเจ้าพ่อรายใหญ่จึงอยู่ที่อำนาจเหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน

ดังนั้น เจ้าพ่อรายเล็กที่ยอมเป็นเมืองขึ้นหรือประเทศราชของรัฐเจ้าพ่อใหญ่ยังคงมีอำนาจเหนือเมือง วัง ไพร่ฟ้าข้าไทและเขตอิทธิพลของตน เพียงแต่ไม่ถือว่าเป็น "อิสระ" (คำว่า "อิสระ" แต่เดิมหมายถึงเป็นใหญ่สูงสุด ความหมายเพิ่งเปลี่ยนเป็น independence พร้อมๆกับรัฐสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 20 นี่เอง) เพราะยอมสวามิภักดิ์ต่อรัฐเจ้าพ่อใหญ่

แต่การสวามิภักดิ์มิได้หมายถึงตกเป็นสมบัติของรัฐเจ้าพ่อใหญ่แต่อย่างใด เพียงหมายถึงยอมอยู่ใต้อำนาจบาตรใหญ่ "ความคุ้มครอง" ของเจ้าพ่อรายใหญ่กว่าและยอมจ่าย "ค่าคุ้มครอง" ตามที่เจ้าพ่อรายใหญ่เรียกมาเท่านั้นเอง

อธิปไตยเหนือดินแดนแบบสมัยนี้จึงยังไม่มี เพราะอำนาจขององค์อธิปัตย์หมายถึงอำนาจเหนือคนคือ เหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไท ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตชัดเจน บางทีก็มีบางทีก็ไม่มีไพร่ฟ้าจะเดินทางไกลไปไหนต่อไหนก็ยังถือว่ายังอยู่ใต้อำนาจของเจ้าองค์เดิม หรือที่เรียกว่า "ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร"

พื้นที่บารมีทับซ้อน

ประเทศราชของอยุธยาและกรุงเทพฯแทบทั้งหมดในประวัติศาสตร์เป็นเมืองขึ้นของเจ้าพ่อใหญ่รายอื่นด้วยในเวลาเดียวกัน เช่น พม่า (อังวะ หงสาวดี) และเวียดนาม (เว้ ตังเกี๋ย)

เพราะในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสมัยเก่าแบบเจ้าพ่อนั้น รัฐเล็กๆ ถือว่ายอมอ่อนน้อมต่อเจ้าพ่อใหญ่ดีกว่าต้องโดนเจ้าพ่อลงโทษ ครั้นเจ้าพ่อใหญ่หลายรายมาเรียก "ค่าคุ้มครอง" ก็ยอมซะเท่าที่ยังพอทนไหว (หากทนไม่ไหวค่อยฟ้องเจ้าพ่อ ก. ให้มาจัดการกับเจ้าพ่อ ข.)

ประเทศราชของอยุธยาและกรุงเทพฯ จึงเป็นประเทศราชของ 2-3 เจ้าพ่อใหญ่ในเวลาเดียวกัน เจ้ากรุงเทพฯมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 รู้ข้อนี้ดีว่าประเทศราชไม่เคยขึ้นต่อสยามแต่ผู้เดียว

แต่ครั้นทุกรัฐรับธรรมเนียมสมัยใหม่จากฝรั่งในปลายศตวรรษที่ 19 ที่ไม่ยอมรับอำนาจเหนือดินแดนแบบซ้อนทับอีกต่อไป และถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องใหญ่ จึงต้องแย่งชิงกันว่าดินแดนของประเทศราชเป็นของใครกันแน่แต่ผู้เดียว

ความขัดแย้งระหว่างสยามกับอังกฤษ ฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่ 5 คือ การพยายามแข่งขันกันช่วงชิงดินแดนประเทศราชมาเป็นของตนแต่ผู้เดียว กรณี "เสียดินแดน" คือผลของการแย่งชิงกันแล้วสยามแพ้ สยาม "ไม่ได้ดินแดนมาเป็นของสยามแต่ผู้เดียว" ฝรั่งชนะจึงได้ไป

ประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมของรัฐไทยสมัยใหม่จึงแย่ยิ่งกว่าเจ้ากรุงเทพฯ แบบก่อนศตวรรษที่ 20 เสียอีก

คือหลงคิดว่าประเทศราชเป็นของตนแต่ผู้เดียวมาแต่โบราณ ครั้นแย่งดินแดนประเทศราชกันแล้วแพ้เขา จึงเรียกว่า "ไทยเสียดินแดน"

"เสียดินแดน"ประวัติศาสตร์หลอกไพร่ให้เข้าใจผิด

ในเมื่อไม่เคยเป็นเจ้าของดินแดนประเทศราช ไม่เคยเป็นเจ้าพ่อใหญ่แต่ผู้เดียวด้วยซ้ำไป แถมอำนาจเหนือดินแดนไม่มีขอบเขตชัดเจน การ "เสียดินแดน" แท้ที่จริงแล้วจึงเป็นการเสียอำนาจแบบเจ้าพ่อแบบโบราณ คือ ไม่สามารถอวดอ้างความเป็นอธิราชได้อีกต่อไป เรียกให้เขาอ่อนน้อมไม่ได้แล้ว เรียกเก็บผลประโยชน์ก็ไม่ได้เช่นกัน

ในจารีตแบบรัฐราชาธิราชหรือรัฐเจ้าพ่อแบบสมัยเก่านั้น นี่เป็นการเสียพระเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดินอย่างที่สุดประเภทหนึ่ง

ความเจ็บปวดของเจ้ากรุงเทพฯ จึงเป็นเรื่องของการที่พระองค์เสียพระเกียรติยศอย่างสาหัส ไม่ใช่การ "เสียดินแดน" ในแบบที่เราวัดกันออกมาได้เป็นตารางกิโลเมตร

กล่าวโดยสรุป ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมเรื่องการ "เสียดินแดน" มีองค์ประกอบทางปัญญาสำคัญ 2 ประการ คือ

1.ต้องอ้างว่าเป็นเจ้าของดินแดนประเทศราชมาแต่โบราณซึ่งเป็นทรรศนะประวัติศาสตร์ของเจ้ากรุงเทพฯ และต้องถือเอาความเจ็บปวดของเจ้ากรุงเทพฯ มาเป็นของตนด้วย

2.ต้องอ้างว่าเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวแบบชาตินิยมของรัฐชาติสมัยใหม่

องค์ประกอบทั้งสองประการเริ่มประมวลเข้าด้วยกันวาทการวาทกรรมการ "เสียดินแดน" โดยฝีมือของนักชาตินิยมอย่างหลวงวิจิตรวาทการและอีกหลายคนร่วมสมัยกับเขา โดยเริ่มผลิตมาตั้งแต่ประมาณต้นทศวรรษ 2470 (ก่อนการเปลี่ยนแปลง 2475 เล็กน้อย) และกลายเป็นส่วนสำคัญของลัทธิชาตินิยมของรัฐไทยช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อันนำไปสู่การ "เรียกร้องดินแดนคืน" ในปี 2483

และกรณีดังกล่าวมีผลให้วาทกรรมและความเข้าใจประวัติศาสตร์ (ผิดๆ) เรื่องการ "เสียดินแดน" ฝังแน่นในสังคมไทย

วาทกรรมและประวัติศาสตร์การ "เสียดินแดน" เป็นประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมตัวพ่อ คือ ทั้งทรงพลัง เป็นฐานอย่างหนึ่งที่มีส่วนก่อรูปก่อร่างความคิดชาตินิยมของไทยตั้งแต่เริ่มและยังคงเป็นฐานรากค้ำจุนชาตินิยมของไทยมาจนทุกวันนี้

แถมยังเป็นฐานภูมิปัญญาไทยอย่างหนึ่งที่ให้กำเนิดอุดมการณ์ ความเชื่อ วาทกรรมชาตินิยมอีกมากมาย

คนที่ยังหลงงมงายกับประวัติศาสตร์การ "เสียดินแดน" ก็เท่ากับยังหลงเชื่อประวัติศาสตร์แบบที่เจ้ากรุงเทพฯและพวกอำมาตย์ชาตินิยมต้องการ

มีแต่คนที่รับใช้เจ้าจนตัวตายรับใช้เจ้านายห้วปักหัวปำเท่านั้นแหละที่เที่ยวป่าวร้องอยู่ในกรุงเทพฯให้ไพร่ราบทหารเกณฑ์ไปตายแทน

ปราสาทพระวิหาร ประเทศไทย "เสีย" หรือ "ได้" ดินแดน?

อำนาจดินแดนของรัฐสมัยเก่ามีทั้งซ้อนทับกันและโดยมากไม่กำหนดขอบเขตดินแดนชัดเจน

ดินแดนของรัฐสยามสมัยใหม่ที่ชัดเจนมีเส้นเขตแบ่งปันเพิ่งเกิดขึ้นมาก็ต่อเมื่อแย่งชิงกันจบด้วยกำลังทหาร (ซึ่งสยามสู้ฝรั่งไม่ไหว) สยามจึงไม่เคยเสียดินแดนที่ไม่เคยเป็นของตน รวมถึงพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารด้วย

ศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ให้เหตุผลไว้ในบทความเรื่อง "อดีตและอนาคตของปราสาทพระวิหาร" (มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 13-19 พฤษภาคม 2554) ว่า

การทำสนธิสัญญาในเรื่องเขตแดนกับฝรั่งเศสใน พ.ศ.2447 ซึ่งมีพันธะให้ต้องยอมรับแผนที่แนบท้ายด้วยนี้ รัฐบาลในสมัย ร.5 น่าจะเห็นว่าเป็น "ความสำเร็จ" ที่ยิ่งใหญ่อันหนึ่ง ขณะนั้นยังไม่แน่ชัดว่ามหาอำนาจโดยเฉพาะฝรั่งเศสยอมรับการมีอยู่ของประเทศสยามแค่ไหน เช่น ที่ราบสูงโคราชทั้งหมดเป็นของสยามหรือเป็นดินแดนที่ยังต้องเจรจาต่อรองกันก่อน อย่าลืมว่าใน พ.ศ.2447 ฝรั่งเศสยังยึดจันทบุรี, ตราด และเกาะในอ่าวไทยด้านตะวันออกไว้ทั้งหมด ด้วยข้ออ้างว่าเป็นหลักประกันว่าสยามจะยอมทำตามสัญญายุติความเป็นปรปักษ์กันใน พ.ศ.2436

ฉะนั้น เมื่อฝรั่งเศสยอมลงนามในสนธิสัญญา พ.ศ.2447 จึงเป็นครั้งแรกที่สยามได้อธิปไตยที่แน่ชัด (หรือที่มหาอำนาจรับรอง) บนดินแดนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือเป็นครั้งแรก เป็นอันหมดกังวลเสียทีกับความเปราะบางของอธิปไตยสยามทางด้านนี้

แผนที่แนบท้ายซึ่งสยามให้คำรับรองไว้ จะบิดเบี้ยวไปจากสันปันน้ำอย่างไร จึงไม่มีความสำคัญนัก เส้นเขตแดนที่เลาะเลียบแม่น้ำโขงและเทือกเขาพนมดงเร็กมีความชัดเจนแน่นอน และประกันความปลอดภัยของสยามสำคัญกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้กับปราสาทขอมซึ่งแทบจะไม่มีใครรู้จักเลย

ชาตินิยมที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในขณะนี้จึงเป็นผลผลิตของประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมเรื่อง "เสียดินแดน" ปัญหาเขตแดนระหว่างประเทศเป็นมรดกตกทอดจากยุคอาณานิคมอย่างไม่ต้องสงสัย

แถมยังมีอีกหลายแห่งรอบชายแดนประเทศไทย ไม่ใช่แค่ชายแดนกัมพูชา ที่ไม่มีทางแก้ตกง่ายๆ หรืออาจคาราคาซังแก้ไม่มีทางหมดสิ้นก็เป็นได้

เพราะรากเหง้าของปัญหามาจากระบบความสัมพันธ์ของรัฐแบบสมัยก่อนไม่ถือดินแดนที่ชัดเจนตายตัว กับความสัมพันธ์แบบรัฐชาติสมัยใหม่ที่ถืออธิปไตยเหนือดินแดนที่ชัดเจนตายตัวเป็นเรื่องใหญ่ เข้ากันไม่ได้ อ.ธงชัยกล่าวไว้ในช่วงท้ายของบทความ

...........

