ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

ປື້ມດັ່ງກ່າວຫ້ນາ5+6 ທ່ານ ຄຳເພົາພອນແກ້ວບອກວ່າ...ວາທະກັມທີ່ຄົນແຕ່ງຂື້ນເອົາເອງເລື້ອງທ້າວສຸຣານາຣິ ທຳໃຫ້ອະນຸສາວະຣິແຫ່ງນະຄອນຣາຊສີມາເປັນສະເຫມຶອນອະນຸສອນສະຖານຂອງວີຣະສະຕຣິແຫ່ງ
ຊາດແລະຍັງກາຍເປັນເປັນເທພາຮັກປະຈຳເມືອງໃນເວລາຕໍ່ມາອິກ. ແຕ່...ຫ້ນາປະຫລາດທີ່ວ່າເອກກະສານສຳຄັນ
(ພຶ້ນວຽງ)ຕ່າງໆທີ່ກ່ຽວກັບເຫດການການລຸກຂື້ນເຮັດສົງຄາມ ໃນ ພສ 2369 ຄສ 1827 ຂອງພຣະເຈົ້າອະນຸ ບໍ່ໄດ້ກ່າວເຖີງວີຣະກັມຂອງຍ່າໂມເລີຍ ຈົນເຮັດໃຫ້ເກິດມີຄຳຖາມວ່າ... ວີ ຣ ະ ກັ ມ ນີ້ ເ ກິ ດ ຂຶ້ ນ ຈີ ງ ຫ ລື ??
ຢ່າຊີໄປເຊື່ອ ໄອ້ຊຽງຫ້ມຽງຫລາຍ ປື້ມນີເປິດເຜິຍຄວາມຈີງທຸກຢ່າງແລ້ວທາງການກະສັ່ງຫ້າມບໍ່ໃຫ້ຄົນລາວເຮົາໄດ້ອ່ານເລີຍ ແຕ່ໂຊກດິ ເຮົາມີມາຕົ້ນສະບັບມາທ້າທາຍເຂົາແລ້ວ

ຕາມຫາຮອຍເຈົ້າອະນຸວົງ
ສັມມະນາປະວັດສາດລາວໂດຍຄນະພາສາວັນນະຄະດິແລະມະນຸດສາດ ມະຫາວິທຍາໄລແຫ່ງຊາດ (DongDok)
1997 ໂຮງພິມວີສະຫະກິດ ສຶກສາ
ເປັນປືມລາວ ທີ່ເຫລົ່າເຖີງ ວີທຍານີພົນ ດິເດັ່ນທີ່ສຸດຂອງ ສາຍພິນ ແກ້ວງາມປະເສີດ ໃນ ປິ 1996 ທີ່ ສເນີ ຕໍ່ ມະຫາລັຍທັມມະສາດ ໃນເວລາຕໍ່ມາ ຖືກພິມເປັນປື້ມຈາກ ສຳນັກພິມ ມະຕິຊົນ ເຖິງກາຍເປັນປຶ້ມທີ່ຫວງຫ້າມ ໃນ ປທທ ໄປ ໃນຕັວເລີຍ ເພາະ ສາຍພິນສາມາດອ້າງເອົາພຶ້ນວຽງຂື້ນມາທ້າທາຍພວກສຍາມວ່າສີ່ງທີ່ເຂົາອຸປໂຫລກຂຽນຂື້ນມາລວງໂລກວ່າ ຍ່າໂມມີຕົວຕົນນັ້ນ ແມ່ນບໍ່ເລີຍທີ່ບັນທຶກໄວ້ ໃນພຶ້ນດັ່ງກ່າວ

Peng Pawatsat anachaklanxang

http://www.youtube.com/watch?v=_ioDGyoO6uc

http://makhamtaovillagelaosphoin.blogspot.com/2009/02/blog-post.html
Makhamtao, village Laos Phoin de Somport Kangkorn: ประวัติของชาว พวน หรือ ลาวพวน ในประเทศไทย โดย คมเ
makhamtaovillagelaosphoin.blogspot.com

http://www.youtube.com/watch?v=_0AEYmEv9fA&feature=related
เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์
www.youtube.com
ไทยว่าเป็นกบฏ แต่ลาวว่าเป็นวีรบุรุษกู้ชาติ http://atcloud.com/

ຈູມມາລີ
ທອງສິງ
ໄຊສົມພອນ
ເມືອງຕຣີໂປລີ ກັລັງຈະຖືກ ຝ່າຍຕໍ່ຕ້ານຍຶດໄດ້ແລ້ວໃນມໍ່ໆນີ້
ບໍ່ມີ ປທ ຣັບເອົາຄອບຄັວນີ້ ໄປລ້ຽງດູ

ລອງຄິດເບີ່ງວ່າ ໃນຜືນແຜ່ນດີນໂຈນສຸ ຈະຍອມຮັບຕະກູນ ຜດກ ໂຈນນີ້ເຂົ້າໄປລີ້ພັຍຫລືບໍ??



Bonjour,


Tripoli va tomber, Kadhafi à la casse, merci Sarkozy !


Et la Télé propagande française se taise,
pas de commentaire sinon elle va se contredire.
elle, qui, il n'y a pas longtemps, rigolait
quand Sarkozy commençait à bombarder
les troupes de Khadafi qui mitraillaient son peuple libyen.


En attendant les journalos de la propagande,
pour s'occuper, elle se targue de vouloir faire
des commentaires quotidiens et plus encore, à tout heure,
sur les cours de la bourses de la France et du monde,


et d'expliquer comme si c'est explicable à tout moment,
sur le yoyo des cours de bourses.

Bonjours cher Dr Ouane qui aime la paix,



C'est très marrant. Maintenant j'ai trois opinions à digérer, des trois docteurs. Mais d'après les premiers pages j'ai déjà penché vers le docteur en médecine. Vous êtes très fort Dr Ouane, ce document me paraît très convaincant parmi tant d'autres.


Mais il faut aussi comprendre les calculs stratégiques, ce que nous avons appris sur les recherches opérationelles.



La Chine représente une menace rouge pour les américains, avant la fin du 2eme guerre mondiale, le général Mc Arthur suggéra d'aller jusqu'au Beijing. Heureusement le président Harry Truman le limogea avant qu'il fut trop tard. La guerre du Vietnam, les forces Hmongs, la Thailande, le Laos etc...Tous furent des éléments de calcul pour parer l'expansion communiste des Chinois.


A l'heure actuelle, la Chine reste toujours une menace, pour les américains et aussi pour les vietnamiens. Ce n'est pas parce que les chinois soient mal aimés mais c'est toujours la faute des calculs mathématiques sur le danger chinois. Les américains et les vietnamiens convergent cette fois sur le même objectif: la chine. Le Laos sous domination vietnamienne est oublié car le calcul opérationelle suggère plus d'importance au vietnam qui détient le quasi total du contrôle sur ce pays.


Après Giap on peut prévoir une base américaine quelque part au vietnam. C'est aussi une victoire des viets du Sud.


Cher docterur il est toujours agréable d'argumenter ou de bagarrer avec vous, un médecin philosophe.



JbM








--------------------------------------------------------------------------------
From: "santypha@yahoo.fr"
To: laos-solidarite@yahoogroupes.fr
Sent: Saturday, August 20, 2011 11:30 AM
Subject: [Laos-Sol] Les Hmongs cherchent sa place au soleil depuis 4000ans avec l'arme à la main/ lutte inégale contre les Hans



Bonjour à tous,
LKP et Dr Yang Dao ont bien disserté sur le Laos multi-ethnique , Le Laos est un territoire peu peuplé , les dirigeants Hmongs ont ils vraiment fait les efforts pour d' intégration dansle Royaume du Laos ou ont ils tout simplement profité de l'opportunité des troubles au Laos pour faire de ce pays leur territoire ,car avec leurs participations actives à aider les colonialistes à dominer et diriger ce pays souvent contre l'avis de ceux qui luttent pour sortir de ces mains mises occidentales.
A cette occasion les dirigeants Hmongs ont profité la présence de USA pour renforcer leur force armée ,et cette fois ci ils sont obligé de partir l'arme à la main avec les américains , j'espère qu'ils ont enfin trouvé leur ancrage pour leur future génération.
Lisez cette mémoire pour mettre l'eau dans le moulin de ceux qui s'intéressent à l'histoire contemporaine des Hmongs, Ils se battent d'abord pour eux dire qu'ils veulent servir le Laos c'est une opinion personnelle du Dr Yang Dao et de certains laos qui ne cherchent qu'à utiliser cette Ethnie pour garder et maintenir leur pouvoir...u


OS
http://doc.sciencespo-lyon.fr/Ressources/Documents/Etudiants/Memoires/Cyberdocs/MFE2006/grall_t/pdf/grall_t.pdf

http://www.youtube.com/watch?v=NK5YGyW1VRU&feature=related

ທ່ານ สะมาชีก ลาวโฮมลาว
ທ້າຍສັປດາຢາກຟັງເພັງປະວັດສາດລາວກ່ຽວກັບອານາຈັກລາວລ້ານຊ້າງຊື້ງມີຊາຍແດນທີ່ ໂຄຣາຊ ເຂົ້າໄປgoogle ແລ້ວ ຕີ ນີ້ເດິ

Anajak Lao Lanxang - LAO song

ເພຶ່ອຄວາມເປັນລາວສົ່ງຕໍ່ດ້ວຍ
ຂອບໄຈ

http://www.youtube.com/watch?v=jAmlSSGcb5A
http://www.youtube.com/watch?v=tX_hTPaFMns&feature=related

SGcb5A

.....

http://asiapacific.anu.edu.au/newmandal
asiapacific.anu.edu.au

เนื้่อหาจากกระทู้เก่า (ภาคแรก) กรุณาอ่านที่กระทู้นี้:
บทความแปล: จดหมายจาก ตระกูล วิวัชรวงศ์



แปลโดย: ดวงจำปา

ตั้งแต่ เวปไซค์ นิว แมนเดล่า ได้โพสต์เรื่องของ จดหมายที่กล่าวอ้าง จากลูกชายทั้งสี่คนของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารเมื่อค่ำของวันพุธที่ผ่านมา มีความสนใจกันมากจนเป็นเรื่องประเด็นร้อนกับผู้อ่านหลายพันท่าน ที่ได้เข้ามาอ่านจดหมายฉบับนี้. เมื่อผมได้โพสต์ลงไปนั้น, ผมได้กล่าวว่า ผมไม่สามารถที่จะรับประกันว่ามันจะเป็นของแท้ได้ ในตอนนั้น ผมมีความปักใจเชื่อประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ว่ามันเป็นของจริง (ถ้าคุณสามารถนำเอาตัวเปอร์เซ็นต์มาวัดกันกับเรื่องแบบนี้) แต่ในตอนนี้นั้น ไม่ว่าจะมันมีค่ามากมายแค่ไหนก็ตาม ระดับความมั่นใจของผมนั้น ได้เพิ่มขึ้นไปประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลบางส่วนที่ผมได้รับเพิ่มเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ในแง่มุมบางประการนั้น เรื่องการแจ้งที่ว่า จดหมายฉบับนี้เป็นของแท้นั้น มีความสำคัญน้อยกว่า ในเรื่องความสำคัญของทางด้านจารีตประเพณีที่เคยปฎิบัติกันมา เนื่องจากว่าผมเป็นนักมนุษย์วิทยา บ่อยครั้ง ผมจะให้ความสนใจในความหมายหลายๆ ด้าน ในเรื่องสิ่งที่สร้างประดิษฐ์ตามจารีตวัฒนธรรม มากกว่าในเรื่องของความแท้จริง ที่สังเกตุเห็นได้ด้วยตาตนเอง

ดัง นั้น ผมก็ขอสวมหน้าที่ของนักมนุษย์วิทยาก่อน ผมคิดว่า มันมีเหตุผล สี่เรื่องที่เชื่อมโยงกันว่า ทำไมจดหมายฉบับนี้ – ไม่ว่ามันจะจริงหรือปลอมก็ตาม – ที่แท้แล้ว มันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในแง่มุมของจารีตประเพณี.

ประการแรก, มันเป็นตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง ของรอยร้าวที่เห็นจากภายนอก ในด้านการประชาสัมพันธ์ของทางฝ่ายวังไทย, เรื่องที่เป็นลำดับยอดต้นๆ ก็คือ ความอลหม่านในเรื่องเครื่องบินส่วนพระองค์ที่ประเทศเยอรมัน และ ระยะเวลาห้าปี ของการจมดิ่งในสัญญลักษณ์ของทางฝ่ายวัง จากเรื่องการแก่งแย่งชิงดีในทางการเมือง มันไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดอะไรเท่าไร ที่รอยร้าวที่แตกออกมากมายขนาดนี้ ได้แตกสาขามาจากรูปของ ประเภท “ลุยยิบตา” อย่างเจ้าฟ้าชายเอง มันก็ยังมีความไม่พึงพอใจที่แสดงให้เห็นอย่างลับๆ ในแง่ของพูดใส่ร้ายปลุกปั่นยุยง อยู่อย่างเสมอในสังคมไทย แต่เทคโนโลยี่สมัยใหม่ทางด้านการสื่อสาร มันก็หมายถึงว่า พวกเนื้อหาสาระอันน่าตื่นตาตื่นใจทั้งหลาย ก็สามารถถูกเผยแพร่กระจายอย่างเรียบร้อยฉับพลัน บทความเรื่องเล่า, รูปภาพ, จดหมายเหตุและอีเมล์ ได้รับความนิยม เสมือนพลังอันแสนวิเศษ ที่ทำให้เรื่องเล็กๆ ง่ายๆ กลายเป็นการขยายไปถึงการกระพือข่าวจากพวกเขาได้ พลังอำนาจนี้ ได้ถูกยกระดับขึ้นมา เมื่อขณะที่พระมหากษัตริย์ และ สถาบันพระมหากษัตริย์ ได้อ่อนกำลังลงโดยทั้งทางธรรมชาติและทางตัวสถาบันเอง

ประการ ที่สอง, ที่สามารถชี้เฉพาะให้เห็นชัดกว่า ก็คือว่า จดหมายฉบับนี้ ได้ตอกเข้าไปในหัวใจขององค์ประกอบหลัก ในการพรรณาเล่าเรื่องของเหล่าเชื้อพระวงศ์รุ่นใหม่ของไทย การเล่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของคุณพ่อท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่ชาญฉลาด และมีจิดใจที่ดีเปิดกว้าง (ระดับชาติ) มีความห่วงใยต่อลูกๆ (ประชาชน) ของท่าน จดหมายนั้นได้เสนอถึง การเล่าบรรยายที่กลับกันอย่างล้ำลึก ซึ่งไปโค่นล้มความรู้สึก ของคนที่เป็นพ่อซึ่งมีจิตใจโหดเหี้ยมและปราศจากความห่วงใยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ละทิ้งลูกของตนเองอย่างน่างงงวย ถอดถอนยศฐาบรรดาศักดิ์ออกไป และแถมยังตัดการสื่้อสารทุกรูปแบบกับพวกเขา มันเป็นเรื่องที่ลำบากใจอย่างมาก ต่อการมอบสถาปนาตำแหน่งกษัตริย์ให้กับ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ด้วยภาพรักของพระมหากษัตริย์ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความกรุณา เหมือนกับพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันได้ จดหมายนี้เป็นข้อชี้แนะว่า มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย และไม่เพียงแต่เจ้าฟ้าชายเท่านั้น ที่ภาพรักของความเป็นพ่อได้กำลังถูกท้าทายอยู่ แต่ครอบครัวของพระองค์ทั้งหมดก็ถูกติดพันไปกับในเรื่องที่น่าทึ่งเหล่านี้ ด้วย:

ทุกๆ ปี เราได้เขียนจดหมายถึงคุณปู่คุณย่าของเรา, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนารถ, คุณพ่อของเรา, คือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และคุณน้าของเรา คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร เราได้เขียนเพื่อที่จะให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความเป็นอยู่ในคราวล่าสุดของพวก เรา โดยอธิบายพวกเขาให้ทราบถึง ความก้าวหน้าในการเรียนด้านวิชาการต่างๆ รวมไปถึงเรื่องทางการแพทย์ หรือ แม้กระทั่ง ส่งความปรารถนาดีไปยังพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เนื่องในวโรกาสวันขึ้นปี ใหม่หรือวันเฉลิมพระชนม์พรรษา อย่างไรก็ตาม ไม่มีท่านผู้ใดเคยตอบจดหมายที่เราส่งไปให้เลย การสื่อสารนั้น เป็นอยู่ทางฝ่ายเดียวโดยเสมอ