ธงชัย วินิจจะกูล อธิบายถึงความรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง "การเสียดินแดน" ว่าวางอยู่บนความเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างผิดๆ 4 ประการ ได้แก่

1.เข้าใจผิดว่า รัฐสมัยเก่า (ก่อนศตวรรษที่ 20) ถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องใหญ่

2.เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยของรัฐเจ้าพ่อใหญ่

3.เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้นหรือประเทศราชหนึ่งย่อมขึ้นต่อเจ้าพ่อรายใหญ่เพียงรายเดียวเมืองขึ้นของสยามย่อมขึ้นต่อสยามเท่านั้น ดังนั้น ดินแดนประเทศราชย่อมเป็นของประเทศสยามแต่ผู้เดียว

4.เข้าใจผิดว่า ดินแดนของรัฐสมัยเก่ากำหนดชัดเจนแน่นอนว่าตรงไหนของใคร จึงสามารถพูดได้ว่า ไทยเสียดินแดนไปกี่ครั้งกี่ตารางกิโลเมตร

หน้า 20,มติชนรายวันฉบับวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2554



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 



ASTV ກ່າວເຈົ້າຫນ້າທີ່ລາວປົກປິດຂ່າວ ແກວທໍາສໍາເຣົາຍິງລາວຈົນຕາຍ.


ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ได้เกิดข่าวเล่าลือกระฉ่อนเมืองหลวงของลาว เมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับหญิงสาวนุ่งสั้นคนหนึ่ง ถูกคนงานก่อสร้างกว่า 20 คนรุมโทรมจนสิ้นสติ และไปเสียชีวิตในโรงพยาบาล ในขณะที่ “คนงานชาวต่างชาติ” เพียงแต่ถูกปรับและถูกส่งกลับประเทศเท่านั้น และเมื่อข่าวเล่าลือทำท่าจะเป็นจริงเป็นจัง ทางการต้องออกปฏิเสธเรื่องนี้

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ “เวียงจันทน์ใหม่” กองกำลังป้องกันความสงบเมืองสีโคดตะบองซึ่งเป็นเขต (หรืออำเภอ) หนึ่งของนครเวียงจันทน์ ที่ถูกระบุเป็นที่เกิดเหตุได้ออกแถลงปฏิเสธข่าวดังกล่าว

“ด้วยความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ทุกแขนงการโดยเฉพาะ คือ กองบัญชาการ ปกส.เมืองสีโคดตะบอง ซึ่งเป็นที่ที่ถูกอ้างถึงได้ลงชันสูตรข่าว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2554 เพื่อค้นหาแหล่งข้อมูลที่กล่าวนั้น แต่ไม่พบ และมีข้อสรุปว่า เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง” สื่อของทางการรายงาน

ข่าวลือไม่ได้ระบุชัดเกี่ยวกับวันที่เกิดเหตุ แต่เล่ากันต่อๆ ไป ว่า เกิดเวลาประมาณเที่ยงคืน ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.หญิงสาวที่สวมกระโปรง (สะเกิ๊ต) สั้นๆ คนหนึ่ง ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังเลิกงาน แต่บังเอิญรถไปหมดน้ำมันลงที่บริเวณก่อสร้าง จึงถูกคนงานข่มขืน

“ครั้งแรกเพียง 2-3 คน และกลายเป็นคนที่ 20 หรือ 21 จนผู้เกี่ยวข้อง (หญิงสาว) หมดสติ แล้วคนสุดท้ายนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา” และหลังลงมือข่มขืนแล้ว “คนงานต่างชาติทั้งกว่า 20 คน เพียงถูกปรับคนละ 20 ล้านกีบ (260 กีบ/บาท) แล้วถูกส่งกลับประเทศ” เวียงจันทน์ใหม่รายงาน

พ.ต.หลวงคำ หอมสมบัด รองผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันความสงบเมืองสีโคดตะบองกล่าวกับหนังสือพิมพ์ ของ ปกส.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า เจ้าหน้าที่ได้ลงประสานงานสอบสวนสืบสวนหาข้อเท็จจริงกับกลุ่มบ้านต่างๆ ทั่วทั้งเมือง ตลอดจนโรงพยาบาลที่ถูกระบุ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในข่าวลือดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ที่ชาวต่างชาติกระทำความผิดในดินแดนลาวแล้วไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งยกตัวอย่างกรณี น.ส.ซามันธา โอโรบาตอร์ ชาวอังกฤษที่ถูกจับคดียาเสพติดเมื่อ 2 ปีก่อน เธอถูกศาลลาวติดสินประหารชีวิต แต่ถูกส่งกลับไปรับโทษในประเทศบ้านเกิด ตามข้อตกลงการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างรัฐบาลประเทศ
พ.ต.คำหอม กล่าวอีกว่า ทางการกำลังเสาะหาตัวผู้สร้างข่าวลือนี้เพื่อนำมาให้ข้อเท็จจริงแก่สังคมทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งอีกด้วย
คณะบัญชาการ ปสก.เมืองได้ทำหนังสือลงวันที่ 23 มิ.ย.2554 ถึงเจ้าครอง (ผู้ว่าราชการ) นครเวียงจันทน์ รายงานว่า เรื่องทั้งหมดล้วนไม่มีมูลความจริงแต่อย่างไร เวียงจันทน์ใหม่ซึ่งเป็นของทางการนครเวียงจันทน์กล่าว

สื่อของทางการกล่าวอีกว่า ข่าวลือน่าจะปล่อยออกมาโดยกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบสร้างเรื่องราวสนุกๆ เล่าขานกันปากต่อปากจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องแบบนี้ขัดต่อวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวลาว ขณะเดียวกันผู้บริโภคข่าวสารในยุคไร้พรมแดน ต้องกลั่นกรองข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ดีอีกด้วย

ชาวลาวโดยทั่วไปยังคงเคร่งครัดในการแต่งกายตามประเพณีนิยม โดยหญิงสาวนุ่งผ้าซิ่นยาวเกือบถึงระดับข้อเท้า สวมเสื้อผ้าที่มีสีสันและลวดลายสวยงามแต่ปกปิดมิดชิด การนุ่งสั้นจะตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน และเป็นสิ่งที่หาพบได้ยาก หลายปีมานี้ทางการกับสื่อต่างๆ ได้รณรงค์อย่างต่อเนื่องให้แม่หญิงสาวสวมชุดประเพณีนิยม

ในช่วงฉลองครบรอบ 450 ปีนครเวียงจันทน์ปลายปีที่แล้ว ทางการนครได้สั่งห้ามนำเข้าเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วดูล่อแหลมทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อสายเดี่ยว กับกางเกงขาสั้นท่าสั้นเต่อจนถึงโคนขา และ ยังห้ามร้านค้าต่างๆ จำหน่ายอีกด้วย

ปัญหาการแต่งกายยังเป็นเรื่องที่มีความล่อแหลมในลาว แม้กระทั่งแฟชั่นในนิตยสารต่างๆ ก็มักจะถูกผู้อ่านวิพากษ์วิจารณ์เสมอ ถ้าหากให้นางแบบสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ “ประชาชน” ของศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้ออกบทนำเมื่อไม่นานมานี้วิพากษ์สิ่ง ที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์ย่อท้อ” ในสังคมปัจจุบัน และเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำการแก้ไข ซึ่งรวมทั้งการแต่งกายผิดประเพณีนิยม การเที่ยวกลางคืนของเยาวชน และปัญหาการลักลอบค้าประเวณีด้วย

การข่มขืนกระทำชำเราเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยินบ่อยๆ ในนครเวียงจันทน์ ในขณะที่สื่อต่างๆ ของทางการรายงานข่าวอาชญากรรมอื่นๆ รวมทั้งการปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ การลักขโมย การฉกชิงวิ่งราว และ ทั้งข่าวฆาตกรรมในครัวเรือ และฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเป็นระยะๆ


ความคิดเห็นที่ 62
ma see mea bak keo meuing ma ha dek yu ban ku. meuing yang ma sang kaum bor dee eek nor. ma see mae meuing bak keo.
kon lao jai lao/

ຫມາສີ້ແມ່ ບັກແກວມຶງ ມາຫາແດກຢູ່ບ້ານກູ ມຶງ ຫຍັງມາສ້າງ ຄວາມບໍ່ດີ ອິກນໍ ຫມາສີ້ແມ່ມຶງບັກແກວ
ຄົນລາວໄຈລາວ

ກ່າຍຈາກ ແວບໄຊ ຜູ້ຈັດການ ທິ່ ກທມ

ເຊິນເຂົ້າໄປອ່ານຄວາມຈິງໄດ້ທີ່ນີ້
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000084976


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Ils ont gagné, et les autres ont reconnu leur défaite !
C'est ça la démocratie .


Les chemises rouges peuvent maintenant panser leurs plaies
enterrer leurs morts et faire sortir leurs prisonniers.


Je demande à la RDPL, je vous en prie,
rendez les restes du roi, de la reine et du prince héritier
pour raviver la réconciliation national.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Neo-colonialism
Of Vietnam in Laos.



25 year Treaty between Vietnam & Laos ( July 18, 1977 )


Article One: The Mutual Trust & Long Term Cooperation


The two sides undertake to do their best to defend and develop the Lao-Vietnam special relationship to constantly strengthen solidarity and mutual trust, long-term cooperation and mutual assistance in all fields in a spirit of proletarian internationalism


Article Five: The Two Sides Endeavor to Strengthen Militants, Solidarity Relations & Cooperation


Military, the 25 year Vietnamese - Laotian Treaty of July 18, 1977 allowed more then 500,000 Vietnamese civilians and family of the army to station in Laos. There were more than 100,000 Vietnam troops in December 1988.
In December 1988, the Communist Lao Government announced that all the Vietnam troops had withdrawn from Laos but in fact, there are still more than 60,000 Vietnamese troops in December 1990.




On 11 November 1995 Vietnam signed a new Treaty with Laos to further enhance this arrangement, under the name " Labour Exchange Agreement "
Under the term of Labour Exchange Agreement , Vietnam sent their soldiers to Laos in the disguise of ordinary labourers; these labourers had trucks of their own, in which they kept a wide variety of special weaponry for military action for any eventuality.




Neo-colonialism
( In Canada, for example.)


Neocolonialism means a 'new colonialism'. It involves the use
of state-funded Native government, business, & organizations to indirectly
control Indigenous people. In Canada, for example, the government
spends billions of dollars annually to maintain a system of neocolonialism,
funding band councils, Aboriginal political organizations, as well as social
programs, arts & culture, etc.
"Neocolonialism involves the use of Natives to control their own
people. In general, it means giving some of the benefits of the dominant
society to a small, privileged minority, in return for their help in making
sure the majority cause trouble..; the image of successful Aboriginals in
government [helps] create the myth that all Natives have a place in the
dominant society.
"The change from colonialism to neocolonialism is a change only
in how the state controls the colonized people. Colonialism is a system in
which the colonized people have no control over their l ive s -
economically, socially, politically, or culturally. The power to make
decisions in these important areas of daily life are almost totally in the
hands of others, either the state or corporations & business... the state is
willing to share some of the wealth of a racist system with a few Natives
in return for a more effective method of controlling the majority.
"The most threatening & effective form of neocolonialism
devised by the state has been its efforts to intervene & control popular Native organizations which had been previously
independent. They began with core grants to help the associations organize; then the elected leaders of the organizations
got l a rge r & larger s a l a r i e s -making them dependent on the state jus t as the Native bureaucrats in government were. As the
years went by more money was provided to organi z a t ions -money for housing, economic development & service programs,
etc.
"The most important effect of government funding, or state intervention, is that the state, by manipulating grants,
can determine to a large extent what strategy the organizations will use. It is no coincidence that when organizations were
independent of government money in the mid-sixties, they followed a militant
strategy which confronted government. Now, after twenty years of grants, they Ruling Class
are foilowing a strategy that requires subser-vience to the state."

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

มันโกงคนในประเทศซะจนเคยตัว เพราะไม่มีใครหืแอือกับพวกมันสักครั้ง
เจออย่างนี้ซะบ้าง เด๋วรัฐบานลาว ปชช ลาว พรรค คมน ลาวแดง ลาวลีง ลาวนอกก็ต้องวิ่งแจ้นหาเงินฝากไปให้มันแดกห่าตามเคยไม่เห็นมันต้องเดือนร้อนอะไร สรัพย์สินของตระกูลพรรค(คำตาย บุนยัง ทองสีง บัวสร ไชสมพร สันยาลัก
สันตีภาพ)ไม่ต้องพร่อง เกิดเป็นเทวดา พรรค นี้ มันช่างไร้สาระสี้นดีการงานไม่สร้าง แต่กินเครื่อง
เซ่นไหว้ล้วนแต่ของดีๆ ทั้งนั้น







__________________
Dara souvannaphommaUSA

Date:
Permalink   
 

For The First Time, Developing Countries Spending The Most On Renewables | Fast Company

For The First Time, Developing Countries Spending The Most On Renewables Spending on renewable energy is at an all-time high around the world, and in some of the poorest places on Earth, it may mean leapfrogging over dirty power sources in favor of clean ones. That's it folks. 2010 may have been the year when developing countries pulled away from the developed world's fossil-fuel fouled past, toward a future powered by clean renewables. And despite the fact that much of that investment was state...

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


http://www.rfa.org/lao/news-about-laos/illegal-workers-raped-lao-girl-07072011123818.html

Laos state just can not apply law on their soil for Viet illegals. I know the rapers will be harshly punished once at home but this raises a concern on Lao sovereignty. We are occupied. True Lao,wake up! Invaders will one day pay a price.

__._,_.___

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ບ້ານເຣົາ ປະທານ ປທ ມິເງິນເດືອນ ກິນ 400 ດລ ຕໍ່ເດືອນ ຫລຶ 4800 ດລ

ແຕ່ທີ່ປືກສາ ປທ ປທ ຝັຣ່ງເສດ ມິເງິນເດຶອນເຖິງ

290.368,93 euros ຫລື 451 000 ດລ ຕໍ່ປິ

ລື່ນບັກຈູມພັນເທົ້າ


ແຕ່ນັກການເມືອງ ຕ່າງຊາດ ທຸດຍາກປາກຫມອງເພາະ ກິນແຕ່ເງິຣເດືອນແປດແປດ

ສວ່ນບ້ານເຮົາ

ອະດິດ ປະທານ ປທ ມິເງິນຮອດ860ບ້ານ ດລ ສ່ວນອະດິດ ນຍ ປາດໂປ່ງຈາກຊຳເຫນຶອ ບໍ່ໃຫ້ເວົ້າ ກ່ວາພັນລ້ານ ດລ

ປະທານ ຄົນດຽວນີ້ ພັກມອບໃຫ້ອິກ ເປັນພາຣະທິ່ 2 ຍ້ອນ ແດກຫ່າຫລາຍ ກາຊິໂນ ທິ່ ບ້ານຕົ້ນເຜິ້ງ ແຂວງ ບໍ່ແກ້ວກະແມ່ນມັນໃຫ້ໄຟຂຽວ ແລະ ທິ່ອັຕປຶ ບ້ານມັນ ມັນກະມອບແຜ່ນດິນພໍ່ແຜ່ນດີນແມ່ໃຫ້ເປັນກັມມະສິດຂອງໂຄດແກວມັນ ເປັນເວລາ70ປິ

ສະນັ້ນຈື່ງບໍ່ແປກຫັຍງທິ່ ມິເງິນຮອດ1500ລ້ານ ດລ




La plume du petit coq Sarko vit des fins de mois difficile.



Henri Guaino n'aime pas parler argent. Interrogé sur RMC mercredi au sujet de son salaire, le conseiller spécial de l"Elysée a refusé de donner un chiffre. "Mon salaire ? Cela ne vous regarde pas ! Même si je n'ai rien à cacher, je suis totalement opposé au fait que mes revenus soient exposés sur tous les murs de Paris. Je refuse de le dire à l'antenne !", a répliqué la plume de Nicolas Sarkozy. "Je pense que la transparence absolue est totalitaire", a-t-il ajouté :
Le député apparenté PS, René Dosière, est lui un apôtre de la transparence. "Je ne vois pas pourquoi la rémunération d'un haut fonctionnaire ou d'un élu devrait être cachée", a-t-il expliqué au Post. Il évalue le salaire net mensuel d'Henri Guaino à l'Elysée à 19.000 euros.
L'auteur notamment de L'argent caché de l'Élysée explique ne pas pouvoir donner de chiffre plus précis parce que le dernier rapport sur le budget de l'Elysée ne le mentionnait pas.
Précédent en 2009
Son estimation recoupe celle du Canard Enchaîné datant de 2009. Il évaluait le salaire annuel brut d'Henri Guaino à 290.368,93 euros : 132.856,93 euros en tant que conseiller maître de la Cour des comptes, auxquels s'ajoute "une indemnité de sujétion particulière" de 157.512 euros.
A l'époque, Henri Guaino avait déjà dénoncé une "espèce de transparence totalitaire, mesquine".

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


We have more than enough in formations
On how our country was abuse by neighbors, watch by your self.


http://www.thairath.co.th/content/region/184823

http://news.bbc.co.uk/2/hi/programmes/from_our_own_correspondent/9498760.stm

http://rideasia.net/forum/the-chinese-casino-in-boten-laos-t412.html

http://www.rfa.org/lao/news-about-laos/illegal-workers-raped-lao-girl-07072011123818.html


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຕໍາຫຼວດຈັງຫວັດອຸດອນ ປະເທດໄທ ຈັບໂຕສາວລາວ ຈໍານວນ 10 ຄົນ ທີ່ຢືນເກາະກຸ່ມ ເພື່ອເຊີນຊວນໃຫ້ຜູ້ຊາຍ ທີ່ຍ່າງກາຍໄປມາ ຊື້ບໍລິການທາງເພດ ໂດຍພວກເຂົາສາລະພາບວ່າ ໄດ້ເງິນ
ເທື່ອລະ 1,000 ບາດ ເພື່ອສົ່ງໄປໃຫ້ພໍ່ແມ່ຢູ່ປະເທດລາວ ແລະ ອີກສ່ວນຫນຶ່ງເພື່ອໃຊ້ເປັນທຶນການສຶກສາ.

ເມື່ອເວລາ ທ່ຽງຄືນຂອງວັນທີ່ 8 ກໍລະກົດ ຕໍາຫຼວດອຸດອນໄດ້ອອກໄປກວດວຽກ ໃນເຂດທີ່ພວກເຂົາຮັບຜິດຊອບ. ເມື່ອມາເຖິງເຂດເທດສະບານອຸດອນ ໄດ້ພົບເຫັນຫຍິງສາວ 10 ຄົນ ຢືນຈັບກຸ່ມກັນຢູ່ຂ້າງຫົນທາງ ເພື່ອເຊີນຊວນໃຫ້ຜູ້ຊາຍ ມາຊື້ບໍລິການທາງເພດ ຕໍາຫຼວດໄທ ຈຶ່ງໄດ້ຂໍກວດສອບ ບັດປະຈໍາຕົວ ແຕ່ບັນດາແມ່ຫຍິງເຫຼົ່ານີ້ ບໍ່ໄດ້ໂຊບັດ ແລະ ຮັບສາລະພາບ
ວ່າແມ່ນຄົນລາວ ຈຶ່ງຖືກຈັບໂຕໄປສູນຕໍາຫຼວດ ເພື່ອທໍາການສຶບສວນ

ຈາກການສຶບສວນ ເຣັດໃຫ້ຣູ້ວ່າ ເດັກນ້ອຍແມ່ຫຍິງເຫຼົ່ານີ້ ແມ່ນມີອາຍຸ ປະມານ 19-24 ປີ ໂດຍທັງຫມົດແມ່ນປະຊາຊົນ ໃນເຂດກໍາແພງນະຄອນ. ພວກເຂົາຍັງຮັບສາລະພາບຕື່ມອີກວ່າ ພວກເຂົາໄດ້ ເຮັດຫນັງສຶຜ່າ່ນແດນ ຜ່ານເຂົ້າມາທາງ ຂົວມິດຕະພາບລາວໄທ ຈັງຫວັດຫນອງຄາຍ ແລະໄດ້ນັ່ງລົດເມເຂົ້າມາ ຈັງຫວັດອຸດອນ ແລະເຊົ່າບ້ານຢູ່ຣ່ວມກັນ. ເມື່ອເຖິງເວລາກາງຄືນ ກໍ່ຈະແຕ່ງຕົວ ເພື່ອອອກມາຫາເງິນ ຜ່ານການຂາຍບໍລິການທາງເພດ.

http://www.thairath.co.th/content/region/184823

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ນ.ຍ.ລາວ ຢືນຢັນທີ່ຈະລົບລ້າງ ຄວາມທຸກຈົນ ຂອງປະຊາຊົນ ໃຫ້ໄດ້ພາຍໃນປີ 2015
ນ.ຍ.ລາວ ຢືນຢັນທີ່ຈະສຸມທຸກກຳລັງ ຄວາມສາມາດ ເຂົ້າໃນການພັດທະນາ ເພື່ອລົບລ້າງຄວາມທຸກຈົນ ຂອງປະຊາຊົນລາວ ໃຫ້ໄດ້ພາຍໃນປີ 2015.

ທ່ານສຸບັນ ສະລິດທິລາດລັດຖະມົນຕີປະຈໍາສໍານັກ ງານນາຍົກລັດຖະມົນຕີໄດ້ ຖະແຫລງຍອມຮັບໃນຖານະ ປະທານ ຄະນະກໍາມະການ ຄວບຄຸມ ແລະກວດກາຢາ ເສບຕິດແຫ່ງຊາດລາວວ່າ ປະເທດລາວກໍາລັງປະເຊີນ ກັບບັນຫາການຊົມໃຊ້ຢາ ເສບຕິດເພີ້ມຫຼາຍຂຶ້ນນັບມື້ ໂດຍສະເພາະແມ່ນການຊົມ ໃຊ້ຢາບ້າຂອງບັນດາເຍົາວະຊົນລາວນັ້ນ

ກໍຍ້ອນວ່າ ໂຄງການພັດທະນາເພື່ອແກ້ໄຂປັນຫາຄວາມຢາກຈົນ ເຂົ້າໄປບໍ່ເຖີງ ໝູ່ບ້ານສ່ວນໃຫ່ຍທີ່ເຂົ້າຮ່ວມໃນແຜນການ ລົບລ້າງການປູກຝິ່ນຢ່າງສີ້ນເຊີງ ຈໍານວນ1,100 ກວ່າໝູ່ບ້ານ ນັບແຕ່ປີ 2006 ເປັນຕົ້ນມາ.

..........................................................................................


ພວກຄວາຍ ມືງເວົ້າມາແລ້ວ 36 ປິ ມິຫຍັງແກ້ໄຂໄດ້ ນອກຈາກ ແກ້ ສະລີບເມັຍພວກມືງຫັ້ນ
ພວກຄວາຍ ມືງເວົ້າມາແລ້ວ 36 ປິ ມິຫຍັງແກ້ໄຂໄດ້ ນອກຈາກ ແກ້ ສະລີບເມັຍພວກມືງຫັ້ນ
ພວກຄວາຍ ມືງເວົ້າມາແລ້ວ 36 ປິ ມິຫຍັງແກ້ໄຂໄດ້ ນອກຈາກ ແກ້ ສະລີບເມັຍພວກມືງຫັ້ນ

ເພື່ອຍ່າງອອກຈາກຄວາມທຸກຍາກໄດ້

ທຸກໆ ຄອບຄັວ (100ເປິເຊັນ)
ຕ້ອງມິວິດຊິມໃຊ້
ມິນ້ຳປະປາ
ໄຟຟ້າ
ຕູ້ເຢັນ
ເຄຶ້ອງຄັວກິນໄຟຟ້າ
ເຕົາຮິດໄຟຟ້າ
ໂທຣະທັດ
ໂທຣະສັບ
ເຄື່ອງຊັກເຄຶ້ອງໄຟຟ້າ
ທຸກໆ ຄັວເຮຶອນ ທິ່ ປອດ ເຮຶອນໄມ້ໄຜ່


ສິ່ງກ່າວມາຂ້າງເທຶງນິ້ ປທ ເສດຖິເຈົ້າໂລກ 12 ປທ ທິ່ ອົພຍົບລາວມາອາສັຍໃນ Pee 75 ຫາຍຫ່ວງ ແລ້ວ
ບໍ່ມິບັນຫາແລ້ວ

ແຕ່ບ້ານເຮົາ ຄົນ 6 ລ້ານຄົນ ຍັງມິຈັກເປິເຊັນ ຕົກຮັບກັບສິ່ງນີ້ໄດ້ລະ

ບັກຈູມ ບຸນຍັງ(ບັກຫມາສິ້ແມ່ໂຕນິລະມັນປະກາດ ກ່ອນພັກຊິເຕະມັນລົງຈາກ ນຍ ໃນປິ2020 ລາວຊິຫາຍທຸກ) ໄປກອດຄໍບັກຄຳຕາຍ ໄຊສົມພອນ ສັນຍາລັກ ສັນຕິພາຍ ໄປ ຄົ້ນເອົາສົບ ບັກໄກສອນຂື້ນມາຝັກ ແລະ ບອກ ມັນວ່າ ອິກ ຊາວຊາດ ຄມນ ມຶງກະແກ້ໄຂຄວາມທຸກຍາກໃນ ປທ ນິ້ ບໍ່ໄດ້ເດັດຂາດ

ສິ່ງນື່ງອິກ ທິ່ ລຶມບອກ ທຸກ ໆ 1000ຄົນ ໃນ ປທເສດຖຶ ມິລົດ່ແລ້ວ 500ຄົນຮອດ700
ແປວ່າ ທຸກໆ ສອງຄົນມິລົດຂີ່ຄັນນື່ງ
36 ປິ ລາວນອກ ມາຊົ້ນໃນຄວາມຮັ່ງມິ ມິລົດຂິ່ຈັກ ລູ້ນແລ້ວ

ຈູມລຸກຂື້ນມາຕອບດ້ວຍ ມຶງຢ່າເສຶອກdomແຕ່ຫອຍເມັຍມຶງຫລາຍ


ບ້ານເຮົາ ຄົນ90ເປິເຊັນ ຍັງຂີ່ກຽນຢູ່ ແບບປິ 1975 ເມື່ອໂຈນເຂົ້າມາ ວຽງຈັນ
ມັນແມ່ນຄວາມສະຫາຍບັວສອນ ບອກ ທິ່ ສິ່ງກະໂປແລ້ວ ໃນປິ 2008
ວ່າ ສປປລ ລ້າຫລັງກ່ວາ ອມຣກ 300 ປິ

ປາກບໍ່ດິ ແກວລາກຄໍອອກຈາກ ນຍ ຊ້ຳ





__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຖ້າ ຂພຈ ເປັນ ຣຖບ. ກໍຄົງຈະອອກມາຖແລງວ່າ:
ເລື້ອງຜູ້ຍິລາວ ຫລືປະຊາຊົນລາວພາກັນໄປຫາເງິນໂດຍວິທີຕ່າງໆ
ທີ່ປະເທດໄທນັ້ນ ຢ່າມາໂທດລັດທະບານເລີຍ ເພາະພັກ ແລະລັດບໍ່ໄດ້ມີນະໂຍບາຍສົ່ງເສີມໃຫ້ໄປເຮັດແບບນັ້ນ.