ประการที่สาม, เรื่องเล่าของความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ประสบความล้มเหลว ซึ่งอาจที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจที่แพร่ขยายกว้างออกไปทั่ว ประเทศ ในระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา ความกังวลขนานใหญ่ ได้ถูกแสดงออกมา เกี่ยวกับความอับอายขายหน้าระดับชาติ ที่โยงไปถึง “การสูญเสีย” ดินแดนไม่กี่ตารางกิโลเมตร ที่เป็นป่าเตี้ยๆ มีลมพัดแรง อยู่ตรงเขตชายแดนของประเทศกัมพูชา “ประเทศไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนให้กับผู้ใด แม้แต่หนึ่งนิ้ว” ที่นักชาตินิยมเขากรีดกราดเรียกร้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เรื่องการสูญเสีย – หรือการถูกเนรเทศ – ของผู้มีสายเลือดไทยอยู่ล่ะ; แถมยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระราชวงศ์ด้วย? “เป็นเวลาสิบห้าปีแล้ว ที่เราไม่เคยเข้าไปเหยียบผืนแผ่นดินไทยของเรา และเราคิดถึงประเทศของเราเกินกว่าที่จะพรรณาได้” จดหมายได้บอกบ่งถึง เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจของประชาชนสัญชาติไทยสี่คน, ซึ่งเป็นหลานชายขององค์พระมหากษัตริย์ และ ได้ถูกขับไสไล่ส่งออกมาจาก “บ้านช่อง” ในประเทศไทยที่เขารัก ถูกเฉดหัวเหมือนกับผู้ที่หนีเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย. “เมื่อตอนที่พวกเรายังเล็กอยู่, เราไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงกับชีวิตของพวกเรา หรือ เราก็ไม่สามารถที่จะจับความได้ว่าทำไม พวกเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศที่พวกเรารักเป็นอย่างยิ่ง” ความมั่นใจที่ว่าผู้คนทั้งประเทศจะโอบอ้อมใจให้นั้น สามารถสิ้นสลายลงไปได้ เมื่อพลเมืองที่มีสถานะดังกล่าว สามารถถูกขับไสไล่ส่งออกมาอย่างง่ายๆ แบบนี้

และประการสุดท้าย, มีเรื่องของความกังวลที่ยังวนเวียนอยู่ในเรื่องการสืบสันติราชวงศ์ ไม่เพียงแต่รัชสมัยที่จะถึง แต่ยังเป็นรัชสมัยต่อจากรัชสมัยนั้นด้วย พระราชวงศ์ของไทย ก็ไม่เพียบพร้อมอย่างแน่วแน่นักในเรื่องของรัชทายาทฝ่ายชาย ที่จะเป็นผู้จุดประกายสร้างความมั่นใจให้กับประเทศชาติ การปรากฎตัวของเด็กหนุ่มทั้งสี่คน (ในระดับพระญาติวงศ์) ซึ่งได้มีพันธะอยู่ กับการเป็นบุคคลในเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงจากทางสายเลือด อาจจะทำให้เกิดการกระทำแปลกๆ ขึ้นมาได้. ผมยังเคลือบแคลงใจว่า มีประชาชนคนไทยเท่าไรที่จะชอบใจอย่างจริงจังที่ว่า หนึ่งในลูกชายทั้งสี่คนนึ้ จะมาขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ได้ แต่จดหมายของพวกเขานั้น เป็นการเตือนใจอย่างกระอักกระอ่วน ในเรื่องของความสามารถในการสร้างรัชทายาท เพื่อที่จะสืบเชื้อสายต่อไปอีกหลายๆ แห่ง บางคนอาจจะคิดว่า แนวคิดของ -- การที่คนไทยคนหนึ่ง ซึ่งเติบโตและได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี และอาศัยอยู่ในต่างประเทศแถบตะวันตก สามารถขี้นมาเป็นพระมหากษัตริย์ได้นัั้น--- เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลย

แต่มันเป็นเพียงภาพที่สะท้อนให้เห็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เพื่อที่จะตระหนักให้ทราบว่า เรื่องต่างๆ นั้น มันไม่เป็นไปตามอย่างที่เคยวางแผนกันไว้โดยเสมอไป

Black Saphire 22. August 08:04

สวัสดี"KHON LAO HUCK XAT"อาจารย์,นักวิชาการต่างๆของลาวทีรอดและเหลือตายอพยพมาอยู่นอกประเทศเหล่านี้ ส่วนมากขาดความ
กล้าหาญในการแสดงออกเรื่องการเมือง,เป็นคนไม่มีความรับผิดชอบส่วนรวม,เป็นคนไม่มีอุดมการชาติ,เป็นคนเห็นผลปะโยชน์ส่วนตัวและ
ครอบครัวมากกว่าส่วนรวม,เป็นคน"สุกง่าใดกินง่านั้น" หรือขอเป็น"ขี้ข้าพญา เป็น หมาวัด" นี้คืเหตุผลของนักวิชาการของลาวไม่ว่าในอดิตร์
จนมาถึงปัจุบันนี้ ในอดิตร์"รัฐบาลพระราชอาณาจักรลาว"ก็แตกแยก,แย่งชิงกันเป็นไหญ่ในแผ่นดิน,แย่งกันกิน,แย่งประชาชนกัน,แบ่งพรรค
แบ่งพวก,หักหลังคนลาวซึ่งกันและกัน ทำการรัฐประหารกันมาตลอด เช่นรัฐประหาร กองแล,ภูมี,ท้าวมา เป็นต้น นักการเมือง,นักวิชาการ
ที่รอดตายจากลาว-แกวแดงออกมาได้อยู่นอกประเทศก็แตกแยกกันอีก แบ่งพรรคแบ่งพวก ตั้งกลุ่มการเมือง,กลุ่มสมาคม,กลุ่มวัด ของไคร
ของมันอยู่ทั่วโลก มีการจัดตังหลายหมื่นการเมือง,สมาคม ของคนลาวนอกในระยะ36ปี. พวกฝ่ายชนะคือ"แนวลาวฮักซาด"ก็ขายทรัพยากร
ของชาต,ขายแผ่นดิน,ขายประชาชนลาวไห้ต่างชาติยึดครอง ดั่งท่านลาวทุกๆคนได้รู้เ็ห็นด้วยตาและข่าวต่างๆในแต่ละวัน. นี้คือนิสัยสันดานของคนลาวที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ปี1778ตกเป็นขี้ข้าทาสไทยสยามมาจนถึงวันนี้. ขอเตือนลาวด้วยความหวังดี.

Press Releases.


C O M M U N I Q U E


On the occasion of the 38th Anniversary of the Accord of Vientiane ( 21.02.1973 - 21.02.2011).


LAO NATIONAL COUNCIL FOR DEMOCRACY
Somboun THORANINTH
Président
February 21 2011.


__________________________________________________________________________


LAO NATIONAL COUNCIL FOR DEMOCRACY
C O M M U N I Q U E


On the occasion of the 38th Anniversary of the Accord of Vientiane ( 21.02.1973 - 21.02.2011).


The Vientiane’s Accord of the 21st February 1973 on the agreement for the restoration of peace and the national concord signed in Vientiane , which should hold general elections , the withdraw of the foreign troops , the cease fire, the release of the political prisoners and the formation of a national government....


But, unfortunately , this Accord was abolished following the « coup d’etat » perpetrated by the « Pathet Lao » communists helpped by the Vietnamese communist Party, December 02 1975, the date of the instauration of the dictatorship maxist-leninist in Laos and the country’s transformation in « Lao People’s Democratic Republic » ; the Lao people has become a people « without rights , without voice and without hope », and more than 120 000 people arrested and sent in the camps of rehabilitation or gulag ; 500 000 persons on a population of 4 million inhabitants have fled their country ; there were 90 000 dead or disappeared, those who died by the repression, in the camps, in the prisons, in crossing the Mekong river, by starvation and by torture, leaving behind them thousands of widows and orphans.


Now as the world situation knows deep political changes, the Laos remains fundamentally a stalinist dictatorship where the single Party (Lao People’s Revolutionary Party) is undividedly governs the country under a totalitarian regime and where humain rights are violated, the prisoners of opinion remain always incarcerated without judgement and inhumanely treated , and where its inhabitants have sunken in the misery and that the democratic expressions are meet with many obstacles, such that education has degraded and the social and cultural values are worn down by a rampant mercantilism.


Face to the aggravating situation of this country on the political as well as economic and social of views characterized by :


1-the absence of fundamental liberties, human rights violations, and religions and ethnic conflicts are in ebullition, are growing insecurity, fear and terror ;


2-the presence of more and more numerous and uncontrolled colonists and vietnamese soldiers on the national territory by virtue of the said Treaty of vassalage signed in july 1977 between the Lao PDR and the Viêtnam socialist Republic ;


3-the generalized misery (overspread) from North to South of the country and the upsurge of the slum areas around the agglomerations with a rising growth of night-clubs and prostitution as the most unprecedented corruption in Laos’ history, nurtured and maintained by the present regime, which still believes in marxist-leninist.


The Lao National Council for Democracy launches appeal to all govenments, the international organisations, the political personnalities , the women and the men of good will who cherish liberty and judtice, to support the Lao people in struggle for liberty and to request them to intervene with the Lao communist autorities so that the political prisoners be liberated, human rights be respected, and the profound reforms be carried out without delay.


With force of conviction, the Lao National Council for Democracy ; organisation composed of the democratic forces and the representatives of the Opposition to all forms of dictatorshipn in the struggle for liberty, democracy, reconciliation and human rights, claims vigourously :


1-the cessation of all exactions and arbitrary arrests committed against the patriots with claims freedom, democracy and political reforms,


2-the release without conditions of the prisoners of opinion incarcerated without judgement and inhumanly treated and this, without any reprisals ,


3-the total withdrawal without any condition of the viêtnamese forces from Laos under the control of U N O ,


4-the organization of a constructive dialogue in the form of a « round table » between the Government of Vientiane and the Representatives of the Lao Movement abroad, anxious to participate in the reconstruction of their native country in a State of law ,


5-that Laos remains the fatherland of the Lao of all edges, including those have adopted the nationality of their host country,


6-the cancellation all the treaties tied to foreign governments wich have not been concluded as equal terms , in particular with the neighbouring countries, and which undermine the national sovereignty ,


7-the free elections of universal suffrage with the participation of all the political formations inside and outside of the country under international supervision,


8-the edification of a political regime really democratic and liberal , refleting the most profond aspirations of the Lao people by Referendum.
Such are the bases and the conditions wich would allow us hope for, on both sides, engaging a constructive dialogue, frank and sincère in view of a fraternal understanding, erasing the yersterday of hatred and thus bringing back the serenity and happiness in the heart of all Lao who are aspiring to only reconstruct their unity for the future of their children in the State of the rule of law.


Dear Compatriots inside and outside the Country !


We are heroïc people having the traditions of union , close-up together, tighter under the flag of the Lao Patriotism in order to concretize our peacefully action ; propitious time has come for gathering together the compatriots of all edges and had just reconstituted our great Lao family. At the present time, and irresistible current for the democracy, freedom and human rights burst throughout the world .


We must unite ourselves and march together with confidence and courage towards the conquest of Laos sovereign , free, independent, democratic and prosperous , the national concord and the happiness of the Lao people . The interest of the nation must pass in the first place , we eargerly ask you to support this objective for the national safety and the prosperity of our beloved Fatherland .

ລາວ ນອກເຮັດທຸກຢ່າງເພື່ອໃຫ້ມີ


ການໃຫ້ຮັບຮູ້ ອະດິດຂອງລາວ
ລາວຢູ່ໂລເວນເປັນຕົວຢ່າງ ຈົນສາມາດໃຫ້
ທຸງລາວດັ້ງເດີມໄດ້ຄູ່ຄຽງກັບທຸງຊາດອະເມລິກາ

Laotian Heritage and Freedom


I'd like to invite Mr Sary Thatphaporn, Mr Setha Viravong, Mr Charlie Chang, Mr Bluemax, Mr Specom, Mr SengFochao, Mr Phoui and Ms Dara Souvannaphoumma to attend the Alliance conference in Sydney Australia next month.
It will be great hornour for me if I will have an opportunity to meet you all because it is not normal or easy to meet the academicians and talented people. Please do not take serious the different idea or opinion which we had debate in forum so far, different opinion it is not the case of preventing the co-operation among us.

This time I have arranged on behalf of the Alliance organization to meet with the Australian Foreign Affairs Minister, so I would like all of you to participate in this event and meet the Australian VIP, it will not happen every day I think when the opportunity comes we should take it, do not let it pass by. Please don't forget Australia is one of the political key player in the world.
I hope next year I will meet Mr Obama or Mrs Clinton in USA with Mr Sary. OK!

Hope you guys are coming.

Respectfully yours

Sitthiphone Saysitthidetyh


__._,_.___

"ลาว เป็น ลาว" หมายถึง=ลาวอพยพรอดตาย และ เหลือตายจากความโกหกหลอกลวงของ สะหาย ไกสอน พมวิหาน,สะหาย สุพานุวงษ์
ในการเซ็ญสัญญา"ความถูกต้องปรองดองชาติ"และสัญญาหลอกนักการเมืองลาวฝ่ายขวาผู้โง่เขลาเบาปัญญาและมืดบอดทางปัญญาในการ
บริหารชาติบ้านเมืองคือ"สัญญา 18 ข้อ"ที่เวียตนามเขียนไห้นำมาหลอกไห้รัฐบาลของ สุวรณภูมา ผู้มืดบอดทางปัญญาเซ็ญรับ เพื่อนำไป
ปฎิบัติทำลายชาติ ทำลายประชาชนลาวของตนเอง ใน1975ประชชนลาวต้องหลบหนีออกนอกประเทศ จำนวนหนึ่งหนีไม่ทันถูกฃ่าตาย และถูกจับเป็นจำนวนนับไม่ได้ จากทิสดี"ความถูกต้องปรองดองลาวกับลาว"และ "สญธิสัญญาหลอกลวง 18 ข้อ"ของ Ho Chi Minh ที่หลอก
นักการเมืองลาวทังสองฝ่ายคือ สุภานุวงษ์ ฝ่ายแนวลาวฮักซาด และ สุวรรณภูมา ฝ่ายพระราชาณาจักรลาว ที่โง่เขลามืดบอดทางสมองหลง
เชื่อ ในทิสดีของแกวแดงผู้โหดร้ายป่าเถื่อนซ่อนอยู่เบื้องหลัง ในปัจจุบนนี้ ปชช ลาวทุกๆคนที่อยู่ภายใน และ อพยพนอกประเทศคงได้เห็น
และเข้าใจดีแล้วว่าแกวแดงกำลังทำลายลาวอย่างไรในเวลานี้ แกวแดงอยากได้อะไรของคนลาว พวกมันพากันมาขนเอาไปหมด เ่่ช่นป่าไ้ม้,
แ่ร่ธาตุทองคำ,ทองแดง อื่นๆ ตลอดส่งทหารเข้ามายึดครอง และนำพลเมืองแกวมาผสมกับลาวอีกเป็นจำนวนสามล้านคนในประเทศ เพราะ
พวกมันถือว่าลาวเป็น"หัวเมืองขื้น"โดยตรงกับมันแน่นอนแล้ว นับตั้งแต่1975เป็นต้นมา.เช่นเดียวกับลาวล้านช้างตระวันตกฝั่งแม่น้ำโขงที่
เรียกว่า"ลาว หรือ ไทอิสาน" เมื่อไทยสยามยืดครองได้แล้วเขาก็ไ้ห้ทำลายภาษาเีขียน-พูด และนักการเมือง,นักวิชาการอื่นๆของคนลาวไห้
หมดไป เช่นสังหาร นักการเมือง,นักวิชาการต่างๆของลาวตระวันตกไห้หมดสี้นไป เช่น ท่านเตียง ศิริขันธ์,ทองอินทร์ ภูริพัฒน์,ถวิล อุดล,
จำลอง ดาวเรือง,ครอง จันดาวงค์ และคนอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ด้วยการป้ายสีไห้ร้ายว่าเป็นพวก"คอมมูนิสม์,พวกแบ่งแยกแผ่นดิน"ในไทยทุก
วันนี้ก็ยังเข่นฃ่าลาวอิสาน,ลาวลานนา ที่อยากได้สิทธิ์เท่าเทียมความเป็นคนกับคนไทยสยามอีก โดยไส่ร้ายว่าต้องการ"ล้มเจ้า-ล้มกษัติย์"
ทังหมดนี้คือระบบ"เจ้าทาส"กับ"ข้าทาส"ของไทยสยาม กับ เวียตนาม ที่กระทำต่อ ประชาชนลาวทังชาติผู้อ่อนแอ-แตกแยกกัน...
ลาว เป็น แกว หมายถึง=คนลาวจำนวนหนึ่งที่มืดบอดทางปัญญา,หลงตัว,มักไหญ่ไฝ่สูง,ขาดการศึกษาด้านการเมือง,ขาดการเรียนรู้การปก
ครองด้านทิสดีการเมืองของโลก,ขาดสพการด้านการปกครอง และ สพการชีวิตฯลฯ เช่นอดิตรผู้นำลาว สุวรรณภูมา,สุภานุวงษ์ ชักนำเอาต่างชาติเข้ามาทำสงครามในชาติเข่นฃ่าตนเอง และในปัจุบันพวกผู้นำ พัก-ลัด สปปล ผู้โง่เขลามืดบอดทางความรู้ เซ็ณสัญญามอบลาว
ไห้เวียตนามครอบคองแผ่นดินเกีดของบรรพบุรุษของตนเอง เพื่อแลกเอาความสุขส่วนตัว-ครอบครัว ตลอดพรรคพวกของตนเองเท่านั้น.และ
ขายแผ่นดีนบ่อเต็นภาคเหนือไห้แก่จีนเพื่อแลกกับเงินมาเอามาเ็ป็นของตนเองอีก นี้คือความเห็นแก่ตัวของผู้นำโง่ๆของ สปปล ที่มองอนาคต
ข้างหน้าไม่ออกว่า 99 ปี จะเกีดเป็นปัญหาอย่างไร! ระหว่างลูกหลานคนลาวกับคนจีน!เมื่อ ปชช จีนเข้าไปอยู่ในประเทศไหนแล้วเขาจะถือว่าเป็นของเขาไม่มีจะหนีออกไปอีก ขอไห้ท่านอ่านหนังสือ"ยิวในเอเซียอาคเณย์"ท่านจะเข้าใจดีในเรื่องจีน.อีกเรื่องลาวเป็นแกว ก็คือลาว
นอกรอดและเหลือตาย จากการไล่ฃ่าของลาว-แกวแดงนับตั้งแต่1975เป็นต้นมา ก็อยังมืดบอดทางปัญญาอีก ถูกลาว-แกวแดงตัดขาดจาก
ความเป็นคนลาวแล้ว ก็ยังถูกเขาหลอกไช้-หลอกไห้แตกแยกกันในประเทศที่สามอีก นี้็คือความโง่เง่าจริงๆของลาวอพยพ...ขอเตือนลาวถ้า
อยากเห็นชาติเกีดของตนเองคงอยู่ในแผนที่ต่อไปในโลกนี้ต้อง"สืบต่อการต่อสู้สงครามกับเวียตนาม และ สมุนรับไช้ลาวแดง"อีกต่อไป...
จาก:เพื่อนบ้านไทไหญ่ผู้หวังดี.