ແມ່ນຄວາມສມັກໃຈ ພໍໃຈ ແລະໂງ່ງ່າວຂອງ ປຊຊ ລາວເອງທີ່ບໍ່ຈັກ
ອັນໃດຜິດ ອັນໃດຖືກ, ບໍ່ຮູ້ຈັກຮຽກຮ້ອງຄວາມເປັນທັມ ແລະສິດທິຂອງ ປຊຊ.
ແບບນີ້ສົມໃຈບໍ່ ປຊຊ ລາວ?
ຈົ່ງພາກັນຫລັບ ແລະຟາຍນໍ້າຕາຕໍ່ໄປ ຖ້າມັກຫລາຍ ຄອມມິວນິສ.
ສວາຍເກີນໄປແລ້ວທີ່ຈະໂຕນຫນີເປັນອົບພະຍົບ.


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Bac Choummalyl and his wife, change your ways or you will join Elena and Nicolae Ceausescu 1989 in hell
http://www.youtube.com/watch?v=v_azkovlxv4&feature=related


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


http://rideasia.net/forum/the-chinese-casino-in-boten-laos-t412.html

China in Laos: Busted flush - How a Sino-Lao special economic zone hit the skids


AT HOME and abroad, China is a byword for fast-track development, where yesterday’s paddy field is tomorrow’s factory, highway or hotel. Less noticed is that such development can just as quickly go into reverse. Golden City, in Boten, just over the border from China in tiny Laos, is a case in point.

When a Hong Kong-registered company signed a 30-year, renewable lease with the Lao government in 2003 to set up a 1,640-hectare special economic zone built with mainland money and expertise, Golden City was touted as a futuristic hub for trade and tourism. The builders promptly went to work, and a cluster of pastel blocks rose amid the green hills of northern Laos. Thousands of Chinese tourists and entrepreneurs poured into the enclave, drawn largely by the forbidden pleasures and profits of gambling, which is illegal in China, except in Macau. Today the main casino, inside a three-star hotel, lies abandoned, its baize tables thick with dust.

The trouble started in December, when Chinese gamblers found that the operators refused to let them leave until they had coughed up for betting losses. Officials from Hubei province apparently negotiated the release of several “hostages”, but many more continued to be held against their will. Accounts in the Chinese media say that casino recruiters lured gamblers with offers of free travel and hotel rooms, only to be kept captive and beaten when their credit ran out. Lao villagers swap grisly tales of corpses dumped in the river.

Chinese authorities have since put the boot into Boten. In March the foreign ministry warned citizens not to gamble in Laos and accused Golden City of cheating its cross-border customers. It said it had demanded that Laos close down the casino. Last month the casino duly shut, and the smaller gaming halls have since gone too. The 232-room hotel, which is almost empty, will be next.

Most shop and restaurant owners have packed up and left, as have the Thai transvestite show and the legions of prostitutes. Stricter visa rules for Chinese tourists have added to the squeeze. A Lao policeman, who admits to having nothing to do, puts the town’s dwindling population at 2,000, down from 10,000 at its peak. The enclave’s economy seems to have collapsed just as the builders hit their stride with a new high-rise hotel and a shopping centre bristling with columns in the classical style.

Golden City says it has pumped $130m into the project’s first phase, including funds from outside investors. A company official, Ginger He, puts a brave face on things, arguing that the slump is a chance to rebrand the enclave as a wholesome tourist destination and import-export zone. She blames the bad publicity on shady Chinese concessionaires who ran the card games in the casino—as if the company had expected angels. Golden City has since declared force majeure to revoke its contracts. Investors might wish to sue under Lao law. But Miss He points out that China had ordered Laos to close the casino. “Little brother cannot fight with big brother,” she says.


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

อิสร เสรีชนทั้งหลาย กลไกเครื่องมือบักจูมมาลีทองสีงเริ่มทำงานแล้ว มันคือการประกาศท้ารบกับ เสรีชนลาวทังโลกอย่างโจ่งแจ้งและจงใจ หางไม่กระดิกหรอกหากนายแกวไม่สั่ง หุ หุ การรบขั้นแตกหักใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วกระมัง


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

http://www.oknation.net/blog/sertphoto/2007/10/06/entry-1 6 ตุลา 2519 ในอดีตภาพเหตุการณ์ //ผลงานระยำโหดร้ายเกินมนุษย์ของเหี้ยภูมิพล-สิริกิต ฆ่*า นศ ประชาชนจากอดีตถืงปัจจุบัน

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ສປປລ ຕົກເປັນອານານິຄົມເຈົ້າພໍ່ຍຸກໄຫ່ມໄປເສັຍແລ້ວ ໄດ້ຢ່າງໃດ !!
ສປປລ ຕົກເປັນອານານິຄົມເຈົ້າພໍ່ຍຸກໄຫ່ມໄປເສັຍແລ້ວ ໄດ້ຢ່າງໃດ !!
ສປປລ ຕົກເປັນອານານິຄົມເຈົ້າພໍ່ຍຸກໄຫ່ມໄປເສັຍແລ້ວ ໄດ້ຢ່າງໃດ !!
ສປປລ ຕົກເປັນອານານິຄົມເຈົ້າພໍ່ຍຸກໄຫ່ມໄປເສັຍແລ້ວ ໄດ້ຢ່າງໃດ !!

ໂດຍເສຣິຊົນລາວຕ້ານ ຜດກ ໂຈນລາວແດງ

ມື້ນິ້ ທິ່ ປທທ ປຊຊ ຫລາຍສິບລ້ານກຳລັງ ພາກັນລົງໃຊ້ສິດເພື່ອການເລຶອກຕັ້ງ ອັນຈະນຳພາໃຫ້ມິ ນາຍຍົກຄົນທິ່28ແລະ ນຍ ຍິງຄົນທຳອິດຂອງ ປທໃຫ້ໄດ້ເປັນທິ່ແນ່ນອນ
ແລະ ເມື່ອ2 ທິດກ່ອນ ຄຶ ວັນ ທີ່160611 ທິ່ ສະພາເຕັ້ຍລາວແດງ ກະມິສິ່ງທິ່ເກິດຂື້ນຢ່າງບໍ່ຄາດຝັນ ເມື່ອ ສສ ຫູ່ນມຮູບຫລໍ່ ຈາກ ວຈ ດຣ ຄຳເຜິຍ ປານມະລັຍທອງ ລຸກຂື້ນ ທ້າທາຍ ລູກຊາຍ (ໄຊສົມພອນ ພົມວິຫານ ນັ່ງເປັນປະທານສະພາມຶ້ນັ້ນ) ສະຫາຍ ຄາຕກອນໂລກ ໄກສອນ ຖາມຕາມພາສາແບບນັກການເມືອງຊາດນິຍົມ ປັສຈາກການຢ້ານກັວຕໍ່ຊີວິດແລະອານາຄົດການເມຶອງເຂົາວ່າ ລັດທິມາກຊີສເລນີນນິສ ໄດ້ ຫາຍສາບສູນໄປແລ້ວ ໃນ ເອິຣົບ ແລະສົມຄວນທິ່ຈະມາສິບທອດລັດທິລູກກຳພ້າໃນສັງຄົມບ້ານເຮົາຫລື ??

ກະມື້ນີ້ເອງ ທິ່ 3.07.11 ໂທລະທັດຊ່ອງ1 ARD ຂອງເຍີຣະມັນ ໄດ້ເຂົ່າໄປຊອກຮູ້ຊອກເຫັນ ເຂດເສຖກິດ ພິເສດ Ton Pheung ແຂວງຫລວງນ້ຳທາຈົນໄດ້ຊື້ງຣັຖບານໂຈນລາວແດງໄດ້ມອບໃຫ້ແກ່ເຈົ້າພໍ່ເຈັກນັກລົງທຶນຫ້ນາໄຫ່ມເປັນກັມມະ
ສິດໃນການຄອບຄອງນານເຖິງ99(ເກົ້າສິບເກົ້າ)ປິ

ນິ້ຊິ້ໃຫ້ເຫັນວ່າ
ສັງຄົມໂຈນລາວແດງ ປັດຈຸບັນ ບໍ່ພຽງແຕ່ຜະເຊິນກັບເສຖກິດຊາດອ່ອນເພັຍ(ກາຊິໂນ ນາງບໍລິການບຳເລິອາຍຸ10ປິ12ປິເຕັມບ້ານເມືອງປະສົມປະສານກັບການແຕກຕື່ນໄປສູ່ໂລກນອກເກຶອບລ້ານຄົນ) ປ່ອຍໃຫ້ນັກລົງທຶນເຂົ້າມາກອບໂກຍເອົາ
ສັພຍາກອນທິ່ອຸດົມສົມບູນຂອງ ປທ ສ້າງເຂດປົກຄອງພີເສດ ເທົ້ານັ້ນ ປັດໄຈຂອງຄວາມຂັດແຍ້ງພາຍໃນລະຫ່ວາງຂັ້ວອຳນາດ ຜດກ ອຳມາດຍາທິປະໄຕພັກໂທນ ກັບຂັ້ວພະລັງ ປຊທປຕ ຍັງບໍ່ທັນຈົບ(ເລີມປິ1990 ສມັຍ ທອງທຸກສາຍສັງຄິ ແລະ9ປິຕໍ່ມາຂອງການລຸກຂື້ນຮ້ອງຂໍຄວາມເປັນທັມຂອງນັກສຶກສາທິ່ ວຈ ໃນວັນທິ26ເດຶອນ10 ແລະ ການດັບສູນ ສຈ ຄຳຈົງທິ່ ຄາລິຝໍເນັຍ ແລະ ຮອງ ປທ ປທ ສະຫາຍ ອຸດົມຂັດຕິຍະ ທິ່ວຽງຈັນທ້າຍປິ1999) ແລະ ຫາກໍ່ ເລິມມິຊິວິດຊິວາມາໄຫ່ມໆເມຶ່ອກ່ອນ2 ທິດນິ້ເອງ ທິ່ສະພາ ສສ ລາກຕັ້ງຄັ້ງ ທິ່ 7 ຜ່ານມາ

ກ່ອນຈະເຂົ້າເລື້ອງເຂົ້າລາວ ຂໍອະນຸຍາດໃຫ້ຜູ້ຂ້າ ຫວນຄືນພາທ່ານມຶນຕາໄປເບິ່ງອະດິດທິ່ຜ່ານມາ...........

ຟັງຕໍ່ໄດ້ທິ່

www.radiochampamuonglao.free.fr ມຶ້ນິ້ ທິ່ 8 07 2011



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

 วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 "ยิ่งลักษณ์" เล็งปรับปรุงกฏหมายหมิ่นฯ http://www.go6tv.com/2011/07/blog-post_07.html น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง คนแรกของไทย กล่าวให้สัมภาษณ์ กับ The Independent ของสหราชอาณาจักร และหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับอื่นๆ ซึ่งถือเป็นการให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์ต่างชาติครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับชัยชนะ จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ถึงเหตุความรุนแรง เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ระหว่างการปะทะกัน ระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงเสื้อแดง กับเจ้าหน้าที่รัฐบาล จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คน และจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจน เกี่ยวกับผู้ที่ต้องรับผิดชอบ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาลคนใหม่ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยต้องแจ้งต่อประชาชน เกี่ยวกับแผนการในเรื่องนี้ และตนก็เชื่อว่า ประชาชนชาวไทยเปรียบเสมือนคนป่วย และอย่างน้อยประชาชนก็ได้ให้โอกาสตน ในการพิสูจน์ความสามารถ เพื่อช่วยประชาชนคนไทย

 

Phee Nong Lao

 

 Since 1975  urs greats laoDeang Leaders gave  any  foreign journalists interviews.

 

Why ??????

 

Because  They can  speak only their  Pasakha or Pasakheohaokhod

 

It is true ???

 

Fui  Fui



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

kgreedy  AND 5 GENERALS LAO  :KHAMTAI 860LANDON  TCHENG SAYAVONG SISAVATH KEOBOUNPHANG  CHOUMMALY XAIYAVNG  AND DOUANGCHAI PHICHIT (and  don ' t  forget  EE THONGVINH NANG 10%)



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ต้องตรวจสอบ Bac Choum and  Bac   Bounngang   about  Casino  in Don Pheung  BOkeo province ??



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ถ้าอวยให้นายChoummaly and Thongsing ได้ ต่อไปก็อวยให้  Lenin ฮิตเลอร์ มุสโสลินี สตาลิน  Mao Ho Kim Jong Il Pol Pot ได้เช่นกัน +ปรบมือ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าสส.from Vientiane like  Dr Khampheuiยึดมั่นในแนวทางประชาชน 100%และพร้อมจะต่อสู้เคียงข้างกับท่านเพื่อให้สังคมtiane like  Dr Khampheuiยึดมั่นในแนวทางประชาชน 100%และพร้อมจะต่อสู้เคียงข้างกับท่านเพื่อให้สังคมลาวกลับคืนสู่ความเป็นธรรม จงสามัคคีกัน เชื่อมั่นในศูนย์การนำพรรคฯ และเชื่อมั่นในผู้นำพรรคฯคนสำคัญที่ Laonorkไม่ให้เอ่ยชื่อ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

อำนาจที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการนึกคิดเอาเองหรือพยายามสร้างภาพ อำนาจที่แท้จริงเกิดจากการยอมรับของประชาชน
av-10678.gif


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

สส.ทุกคนที่ต่อสู้ร่วม Dr Khampheui PANMALAYTHONG กันมา แต่ขอให้ทุกคนมองการเมืองให้ยาวไกล อย่ามองแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า และขอให้เชื่อมั่นในผู้นำคนสำคัญของพรรคฯที่ไม่ทอดทิ้งเราและมีศักยภาพที่จะ เลือกสรรบุคลากรที่เหมาะสมขึ้นมาเป็น นย รัฐมนตรี8 It ins not PM Khouay  like sahai  Thongsing  and President Kha like Chao Pho Choummaly)แก้วิกฤติการเมืองที่รออยู่



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

31. Annele Tuulikke  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ประเทศฟินแลนด์ 32. Beatriz Merino Lucero อดีตนายกรัฐมนตรี ของประเทศเปรู   33. Lusa Dias Diogo  อดีตนายกรัฐมตรีหญิง ของประเทศโมซัมบิก 34. Radmila Sekerinska อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง 2 สมัย ของประเทศมาเซโดเนีย  35.Yuliya Tymoshenko อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศยูเครน

36. Maria do Carmo Silveira  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเซาตูเมและปรนซิบี  37.Portia Simpson-Miller อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศจาไมก้า   38.Han Myung Sook  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศเกาหลีใต้  39.Zinada Greceanil อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศมอลโตวา 40.Micahle Perre-Louis  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศเฮติ  41.Jhanna Sihurdardmttir อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไอซ์แลนด์  42. Jadranka Kosor อดีตนายกรัฐมนตรี ของประเทศโครเอเชีย 43. Cocile Manorohanta อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศมาดากัสการ์  44.Roza Otunbayeva  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเตอกีร์สถาน  45. Mari Kivinienmi อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศฟินแลนด์

สำหรับประเทศต่าง ๆ ที่มีนายกรัฐมนตรีหญิงบริหารชาติบ้านเมืองอยู่ในปัจจุบันนี้  มีดังนี้
1. Angela Merkel  นายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเยอรมนี

2.Kamla Persad-Bissessar นายกรัฐมนตรีของประเทศตรินิแดด และโตเบโก

3.Julia  Gillard  นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศออสเตรเลีย

4. Iveta Radicov  นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศสโลวาเกีย

5.Rosario Fetnandez Figueroa นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศ ของประเทศเปรู

6.Ciss Mariam Kaodama Sidib นายกรัฐมนตรีหญิงมาลี

ในอีกไม่นานเกินรอหรือไม่เกินเดือนกรกฎาคม ศกนี้สภาผู้แทนราษฎรไทยก็จะได้ยกมือลงมติด้วยเสียงข้างมากให้ ยิ่งลักษณ์  ชินวัตรส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 พรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงเข้ามาบริหารประเทศชาติได้เต็มที่ตามกฎกติกาของรัฐธรรมนูญและประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่ 7 ที่มีนายกรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ และก็จะเป็นประเทศที่ 52 ของโลกที่มีนายกรัฐมนตรีหญิงจากประวัติอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของโลกจะเป็นว่าบางประเทศไม่ใช่มีนายกรัฐมนตรีหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น  แต่บางประเทศมีนายกรัฐมนตรีหญิงถึง 2 คนต่างยุคต่างสมัยกัน  ซึ่ง ยิ่งลักษณ์  ชินวัตรที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยได้บันทึกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วและเชื่อว่าในอนาคตประเทศไทยอาจจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 คนที่ 3 อีกที่จะต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยเช่นกัน.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

16.Tansu Liller ของประเทศตุรกี 17.Sylvie Kinigi  ของประเทศบุรุนตี  18. Agathe Uwilingiyimana  ของประเทศรวันดา 19.Chandrika Kumaratunga  ของประเทศศรีลังกา  ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของศรีลังกา  20.Reneta Indzhova  ของประเทศบัลกาเรีย 21.Claudette Werieigh ของประเทศเฮติ  22. Sheikh Hasina Wajed ของประเทศบังคลาเทศและเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย  23. Janet Jagan ของประเทศกิยานา  24.Jenny  Shipley อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศนิวซีแลนด์  25.Irena Degutiene  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง 2 สมัยของประเทศลิธัวเนีย 26.Nyam-Osoriyn Tuyaa อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศมองโกเลีย  27.Helen Elizabeth Clark  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศนิวซีแลนด์  28. Mame Madior Boye  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเซเนกัล  29. Chang Sang  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเกาหลีใต้  30. Maria das Nives Ceita Baptista de Sousa อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศเซาตูเมและปรินซิบี 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ສ່ວນ ສປປລ  ບ້ານເຮົາ ນັບວ່າໂຊກຮ້າຍ ມີ ທັງ ນຍ ແລະ ປທປທ ບໍ່ເຄີຍຜ່ານ ໂຮງຮຽນຊັ້ນສູງຈາກຕ່າງປທ

ຢ່າງນ້ອຍໃນ ອະດິດກະປົບການສຶກສາ ແລ່ນອອກປ່າຈັບປືນຂ້າຄົນ

 

ແຕ່ເລື້ອງ ຜິຫ່າ ສ້າງ ເຂດເສຖກິດພິເສດ (ບໍ່ຜ່ານສະພາເງິນເຂົ້າຖົງມັນເອງ)ມັນເກັ່ງແທ້ໆພວກຫມານິ້ ທັງໆອານານິຄົມຍຸກໄຫ່ມ ນິ້ ມັນໄດ້ຫາຍໄປຈາກສັງຄົມໂລກໄປເສັຍແລ້ວຕັ້ງນານ.

 

พลิกบันทึกโลกจากอดีตถึงปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีหญิงมีแล้วกว่า50!!

วันพฤหัสบดี ที่ 07 กรกฎาคม 2554 dailynews

 

หลังผลการเลือกตั้งของประเทศไทยก็เป็นที่รับทราบว่า พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลายได้จำนวน ส.ส.ไปเกินครึ่งอย่างสบาย ๆและแน่นอนที่สุดประเทศไทยก็จะมี นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่มีชื่อว่า ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร”  ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย  ซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นเรื่องธรรมดาของประเทศประชาธิปไตยที่เป็นอารยะทั้งหลายในโลกนี้

จากการค้นหาข้อมูลทราบมาว่าโลกใบนี้ประชาชนชาวโลกมีนายกรัฐมนตรีหญิงจำนวน 51 คน โดย ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร”  ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 52 ของโลกในอีกไม่นานเกินรอจนกว่าจะผ่านขั้นตอนของกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อย  แต่ยิ่งลักษณ์มิใช่เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศในแถบเอเชีย  ซึ่งในประเทศเอเชียได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงมาแล้วหลายคน

สำหรับนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของโลก  คือ Sirimavo Bandairnaike แห่งประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นที่น่าภาคภูมิใจของชาวเอเชียทั้งหมดอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงท่านนี้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี ค.ศ.2000

ส่วนนายกรัฐมนตรีคนที่สองของโลกก็เป็นขาวเอเชียเช่นกันและโลกก็รู้จักกับเธอเป็นอย่างดีคือ Indira Gandhi แห่งประเทศอินเดียเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัยและถูกคนร้ายลอบสังหารชีวิตและเป็นข่าวโด่งดังเป็นทั่วโลก

อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของโลก คือ Golda Meir ประเทศอิสราเอลถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของชาวเอเชียเช่นกันและได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี ค.ศ.1978

ข้อมูลของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงจากประเทศต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของโลกโดยเรียงลำดับต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรี 3 อันดับแรกดังต่อไปนี้  4. Elisabeth Domitien  ของ ประเทศสาธารณรัฐอัฟริกากลาง 5.MaigaretThatcher ของประเทศอังกฤษ 6.Maria de Lourdes Pintasilgo  ของประเทศโปรตุเกส  7.Mary Eugenia Charles ของประเทศโดมินิกัน  8.Gro Harlem Brundtiand  ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัย  9.Milka Planinc ของประเทศยูโกสโลวาเกีย 10.Benazir Bhutto  ของประเทศปากีสถานซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนดังของโลกเช่นกันและโดนลอบสังหารด้วยระเบิดในประเทศของตัวเอง 11.Kazimeira Prunskiene ของประเทศลิธัวเนีย 12.Khaleda Zia ของประเทศบังคลาเทศ 13.Edith Cresson  ของประเทศฝรั่งเศส 14.Hanna Suchocka ของประเทศโปแลนด์ 15.Kim Campbell ของประเทศแคนาดา



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

 

ຂອບໃຈຫລາຍໆທີ່ເອົາຂ່າວມາອອກໃຫ້ຊາວລາວທົ່ວໂລກຮູ້ນໍາກັນກ່ຽວກັບຄວາມຊົ່ວຊ້າຂອງຄອມມິວນິສຜະເດັດການລາວແດງໂຈນປຸ້ນຊາດ,ທີ່ຂາຍປະເທດ

ໃຫ້ຄົນຕ່າງຊາດເພືອ່ຜົນປໂຍດສ່ວນຕົວແລະພັກພວກໂດຍເອົາເງິນສ່ວນນັ້ນມາສ້າງຮັ່ງຄູນມີ,ບໍ່ຄິດເຫັນຄວາມທຸກຍາກຂອງປະຊາຊົນແລະປະເທດຊາດ.