ລົດໄຟສາຍດ່ວນຈີນຕົກຮາງ
ພວກກະຫລີ່ການເມືອງໂຈນລາວແດງ ແກ້ສົ້ງແກ້ສະລີບໄວ້ຖ້າກ່ອນແລ້ວ ທັງໆ ໄດ້ຍີນຂ່າວເປົ່າປິວຊື່ໆ
ນີ້ລະເຂົາວ່າ ຜູ້ນຳລາວມັນຫັວອ່ອນ
ເຂົາເວົ້າເຂົາໂລມກັນ ຢູ່ປັກກິງ ຮາໂນຍ
ທີ່ ວຽງຈັນ ໂຈນບ້ານໂຈນເມືອງທັງຫລາຍ(ພ້ອມທັງລາວລີງໃນຕ່າງ ປທ )ຊື່ນໄຈ ຮ້ອງໂຮໂປສັງຂະເປື່ອຍໂຕໄວ້ຖ້າໃຫ້ ເຈັກແກວເຊີງ ແບບຄົນຊື້ນສະຕີເລີຍ

ເປັນຕາຫ້ນາສົງສານແທ້ໆນໍ

ຂ້າຄອງເມືອງທັງຫລາຍເອີຍ

ຝູຍ


เสื้อแดงกับ ครม. ใหม่

ใจ อึ๊งภากรณ์

นักการ เมืองพรรคเพื่อไทยจำนวนมากคงมองว่าการแต่งตั้งแกนนำเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรีใน รัฐบาลใหม่ “จะสร้างภาพไม่ดี” ก็คงจริงถ้าคิดว่า “ภาพที่ดีของ ครม.” คือภาพของผู้ที่จะไม่ทำอะไรเลยเพื่อพัฒนาสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย และความเป็นธรรม

การทื่ ครม. ใหม่มีคนอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งเป็นนักการเมืองรูปแบบเก่าที่มีภาพเป็นนักเลง เป็นต้นตำรับการสร้างสองมาตรฐานทางกฏหมายในกรณีลูกชายอันธพาล และหลายคนมองว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด สร้างภาพอะไร?

ผมไม่รู้จัก พล อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เขาอาจเป็นคนดีที่รักประชาธิปไตยก็ได้ ผมไม่ทราบและไม่วิจารณ์เขาเป็นส่วนตัว แต่คำถามคือ เมื่อไรประเทศไทยจะสร้างวัฒนธรรมที่รัฐมนตรีกลาโหมต้องเป็นพลเรือน? เมื่อไรจะต้องมีการลาออกจากตำแหน่งทางทหารหรือตำรวจ ก่อนที่จะมาเป็น สส. หรือรัฐมนตรีได้? เรื่องนี้สำคัญเพราะถ้าเราจะมีประชาธิปไตย และประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินจริง ทหารต้องถูกบังคับให้ยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิง และกองทัพต้องรับใช้ประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่ากองทัพรับใช้ผลประโยชน์ตนเองแล้วมาอ้างว่าทำ “เพื่อกษัตริย์” โดยปิดปากคนที่คัดค้านด้วยกฏหมาย 112

การสร้างภาพของ ครม. และรัฐบาลใหม่ นอกจากจะมีเรื่องบุคคลที่นั่งเก้าอี้แล้ว ยังมีภาพประธานสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ต้องคลานเข้าไปหาคนที่ไม่เคยได้รับการเลือกตั้ง ในประเทศอังกฤษ เวลาราชินีเปิดสภา ราชินีถูกบังคับให้อ่านนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง

อีกภาพหนึ่งที่เราเห็นกันคือการไว้ทุกข์ของ ครม. ผมอยากถามว่าเมื่อไรจะมีการไว้ทุกข์ให้คนเสื้อแดงที่เสียสละชีวิตเพื่อ ประชาธิปไตย และต้องตายจากมือทหาร? ถ้าไว้ทุกข์ให้เสื้อแดงไม่ได้ อย่าไปหวังว่าจะนำคนที่สั่งฆ่าประชาชนมาขึ้นศาล

ถ้าถาพ “ที่ดี” ของ ครม. ปัจจุบัน เป็นภาพเน่าๆ แบบนี้ ผมขอฟันธงว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีแกนนำเสื้อแดงใน ครม. เพราะเดี๋ยวก็จะเปรอะเปื้อนไปด้วย

แต่มันมีสาเหตุสำคัญกว่านี้ที่แกนนำเสื้อแดงไม่ควรรับตำแหน่งใน ครม. เพราะประวัติศาสตร์การเมืองสากลมีตัวอย่างของรัฐบาลที่นำคนก้าวหน้าเข้ามาใน ครม. เพื่อสร้างภาพ ปิดปาก คุม และนำมาเป็นพวก คนก้าวหน้าดังกล่าวจะโดนกดดันจากนักการเมืองล้าหลัง ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ใน ครม. ให้คล้อยตามคนส่วนใหญ่ ตัวอย่างที่ดีคือการนำ สส. ฝ่ายซ้ายมาเป็นรัฐมนตรีแรงงานใน ฟิลิปปินส์ และอังกฤษ ในไทยกรณีที่อันตรายที่สุดคือการเอาแกนนำเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรม แล้วพอรัฐบาลไม่ทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหานักโทษหรือการฆ่าประชาชนโดยทหาร ก็โยนความรับผิดชอบให้รัฐมนตรีคนนั้น ดีแล้วครับที่แกนนำเสื้อแดงไม่อยู่ในสถานะแบบนั้น

การที่แกนนำเสื้อแดงไม่ได้มีตำแหน่งในรัฐบาลใหม่ เป็นโอกาสทองสำหรับขบวนการเสื้อแดงที่จะพิสูจน์ความอิสระจากพรรคเพื่อไทย และออกมาชุมนุมและรณรงค์ให้ ปล่อยนักโทษการเมือง ลงโทษผู้สั่งฆ่าประชาชน ยกเลิกการเซ็นเซอร์สื่อและกฏหมาย 112 ปฏิรูปกองทัพ และเรื่องสำคัญๆ อื่นๆ ที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยและเสรีภาพ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะรับประกันว่าวีรชนจะไม่ตายเปล่า และเสื้อแดงในคุกจะไม่ถูกขังลืม

คำถามสำคัญคือ แกนนำเสื้อแดงพร้อมที่จะรับภาระนี้หรือไม่ หรือจะมีส่วนร่วมในการสลายเสื้อแดงเพื่อยอมจำนน?

บางคนอาจบอกให้เรา “ใจเย็น” แต่ช่วงหลังการเลือกตั้ง ซึ่งพิสูจน์ว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศต่อต้านเผด็จการทหารและการฆ่าประชาชน เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดที่จะรุกสู้และลดบทบาทอำมาตย์ อย่างที่ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เสนอ “ไม่ควร(มีใคร)ที่จะบอกให้พี่น้องเสื้อแดงถอย ท่านควรจะนำทวงความยุติธรรมให้กับพี่น้องที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ถ้าเราไม่ใช้เวลานี้รุกสะสางเรื่องนี้ จะรอให้รุกเวลาไหน จะรอเวลาที่อำมาตย์เข็มแข็งอย่างนั้นหรือ เราควรกำหนดเวลา 1 เดือน เอาพี่น้องของเราออกจากเรือนจำ 3 เดือนต้องสะสางคดีการสังหารหมู่ประชาชน และชดเชยชดใช้เยียวยาวีรชน.... ถ้าถอยหมายถึงสลาย ... รอให้อำมาตย์แข็งแรง กลับมาสังหารพี่น้องเสื้อแดงอีก”

การเลือกตั้งที่ผ่านมามีความสำคัญในประเด็นเดียวเท่านั้น คือการพิสูจน์ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอาทหารเผด็จการและอภิสิทธิ์มือเปื้อนเลือด การมีรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะมีความหมายเป็นสูญ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราเลิกเกรงใจพรรคเพื่อไทยได้แล้ว ถ้าจำเป็นต้องค้านรัฐบาลหรือกดดันรัฐบาล เสื้อแดงต้องทำ เพราะเราไม่ใช่พวกเดียวกันถ้าทอดทิ้งเพื่อนได้ง่ายแบบนี้


--
Giles Ji Ungpakorn
UK mobile:+44-(0)7817034432
UK landline +44(0) 1865-422117
http://redthaisocialist.com/
see YOUTUBE videos by Giles53

ເປັນຂອງທັມມະດາ. ມົ້ົ້້ງເຄີຽມີດີນແດນລໍາເນົາອັນໃຫຍ່ກ້ວາງ ມີປະຊາຊົນຫຼາຽລ້າຄົນ, ຢູ່ປະເທດຈີນດ ປະເທດໄທ, ປະເທດລາວມວຽດນາມ ... ໄດ້ສູນຫາຽໄປ. ດັ່ງນັ້ນມີມົ້ງ ບາງຈໍາພວກ ຍັງໄຝ່ຝັນ ຢາກຟືນຟູ ດີນແດນ ປູ່ຍ່າຕາຍາຽຄື້ນ. ເປັນຂອງທັມມະດາ. ລາວອິສານ ຫຼືໄທ ອິສານ ກໍຢາກຟື້ນຟູ, ໄທດໍາ, ໄທແຖງ, ໄທລື້ ສິບສອງພັນນາ, ໄທຫຍ່, ໄທຈາມ ເຜົ່າຕ່າງໆ ເຫຼົ່ານີ້ ກໍເຊັ່ນດຽວກັນຢຢາກມີປະເທດຂອງຕົນ. ລາວເຮົາປະຈຸບັນນີ້ກໍຄືກັນ ຕ້ອງຕໍ່ສູ້ ເພື່ອໃຫ້ ຊາດແລະລີນແດນລາວ ມີຢູ່ໃນໂລກນີ້ຕໍ່ໄປ. ປະຈບັນ ນີ້້ ລາວຢູ່ໃສ? ທາງພາກເໜືອ ແມ່ນຈີນເອົາແລ້ວ, ທາງພາກກາງ ເປັນໄທໄປແລ້ວ, ທາງພາກໃຕ້ແມ່ນແກວເອົາແລ້ວ. ຖ້າຊາວມົ້ງຫາກມີ ປະເທດຂີ້ນມາ ລາວເຮົາກໍຈະໄດ້ອາໄສມົ້ງ ເຊັ່ນດຽວກັນ. ບໍ່ຄວນອິດສາ ເຂົາເຈົ້າ.


Best regards.
Au revoir.
ສະບາຽດີ.






--------------------------------------------------------------------------------
To: laosnetworkroom@googlegroups.com; alansananikone@yahoo.com; brajphoumy@yahoo.com; johnanouvong@yahoo.com; specom2009@comcast.net; sarp1942@yahoo.com; schidhalay@hotmail.com
Subject: Re : Re: Re: [Laos-Sol] Les Hmongs cherchent sa place au soleil depuis 4000ans avec l'arme à la main/ lutte inégale contre les Hans
From: touxoua@aol.com
Date: Tue, 23 Aug 2011 08:59:21 -0400

Sabaidy Thanh khammai Thammavong,

Mi Mèo bang koum mi khouam fay fanh ko gnan di kouah mi La







-----E-mail d'origine-----
De : khammaithammavo
A: laosnetworkroom ; Alan Sananikone ; Bounliane Rajphoumy ; John Anouvong ; Santy Khammoung ; Sar Phouthasack ; Seng Chidhalay
Envoyé le : Mardi, 23 Août 2011 9:03
Sujet : Re: Re: [Laos-Sol] Les Hmongs cherchent sa place au soleil depuis 4000ans avec l'arme à la main/ lutte inégale contre les Hans


Thanks John Anouvong
ຄອບໃຈລູງຈອນ ອານຸວົງ, ທ່ານເວົ້າຖືກຕ້ອງ ຄວາມໄຜ່ຝັນ ແລະມັກໄຫ່ຽໄພ່ສູງ ຂອງພວກແມ້ວບາງກຸ່ມຄົນກໍ່ເປັນຢ່າງນັ້ນ ເຂົາກຳລັງເຮັດໄຫ້ມົົ້ງມີຊື້ສຽງ ໄຫ້ໄຫ່ຽກວ່າລາວ ດັງຫວ່າລາວອີກ ແລ້ວຈະກັບເມືອຕັ້ງອານາຈັກມົ້ງຂີ້ນຢູ່ລອ່ງແຈ້ງພຸ້ນຕົ່ວ ແລະເຂົາຂຽນປະວັດສາຕ ແລະຂຽນພາສາເຂົາເອງຂື້ນ ເພື່ອເຂົາຈະເປັນຊາດນື່ງມີຂື້ນເປັນປະເທດມົ້ງ ຖ້າອາເມຣິກາເອົາບໍ່ທັນ ເມືອງວຽງຈັນກໍ່ເປັນເທົ່າໄຟໄປແລ້ວ ບຸນຫຼາຽເມືອງວຽງຈັນທນ໌ຍັງບໍ່ຖືກທຳລາຽ,ໄທສຍາມຈຸດເຜົາໄປແລ້ວ ຈົນບໍ່ເຫຼືອຮ່ອງຮຽເລີຽ ຫໍໂຮງຣາຊວັງອັນສວຽງາມທີ່ສຸດໃນໂລກ ແມ່ນຈຸດເຜົາໄຫ້ລາຍຄາບ ທຸກຄົນເສັຽໃຈໆໆໆໆໆ

Quoting Jonh Anouvong :

ນັບຖື ທຸກໆທ່ານ...