ຂໍໃຫ້ເພື່ອນຮ່ວມຊາດຈົ່ງມີສະຕິລະວັງຕົວແລະປະນາມພວກໂຈນປຸ້ນຊາດເຫົ່ລານີ້ເລື້ອຍໆໄປຢ່າງບໍ່ສິ້ນສຸດ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຄວາມຫູຣາຍິ່ງໄຫ່ຍຂອງກາຊີໂນແລະ ບ້ານພັກທິ່ແສນສວຍງາມຂອງເຈົ້າພໍ່ເຈັກເຈົ້າຂອງກາຊິໂນ ທິ່ ມິການໂຊຮູບເຂົາຮັບປະທານອາຫານກັບ ສະຫາຍຈູມມາລິ ໄຊຍະສອນ ປທປທ ແລະມິຮູບຂະນາດໄຫ່ຍ( 1ແມດX80 ຊມ ກັບສະຫາຍ ບູນຍັງ ວໍຣະຈິດ ນາຍຍົກຄົນທິ່ 4 ຂອງ ສປປລ) ທິ່ຕິດໄວ້ໃນຫ້ອງຮັບແຂກບ້ານເຂົາ ຊິ້ໃຫ້ທ່ານເຫັນໂສມຫ້ນາຂອງໂຈນບ້ານໂຈນເມືອງ ທິ່ ມອບຜືນແຜ່ນດິນລາວເຮົາໃຫ້ເປັນກັມມະສິດຂອງຫັວຫ້ນາgangເຈັກເປັນເວລານານເຖິງ99ປິ

ກະພວກໂຈນນິ້ລະໃຫ້ໄຟຂຽວແກ່ນັກລົງທຶນຕ່າງ ປທ ທິ່ ເຂົ້າມາສ້າງ ປທ ເຮົາເປັນ ໃຫ້ເປັນອານານິຄົມ ຍຸກໄຫ່ມຢ່າງແຈ້ງຂາວທິ່ສຸດ

ເຖິງເວລາແລ້ວ ທິ່ພວກເຮົາຄວນເປິດເຜິຍ ຄວາມຊັ່ວຊາຂອງພວກໂຈນ500ຈຂາຍຊາດຂາຍແຜ່ນນິ້ໃຫ້ລາວທັງໂລກຊາບນຳ


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 


Le Laos
Capitalisme de casino chinois
Date de la radiodiffusion et de diffusion: SWR, le dimanche 3 Juillet 2011
En regardant en arrière: le Laos
Capitalisme de casino chinois
Date de la radiodiffusion et de diffusion: SWR, le dimanche 3 Juillet 2011 (6 mn 50 sec)
Aide, les Chinois sont à venir. C'est ce que moins nombreux agriculteurs du Laos dans le triangle sur le Mékong. Dans le village de Ton Pheung investisseurs chinois pour construire un paradis de jeu énorme avec casinos, hôtels de luxe et des centres commerciaux et un golf. Les agriculteurs de la région sont tout simplement déplacés. 30 miles carrés, le terrain sur lequel les capitalistes chinois au cours des 99 prochaines années seulement avoir le dernier mot sera. Officier de police laotienne ou on cherche en vain. Mais cela peut être trouvé fortune, les prostituées et les riches retraités de la Chine, la Thaïlande et le Myanmar. Et ce n'est que le début. Frontalières de la Chine se déplace en silence sur le territoire d'un Etat souverain, en fait. Les pauvres communiste concessions Laos pour les investisseurs chinois ont demandé une autre 10.000 kilomètres carrés - plus de 6 pour cent du pays. Chinatown est partout.
Le Mékong - haut dans le triangle d'or. Un lieu autour duquel les mythes ont toujours été liés. Seigneurs de guerre et trafiquants d'opium chercher fortune ici. Récemment rendant les groupes excursion de la Thaïlande sur leur chemin. Le voyage à travers le fleuve Mékong prend que quelques minutes. Leur destination: le côté laotien. Ils font face à une nouvelle attraction touristique. Une ville de casino avec des dômes dorés. Travailleurs invités chinois à se tailler une promenade mile de long. Derrière elle commence une soi-disant zone économique spéciale - est aussi fermement en mains des Chinois. Le groupe de touristes de la Thaïlande a créé. A propos de planches branlantes il va vers le paradis de jeux. Mais les gens plus âgés en tenir compte. Enfin, voici permis et ce qui est interdit à la maison. Roulette, Baccarat et Blackjack.

Sans assistantes chinois, nous pouvons ne tournent plus. Livré dans chic VUS( Humme) fait monter. Yao Shao a travaillé pour le principal investisseur chinois et a vécu quatre ans au Laos. Quand il est venu ici, il n'y avait que quelques rizières et bien plus la jungle sauvage. Maintenant il ya une route pavée à travers la gamme de manger campagne. «Peut-être les travaux un peu élevé", déclare Yao Shuo. «Et il ya pas beaucoup de voitures sur la route. Mais la route est construite pour l'avenir. Voici pour vivre 150 fois à 200.000 personnes. "Officiellement nous sommes encore au Laos, ont de facto dans la zone spéciale, les Chinois appellent les tirs. Au lieu de les champs de riz, il ya maintenant kitsch en grand format. Notre gardien nous donne une visite exclusive. La couronne d'or, dit-il, était déjà devenu le nouvel emblème de Pheung ton.

Nous devons regarder dans le hall d'entrée. Dieux de marbre pour porter chance. Au cours des 99 prochaines années autour de la terre appartient à des investisseurs du Moyen Empire. Ils veulent changer le triangle d'or - en une Mecque pour les joueurs. Le gouvernement laotien est une petite part dans les bénéfices et maintient autrement. Les règles de la zone spéciale, qui est déterminée principalement un seul. Le patron chinois Zhao Comment la communauté des investisseurs. Et un bon ami de l'élite politique. Le président du Laos (Choummaly Xaiyasone) et le Premier ministre (Bounngang Vorachit) ont été plus souvent par s'arrêter, il nous raconte. Et il a même eu de grands projets pour sa ville: l'aéroport, golf, plus les casinos et autres hôtels. Et même les vieilles maisons des gens, il doit être ludique pour les retraités.

"Le Laos est pauvre et sous développé. Ils ont besoin de notre investissement, qui ont besoin de notre aide ", a déclaré Zhao en tant que président du nouveau groupe King. "En tant que Chinois, je vois ça comme ça, je ne suis pas seulement là pour faire de l'argent, mais aussi de faire quelque chose de bien dans le but d'aider les gens ici." Un film promotionnel du casino. C'est surtout un paradis pour donner acteur viable de la Chine. La frontière avec le Laos n'est pas loin. Et dans la zone spéciale pour obtenir le tout aux joueurs est interdite dans le pays géant. Le jeu - et même des prostituées, mais la montre que nous ne sont pas naturelles.

Non loin de là, nous trouvons le dernier village antique dans la zone spéciale. Nous avons osé venir ici sans une assistante et de rendre le riz aux agriculteurs du poumon Noi Da. 120 familles vivent ici. Mais ils sont doux, presque un hôtel 5 étoiles. Il a conduit la peur de devenir, combien s - sans compensation adéquate. La lutte contre les nouveaux dirigeants de la Chine, il a renoncé. "Le gouvernement nous a promis que notre identité laotienne est préservée», explique Da Noi du riziculteur. "Mais rien de cela n'est vrai. Les règles régissant les Chinois. De nos politiciens n'a encore personne ici ne peut regarder dans le village. Ils ne s'en soucient pas. "La maison, le litchi et de manguiers. Tout cela sera bientôt passé. Et son fils se demande si le petit-fils ont maintenant à apprendre le chinois. "Toute la zone a changé", a déclaré Charn Sangsawang. "Avec leurs grosses machines, ils s'aplatissent tout. Le sens ici n'est plus comme le Laos. C'est vraiment la Chine. "

Alors allons examiner leur avenir. Un règlement cornue à la périphérie de la zone spéciale. Conçu et construit par les Chinois. Village de New ils l'ont baptisée. New Village. 120 Wohnträume en jaune. Des maisons préfabriquées à partir du catalogue. Mais en dehors de ces troc Lung Da Noi et sommes convaincus que son fils n'a rien. «Chaque maison a la même apparence», explique Da Noi du riziculteur. «Chaque parcelle est le même. Ils veulent même que nous sommes ici comme une attraction touristique. Avec une fontaine et d'un hall d'événement dans le milieu. Séjour "ici ou s'éloigner complètement. Depuis le riz blanc fermier du poumon Noi une seule chose: Son avenir n'est plus dans sa main.

Pour d'autres, l'avenir vient de commencer. Notre espion chinois nous raconte le casino au coucher du soleil. Il dit qu'il est devenu père il ya un mois. Femme et son enfant étaient encore en Chine. Mais ils seraient bientôt suivre. Ce travail est une occasion très spéciale pour moi. C'est un projet énorme. Il pousse et grandit. De la jungle crée une ville. C'est mon défi. "Las Vegas sur le Mékong! En chinois. Pour les habitants de la zone spéciale est un cauchemar. Mais ce n'est que le début. Les autres grands projets chinois sont prévues. Et le peuple lao ont à décider: jouer en même temps ou aller à l'endroit où le Laos est encore le pays des Laotiens.




Auteur: Norbert Lubbers, ARD à Singapour


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຂໍມອບຂໍ້ແປຂອງນັກຫນັງສືພິມຊາວຕ່າງຊາດ ທິ່ເຫັນຈຸດຈົບຂອງ ປທ ເຣົາແລ້ວ
ເຂດເສຖກິດພິເສດກາຊີໂນມິ ອິກ ແຫ່ງທິ່ ບໍ່ແຕນ ພາຍໄດ້ການຄອບຄູມຂອງ ສະຫາຍຄຳຕາຍ860ລ້ານດອນ
ພວກເຣົາຊາບວ່າ ມິການແບ່ງປັນກຳໄລກັນຢ່າງບໍ່ສົມດູນເຖິງເຮັດໃຫ້ເຈົ້າພໍ່ແກວຫັວຂອດຫ້ນາແຫລ້ສົບເວິຈາກເມືອງໂຂງບໍ່ພໍໄຈ ໄດ້ສັ່ງອັດໄປແລ້ວເມື່ອກ່ອນນິ້

ທິ່ສາຣະວັນແລະອັດຕະປຶພວກເຣົາຍັງຊາບອິກວ່າ ມິເຂດເສຖກິດພິເສດຂອງພວກຫມາແກວແດກຫມາອິກຫລາຍແຫ່ງ
ທິ່ຄົນລາວເຈົ້າຂອງປທ ທຸກຄົນມິສິດ ຍົກສິ່ງນິ້ ມາຕໍ່ວ່າຄໍ່ຂານໃນສະພາເຕັ້ຍໃຫ້ໄດ້ແທ້ໆ

ຂອບໄຈໃນຄວາມເປັນລາວ

ຮູ້ແລ້ວບອກຕໍ່
…. ສປປລ
ທຸນນິຍົມກາຊີໂນຈີນ
ອອກອາກາດໃນວັນທິ່ 3.07.11ໂດຍສະຖານິໂທຣະທັດເຍີຣະມັນຊ່ອງ1 ARD ເວລາ 19ໂມວ20 ຫາ 20ໂມງ ຊື້ງມິເວລາທັງຫົມດກ່ຽວກັບລາວພຽງ 6ນາທິແລະ50ວນທ
ຊ່ວຍດ້ວຍ ເຈັກມາແລ້ວ !!
ຊ່ວຍດ້ວຍ ເຈັກມາແລ້ວ !!
ຊ່ວຍດ້ວຍ ເຈັກມາແລ້ວ !!
ນິ້ແມ່ນຄຳເວົ້າຢ່າງນ້ອຍຂອງນັກກະເສດຕະກອນລາວຫລາຍໆຄົນບົນສາມຫລ່ຽມແມ່ນ້ຳຂອງ ໃນຫູ່ມບ້ານຕົ້ນຝີ້ງ ຊື້ງນັກລົງທືນເຈັກໄດ້ສ້າງເມືອງສວັນຂອງການເລັ່ນການພະນັນນຂນາດຍີ່ງໄຫ່ຍທິ່ສຸດມິທັງກາຊີໂນ
ໂຮງແຮມອັນຣູຫນາ ສູນຊອບປິ້ງ ແລະສນາມກອບຝ໋. ຊາວບ້ານແນ່ນອນຈະຕ້ອງມິການໂຍກຍ້າຍຈາກພື້ນທິ່ 30 ຕາຣາງກິໂລແມດ ທິ່ ນັກລົງທຶນເຈັກ ໄດ້ຣັບສິດພິເສດໃນການສັມປະທານຕໍ່ສິ່ງນິ້ ນານເຖິງ99 ປິ .ໃນຂົງເຂດນິ້ ທ່ານຈະບໍ່ໄດ້ພົບເຫັນເຈົ້າຫ້ນາທິ່ຕຳຣວດ
ແລະ ຂ້າຣາຊການ ລ າ ວ ຫຍັງຫົມດ ນອກຈາກ ພວກຊ່ຽງໂຊກ ໂສເພນິ ແລະຝູງຊົນກິນເບັຍບຳນານ ຖານະດິລ້ຳລວຍ ຈາກ ສປຈ ໄທຍ ແລະ ພະມ້າເທົ້ານັ້ນ .
ນັ້ນເປັນພຽງຂັ້ນເລິມຕົນ
ຂອງການຍ້າຍຊາຍແດນຈີນຢ່າງງຽບໆ ມາສູ່ໃນອານາເຂດຂອງຣັຖ ເອກກະຣາຊ ມິ ປະຊາທິປະໄຕ ລ າ ວ ຢ່າງແຈ້ງຂາວທິ່ສຸດ . ຕາມຄວາມເປັນຈິງ ສປປລ ເປັນ ປທ ຄມນ ທິ່ຍາກຈົນທິ່ສຸດ ປ່ອຍໂອກາດໃຫ້ນັກລົງທືນເຈັກເຂົ້າມາມິສິດໃນການຄອບຄອງທິ່ດີນເຖີງ 10 000 ຕາຣາງ ກລມ ຫລຶ ຫລາຍກ່ວາ ຮ້ອຍລະ 6 ຂອງ ເນຶ້ອດິນທັງຫົມດຂອງ ປທ

ໄຊນາທາວ ມິຢູ່ທັ່ວໄປ ໃນ ສປປລ

ແມ່ນ້ຳຂອງ
ຂື້ນໄປເຖິງທາງພາກເຫນຶອ ທິ່ ສາມຫລ່ຽມທອງຄຳ ບ່ອນທິ່ໃນອະດິດເຕັມແຕ່ ພວກພໍ່ຄ້າຢາຝີ່ນ ເຈົ້າພໍ່ຂູນເສິກ ທິ່ພາກັນມາຊ່ຽງໂຊກຊອກຫາຄວາມຣ້ຳຣວຍ ໄດ້ປ່ຽນສະພາບເປັນແຫ່ລງທ່ອງທ່ຽວຂອງຊາວໄທຍໄປໃນຕັວ.
ການເດິນທາງຂ້າມແມ່ນ້ຳຂອງຈະໃຊ້ເວລາພຽງບໍ່ຈັກນາທິເທົ້ານັ້ນ ຊື້ງປາຍທາງແມ່ນ ສປປລ ຫັ້ນລະ ດ້ານລາວ ນັກທ່ອງທ່ຽງຈາກ ປທທ ຈະໄດ້ພະເສິນຫ້ນາພົບກັບເມືອງແຫ່ງເຍົ້າຍວນລິ້ນການພະນັນ ທິ່ ສ້າງ ໂດຍມິມົງກຸດໂຄມທອງຄຳ.
ແຮງງານເຈັກ ໂດຍກົງ ໄດ້ແກະສະລັກທັບຫິນ ທາງເດິນແຄມແມ່ນ້ຳຂອງເປັນທັງກິໂລແມດ ຊື້ງຂ້າງຫລັງນັ້ນແມ່ນ ເຂດເສຖກິດພີເສດ ທິ່ຕົກຢູ່ນກຳມຶຂອງນັກລົງທືນເຈັກໂດຍກົງ
ກູ່ມທັວຈາກ ປທທ ກຳລັງພາກັນລົງເຮຶອໂດຍໃຊ້ຂັວໄມ້ທິ່ ອ່ອນຄອນ ໄປສູ່ ເມືອງສວັນແຫ່ງການພະນັນຊື້ງເຈົ້າພໍ່ເຈັກໄດ້ຣັບການປະມູນ ສິ່ງທິ່ ໃນ ປທ ເຂົາ ເປັນທິ່ຫ່ວງຫ້າມ ຄຶ Baccara Roulette ແລະBlack Jack
ປັສຈາກ ຄົນຕິດຕາມສອດແນມຊາວເຈັກ ເຣົາບໍ່ສາມາດ ຖ່າຍພາບທາງ ໂທຣະທັດນິ້ໄດ້ເດັດຂາດ ເຂົາຄົນນິ້ມາຮັບເຣົາໂດຍຣົດໂກ້ເກ Hummeຮັມເມິ ຊື່ເຂົາວ່າYao Shuo ທິ່ເຣັດວຽກໃຫ້ນັກລົງທືນເຈົ້າຂອງກາຊີໂນນິ້ ເຂົາຢູ່ໃນ ສປປລ ມາແລ້ວ 4 ປິ. ເມື່ອເຂົາມາໄຫ່ມໆ ທິ່ນິ້ ເປັນພຽງທົ່ງນາ ແລະ ປ່າທຶບທິ່ບໍ່ຜູ້ໄດໄດ້ເຕະຕ້ອງຫຍັງຫົມດເທົ້ານັ້ນເອງ ດຽວນິ້ ມິຫົນທາງສວຍງາມກ້ວາງໄຫ່ຍ ຜ່ານຂົງເຂດນິ້ໄປແລ້ວ. ແນ່ນອນ ອາດຈະເຫັນວ່າບໍ່ມິລົດແລ່ນບົນທ້ອງຖະນົນຫລາຍເທົ້າທິ່ຄວນ

ແຕ່ ໃນອານາຄົດ ຖະນົນນິ້ແມ່ນສ້າງເພື່ອ ຕ້ອນຣັບ ຊາວເຈັກ ທິ່ຈະເຂົ້າມາອາສັຍເຖິງ 150ພັນຫາ2ແສນຄົນ

ຕາມຄວາມເປັນຈິງ ຕາມພາສາທາງຣາຊການ ພວກເຮົາຢູ່ໃນ ສປປລ
ແຕ່ບໍ່ເປັນດັ່ງວ່າ ພວກເຣົາຢູ່ໃນເຂດເສຖກິດພິເສດ ທິ່ຄົນເຈັກນະ ມິສິດໃນການຕັດສິນໄຈທຸກຢ່າງໃດ້ ໂດຍທາງການ ລ າ ວ ບໍ່ມິຫຍັງຈະຕໍ່ວ່າຕໍ່ຂານຫຍັງໄດ້ເລິຍ

ຈາກທ້ອງທົ່ງນາທິ່ເປົ່າແປນ ໄດ້ກາຍເປັນ ສິລປະທິ່ໄຮ້ຄວາມຫມາຍ ເຕັມດ້ວຍຄວາມສວຍງາມ ຍິ່ງໄຫ່ຍກ້ວາງຂວາງ ຄົນຕິດຕາມສອດແນມຄົນເຈັກຄົນນິ້ ພາເຣົາເຮັດ ທັວ ພິເສດ.
ມົງກຸດໂຄມທອງຄຳ ເປັນສັນຍາລັກຂອງບ້ານ ຕົ້ນເຜິ້ງTon Pheung. ໄປເສັຍແລ້ວ

ພວກເຣົາສາມາດ ເຂົ້າໄປຊົມຖ່າຍພາບໃນບໍລິເວນ ທາງເຂົ້າ ກາຊິໂນ ອັນໄຫ່ຍໂຕ ທິ່ສ້າງ ໂດຍຫິນອ່ອນໂດຍສະເພາະ ເພາະ ສິ່ງນິ້ ຕາມຄວາມເຊື່ອຄົນຈິນ ແມ່ນສິ່ງນຳເອົາໂຊກລາບມາໃຫ້ເຈົ້າຂອງຢ່າງຕໍ່ເນື່ອງນັ້ນເອງ ທິ່ ມິໂອກາດໄດ້ປະມູນດິນດອນຕ່ອນຫຍ້າ ລ າ ວ ແຫ່ງນິ້ເປັນເວລານານເຖິງ99 (ເກົ້າສິບເກົ້າ)ປິ ດິໆ ຊືງຈະປ່ຽນໂສມຫ້ນາ ສາມຫລ່ຽມທອງຄຳ ເປັນ ເມກກາ ສຳຫລັບຜູ້ເຫັ້ລນການພະນັນ
ແຕ່ ຣັຖບານ ສປປລ ຈະ ມິ ສ່ ວ ນ ຮ່ ວ ມ ກັບ ກຳໄລ ທິ່ໄດ້ ມ າ ຈ າ ກ ກາ ຊິ ໂນ ນິ້ ນ້ອຍທິ່ສຸດ ເພາະເຈົ້າຂອງ ຊື້ງເປັນຊາວເຈັກ ຈະມິໂອກາດຄອບຄູມເບີ່ງແຍງໂດຍຕົນເອງທັງຫົມດ ອັນເຈົ້າຂອງ ປທ ບໍ່ມິສິດປາກເວົ້າຮູ້ເຫັນຫຍັງໄດ້ເລິຍ

Zhao Wie ຊາວເຈັກ ເຈົ້າຂອງໃນການລົງທຶນ ກາຊິໂນ ແຫ່ງນິ້ ປະກາດ ກ້ອງບົນຖ່າຍໂທຣະທັດ ເຍິຣະມັນ ຢ່າງມິຄວາມສຸກຫ້ນາຊື່ນຕາບານໃນຊິວິດເຂົາວ່າ ຄົນສູນກາງ ພັກ ຄມນ ລາວແດງຊັ້ນຫັວກະທິ ທິ່ ວຽງຈັນເປັນສະຫາຍຮັກແພງເຂົາທັງນັ້ນ.
ຈະເປັນ ປະທານພັກ ປະທານ ປທ ຈູມມາລິ(ມິຮູບບັກໄຫ່ຍຕິດຝາຫ້ອງຮັບແຂກເຂົາ 1.ຈູມມາລິກັບເມັຍຣັບປະທານອາຫານກັບເຂົາທິ່ບ້ານຕົ້ນເຜິ້ງ ແລະ 2.ຮູບປທປທ ຢືນຮັບດອກໄມ້ຈາກສາວລາວໃນງານແຫ່ງໃດແຫ່ງນື່ງ) ຫລື ນາຍຍົກຣັຖມົນຕຣິ( ມິຮູບພາບຂອງ ນຍ ຄົນທິ່4 ບຸນຍັງ ວໍຣະຈິດ ຍິນຄຽງຂ້າງເຂົາ ໄຫ່ຍ ກ່ວາ ຮູບ ປທປທ ຂ້າອັຕປິ ເສັຍອິກຕິດໃນບ້ານ ທິ່ແສນສວຍງາມໄຫ່ຍໂຕ ໂອຫາທິ່ສຸດ ບໍ່ຮູ້ວ່າບ້ານແບບນິ້ມິໃນຫູ່ມຄົນພັກຂາຍຊາດຂາຍແຜ່ນດິນ
ເຈົ້າມະຫາເສດຖືແນວລາວຫລືບໍນໍ?? ) ແມ່ນໄດ້ຜ່ານມາທ່ຽວຊົມ ກາຊິໂນແຫ່ງນິ້ແລ້ວ ນະ. ເຂົາກ່າວຢ່າງຫ້ນາພາກພູມໄຈທິ່ສຸດຕໍ່ນັກຫນັງສືພິມຊາວເຍິຣະມັນ
ແລະ
ເຂົາຍັງມິແຜນຈະສ້າງ ເດິ່ນເຮຶອບິນ ສນາມກອບຝ໋ ກາຊິໂນແລະ ໂຮງແຮມອິກ ແລະແມ່ນກະທັ້ງ ເຮຶອນສຳຫລັບຄົນແກ່ຊາຣາຜູ້ສູງອາຍຸ ແຕ່ ຊອບຫລິ້ນການພະນັນ ຍັງຈະມິການສ້າງຂື້ນອິກ.
ສປປ ລາວ ເປັນ ອານາຈັກ ທິ່ຍາກຈົນລ້າຫລັງທິ່ສຸດໃນໂລກ ທິ່ຕ້ອງການ ນັກລົງທຶນຈາກນອກ ປທ ຢ່າງເຂົາ" Zhao Wie ປະທານ King Romans Groupກ່າວຕໍ່ຫ້ນານັກຂ່າວຕ່າງປທ ຢ່າງມ່ວນຊື່ນຍິ້ມແຍ້ມທິ່ສຸດ ເວົ້າໃນຖານະນັກລົງທຶນເຈົ້າພໍ່ເຈັກ ຂໍເວົ້າຢ່າງນິ້ ຂ້າພະເຈົ້າ ມາລົງທຶນໃນ ທິ່ນິ້ ບໍ່ແມ່ນມາຊອກຫາເງິນຄຳຫຍັງຫົມດນະ ແຕ່...ແມ່ນຕ້ອງມາສ້າງຄຸນງາມຄວາມດິ ສິ່ງທິ່ງົດງາມເທົ້ານັ້ນ ເພາະຕ້ອງການຊ່ວຍເຫລຶອຊາວລາວທິ່ຍາກຈົນ