ການຖົກຖຽງກັນ ກ່ຽວກັບຄວາມຝັນ ບ້າໆ ທະເຍີທະຍານ ຂອງພວກເຜົ່າມົ້ງ (ແມ້ວ)ນີ້ ຄົງຈະເສັຽເວລາ
ເອົາໄປຄິດຢ່າງອື່ນຈະເປັນປໂຍຊກວ່າ....ພວກເຂົາໄດ້ສ້າງຄວາມຝັນແບບນີ້ມາ 400ກວ່າປີແລ້ວ ຕັ້ງແຕ່
ສມັຍ ຈິງກິສຄານ ມົງໂກລພຸ້ນ...ຂນາດວ່າ ມາຢູ່ USA ແລ້ວຍັງບໍ່ໄດ້ລົດລະສືບຕໍ່ຄວາມຝັນດັ່ງກ່າວ ເຊົ້ນ :
1- ພວກເຂົາໄດ້ ພຍາຍາມຂຽນປຶ້ມ ພົງສາວະດານ ທີ່ແຕ່ງຂຶ້ນມາເອງ ຂຽນເພື່ອມີເຈຕະນາໃຫ້ຊາວໂລກ
ອ່ານ ວ່າ ເຄີຽມີປະເທດຊາຕເປັນຂອງຕົນເອງ...ມາຈາກແຜ່ນດິນລາວ ເປັນພຽງທາງຜ່ານເທົ່ານັ້ນ...
2- ພຍາຍາມຈັດຕັ້ງກຸ່ມກ້ອນຂຶ້ນ ແລ້ວເອີ້ນຕົນເອງວ່າ "ແຫ່ງຊາຕ" ຕົວຢ່າງ Hmong national socker
team" ຫລື ການສແດງອື່ນໆ ກໍ່ຕ້ອງ ແຖມໃສ່ ວ່າ ແຫ່ງຊາຕ ຊຶ້ງຫມາຍຄວາມວ່າແຫ່ງຊາຕມົ້ງ
3- ໄດ້ສເນີ ຂໍນໍາຣັຖບາລ state of California ຢາກໄດ້ Orange county ໃຫ້ເປັນເມືອງຂອງຄົນມົ້ງ ແຕ່
ຖືກປະຕິເສດ..
4- ໄດ້ໄປຂໍເອົາ ເຂດເມືອງ Wausaw ທີ່ຣັຖ Wisconsin ໃຫ້ເປັນເຂດອາໃສຂອງຄົນມົ້ງ(ບໍ່ໄດ້ເອີ້ນຕົນເອງ
ວ່າ ລາວເຜົ່າມົ້ງຈັກດີ້)..ເມື່ອຖືກປະຕິເສດ ພວກເພິ່ນ ຍັງໄດ້ ຈັດຕັ້ງກຸ່ມ Hmong gang ພ້ອມທັງປະກອບ
ອາວຸດ ໄປກໍ່ກວນໃຫ້ ປຊຊ ເມຣິກາຢ້ານກົວ ຈົນຖືກ ເຈົ້າຫນ້າທີ່ຈັບໄດ້ ປືນ 150 ກະບອກ ແລ້ວຈຶ່ງເອີ້ນຕົນ
ເອງວ່າ ກຸ່ມ Lao youth ແຕ່ວ່າ ເຈົ້າຫນ້າທີ່ ບໍ່ໄດ້ ເຊື່ອ ເພາະບໍ່ມີລາວຈັກຄົນ...
5- ສອນໃຫ້ ຫນຸ່ມນ້ອຽລຸ້ນໃຫມ່ ເອີ້ນຕົນເອງວ່າ ມົ້ງ ເທົ່ານັ້ນ...(ຢາກໃຫ້ທຸກທ່ານ ລອງໄປຖາມພວກດ້ວຽຕົນ
ເອງເບິ່ງດູວ່າ : are you Lao,where are you from ມັນຊິຕອບວ່າ : I am not Lao,I am Hmong
from Mongolia )
6- ມີການຈັດຕັ້ງ ທີ່ແຍກຕົວອອກ ຢ່າງຈະແຈ້ງ ເຊັ້ນ : Hmong veteran association ແລ້ວ ພວກເພິ່ນໄດ້
ເກັບເງິນກັນ ສ້າງ ກ້ອນຫີນ ອານຸສາວະຣີ ນັກຣົບເກົ່າສົງຄາມວຽຕນາມ ເພື່ອຈະເອົາໄປ ຕັ້ງໃວ້ ທີ່ ສຸສາຣ ແຫ່ງ
ຊາຕ ອະເມຣິກາ " Arlington Cimetery ທີ່ Was. DC. ແຕ່ ບັງເອິນພວກເພິ່ນ ໄດ້ສລັກຕົວ ຫນັງສື ວ່າ :
Hmong veterans ພໍດີເຈົ້າຫນ້າທີ ອະເມຣິກາ ບໍ່ໃຫ້ ຍົກຂຶ້ນ ຕ້ອງໄດ້ ເອົາໄປສລັກໃຫມ່ ວ່າ Lao Hmong
ຈຶ່ງໄດ້ເອົາຂຶ້ນ (ຖ້າທ່ານໃດໄປທ່ຽວ ໃຫ້ໄປເບິ່ງເອົາເອງ) ຂພຈ ໄດ້ຮ່ວມໃນພິທີນັ້ນເຫມືອນກັນ...
7- ທຸກໆປີ ທີ່ Milwaukee,WI. ເຂົາຈະຈັດໃຫ້ມີ Asia moon fest ໃນ ເດືອນ June 15,16,17 ..ທຸກໆປະເທດ
ເອເຊັຽ ລວມທັງ Hawai, India..ຊາຕລາວເຮົາ ກໍ່ໄດ້ ຮ່ວມ ທັງໄດ້ເປັນ active member ຊຶ້ງແມ່ນ ຂພຈເອງ
ເປັນຜູ້ໄດ້ເຂົ້າຮ່ວມໃນປີລິເລີ້ມ 1995...ສາມະຄົມ ມົ້ງ ກໍສເນີເຂົ້າ ສແດງ ວັທນະທໍາຂອງຕົນເອງ ເຊົ່າ booth ຫນຶ່ງ
$40.00...ເພິ່ນກໍ່ເອົາແຜນທີ່ປະເທດລາວເຮົາໄປອ້າງ ວ່າ ແມ່ນ ປະເທດມົ້ງ...ພໍດີເຈົ້າຫນ້ທີ່ ຈັດງານ ເຂົາໃລ່ອອກ
ແຕ່ມື້ທໍາອິດເລີຽ...
8- ສຸດທ້າຽ ມາປີນີ້ ເຮົາໄດ້ເຫັນ ເພງຊາຕມົ້ງ ພ້ອມດ້ວຽທຸງຊາຕ ມົ້ງ ເກີດຂຶ້ນຢ່າງອົງອາດທີ່ສຸດ....

ການກະທໍາດັ່ງກ່າວທີ່ອ້າງມາຂ້າງເທິງນີ້ ເປັນພຽງສ່ວນຫນຶ່ງ ເທົ່ານັ້ນ ຍັງມີຫລາຍກິຣິຍາທີ່ພວກເພິ່ນສແດງອອກ
ແຕ່ພວກເຮົາບໍ່ຢາກຖືຊາ ເພາະຮູ້ແລ້ວ ວ່າ ເປັນໄປບໍ່ໄດ້...ປະທານາທິບໍດີ ອະເມຣິກາ ສອງທ່ານ ໄດ້ບອກກັບນັກ
ຕໍ່ສູ້ລາວເຮົາລວມທັງນາຍພົນ ວາງປາວນໍາດ້ວຽ ວ່າ : " if you want to fight for democracy in Laos,
reunite in one groop,just Lao,no other else,then you'll get assistance from US ( President
Clinton and President George W Bush ) ຂພຈ ໄດ້ເຫັນ ນາຍພົລ ວາງປາວ ປະກາດ ປະຕິບັດແລ້ວ ດ້ວຽ
ຕາຕົນເອງ ຕອນເພິນ ເປີດປະຊຸມໃຫຍ່ ປະຈໍາປີ ທີ ເມອືງ Apppton WI...ເມື່ອ ຫມົດຊີວິດ ນພ ວາງປາວ ກໍເກີດ
ເພງຊາຕມົ້ງ ພ້ອມດ້ວຽທຸງຊາຕມົ້ງເກີດຂຶ້ນ ດັ່ງທີ່ ເຮົາເຫັນ....ຂໍໃຫ້ທຸກທ່ານ ຄົ້ນຄວົ້າເອົາເອງ....



From: blue max
To: "laos-solidarite@yahoogroupes.fr"
Sent: Saturday, August 20, 2011 12:33 PM
Subject: Re: [Laos-Sol] Les Hmongs cherchent sa place au soleil depuis 4000ans avec l'arme à la main/ lutte inégale contre les Hans
Bonjours cher Dr Ouane qui aime la paix,


C'est très marrant. Maintenant j'ai trois opinions à digérer, des trois docteurs. Mais d'après les premiers pages j'ai déjà penché vers le docteur en médecine. Vous êtes très fort Dr Ouane, ce document me paraît très convaincant parmi tant d'autres.


Mais il faut aussi comprendre les calculs stratégiques, ce que nous avons appris sur les recherches opérationelles.


La Chine représente une menace rouge pour les américains, avant la fin du 2eme guerre mondiale, le général Mc Arthur suggéra d'aller jusqu'au Beijing. Heureusement le président Harry Truman le limogea avant qu'il fut trop tard. La guerre du Vietnam, les forces Hmongs, la Thailande, le Laos etc...Tous furent des éléments de calcul pour parer l'expansion communiste des Chinois.


A l'heure actuelle, la Chine reste toujours une menace, pour les américains et aussi pour les vietnamiens. Ce n'est pas parce que les chinois soient mal aimés mais c'est toujours la faute des calculs mathématiques sur le danger chinois. Les américains et les vietnamiens convergent cette fois sur le même objectif: la chine. Le Laos sous domination vietnamienne est oublié car le calcul opérationelle suggère plus d'importance au vietnam qui détient le quasi total du contrôle sur ce pays.


Après Giap on peut prévoir une base américaine quelque part au vietnam. C'est aussi une victoire des viets du Sud.


Cher docterur il est toujours agréable d'argumenter ou de bagarrer avec vous, un médecin philosophe.


JbM






From: "santypha@yahoo.fr"
To: laos-solidarite@yahoogroupes.fr
Sent: Saturday, August 20, 2011 11:30 AM
Subject: [Laos-Sol] Les Hmongs cherchent sa place au soleil depuis 4000ans avec l'arme à la main/ lutte inégale contre les Hans

Bonjour à tous, LKP et Dr Yang Dao ont bien disserté sur le Laos multi-ethnique , Le Laos est un territoire peu peuplé , les dirigeants Hmongs ont ils vraiment fait les efforts pour d' intégration dansle Royaume du Laos ou ont ils tout simplement profité de l'opportunité des troubles au Laos pour faire de ce pays leur territoire ,car avec leurs participations actives à aider les colonialistes à dominer et diriger ce pays souvent contre l'avis de ceux qui luttent pour sortir de ces mains mises occidentales. A cette occasion les dirigeants Hmongs ont profité la présence de USA pour renforcer leur force armée ,et cette fois ci ils sont obligé de partir l'arme à la main avec les américains , j'espère qu'ils ont enfin trouvé leur ancrage pour leur future génération. Lisez cette mémoire pour mettre l'eau dans le moulin de ceux qui s'intéressent à l'histoire contemporaine des Hmongs, Ils se battent d'abord pour eux dire qu'ils veulent servir le Laos c'est une opinion personnelle du Dr Yang Dao et de certains laos qui ne cherchent qu'à utiliser cette Ethnie pour garder et maintenir leur pouvoir...u

OS
http://doc.sciencespo-lyon.fr/Ressources/Documents/Etudiants/Memoires/Cyberdocs/MFE2006/grall_t/pdf/grall_t.pdf

ພີ່ນ້ອງລາວທັງໂລກ

ຫລັງຈາກໄປງັນເຮຶອນດິ ທີ່ ຕຣີໂປລີ ມາແລ້ວຢ່າງເຜັດໆຮ້ອນໆ

ຢ່າລືມ ທິດນີ້ ອາດຈະພາກັນໄປກິນຕົ້ມເຂົ້າປຽກ ທີ່ ກຸງ ດາມາສ ປທ ຊີຣິເດິ

ພີ່ນ້ອງ

ຈາກນັ້ນພິ້ນ້ອງລາວເຈັກແກວ

ກະບອກວ່າ ຢ່າລືມມາແວ່ງັນ ການຕາຍຝັງສົບຂອງພວກລູກກຳພ້າຫ້າສະຫາຍ ໃນແຖບໆອາຊີນີ້ ເດັດຂາດ

ພີ່ນ້ອງແຖວນີ້ ບອກວ່າ ນອກຈາກມີອາຫານດິເພັງມ່ວນ ຍັງບໍ່ແລ້ວ ຍັງຈະມີການມອບກະດູກໂຄດ ຄມນ ພວກນິ້ ໃຫ້ຖື ໄປ

ທີ່ ວໍຊີງຕັນ

ເພື່ອມອບໃຫ້ ປທ ນາທີບໍດິ ໂອບາມາ ເປັນຂອງຂວັນທີ່ລະລືກ ວ່າ

ໂຈນ ຄມນ ທັງ 5 ໄດ້ ຖືກ ທັບມ້າງໄປນາຣົກຄືໂຄດໂຊວຽດມັນແລ້ວ ໃນປີ 1991

The king preferred his mothers ways( ...was an lao girl orphan in Bangkok Slum ......page.3 .......the mother of the ninth RAMA when she was an orphan from the slums ....page 268 ....And I am indebted most of all to 'Mama'. She died while I was still writing a story that is also about her, the slum child who single-handedly raised two infant sons who became kings of Siam ...page 270)
and invitted no Bangkok the Laotian leader Kaysone Phomviohane , the first general-secretary of the original Communist Lao people's party . He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,'
He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be
honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' He shoud be honored. ' Kaysone looked the jungle ,' said Lek privately (page 242)

ก่ายจากปื้ม :The revolutionary king :The true-Life Sequel to the King and I
by William Stevenson. CONSTABLE London 2000 (pages 3, 242, 268,and 270

พี่ Lek and your entourage เปันร้อยเปันพันคน อาด จะตาบอด จรีงๆ ไม่สามาตมองเหัน ความเปัน โจร ทรรราชของ บัก คมน ลาว คนนี้ ที่ ใน ปี 2518 ปล้นสันยา เวียงจันทน์ ปี 2516 แล้ว กะ เลีมเขั่นฆ่า (massacre )ลาวฝ่ายขวา เถีง สามแสนคน ใน นั้น มี การ exterminationn+
liquidation ราขวงล้านช้าง แห่งราชอาณาจักลาว เปันร้อยพระอง รวมนำด้วย จาก นั้น อ้ายบัก Pol Pot แห่ง สปปล(สุนปล้น
ปี้งลาว) ก่อเลีมแสดงความเปันโจร ผดก ของมัน ปล้นบ้านเฮือนของลาวฝ่ายเวียงจันจนหมดจนเกีั้้ยง ในนั้น มี หอ คำ ของพระองเขาด้วย ชี้ง บัก คมน จุมมะนี บ่อยอมออก นอน กอด อำนาตเถื่อน+มืด มันฮอดเดียวนี้
จากนั้นกะเลีัมถีบลาวฝ่ายขวาข้ามโขง ใผไปบ่อทัน พวก คมน ลาวแดง มัน กะ ใช้ อากา 47 ยีงถลม จน แม่ น้ำ โขงกายเปันโลหีต เปันสายเลือด แห่งอีสรพาบ

พี่ Lek มองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆ
พี่ Lek มองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆ
พี่ Lek มองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆ

มองไม่เหันแม่นกระทั้ง ราชทีดาสองพระิอง ของพระเจ้าแผ่นดีนแห่งราชอาณาตักลาว(1ในนั้น พี่ Lek หลงมัน ใน ทศวรรต 60) พ้อมทังเจ้าฟ้า
ชายโสรียะวง พ้อมพระชายา และ ราขวงลาวตั้งร้อยตั้งพันพระอง(ปี 2518)และ ต่อมา พระราชโือรช ขององมงกุดราชกุมมาน เจ้าฟ้าชาย สุรีวง ที่ เจ้าเทบหลงมัก และ น้องชาย ก่อ ข้ามโขง มี ที่ ปทท )

พี่ Lek มองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆ
พี่ Lek มองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆ
พี่ Lek มองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆมองไม่เหันจรีงๆ

ชาวลาว ใน สปปล และ ทั่วโลก ขอประนามพี่แด่เดี และ เหตการร ที่ วจ ใน ปี 2534(ปี1994) พี่ ไป จับมือโจร บัก คมน ( the communist lao massacre of ex kingdom of Laos)เขมนห้นาแห้ล คำไต สีพันดอรที่ เวียงจันทน์ แ ห่ ง ไ ป กั น ไ ห่ ย

Le Livre noir du communisme

http://fr.wikipedia.org/wiki/Le_Livre_noir_du_communisme

ປື້ມຫັວນີ້ ຫ້ນາປົກສຸດທ້າຍບອກວ່າ ແຕ່ປິ 1917 ຮອດດຽວນີ້ ພວກເຖື່ອນ ຄມນ ໄດ້ຂ້າເສຣີຊົນທັງໂລກເກືອບ100ລ້ານຄົນ ສ່ຳໆກັບປຊຊ ວຽດນາມແລະ ມາເລຊີໂຮມກັນ ໃນນັ້ນມີລາວເສຣີຝ່າຍ ວຈ ຮ່ວມດ້ວຍເກືອບສາມແສນຄົນ

Le Livre noir du communisme - Wikipédia
fr.wikipedia.org
Le Livre noir du communisme. Crimes, terreur, répression est un ouvrage rédigé par un collectif d'universitaires, publié en 1997 par les Éditions Robert Laffont. Rédigé pour marquer le quatre-vingtième anniversaire de la Révolution russe de 1917, il entend dresser un bilan des victimes des « régimes...

ພີ່ນ້ອງລາວ
ພວກເຂົາພາກັນລຸກຂື້ນຕໍ່ສູ້ກັບອຳນາດ ຜດກ ອັນຍາວນານກ່ວາສອງທົສວັດຂື້ນໄປ ພຽງເວລາສັ້ນໆ6ເດືອນເທົ້ານັ້ນ ໄຊຊນະຂອງ ປຊຊ ຕູຍນີຊີ ອິຍີບ ເຍເມນແລະ ລີບີ ກະໄດ້ເຫັນກັບຫູກັບຕາແລ້ວ
ປທຊີຣີດຽວນີ້ກຳລັງເປັນທີ່ຈັບຕາມອງຈາກ ສັງຄົມເສຣີຊົນ ທັ່ວໂລກ ວ່າ ກະຫນີບໍ່ພົ້ນ ຈະໄດ້ເຫັນໃນການທີ່ປຊຊຜູ້ຣັກຫອມອີສຣພາບຈະເອົາຫັວ ປທປທ ມາຕັດຄໍ ແບບ4 ປທ ຜ່ານມາຢ່າງໃດກະຢ່າງນັ້ນລະ
ແນ່ນອນຜູ້ນຳໂຈນ ຜດກ ລາວແດງກະຄື ພວກ ຜູ້ນຳ4 ປທ ລູກກຳພ້າລັດທີ ກຳລັງມີຄວາມສັ່ນຄອນຕໍ່ອານາຄົດການເມືອງຂອງພວກເຂົາຢ່າງປາກບໍ່ໄດ້ເລີຍ ນອນບໍ່ໄດ້ກິນບໍ່ເປັນ
ພາກັນຕັ້ງຄຳຖາມວ່າ ເມື່ອເຫດການມັນປະທວງຂອງປວງຊົນແບບໂລກອາຣັບ ເກິດຂື້ນໃນສັງຄົມບ້ານເຂົາ ພວກເຂົາຈະຢືນໃນທ່າທີ ໃຊ້ຄວາມຮູນແຮງຫລືຍອມຈຳນົນ
ນີ້ເປັນບັນຫາທີ່ພວກເຣົາຕ້ອງພາກັນຊອກຫາຄຳຕອບໃຫ້ໄດ້
ພີ່ນ້ອງ
ຈື່ໄດ້ບໍກຳແພງແບກແລງຖືກ ປຊຊ ເຍີຣະມັນ ທັບມ້າງລົງໃນທ້າຍປີ 1989 ໂດຍບໍ່ມີການສູນເສັຍຊີວິດແມ່ນແຕ່ຄົນດຽວ
ອັນບອກໂລກທັງໂລກໃຫ້ຮູ້ນັ້ນແມ່ນການເລີມຕົ້ນຈຸດຈົບຂອງລະບອບ ຜດກ ຄມນ ທີ່ ໂຊວຽດໄດ້ນຳມາທົດລອງໃຊ້ ໃນປີ 1917 ທັງໆ ທີ່ ທີສດິນີ້ແມ່ນຄົນເຍີຣະມັນແທ້ໆຄິດຄົ້ນຂຽນຂື້ນ ໃນທັສວັດທີ່ 19
ຈຳໄດ້ບໍ ສອງປິ ຕໍ່ມາ ຄື ປິ 1991ປະຕິວັດສຽງລູກປືນບໍ່ແຕກໄດ້ເກິດຂື້ນໃນ ປທ ເຈົ້າພໍ່ໂຊວຽດເອງ
ປຊຊ ທີ່ໂມສກູໄດ້ສົ່ງກຳລັງແສງຮ້ອງສຽງໂຮເທົ້ານັ້ນ
ລະບອບ ຄມນ ລ້າຫລັງ ໄຫ່ຍໂຕທາງດ້ານສາສາງອາວຸດ ສາມາດຢືນຄຽງຂ້າງເຈົ້າພໍ່ ອມຣກ ໄດ້ສະບາຍ ແຕ່ຕັດຮອນສີດທີເສຣີຊົນ ໂຫດຮ້າຍທາຣູນເຂັນຂ້າຜູງຊົນເກືອບຣອດຮ້ອຍລ້ານຄົນນັບຕັ້ງແຕ່ຕົ້ນສັຕວັດທີ່20ເປັນຕົ້ນມາ
ກະໄດ້ຖືກຊາວບ້ານຝັງລົງກອງພອນແຫ່ງປະວັດສາດ ທີ່ຊັ່ວຊ້າໄປແລ້ວ
ແມ່ນແລ້ວເຫດການເມື່ອ20ປິກ່ອນ ມັນຜ່ານມາຢ່າງໃດ ໃນອະດິດ ປທ ຄມນ ເອິຣົບ ພວກຜູ້ນຳລູກກຳພ້າ 5 ປທ ຄມນ ທີ່ກຳລັງຫັນໄຈຫືດທຢູ່ເວລາກະບໍ່ຄວນຈະຖິ້ມຄວາມສົນໄຈໄປໄດ້
ຕ້ອງເຂົ້າໄຈວ່າ ສັງຄົມໃດກະຢ່າ ມີເກິດຕ້ອງມີຕາຍ
ການຕາຍແມ່ນທັມມະຊາດຂອງສັງຄົມ
ພວກເຈົ້າຢ່າເສືອກວ່າເຈົ້າເປັນເທວະດາ
ຜູ້ນຳລາວແດງແລະ ພວກລາວລີງທັງຫລາຍ
ພວກທ່ານອາດອົດກັ້ນໄຈຫລອກຕົນເອງໄປເສັຍແລ້ວ ວ່າ ສຽງສ່ວນໄຫ່ຍຄົນໃນ ປທ ຍັງໃຫ້ຄວາມຊອບທັມແກ່ກູ່ມໂຈນພວກທ່ານ
ຄວາມເປັນບ້າຂອງພວກໂຈນເຈົ້າມັນກະບໍ່ຕ່າງຫຍັງ ກັບຄຳປະກາດຂອງ ອະດິດປະທານ ກັດດາຝີແຫ່ງລີບີ
ໄຊຊນະເປັນຂອງ ປະຊາຊົນ ແລະ ໄດ້ເຫັນກັບຫູກັບຕາແທ້ໆ ວ່າສີ່ງນີ້ ມັນໄດ້ຕົກມາຢູ່ໃນກຳມືພວກເຂົາແລ້ວ
ປານນັ້ນ
ຜູ້ນຳບ້າຊີ້ນສະຕີຄົນນີ້ຍັງເສືອກສົ່ງສຽງຮ້ອງສຽງຄາງຕາມພາສາໂຈນເຂົາວ່າ
ຈະສູ້ຈົນເຖີງເລຶອດຍົດສຸດທ້າຍ
ເລີຍເຮັດໃຫ້ຜູ້ຂ້າແລະ ເສຣີຊົນ ທັງໂລກ
ພາກັນຫວັຂວັນຄິດເຖີງເຫດການທີ່ ອິຣັກເມື່ອສີບປິກ່ອນໆ
ເມື່ອອະດິດປະທານ ປທ ອິຣັກ ທ່ານ ຊາດັມ ຖືກ ທະຫານ ອມຣກ ລາກຄໍອອກມາຈາກຮູນ້ອຍໆແຫ່ງນື່ງໃນຕັວເມືອງ ເບັກແດດ
ແລ້ວເຣົາກະຊີໄດ້ ປຊຊ ລີບີ ລາວ ແກວ ຈີນ ກຫລເຫນຶອ ຄິວບາ ດືງຄໍໂຈນອອກຈາກ ຫໍຄຳ
ຫລຶ ອອກຈາກຮູກັນແທ້
ວັນເວລາເທົ້ນນັ້ນເປັນສີ່ງພິສູດ
ຕ້ອງພາກັນຮ້ອງເພັງລໍ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313398636&grpid=&catid=08&subcatid=0805


หนังโป๊วัยเกษียณ" อุตสาหกรรมเซ็กซ์ญี่ปุ่นที่"ไม่ไร้น้ำยา"

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20:05:00 น.
matichon





นอกเหนือจากริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นแล้ว นายชิเกโอะ โทคุดะ ก็แทบดูไม่แตกต่างจากชายวัย 77 ปี คนอื่นๆในญี่ปุ่นแต่อย่างใด และทั้งๆที่เขามีอาการหัวใจวายเมื่อ 6 ปีที่แล้วก็ตาม อดีตมนุษย์งานชาวญี่ปุ่นคนนี้ ก็มีสุขภาพดีขึ้นมาก เขาอาศัยอย่างมีความสุขตามอัตภาพกับภรรยาและบุตรสาวในย่านใจกลางกรุงโตเกียว และแน่นอนเขาดูมีร่างกายแข็งแรงกว่าคนในวัยเกษียณทั่วไป แต่นั่นเป็นเพราะเขามีอาชีพที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็คือ"ดาราหนังโป๊"





แท้จริงแล้ว ชิเกโอะ โทคุดะ เป็นชื่อที่ใช้ในการแสดงของเขา เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยชื่อจริง โดยเขายืนยันว่าภรรยาและบุตรสาวของเขาไม่เคยทราบมาก่อนว่าเขาเล่นหนังโป๊มา แล้วถึง 350 เรื่องในรอบ 14 ปีที่ผ่านมา และการที่เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตสองด้านที่แตกต่างอย่างสุดขั้วนี่เอง เขาได้กลายเป็นผู้ที่ทำให้สิ่งที่เป็นเพียงนามธรรมเป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยเฉพาะลักษณะทางเพศสภาพของสังคมญี่ปุ่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น



ผลการสำรวจระหว่างองค์การอนามัยโลกและผู้ผลิตถุงยางอนามัยชั้นนำ"ดูเร็ก ซ์"เคยระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการมีเพศสัมพันธ์ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกันเฉพาะกลุ่มประเทศชั้นนำทางอุตสาหกรรม รายงานชิ้นดังกล่าวชี้ว่า 1 ใน 4 ของคู่สมรสในญี่ปุ่น"ไม่มี"เพศสัมพันธ์กันเลยในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ขณะที่ร้อยละ 38 ของคู่สมรสที่มีอายุมากกว่า 50 ปี "ไม่มี"เพศสัมพันธ์กันเลยมากกว่าหนึ่งปี ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นบ้างานมากเพียงใด



แต่ในขณะเดียวกันพบว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยพบว่า ภาพยนตร์โป๊ประเภท"ผู้สูงอายุ" มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วที่สุด



โทคุดะ เป็นหนึ่งในนักแสดงไม่กี่คนที่ชื่อของเขากลายเป็น"แบรนด์"ที่สามารถ รับประกันยอดขาย ภาพยนตร์ส่วนใหญ่แสดงภาพของเขาเป็น"สุภาพบุรุษผู้มีไหวพริบดี" ผู้คอย"ชี้แนะ"ผู้หญิงหลากหลายวัยให้รู้จัก"ลีลาทางเพศ" ขณะที่ส่วนตัวของเขาเอง ก็คอยดูแลร่างกายให้แข็งแรงและสมส่วนอยู่เสมอ ซึ่งแตกต่างกับนักแสดงในวัยเดียวกัน



โทคุดะเริ่มสร้างชื่อเสียงและกลายเป็นขุมสมบัติที่ค่ายหนัง"กลอรี เควสต์" (Glory Quest) หวงแหน หลังจากที่เปิดตัวภาพยนตร์โป๊สำหรับผู้สูงอายุในชุด "Maniac Training of Lolitas" เมื่อเดือนธันวาคม 2004 ที่ต่อมาทำให้มีการสร้างภาพยนตร์ชุด "Forbidden Elderly Care" โดยมีโทคุดะนำแสดง ในเดือนสิงหาคม 2006 และตามมาด้วยภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์สำหรับผู้สูงอายุกลายเป็นตัวทำเงินหลักสำหรับภาพยนตร์ สำหรับผู้ใหญ่ในเวลาต่อมา



ด้านคาโยโกะอิมูระ โฆษกของกลอรี เควสต์กล่าวว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง หากว่ายังผลิตภาพยนตร์ที่เดินตามมาตรฐานทั่วไป ก็ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ เนื่องจากในตลาด ภาพยนตร์แนว"ผู้ใหญ่มีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิง" หรือ "Lolita" หรือแนว"มีเพศสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ" ก็มีผู้สร้างออกมาแล้ว ดังนั้น การหาพล็อตเรื่องใหม่ๆจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ภาพยนตร์ที่มีพล็อตแสดงความสัมพันธ์ระหว่างภรรยาและพ่อสามี จึงเป็นสิ่งที่น่าจะสร้างจุดเปลี่ยนที่สำคัญ อีกทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศลึกลับ และ"จับใจ"ผู้ชมได้ไม่ยาก



ขณะที่ไคอิชิ โคโนะ ผู้กำกับฯเปิดเผยว่า ภาพยนตร์ที่แสดงถึงความรู้สึกทางเพศของผู้สูงอายุเริ่มเป็นที่นิยมของผู้ชม ที่มีอายุน้อย เนื่องจากมันเป็นความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่คนรุ่นใหม่แทบจะไม่เคยรู้มาก่อน และเนื่องจากพวกเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่จึงควรที่จะควรเคารพและ"เรียนรู้"จากพวกเขาให้มาก



แต่โทคุดะเน้นย้ำว่างานของเขาเหมาะกับเพื่อนร่วมวัยเกษียณมากกว่า เนื่องจากคนรุ่นเก่าจะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมในการดูหนังที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ในโรงเรียนมัธยม ดังนั้นพวกเขาจะเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อสามี-ลูกสะใภ้มากกว่า





เขาวางแผนที่จะแสดงหนังต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้าสู่วัยเลข 8 หรือแก่กว่านั้น ตราบเท่าที่ผู้สร้างยังคงจ้างเขา และแสดงความมั่นใจและมีความหวังในอนาคต



โทคุดะกล่าวว่า คนส่วนใหญ่ในวัยของเขามักจะมีความเหนียมอาย ดังนั้นพวกเขาจึงเกิดความลังเลที่จะเปิดเผยอวัยวะบางส่วนให้คนทั่วไปได้เห็น เขากล่าวว่า เขาภูมิใจที่สามารถทำเช่นนั้นได้ขณะที่คนอื่นไม่กล้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขาจะสามารถเปิดเผย"อาชีพลับ"หลังวัยเกษียณให้แก่คนทั่วไปทราบได้



ตามข้อมูลของ"คนวงใน"ระบุว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ของญี่ปุ่น มีมูลค่ามากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเครือข่ายร้านวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอย่าง"ซึทาญ่า" มีภาพยนตร์ประเภทดังกล่าวออกใหม่มากกว่า 1,000 เรื่องต่อเดือน ขณะที่ ดีเอ็มเอ็ม บริษัทที่ให้บริการจำหน่ายภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ทางเว็บไซต์ มีภาพยนตร์ออกใหม่ถึง 2,000 เรื่องต่อเดือน



แม้ว่าภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของหญิงสาววัยรุ่น หรือที่มีอายุในวัย 20 ปี แต่เทรนด์หญิงสูงอายุกลับพบว่ากำลังมาแรงอย่างยิ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในปัจจุบัน ภาพยนตร์ 300 จาก 1,000 เรื่องที่ให้เช่าที่ร้านซึทาญ่า และ 400 จาก 1,000 เรื่อง ทางดีเอ็มเอ็ม เป็นเรื่องราวของหญิงสูงอายุทั้งสิ้น



นายริวอิชิ คาโดวากิ ผู้อำนวยการของ "รูบี้ อิงค์" ผู้ผลิตซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภาพยนตร์สำหรับผู้สูงอายุเป็นพิเศษ เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่บริษัทริเริ่มเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อน ยังคงมีความต้องการใช้นักแสดงหญิงวัย 20 ปีอยู่ จนกระทั่งไม่นานมานี้ อายุของนักแสดงกลับเพิ่มขึ้นเป็นวัย 70 ปี ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่า ข้อได้เปรียบของหนังประเภทนี้คือการที่มันมีอายุในตลาด"คงทน"กว่าหนังโป๊ ทั่วไป



คาโดวากิอธิบายว่าหนังสำหรับผู้ใหญ่ที่มีนักแสดงหญิงอายุน้อย มักจะขายดีในช่วง 3-4 เดือนแรกของการวางจำหน่ายเท่านั้น ขณะที่หนังที่มีนักแสดงหญิงสูงอายุมักมีอายุยาวกว่านั้น และได้รับความนิยมนานกว่า แม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึง 10 ปี บางเรื่องก็ยังคงติดอันดับหนังขายดีอยู่ นอกจากนั้น ภาพยนตร์อย่างหลังยังใช้งบประมาณที่น้อยกว่าด้วย โดยนักแสดงหญิงอายุน้อยที่กำลังได้รับความนิยม จะได้รับค่าจ้างถึง 100,000 ดอลลาร์ต่อเรื่อง ขณะที่นักแสดงสูงอายุได้รับค่าตัวเพียง 2,000 เหรียญ



คาวาโดกิกล่าวว่า ตลาดสำหรับหนังโป๊สำหรับผู้สูงอายุเติบโตมากกว่า 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อมองจากมุมของสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่น เขาคิดว่าในอนาคต เราจะได้เห็นการเติบโตอย่างมั่นคงต่อความต้องการหนังประเภทนี้อีกมาก

ศาลอุบลฯพิพากษาลงโทษคนลาวเสื้อแดงเผาศาลากลางจำคุกตลอดชีวิต-ยกคำฟ้อง 9 ราย

matichon 25082011



อุบลราชธานี- ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ออกนั่งบัลลังก์แบบองค์คณะ อ่านคำพิพากษาตัดสินคดีสมาชิกคนลาวเสื้อแดงร่วมเผาศาลากลางจังหวัด โดยตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ราย อีก 8 ราย จำคุก 1-3 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ส่วนหนึ่ง ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 9 ราย ยกคำฟ้อง เพราะขาดหลักฐานชี้ชัดในการทำผิด


เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 24 ส.ค. ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกนั่งบัลลังก์แบบองค์คณะอ่านคำพิพากษาที่พนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองอุบลราชธานี ยื่นฟ้องสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงฐานความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราช อาณาจักร ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย และความผิดต่อเจ้าพนักงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน บุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 มีผู้ต้องหาถูกส่งฟ้องรวมทั้งสิ้น 21 คน

ปรากฏว่า คดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง ศาลจึงติดตั้งทีวีวงจรปิดถ่ายทอดการอ่านคำพิพากษา โดยตั้งเต้นท์ให้สมาชิกคนเสื้อแดงราว 200 คน นั่งฟังการอ่านคำพิพากษาบริเวณข้างบันไดทางขึ้นศาล

โดยศาลใช้เวลาอ่านรายละเอียดการเบิกคำให้การของพยานแวดล้อมที่อยู่ใน เหตุการณ์ ก่อนมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษและยกคำฟ้องจำเลย โดยใช้เวลาอ่านคำตัดสินนานประมาณ 3 ชั่วโมง

สำหรับคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิตมี 4 ราย คือ น.ส.ปัทมา มูลมิล นายธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ นายสนอง เกตุสุวรรณ นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ แต่ทั้งทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์กับรูปคดี จึงลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี กับ 4 เดือน

ส่วนผู้ต้องหาให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี มี 4 ราย ประกอบด้วย นายประดิษฐ์ บุญสุข นายลิขิต สุทธิพันธ์ นายไชยา ดีแสง นายพิสิทธิ์ บุตรอำคา และให้ลงโทษจำคุก 1 ปี แต่ลดเหลือ 8 เดือน มี 3 ราย คือ นายอุบล แสนทวีสุข นายสุพจน์ ดวงงาม และนางอรอนงค์ บรรพชาติ

สำหรับ นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา ซึ่งเป็นแกนนำและถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งฟ้องข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย ศาลมีคำพิพากษาว่า พฤติกรรมนายพิเชษฐ์ ไม่เข้าข่ายเป็นผู้ก่อการร้าย แต่กระทำผิดฐานโฆษณาออกอากาศชักชวนให้มีการชุมนุม และการกระทำความผิด แต่ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นผู้ปลุกปั่นให้เกิดการเผาทำลายอาคารศาลากลาง จังหวัด

จึงพิพากษายกฟ้องข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย และให้ลงโทษฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 9 ราย ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เพราะหลักฐานของโจทก์มีเพียงภาพถ่ายของผู้ต้องหาขณะเข้าร่วมชุมนุม แต่ไม่มีหลักฐานอื่นที่แสดงว่าโจทก์ได้ร่วมกระทำความผิดอื่นตามฟ้อง

หลังศาลอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดลงจากบัลลังก์ นำกลับเข้าไปควบคุมไว้ที่เรือนจำกลางอุบลราชธานี โดยผู้ต้องหาที่จะถูกปล่อยตัวในค่ำวันนี้ มีทั้งสิ้น 12 ราย โดยเป็นผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวจนครบอัตราโทษจำนวน 3 คน และอีก 9 คนเป็นผู้ต้องหาที่ศาลยกฟ้อง สำหรับ นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา ที่ถูกจำคุก 1 ปี ในคำพิพากษาครั้งนี้ พนักงานสอบสวนในคดีเผาเรือที่ชุมชนราชธานีอโศก ได้ขออายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน นายวัฒนา จันทสิงห์ ทนายความสมาชิกคนลาวเสื้อแเดง กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะมายื่นประกันตัวผู้ต้องหาที่เหลือในชั้นอุทธรณ์ทั้ง 9 คน ส่วนจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ต่อไป

ขณะที่ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคน ล า ว เสื้อ แดง รักอุดร ซึ่งมาร่วมฟังการอ่านคำพิพากษาด้วยกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของคนลาวเสื้อแดงในภาค ตวอฉหน ตนจะเป็นตัวประสาน เพื่อหาแกนนำที่มีความชัดเจน และไม่ใช่กลุ่มที่เข้ามาหากินกับคนลาวเสื้อแดง เพราะหลังคนลาวเสื้อแดงประสบชัยชนะ มีกลุ่มคนแอบแฝงเข้ามาหาประโยชน์ แนวทางที่ชัดเจนคือ คนลาวเสื้อแดงต้องร่วมกันสร้างกลุ่มให้เหนียวแน่น และนำเสนอความเดือดร้อนต่อ ส.ส.รัฐมนตรี หรือรัฐบาล

“แต่ถ้ารัฐบาลไม่รับฟัง ก็สามารถส่งไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ช่วยประสานนำข้อเสนอของคนลาวเสื้อแดงให้ได้รับการปฏิบัติ และไม่เห็นด้วยกับการตั้งหมู่บ้านคนลาวเสื้อแดงในภาค ตวอฉหน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศชาติ”

Gadhafi Urges Residents to Clear Tripoli of RebelsPosted Wednesday, August 24th, 2011 at 6:20 am
Libyan leader Moammar Gadhafi has urged residents of the capital, Tripoli, to clear the city of rebels, after the opposition fighters overran his compound, taking weapons, television sets and souvenirs from the site.

In a message broadcast Wednesday, Mr. Gadhafi also said he had discreetly gone out in Tripoli without being seen, but did not say when that occurred.

A pro-government television channel quoted Mr. Gadhafi earlier as saying he had retreated from the Bab al-Aziziya compound in a “tactical move” after dozens of NATO strikes there. Al-Rai TV reported Wednesday that Mr. Gadhafi addressed Libyans on a local radio station, saying he vowed martyrdom or victory in his fight against what he called NATO aggression.

Residents in Tripoli celebrated early Wednesday after the rebels stormed the Bab al-Aziziya compound, despite finding no sign of the embattled leader or his family.

The raid came after three days of fighting in Tripoli that the head of the rebel Transitional National Council, Mustafa Abdel Jalil, said had left more than 400 people killed and 2,000 wounded. He did not specify whether he was talking of both sides.

Jalil also told France-24 Television that some 600 pro-Gadhafi fighters had been captured but that the battle would not be over until the Libyan leader himself was a prisoner. Tripoli's new rebel military chief, Abdel-Hakim Belhaj, said late Tuesday that a small area of the vast Gadhafi compound was still under government control.

The rebels' de-facto prime minister, Mahmoud Jibril, is set to meet Wednesday in Paris with French President Nicolas Sarkozy, whose office said the two will discuss the situation in Libya and international efforts to support a political transition.

Gun battles flared across the capital Tuesday as pro-Gadhafi fighters blockaded foreign journalists in their hotel. Meanwhile, residents in the Libyan port city of Zuara, near the Tunisian border, said loyalist forces continued to pound the town with mortars and rockets.

U.S. officials in Washington said Tuesday they believe Mr. Gadhafi is still in Libya. In New York, Libya's Deputy U.N. Ambassador, Ibrahim Dabbashi, told reporters he expects Tripoli to be completely liberated within the next three days.

Meanwhile, Libyan rebels say they also have taken control of the eastern oil port of Ras Lanuf Tuesday. The major oil port is east on the road to Mr. Gadhafi's hometown of Sirte.

In addition to parts of Tripoli, pro-government forces also control at least two major cities affiliated with his tribe – Sabha, to the south, and Sirte, some 450 kilometers east of the capital along the coast.

A NATO spokeswoman, Oana Lungescu, told reporters in Brussels that NATO's mission in Libya is not over, and that it will continue military operations until all attacks and threats of attacks against civilians have stopped. The spokesman Colonel Roland Lavoie added that NATO forces are not specifically targeting Mr. Gadhafi, but that the alliance will strike “wherever is necessary” in Libya to protect civilians.

Mr. Gadhafi's whereabouts remain unknown. But his son and one-time heir apparent, Seif al-Islam, defiantly appeared in the city early Tuesday saying his father was still in Tripoli and that his government was still in control.

The rebels earlier claimed to have arrested Seif al-Islam, but he spoke to foreign journalists at the Gadhafi-controlled Rixos Hotel, then led a convoy of vehicles through loyalist areas, where television footage showed him pumping his fists in the air as supporters cheered him on.

Senior rebel sources also said another of Mr. Gadhafi's sons – Mohammed – escaped house arrest Monday. A third son apparently is still in detention.

Opposition council chief Mustafa Abdel Jalil said Mr. Gadhafi will receive a fair trial if captured.

Voice of Laotians Overseas.


0113. 08. 2011


Subject : Laos -The constitution provides for freedom of religion; however, other laws and policies restricted this right in practice (Section I I ).


BUREAU OF DEMOCRACY, HUMAN RIGHTS, AND LABOR ( c )
International Religious Freedom Report 2010

November 17, 2010

Restrictions on Religious Freedom

Throughout the country religious practice was restrained by official rules and policies that allowed religious groups to practice their faith only under circumscribed conditions. However, the government structure is relatively decentralized, and central government control over provincial and district governments remained limited. As a result the government's tolerance of religion varied by region and by religion. Some local officials were unaware of central government policies on topics such as religious tolerance due to the incomplete dissemination and application of existing laws and regulations and, when aware of the laws, sometimes failed to implement them. The LFNC at times visited areas where religious persecution had taken place to instruct local officials on government policy and regulation. More often, however, the LFNC's Religious Affairs Department encouraged local or provincial governments to resolve conflicts on their own and in accordance with Decree 92.

Minority religious leaders saw a continued need for training of provincial, district, and local officials to help them better understand Decree 92; some called for amending or redrafting the decree to make its language more clear and its enforcement more consistent.

Protestant groups that wanted to be recognized as separate from the LEC continued to be the targets of restrictions, and authorities in several provinces have insisted that independent congregations must join the LEC. However, in some areas unauthorized churches generally were allowed to conduct services without hindrance by local authorities. Within the LEC some congregations sought greater independence and forged their own connections with Protestant groups abroad.

For a number of years, Methodists have consistently sought to register with the LFNC as a separate denomination. The LFNC has considered their application, but has yet to decide on it.

Between 1999 and 2001, local authorities closed approximately 20 of Vientiane Province's 60 LEC churches, as well as some churches in Savannakhet. Beginning in 2002 most of the Vientiane churches were allowed to reopen. However, in Savannakhet Province officials in several districts did not allow local congregations, despite requests, to reopen as many as six of the province's approximately 40 churches, and they remained closed at the end of the reporting period. Despite requests that a church building in Dong Nong Khun Village, which local officials confiscated in 2000, be returned to its congregation, Savannakhet provincial officials stated that the number of Protestants in the village was not sufficient to warrant having a church, although local Protestants claimed more than 120 worshippers.

As many as 200 of the LEC's nearly 400 congregations throughout the country did not have permanent church structures and conducted worship services in members' homes. Since the 2002 promulgation of Decree 92, officials from the LFNC's Religious Affairs Department have stated that home churches should be replaced with designated church structures whenever possible. However, most Christian communities have been unable to obtain permission to build new churches, although group worship in homes is considered illegal by local authorities in many areas. Religious organization representatives pointed out that the building permit process begins at the local level and then requires provincial permission; they claimed the multiple layers of permission necessary were being used, beginning with local officials, to block the construction of new churches. No new LEC churches were permitted to register officially during the reporting period. In a few cases, villages allowed construction of new church buildings without prior official permission from higher-level authorities; however, problems occurred when district or provincial officials became aware of the "illegal" construction. Home churches thus remained the only viable place of worship for many LEC congregations.

Baha'i spiritual assemblies in Vientiane, Savannakhet, and Champasak cities generally practiced without hindrance, and Baha'i groups faced fewer restrictions from local authorities than in the past. However, some Baha'i practices require activities inside houses, and these activities have been the target of harassment by some local officials. While cooperation from provincial-level authorities in Savannakhet Province was quite good, local police in some areas of the province continued to place restrictions on the religious activities of smaller Baha'i communities.

During the reporting period, there were reports of official interference with or denial of permission to hold normal religious celebrations in churches. In November police in Vientiane Municipality told three churches to cease holding services until the Southeast Asian Games ended in December. There were reports that Protestants in some villages were not allowed to hold Christian celebrations in their homes, thus restricting Protestant activities to church buildings only. This restriction was particularly problematic for Protestants who had not been given approval to build church structures in their villages.

Longstanding restrictions on the Catholic Church's operations in the north resulted in the continued existence of only a handful of small congregations in Luang Prabang, Sayaboury, Bokeo, and Luang Namtha Provinces as well as some village communities in Vientiane Province. Catholics in these areas sporadically held services in homes. There were no ordained Catholic priests in the north, and pastoral visits from Vientiane were intermittent. However, there were signs during the reporting period that the government was continuing to ease its control over the Catholic community in the north.

Several Catholic Church properties, including a school in Vientiane Municipality, were seized by the government after 1975 and have not been returned, nor has the government provided restitution.

The government strictly prohibited foreigners from proselytizing, although it permitted foreign NGOs with religious affiliations to work in the country. Although Decree 92 permits proselytizing by religious practitioners provided they obtain permission from the LFNC, the LFNC did not grant such permission; persons found evangelizing risked harassment or arrest. In previous reporting periods, authorities arrested and expelled foreigners attempting to proselytize, but there were no such instances during the reporting period.

The government permitted the printing, import, and distribution of Buddhist religious material.

Although Decree 92 authorizes the printing and importation of non-Buddhist religious texts from abroad, it also required permission for such activities from the LFNC. While in practice some groups were able to print their own religious materials, Baha'i and Christian groups faced challenges. The government did not allow the printing of Bibles, and special permission was required for their importation for distribution. Authorities occasionally seized religious tracts and teaching materials from Protestants entering the country from abroad, including at the Lao-Thai Friendship Bridge, and fined those carrying the materials. However, there were no reports of arrests associated with these confiscations. Several non-Christian groups indicated that they were not restricted in bringing religious materials into the country.

Identity cards did not specify religion, nor did family "household registers" or passports, two other important forms of identification. On occasion local officials denied educational benefits to the children of Protestants because of their religious beliefs.


Kind Regards,
Phom Soudhasa
A member of Lao Activist Group
26 - 08 -2011

ສັງໂຄເຈົ້າ ບໍ່ຖືຄອງຄຳສວດ ແມ່ນຊິບວດຮອດເຖົ້າ ບຸນເຈົ້າກໍບໍ່ມີ ດອກນາ
ຄັນແມ່ນໄດ້ບວດແລ້ວ ໃຫ້ຖືຮອດຄຳສອນ ຢ່າໄດ້ຜິດຄອງທັມ ແຫ່ງອົງພຸທໂທເຈົ້າ
ຄັນບໍ່ມີສິນສ້າງ ບາບກັມຊິນຳໄລ່ ຊາວບ້ານກົ້ມກາບໄຫວ້ ກໍຫວັງໄດ້ເພິ່ງບຸນ !!

ນາຍຍົກເຊື້ອສາຍລາວຝັ່ງຂວາ ປາກອັງກິດ
ສ່ວນ ນຍ ໂຈນລາວແດງຝັ່ງຊ້າຍ ພາກແຕ່ພາສາຂ້າ

ແລະ ແກວ


http://www.youtube.com/watch?v=Wsy4mqpt7D4&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=MFCoRFQnd1g&feature=related

ທ່ານນຍຍີ່ງລັກ

ท่านเป็นคนเชิ้อสายลาวจากล้านนา­­­­ຈົ່ງຊ່ວຍຄົນລາວເສື້ອແດງຂອງພວ­ກ­ເ­ຣ­ົາທີ່ຕໍ່ສູ້ໃນພາກເຫນຶອ

ແລะ ຕວອສຫນ ແຍ້ງຊີງເອົາໄຊຊນະມາໃຫ້ທ່ານດ້ວຍ ຕາມປະວັດສາດຄົນເຊື້ອສາຍລາວໃນປທເ­­ປັນຄົນສ່ວນໄຫ່ຍຂອງປທ ເຄີຍປົກປ້ອງການຣຸກຣານຂອງ ພະມ້າມາກ່ວາ20ຄັ້ງ ແຕ່ເປັນດ້ວຍເຫດໃດຈື່ງຖືກເອົາຣັດ­­ເອົາປຽບ

ຖືກດູຖູກຂົ່ມເຫັງຂ້າຕລອດມາຈາກນ້­­­­ຳມືຂອງເຈົ້າເຫລ ເຈົ້າພໍ່ອານານິຄົມທ້ອງຖີ່ນສຍາມ ຍົກຄວາມເປັນລາວຂອງທ່ານຂື້ນມາຕໍ່­­­­ວ່າຕໍ່ຂານຮ້ອງຂໍຄວາມເປັນທັມດ­້­ວ­ຍ ການໃຊ້ຄວາມຮູນແຮງຂ້າເຊື້ອສາຍລາວ­­­­ທ່ານຄວນຊີ້ນສຸດໄດ້ແລ້ວ ພໍແລ້ວ ນີ້ຫລືສຍາມພຸດ

ຄົນລາວ ສຸກງ່າໃດ ກິນງ່ານັ້ນ ມັກໄດ້ດີ
ມີຄວາມສຸຂ ບົນຄວາມທຸຂ ຂອງຄົນອື່ນ ມັກໄດ້ດີ
ທຳລາຍ ຂົ່ມເຫງ ນ້ຳໃຈ ເຂັ່ນຂ້າຄົນລາວ ທັງຊາດ ເປັນຄົນຊົ່ວ
ລຸກຫລານ ເຫລັນ ຫລ້ອນ ກາຍເປັນ ຄອບຄົວ ຊົ່ວໃນປະວັດສາດລາວ


ຕູ່ ປັນຍາຕື້ນ


ຢ່າໃຫ້ພວກເພື່ອນທວ້ງ ວ່າເປັນນັກສອງຫົວ
ຢາກຄຸບຄວາອັນໃດ ກໍໃສ່ໃຈອັນນັ້ນ
ຄັນຢຽບເຮືອສອງຂ້າງ ຣະວັງເດີມັນຊິງ່ຽງ
ສ່ຽງຕໍ່ເຮືອຂວັ້ມຫລົ້ມ ຈົມນ້ຳຢູ່ເຄິ່ງວັງ ໝູ່ເອີຍ...
ໂມທນາ

--------------------------------------------------------------------------------
Date: Fri, 26 Aug 2011 17:37:43 +1000
Subject: Re: Lao TV
From: bounkhong.arounsavat2@gmail.com
To: khammaithammavo@centurytel.net; laosnetworkroom@googlegroups.com

Sabaidee Than Khammai,


Clarify a position:



I was a refugee like you and I am a volunteer as a human rights activist. I receive the news from UN, US Department of State because I am a member of the news room with them. If I want to talk or request to them in formal, I use a position of Human Rights Laos Int'l. doing it but my massage should be checked by the Watch dog authority then they receive it. Some topic in the forum was seen by the athority as well. So you speak up in English that means your words be listening by the international people.


To publish in the EIN presswire, sometimes take a day to analyse the text then approve because there are 12,000,000 readers including Presidents and leaders of all countries read the message or the text and they can see ( Anchor ) link straight away to www.laovoice.net.


Lao TV in USA link to Lao PDR
You will receive a contact from someone about your request soon because I saw their names to respond about Lao TV in USA link to Lao PDR.
They will take legal action to the TV Channel and organizers soon.
Some members said: " we are not doing anything just talkative" that is not true. Many friends and Lao patriots work for Lao people who have no voice in the country, on the daily basis and never stop.


Best regards,
A. Bounkhong



2011/8/26



Dear, to all phinong Laos Patriots
ຮຽນ; ທ່ານບຸນຄົງ ອາລຸນສວັດ ຜູ້ທຳງານຢູ່ UN, ແລະບັນດາ ທ່ານຜູ້ຮັກຊາຕ
ຊາວລາວອົພຍົກໄປຢູ່ທົ່ວໂລກ
ທີ່ໜີຈາກລາວແດງ ຄມນ ຖືກກົດຂີ່ຂົ່ມເຫັງ ຖືກທໍຣະມານສັພທຸຂຄຸມຂັງ ໄດ້ໜີຫລອດຕາຽມາ ຢູ່ປະເທດເສຣີ Freedom, Being the true democracy, Freedom justice and prosperity to the people in Laos.

ເຮື້ອງ; ລາວ ໃທ ທີວີ ມີສອງ ຫຼືສາມບ່ອນເກີດຂື້ນ ແມ່ນເອົາລາຽການລາວແດງມາອອກຂ່າວ ແລະເພັງຊາຕຂອງເຂົາ ອອກມາໄຫ້ເຫັນ ນັ້ນເປັນການເປົ່າຂ່າວໂຄຊນາຊວນເຊື້ອໄຫ້ເຂົາ ແລະມັນເຮັດໃຫ້ຄວາມເຈັບແຄ້ນແໜ່ນໃຈ ແກ່ຜູ້ທົນທຸກທໍຣະມານ ແລະແກ່ຄອບຄົ່ວຜູ້ຖືກຂ້າຕາຽ ມີຫຼາຽຄົນເຂົາຈົ່ມວ່າ ລາວທີວີ ຄົນລາວພວກນັ້ນມັນເປັນນົກສອງຫົວ ເປັນລຸກແຫ້ລງຕີນມືຂອງພວກໂຈນລາວແດງ, ພວກລາວເສຣີເຮົາບໍ່ມີໃຜບໍ່? ເຈົ້ານາຽຜູ້ໄຫຍ່ໄປເວົ້າໄປວ່າເຂົາ ຫຼືຈະປ່ອຽໄຫ້ເຂົາອອກຢ່າງນັ້ນເລື້ອຽໄປຊັ້ນບໍ່? ອາຣິກາເຂົາບໍ່ຮູ້ແລະບໍ່ເຂົ້າໃຈ ຖ້າເຂົາເຂົ້າໃຈເຂົາເດີນຂບວນໃສ່ແລ້ວ. ຂພຈ ຂໍເຕືອນເພື່ອນທີ່ຮັກຊາຕທັງຫຼາຽ ພວກເຮົາລອດຕາຽມາແລ້ວ ເປັນຫຍັງທ່ານຍັງຍອມກົ້ມໜ້າລັບໃຊ້ພວກມັນ ທ່ານລືມແລ້ວບໍ່? ຄວາມທຸຂຢູ່ກັບເຂົາ ແລະອ້າຽນ້ອງພໍ່ແມ່ຂອງທ່ານຖືກພະເດັດການຈັບກຸມ ຄຸ່ມຂັງເຂັ່ນຂ້າທໍຣະມານ ຈົນໄດ້ປົບໜີມາປະເທດເສຣີນີ້.
ສນັ້ນຈົ່ງກັບໃຈ ຢ່າຫລົງເລກົນຂອງຄມນ ໃຫ້ມັນຢຽບຢຳທຳຣ້າຽຊາຕຂອງພວກເຮົາ, ສນັ້ນພວກທີ່ຢູ່ໄກ້ສິດບອ່ນນັ້ນ ຈົ່ງລຸກຂື້ນປາບປາມມັນ ເພາະພວກເຮົາບໍ່ຕ້ອງການ ຣະບອບຄມນເປັນຣະບອບພະເດັດການ ມັນຕຳຊ້າລ່າຫລັງທີ່ສຸດ ຫລອກລວງຕົວະຕົ້ມ ຂີ້ສໍ້ຂີ້ກົງ ບໍ່ມີສີນທັມ ຂາດສີດທີມະນຸສຊົນ ດ້ວຽເຫດນີ້ຈີ່ງຣ້ອງຮຽນມາໄຫ້ທ່ານຄົນລາວຜູ້ຮັກຊາຕທັງຫຼາຽໂປຣດຊາບ ແລະພີຈາຣະນາອັນເປັນທັມ. ກາບດ້ວຽຄວາມເຄົາຣົບຢ່າງສູງທຸກໆທ່ານ,
ດ້ວຽຄວາມຮັກແພງ.
Best regarding
Seripaxathipatai Laos Freedom

ພະພຸທເຈົ້າມີແທ້ຫລື ???

ຖ້າມີແທ້

ເປັນຫຍັງຈື່ງລົງໂທດພວກເຮົາເອົາແທ້ເອົາວ່າ

ຝັ່ງຊ້າຍໂຈນແກວຍຶດຄອງ

ຝັ່ງຂວະ ໂຈນຊາດຊັ່ວສຍາມມັນບີບຄໍຫອຍຄົນລາວຊື້ງເປັນຄົນສ່ວນໄຫ່ຍຂອງ ປທໃຫ້ຍອມຮັບຄວາມເປັນໂຄດ ສຍາມມັນ

ໂຄດແມ່ສຸ ໂຈນທັງນັ້ນພວກສັນດານເຫິ້ຍທົັງຫລາຍ

ຊາວລາວທັງໂລກ ປຸກຄວາມເປັນລາວໃຫ້ ມີຄວາມແຂງແຮງ ເດັດດ່ຽວລຸກຂື້ນຕໍ່ຕ້ານກັບ

ສາມໂຈນໃຫ້ໄດ້ເເດິ(ແກວສຍາມຂ້າອັຕປື)

ຢ່າຊີໄປຫັວຊາມັນ ບັກຈູມຄຳຕາຍໄຊສົມພອນ ທອງສີງ ຄວາມເປັນຄົນພວກນີ້ມັນບໍ່ມີແລ້ວ

ຖ້າມັນມີມັນຕ້ອງມີຄວາມຮູ້ສຶກເຈັບປວດກັບສີ່ງທີ່ຜ່ານມາ ວ່າ ບັນພະບຸຣຸດລາວເຮົາຕົກຢູ່ໃນສະພາບແບບໃດ

ຫມາສີ້ແມ່ມືງພວກເຫິ້ຍຂ້າຄອງເມືອງທັງຫລາຍ



http://www.youtube.com/watch?v=ThfP_6Z6to4&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=E37p80nBPZs

http://www.youtube.com/watch?v=3ukcI29zBEY&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=0CvsCEe0vBM&feature=related

ท่านBounthanh Phousavanhที่นับถือ.ขอบคุณมากที่ตอบไห้ทราบเกี่ยวกับลาวนอกอพยพในAustraliaที่ถูกหลอกไปตั๋วะต้มจากพัก-ลัด สปปล อยากไ้ห้ท่านเชิญคนเหล่านี้เข้าไปร่วมรับฟังในวันเปีดกองประชุม"ลาวฝ่ายค้านเื่พื่อประชาธิปไตย"ในลาวด้วยใน 17-18/9/2011
ที่Sydney,Australia ด้วยยิ่งดี.เืพื่่อไห้คนลาวทั่วๆไปเข้าใจเี่กี่ยวกับสภาพการทั่วปใน สปปล ในปัจุบันนี้ และ ขอไห้เขามาอธิบายด้วยถึง
สภาพการใน สปปล ที่เขาเหล่านั้นได้ไปเห็นด้วยตาของตนเอง.



--------------------------------------------------------------------------------
Date: Sat, 27 Aug 2011 08:16:25 -0700
From: bounthanh_pousavanh@yahoo.com.au
Subject: Re: [freelaos] Fw: ASTV ກ່າວເຈົ້າຫນ້າທີ່ລາວປົກປິດຂ່າວ ແກວທໍາສໍາເຣົາຍິງລາວຈົນຕາຍ.
To: laosnetworkroom@googlegroups.com


I agree with Mr Black Saphire,
I know more than 10 Lao Norks in Australia who were " Pord Lord or left nothing " then come back to get unemployment benefit from Australia government.


Nub thu,
Bounthanh



--------------------------------------------------------------------------------
From: black saphire
To: laosnetworkroom@googlegroups.com
Sent: Sunday, 28 August 2011 12:45 AM
Subject: RE: [freelaos] Fw: ASTV ກ່າວເຈົ້າຫນ້າທີ່ລາວປົກປິດຂ່າວ ແກວທໍາສໍາເຣົາຍິງລາວຈົນຕາຍ.


รัฐบาล สปป ลาว ภายไต้เป็นหัวเมืองขื้นของ VIETNAM ย่อมปิดบังข่าวต่างๆความผิดของประชาชนเจ้าทาสที่ดำรงชีวิตอยู่ในลาวเช่นเดียว
กับอดิตรที่เป็นหัวเมืองขื้นของ ไทยสยาม,ฝรั่งเศส เพราะเจ้าของประเทศไม่มีอำนาจไดๆในปกครองประเทศ เพียงแต่เป็นหุ่นตุ๊กตาตัวหนึ่ง
ที่วางไว้หลอกคนลาวด้วยกันทีไม่เข้าใจการเมืองคือ: ผู้นำ พัก(พักผ่อนนอนหลับ) ลัด (ลัดไปทุ่ง,ลัดไปป่า)สปป ลาว.ทุกๆคำสั่งในการบริหาร
ชาติต้องเจ้าทาสคือVIETNAMทุกๆอย่าง ในปัจจุบันนี้ขอไห้คนลาวนอกอพยพจงระวังวิธีการหลอกลวงไหม่ของเวียตนาม-ลาวแดงคือ:การขอกลับบ้านถาวร และ การ ไปลงทุนการค้าในลาว ของลาวนอกอพยพที่ถูกตัดขาดจากความเป็นคนลาว นับตั้งแต่ 1975 เป็นต้นมา นั้นคือ
ทิสดีไหม่ ลับ-ลวง-หลอก-พราง ของ"แนวลาวสร้างชาติ"เพื่อการสนับสนุนการเมืองจากต่าประเทศ และ กับคนลาวนอกที่ขาดการเรียนรู้ทาง
การเมือง เช่นเดียวกับสัญญา18ข้อเมื่อ38ปีที่ผ่านมา ผลที่ตามมาก็คือไปตายในคุกห้องขัง"สัมนา"และว่ายน้ำโขงหนีมาสู่สยามประเทศไทย
อดิตรเจ้าทาสเก่ามานอนใน"สูนอพยพ"กินปลาทูเน่ากับข้าวที่ขาดคุณภาพเขาเบิกไห้.มีอดิตรนายทหารนักโทษเก่าทีรอดตายออกมาอยู่ต่าง
ประเทศท่านหนึ่งไดรับจดหมายจากญาติพี่น้องใน สปปล เขียนมาบอกเขาว่า 1.ไม่ไห้พี่กลับไปอยู่ลาวอีก 2.ไม่ไ้ห้ไปสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดิน
ไว้ 3.ไม่ไห้มาลงทุนค้าขายใดในลาว.เพราะทุกๆอย่างมันเพียงกลหลอกทางการเมืองของ ผู้นำ พัก-ลัด กับ เวียตนามเท่านั้น เพราะว่านับตั้ง
แต่"ทิสดีเปีดกว้าง"หลอกต้มลาวนอกคนโง่เขลาเบาปัญญา มืดบอดทางการเมือง ได้มีหลายๆคนลาวนอกเข้ามาติดบ่วงกับดักที่วางดักไว้ศูนย์
เสียทรัพย์สินเงินทอง,บ้านเรือน,เช่น ท่านบุญจันทน์ มณีสุข อยู่ Australia ทีไปลงทุนค้าขายก็ถูกหลอกหมดตัวกลับมาแต่มือเปล่า และท่าน
ร.อ.คำตัน อินทะสาน อยู่ France ถูกหลอกไปสร้างบ้านVillaไว้สองหลังก็ทิ้งไป ถูกโกงไปหมด พวกที่ไปท่องเที่ยวเยี่ยมบ้านเกีดก็ถูกต้มเสีย
เงินไปไถ่ถอนตัวเองจนเกือบกลับคืนมาFranceไม่ได้อิกรายก็คือ ท่าน ร.อ.คูนมี สุวันนะวงค์ เสียเงินไป5000อีกเป็นต้น.ทังหมดนี้คือนโยบายต้มตุ่น หลอกลวง คนลาวนอกผู้รอด-เหลือตาย หรือ"เจ็บบ่หลาบ"นั้นเอง. เตือนลาวนอกรอดตายด้วยความรัก-หวังดี.




--------------------------------------------------------------------------------
Date: Sat, 27 Aug 2011 05:35:52 -0700
From: bounthanh_pousavanh@yahoo.com.au
Subject: Fw: [freelaos] Fw: ASTV ກ່າວເຈົ້າຫນ້າທີ່ລາວປົກປິດຂ່າວ ແກວທໍາສໍາເຣົາຍິງລາວຈົນຕາຍ.
To: laosnetworkroom@googlegroups.com




----- Forwarded Message -----
From: "specom2009@comcast.net"
Subject: ASTV ກ່າວເຈົ້າຫນ້າທີ່ລາວປົກປິດຂ່າວ ແກວທໍາສໍາເຣົາຍິງລາວຈົນຕາຍ.


ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ได้เกิดข่าวเล่าลือกระฉ่อนเมืองหลวงของลาว เมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับหญิงสาวนุ่งสั้นคนหนึ่ง ถูกคนงานก่อสร้างกว่า 20 คนรุมโทรมจนสิ้นสติ และไปเสียชีวิตในโรงพยาบาล ในขณะที่ “คนงานชาวต่างชาติ” เพียงแต่ถูกปรับและถูกส่งกลับประเทศเท่านั้น และเมื่อข่าวเล่าลือทำท่าจะเป็นจริงเป็นจัง ทางการต้องออกปฏิเสธเรื่องนี้

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ “เวียงจันทน์ใหม่” กองกำลังป้องกันความสงบเมืองสีโคดตะบองซึ่งเป็นเขต (หรืออำเภอ) หนึ่งของนครเวียงจันทน์ ที่ถูกระบุเป็นที่เกิดเหตุได้ออกแถลงปฏิเสธข่าวดังกล่าว

“ด้วยความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ทุกแขนงการโดยเฉพาะ คือ กองบัญชาการ ปกส.เมืองสีโคดตะบอง ซึ่งเป็นที่ที่ถูกอ้างถึงได้ลงชันสูตรข่าว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2554 เพื่อค้นหาแหล่งข้อมูลที่กล่าวนั้น แต่ไม่พบ และมีข้อสรุปว่า เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง” สื่อของทางการรายงาน

ข่าวลือไม่ได้ระบุชัดเกี่ยวกับวันที่เกิดเหตุ แต่เล่ากันต่อๆ ไป ว่า เกิดเวลาประมาณเที่ยงคืน ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.หญิงสาวที่สวมกระโปรง (สะเกิ๊ต) สั้นๆ คนหนึ่ง ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังเลิกงาน แต่บังเอิญรถไปหมดน้ำมันลงที่บริเวณก่อสร้าง จึงถูกคนงานข่มขืน

“ครั้งแรกเพียง 2-3 คน และกลายเป็นคนที่ 20 หรือ 21 จนผู้เกี่ยวข้อง (หญิงสาว) หมดสติ แล้วคนสุดท้ายนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา” และหลังลงมือข่มขืนแล้ว “คนงานต่างชาติทั้งกว่า 20 คน เพียงถูกปรับคนละ 20 ล้านกีบ (260 กีบ/บาท) แล้วถูกส่งกลับประเทศ” เวียงจันทน์ใหม่รายงาน

พ.ต.หลวงคำ หอมสมบัด รองผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันความสงบเมืองสีโคดตะบองกล่าวกับหนังสือพิมพ์ ของ ปกส.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า เจ้าหน้าที่ได้ลงประสานงานสอบสวนสืบสวนหาข้อเท็จจริงกับกลุ่มบ้านต่างๆ ทั่วทั้งเมือง ตลอดจนโรงพยาบาลที่ถูกระบุ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในข่าวลือดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ที่ชาวต่างชาติกระทำความผิดในดินแดนลาวแล้วไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งยกตัวอย่างกรณี น.ส.ซามันธา โอโรบาตอร์ ชาวอังกฤษที่ถูกจับคดียาเสพติดเมื่อ 2 ปีก่อน เธอถูกศาลลาวติดสินประหารชีวิต แต่ถูกส่งกลับไปรับโทษในประเทศบ้านเกิด ตามข้อตกลงการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างรัฐบาลประเทศ
พ.ต.คำหอม กล่าวอีกว่า ทางการกำลังเสาะหาตัวผู้สร้างข่าวลือนี้เพื่อนำมาให้ข้อเท็จจริงแก่สังคมทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งอีกด้วย
คณะบัญชาการ ปสก.เมืองได้ทำหนังสือลงวันที่ 23 มิ.ย.2554 ถึงเจ้าครอง (ผู้ว่าราชการ) นครเวียงจันทน์ รายงานว่า เรื่องทั้งหมดล้วนไม่มีมูลความจริงแต่อย่างไร เวียงจันทน์ใหม่ซึ่งเป็นของทางการนครเวียงจันทน์กล่าว

สื่อของทางการกล่าวอีกว่า ข่าวลือน่าจะปล่อยออกมาโดยกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบสร้างเรื่องราวสนุกๆ เล่าขานกันปากต่อปากจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องแบบนี้ขัดต่อวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวลาว ขณะเดียวกันผู้บริโภคข่าวสารในยุคไร้พรมแดน ต้องกลั่นกรองข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ดีอีกด้วย

ชาวลาวโดยทั่วไปยังคงเคร่งครัดในการแต่งกายตามประเพณีนิยม โดยหญิงสาวนุ่งผ้าซิ่นยาวเกือบถึงระดับข้อเท้า สวมเสื้อผ้าที่มีสีสันและลวดลายสวยงามแต่ปกปิดมิดชิด การนุ่งสั้นจะตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน และเป็นสิ่งที่หาพบได้ยาก หลายปีมานี้ทางการกับสื่อต่างๆ ได้รณรงค์อย่างต่อเนื่องให้แม่หญิงสาวสวมชุดประเพณีนิยม

ในช่วงฉลองครบรอบ 450 ปีนครเวียงจันทน์ปลายปีที่แล้ว ทางการนครได้สั่งห้ามนำเข้าเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วดูล่อแหลมทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อสายเดี่ยว กับกางเกงขาสั้นท่าสั้นเต่อจนถึงโคนขา และ ยังห้ามร้านค้าต่างๆ จำหน่ายอีกด้วย

ปัญหาการแต่งกายยังเป็นเรื่องที่มีความล่อแหลมในลาว แม้กระทั่งแฟชั่นในนิตยสารต่างๆ ก็มักจะถูกผู้อ่านวิพากษ์วิจารณ์เสมอ ถ้าหากให้นางแบบสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ “ประชาชน” ของศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้ออกบทนำเมื่อไม่นานมานี้วิพากษ์สิ่ง ที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์ย่อท้อ” ในสังคมปัจจุบัน และเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำการแก้ไข ซึ่งรวมทั้งการแต่งกายผิดประเพณีนิยม การเที่ยวกลางคืนของเยาวชน และปัญหาการลักลอบค้าประเวณีด้วย

การข่มขืนกระทำชำเราเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยินบ่อยๆ ในนครเวียงจันทน์ ในขณะที่สื่อต่างๆ ของทางการรายงานข่าวอาชญากรรมอื่นๆ รวมทั้งการปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ การลักขโมย การฉกชิงวิ่งราว และ ทั้งข่าวฆาตกรรมในครัวเรือ และฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเป็นระยะๆ

  Best Regards, Specom

http://www.youtube.com/watch?v=5VsWxOuNI3c&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=_ioDGyoO6uc

http://www.youtube.com/watch?v=e3H90VZ30bs

http://www.youtube.com/watch?v=58xXqQROEYY

http://www.youtube.com/watch?v=jAmlSSGcb5A

Arab League Urges End to Violence In SyriaPosted Saturday, August 27th, 2011 at 9:05 pm
The Arab League is calling for an end to the bloodshed in Syria, and says people's right to see political and social reforms should be respected.

In an emergency meeting in Cairo that ended early Sunday, the Arab League said it is sending its secretary-general, Nabil Elaraby, to Damascus to seek a solution.

The group expressed grave concern about the violence in Syria that has left thousands of casualties.

The Arab League's statement comes a day after Syria's closest ally, Iran, called on the government in Damascus to listen to the people's “legitimate demands.”

The comments by Iran's Foreign Minister Ali Akbar Salehi were the first such remarks from Iran since the five-month-old uprising against Syrian President Bashar al-Assad began.

Salehi warned of dangerous regional implications if the crisis in Syria was not solved peacefully. He said a power vacuum in Syria would have “unprecedented repercussions'' among its neighbors.

But despite the widespread calls for peace, Syrian activists say forces loyal to Mr. Assad once again attacked anti-government protesters. At least two people were killed in the fighting in cities across the country.

The Syrian government has denied reports of protests in the capital. The state-run SANA news agency says foreign news organizations “fabricated” the stories.

The United Nations says more than 2,000 people have died in the country during the government's crackdown on dissent. President Assad has blamed much of the violence on what he calls armed “gangs” and “terrorists.”

On Friday, rights groups and activists said security forces shot at protesters in the Damascus suburb of Douma, Dara'a province in the south and the eastern town of Deir Ezzor.

However, Syria countered by saying “hooded gunmen” opened fire on police in Deir Ezzor, wounding three officers. SANA said law enforcement officers responded by shooting and killing two of the gunmen. The news agency also said “gunmen” attacked a security building in Douma, wounding two guards.

Date: Mon, 29 Aug 2011 11:07:47 -0700
To: 252053981472015@groups.facebook.com
From: notification+zrdoircdpfvz@facebookmail.com
Subject: Objet : [KHON LAO HUCK XAT] Nouveau lien

Oudom Khoutxaysana a commenté la publication de Régis Leclercq dans KHON LAO HUCK XAT.
Oudom Khoutxaysana 29 août 20:07

ທ່ານ Black Saphire ໄປເອົາມາແຕ່ໃສນໍ? ໄປເລາະເກັບມາຈາກແຈຕະລາດຫຼື ຮ້ານກາແຟແຈໃດ? ຄົນທີ່ອອກຄວາມຄິດອອກມາໂດຍບໍ່ໄດ້ອິງໃສ່ເຫດຜົນ ແລະສືກສາ ຄົ້ນຄວ້າຢ່າງຖ້ວນທີ່ເສັຍກ່ອນ ສ່ວນຫຼາຍກໍນຳຄວາມ ອັປຣາມາສູ່ຕົວເອງ ບໍ່ແມ່ນຄົນທີ່ໃຊ້ຊີວິດຫຼືເດີນຢູ່ໃນທາງທີ່ສລາດ ຖ້າທ່ານຖືຕົວເອງເປັນຄົນສລາດ ທ່ານຈະຕ້ອງຮຽນໂຄຣົບນັບຖືແລະໃຫ້ກຽດ ຄົນອື່ນເສັຍກ່ອນ ເອົາຄວາມຖ່ອມຕົວຖ່ອມໃຈເດີ້ ເປັນມາລັຍຄ້ອງຄໍໄວ້ ທ່ານເອີຍ

Historique des commentaires Black Saphire 29 août 18:40

คนลาว กับ คนไทย ไม่ไช่ญาติพี่นอ้งกันแต่อย่างไดๆเลย เพราะคำว่า"ไทย"หรือ"ประเทศไทย"นี้เปลี่ยนจาก"สยามประเทศ"มาเมื่อ ค.ศ.1939
ในยุค จอมพล แปลก พิบูลย์สงคราม เป็นนายกรัฐมลตรีของสยาม เขาเห็นว่าเขายึดครอบครองคน"ไทลาว"ในอาณาจักรลาวล้านช้างได้หมด
สองฝั่งโขง และ ลาวลานนา แล้วเขาก็อยากครอบครองไห้หมด เพระดินแดน"อ้ายลาว"หรือ"ไทลาว"นี้กว้างไหญ่ไพศาลในเอเซีย เขาึ่จึ่งไช้
สร้าง"ลัทธิไทยไหญ่"หรือความหมายลึกๆข้างในความหลอกลวง"คนอ้ายลาว" และคนต่างประเทศที่ไม่เข้าใจก็คือ"สยามไหญ่"นั้นเอง ท่านต้องเข้าใจคำว่า ไท=หมายถึงชื่อคน,ที่อยู่ เช่น เจ้าคนบ้านได๋! เจ้าคนไทได๋! เหล่านี้เ็็ป็นต้น.คำ่ว่า ไทย=หมายถึงคนสยาม,หมายถึงชื่อไหม่
ประเทศของคนสยาม แต่คนสยาม หรือ เรียกไหม่ว่า"ไทย"นี้เขาสอนคนในประเทศแบบโกหกหลอกลวงทางความจริงทางประวัติศาสตร์ไหม่
ว่า ไท=แปลว่า "อิสระ"นี้คือความไม่จริง เป็นความหลอกลวง"คนไทลาว"ที่อยู่ในความครอบครองเช่น ลาวตะวันออกเฉียงเหนือ หรือไทอิ
สาน และลาวลานนา เพราะผู้นำการปกครองเขารู้ว่าคนลาวคือคนโง่เขลาเบาปัญญา มืดบอดการเรียนรู้ บอกอะไรก็เชื่อ เพราะคนลาวมีจำ
นวนมากกว่าคนสยามหลายสิบเท่าตัว แต่เป็นคนอ่อนแแอ,แตกแยก,ขาดความกล้าหาญ ไม่ชอบต่อสู้ เป็นขี้้ข้า,ข้าทาสไครก็ได้ไม่เป็นไร เช่น ลาวอิสานสิบกว่าัจังหวัด,ลาวลานนา เช่นในปัจจุบันลาวเวียงจันทน์ฝั่งตะวันออกก็ถูกเวียตนามยึดครองแล้วนับตั้งแ่่ต่ีปี1975เป็นต้นมา
ไทย กับ ลาว ไม่ไช่ญาติพี่น้องกัน เป็นเพียงประเทศเพื่อนบ้านกันเท่านั้นเอง แต่ไทยบอกว่าไทย-ลาวพี่น้องกัั้นนั้นเนึ่องมาจากไทยสยามเขา
ยึดครองดินแดนของคนไทลาวได้มาก ตลอดพลเมืองก็มาก ตลอดทังกวาดต้อนเอามาไว้เป็นทาสรับไช้จากฝั่งเวียงจันทน์มากมาย สยามเขา
ไม่ยากไห้มีปัญหาเกีดขื้นในปะเทศเขาๆจึ่งโกหกคนลาาวที่โง่กว่าว่า"ลาว-ไทย พี่น้องกัน ขอไห้ท่านเข้าใจตามนี้ด้วย. คนไทไหญ่

ไทย-ลาว"มิใช่บ้านพี่เมืองน้อง"แต่เป็นมิตรประเทศ สำนักข่าวราชดำเนิน โดย สหพันธ์อินโดจีน



ในปี พ.ศ. 2436 ไทยได