ທາງໂທຣະທັດໄດ້ນຳເອົາ ຟິມໂປຣໂມຊັ່ນກ່ຽວກັບກາຊິໂນ ອອກໃນລາຍການ ໂດຍເນັ້ນໂຄສນາວ່າ ດິນແດນແຫ່ງນິ້ ຈະເປັນເມືອງສວັນ ສຳຫລັບນັກຫລິ້ນການພະນັນຊາວຈິນໂດຍສະເພາະໃນເມື່ອຊາຍແດນ ລາວບໍ່ໄກຈາກ ສປຈ ແທ້ໆ ແລະໃນເຂດເສຖກິດພີເສດນິ້ ນັກຫລິ້ນນັກເລັງຈະໄດ້ຫລິ້ນການພະນັບທຸກຮູບແບບ ທິ່ຫວງຫ້າມ ໃນ ປທ ຕົນ ຍັງບໍ່ແລ້ວ ໂສເພນິ ຍັງມິໂອກາດຈະໄດ້ຊື່ນຊອບອິກ
ແຕ່ ຄົນຕີດຕາມຊາວເຈັກບໍ່ໄດ້ແນະນຳໃຫ້ເປັນຮູ້ຈັກຫຍັງຫມົດເລິຍ.
ບໍ່ໄກຈາກ ກາຊິໂນນິ້ ພວກເຮົາໄດ້ໄປເບິ່ງບ້ານສຸດທ້າຍ ໃນຂົງເຂດນິ້ ໂດຍຄົນຕິດຕາມບໍ່ໄດ້ມາຮ່ວມທາງເລິຍ ແລະ ໄດ້ພົບ ຊາວນາຄົນນື່ງຊື່ວ່າ ລູງ ນ້ອຍລາ(ລາວໃຫ້ສຳພາດແບບເຂົ້າໄຈໄດ້ທຸກຢ່າງໃນຟິມນັ້ນ)
ລູງນ້ອຍລາ ກ່າວວ່າ ບ້ານນິ້ ມິ 120 ຄອບຄັວ ແຕ່ຈະໄດ້ໂຍກຍ້າຍແລ້ວຍ້ອນວ່າ ທາງຈິນຈະມາາສ້ງໂຮງແຮມ5 ດ້າວໃນທິ່ນິ້ ພວກເຂົາມິຄວາມຢ້ານກັວທິ່ສຸດ ກັບການຢ້າຍບ້ານເຮຶອນນິ້ໂດຍຈະບໍ່ໄດ້ຣັບຄ່າຕອບແທບສົມຫມາກຫມາກສົມຜົນ ດັ່ງທິ່ເຫັນມາແລ້ວໃນທິ່ອື່ນ
ເຂົາເອງເວົ້າແທ້ໆ ຫມົດຄວາມອົດທົນຈະຕໍ່ຕ້ານກັບເຈົ້າພໍ່ເຈັກຫ້ນາໄຫ່ມນິ້ແລ້ວ
ແມ່ນແທ້ນັກການເມືອງ ພັກ ຄມນ ລາວແດງ ຣັບຄຳຫມັ້ນສັນຍາວ່າຈະໃຫ້ມິການຮັກສາ ເອກກະລັກໃນຄວາມເປັນລາວເຮົາ
ລູງນ້ອຍດາກ່າວໃນທິ່ສຸດ
ແຕ່..ແຕ່ສິ່ງນິ້ບໍ່ເກິດມິຂື້ນໄດ້ເລິຍ ແມ່ນແຕ່ຄົນພັກແທ້ໆຍັງບໍ່ຍອມຖິ່ມສາຍຕາມາດູແລໃນບ້ານນິ້ແຕ່ຢ່າງໃດ
ບ້ານເຮຶອນ ຕົ້ນຫມາກມ່ວງ ຫມາກດິນຈີ່ ໃນອານາຄົດມໍ່ໆນິ້ຈະກັບກາຍເປັນອະດີດໄປແລ້ວ
ແລະລູກຊາຍເຂົາຖາມຕົນເອງວ່າ ຕໍ່ໄປ ລູກຫລານພວກເຂົາຈະຊີບໍ່ໄດ້ຮຽນພາສາເຈັກແລ້ວບໍ??
ໃນບໍລີເວນນິ້ມິການປ່ຽນແປງໄປຫົມດເລິຍ Charn Sangsawang ລູກຊາຍເຂົາກ່າວໃນທິ່ສຸດ
ດ້ວຍເຄື່ອງຈັກຂນາດໄຫ່ຍເຂົາໄດ້ທູ້ມເທທຳລາຍທຸກສິ່ງທຸກຢ່າງທິ່ມິມາແຕ່ບັນພະບຸຣຸດ ພວກເຮົາມິຄວາມຮູ້ສຶກວ່າ ບໍ່ແມ່ນດິນແດນລາວອິກແລ້ວ !! ນິ້ມັນແມ່ນ ສປຈ ແທ້ໆ!!

ດັ່ງຈະເຫັນອານາຄົດຢ່າງນິ້
ການສ້າງນິຄົມໄຫ່ມ ທິ່ຊານເມືອງເຂດເສຖກິດພິເສດ ໂດຍການອອກແບບໃນການສ້າງບ້ານໄຫ່ມNew Village ທິ່ມິ ວີນລາ ສິເຫລືອງ 120ຫລັງ
ບ້ານສ້າງສຳເຣັດຮູບແບບແຄດຕາລອກເລິຍ
ພວກເຂົາເຊື່ອວ່າ ຫູ່ມບ້ານໄຫ່ມນິ້ເຂົາຈະໄດ້ຮັບເປັນຄ່າຕອບແທນກັບການໂຍກຍ້າຍຈາກດິນແດນບ້ານເກິດເມືອງນອນ
ເຂົາຢ່າງແນ່ນອນ.
ທຸກໆຫລັງມິລັກສະນະ ແບບດຽວກັນຫົມດ ລູງນ້ອຍລາກ່າວຢ່າງມິຄວາມຫວັງ
ທຸກຕ່ອນດິນ ກະມິ ຄວາມໄຫ່ຍເທົ້າໆກັນ
ພວກເຂົາ(ນັກລົງທືນເຈັກ)ບອກອິກວ່າ ທິ່ນິ້ ຈະເປັນທິ່ດຶງດູດນັກທ່ອງທ່ຽວໃຫ້ໄດ້ ໂດຍຈະມິການສ້າງນ້ຳພຸ ແລະໂຮງມະຫໍຣະສົບ ໄຈກາງບ້ານໄຫ່ມ
ລູງນ້ອຍລາ ຍັງເວົ້າແບບບໍ່ມິຄວາມເຊື່ອຫັ້ນອິກວ່າ ພວກເຂົາຈະຢູ່ທິ່ນິ້ ຫລຶ ໂຍກຍ້າຍໄປທິ່ອື່ນ ເຂົາກະຍັງບໍ່ມິຄວາມສາມາດຈະຮູ້ໄດ້ ເພາະ ອານາຄົດພວກເຂົາຢູ່ໃນກຳມືຂອງນັກລົງທຶນເຈັກທັງນັ້ນ

ສຳຫັລບຄົນອື່ນໆ ອານາຄົດໄດ້ເລິມຂື້ນແລ້ວ
ນັກຕິດຕາມສອດແນມຂອງພວກເຣົາ ໄດ້ ບອກໃຫ້ເຮົາຮູ້ເຖິງຄວາມສວຍງາມຂອງ ກາຊິໂນ ເມື່ອຍາມພຣະອາທິດຕົກດິນ ພ້ອມທັງບອກເຮົາວ່າ ເຂົາໄດ້ເປັນພໍ່ເດັກ ເມື່ອ1ເດຶອນກ່ອນ ແມ່ແລະເດັກກຳລັງຢູ່ທິ່ ສປຈ
ແລະຈະມາຢູ່ທິ່ນິ້ໃນມໍ່ໆນິ້ເອງ
ວຽກນິ້ເປັນໂອກາດພີເສດສຳຫລັບເຂົາ
ນິ້ຄຶໂຄງການຂນາດໄຫ່ຍທິ່ສຸດ ທັງໄຫ່ຍພ້ອມແລ້ວຈະຂຍາຍອອກໄປຢ່າງບໍ່ຍຸດຢັ້ງ ຈາກ ປ່າທຶບຈະກາຍເປັນເມືອງ
ນິ້ແມ່ນການທ້າທາຍຂອງເຂົາ
Las Vegas ແຄມຂອງຕາມແບບສະບັບຂອງເຈັກ
ແຕ່
ສຳຫລັບ ຊາວລ າ ວ ເຈົ້າ ຂອງ ປທ ແລ້ວ ເຂດພີເສດ
ຄຶ ຄວາມຝັນຮ້າຍຂອງພວກເຂົາຢ່າງແນ່ນອນ
ນິ້ແມ່ນການເລິມຕົ້ນເທົ້ານັ້ນ
ຍັງມິໂຄງການໄຫ່ຍທິ່ນັກລົງທຶນເຈັກຄົນນິ້ມິແຜນອິກ ທິ່ຈະຕ້ອງຕິດຕາມມາ ພຽງແຕ່ວ່າ ຄົນລາວເຈົ້າຂອງປທ ຈະຕັດສິນໄຈຢ່າງໃດ ຈະຮ່ວມມືນຳ ຫລຶຈະໄປທິ່ ສປປລ ບ່ອນທິ່ຄົນລາວທັງຊາດເປັນເຈົ້າຂອງ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Laos
Chinese casino capitalism
Broadcasting and broadcast date: SWR, Sunday, 3 July 2011
Looking back: Laos

Broadcasting and broadcast date: SWR, Sunday, 3 July 2011 .6 mn 50 sec
Help, the Chinese are coming. That's what at least many Lao farmers in the triangle on the Mekong. In the village of Ton Pheung Chinese investors to build a huge gambling paradise with casinos, luxury hotels and shopping centers and golf course. The farmers of the region are simply relocated. 30 square miles, the terrain in which the Chinese capitalists over the next 99 years alone have the final say will be. Laotian police officer or one looks in vain. But this can be found fortune, prostitutes and wealthy retirees from China, Thailand and Myanmar. And that's just the beginning. China's border moves silently on the territory of a sovereign state in fact. The poor communist Laos concessions for Chinese investors have applied for another 10,000 square kilometers - more than 6 percent of the country. Chinatown is everywhere.
The Mekong River - high up in the golden triangle. A place around which myths have always been entwined. War lords and opium traders sought their fortune here. Recently making the tour groups from Thailand on their way. The trip across the Mekong River takes a few minutes. Their destination: the Laotian side. They face a new tourist attraction. A casino town with golden domes. Chinese guest workers to carve a mile-long boardwalk. Behind it starts a so-called special economic zone - is also firmly in Chinese hands. The tour group from Thailand has created. About rickety boards it goes towards gambling paradise. But the older folks take that into account. Finally, here is allowed and what is forbidden at home. Roulette, baccarat and blackjack.

Without Chinese minders we can not turn anymore. Comes in swanky SUV( Humme) drove up. Yao Shao worked for the major Chinese investor and has lived four years in Laos. When he came here there were only a few rice fields and much more unspoiled jungle. Now there is a wide paved road through the countryside eating. "Perhaps the works a bit high," says Yao Shuo. "And there are not many cars on the road. But the road is built for the future. Here are to live 150 times to 200,000 people. "Officially we are still in Laos, have de facto in the Special Zone, the Chinese call the shots. Instead of the rice fields, now there is kitsch in large format. Our watchdog gives us an exclusive tour. The golden crown, he said, had already become the new landmark of Pheung tone.

We must look into the entrance hall. Marble gods to bring good luck. For the next 99 years the land around belongs to investors from the Middle Kingdom. They want to change the golden triangle - into a Mecca for players. The Laotian government is a little share in the profits and keeps out otherwise. The rules in the special zone, which is determined mainly just one. The Chinese boss Zhao How the investment community. And a good friend of the political elite. The Lao President (Choummaly Xaiyasone) and the Premier Minister (Bounngang Vorachit) have been stopping by more often, he tells us. And he even had big plans for his city: the airport, golf course, more casinos and more hotels. And even old people's homes there is to be playful for retirees.

"Laos is poor and under developed. They need our investment, which need our help, "said Zhao as President of King novel Group. "As a Chinese, I see it like that I'm not just here to make money, but also to do something good in order to help the people here." A promotional film of the casino. It is above all a paradise for giving viable player from China. The border with Laos is not far. And in the special zone to get the gamers everything is forbidden in the giant country. Gambling - and even prostitutes, but the shows we are not natural.

Not far away we find the last ancient village in the Special Zone. We have dared come here without a minder and make the rice farmers Lung Noi Da. 120 families live here. But they are soft, almost a 5-star hotel. He has driven fear of becoming, how many s - without adequate compensation. The fight against the new rulers of China, he has given up. "The government has promised us that our Laotian identity is preserved," says Da Noi the rice farmer. "But none of this is true. The rules govern the Chinese. Of our politicians has yet no one here can look in the village. They just do not care. "The house, the lychee and mango trees. All this will soon be past. And his son wonders if the grandson now have to learn Chinese. "The whole area has changed," said Charn Sangsawang. "With their big machines, they flatten everything. The feel here is no longer like Laos. That is really China. "

So shall look their future. A retort settlement on the outskirts of the Special Zone. Designed and built by the Chinese. New Village they have christened it. New Village. 120 Wohnträume in yellow. Prefabricated houses from the catalog. But apart from these barter Lung Noi and Da are convinced his son is anything but. "Every house looks the same," says Da Noi the rice farmer. "Each plot is the same. They want even that we are here as a tourist attraction. With a fountain and an event hall in the middle. Stay "here or move away entirely. Since white rice farmer Lung Noi only one thing: His future is no longer in his hand.

For others, the future has just begun. Our Chinese spies tells us the casino at sunset. He says that he has become father a month ago. Wife and child were still in China. But they would soon follow. This job is a very special opportunity for me. This is a huge project. It grows and grows. From the jungle creates a city. That's my challenge. "Las Vegas on the Mekong! In Chinese. For the locals in the special zone is a nightmare. But this is only the beginning. Other major Chinese projects are planned. And the Lao people have to decide: play along or go to where Laos is still the land of the Laotians.

Autor: Norbert Lübbers, ARD Singapur

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ພີ່ນ້ອງລາວເບິ່ງເອົາ ການຂາຍຊາດ ຂອງພັກລັດ

   

  

   https://youtu.be/k6kt3XBFQDI

  
  


-- Edited by buckhumnoy on Thursday 15th of December 2011 07:37:03 PM



__________________
« First  <  Page 11  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard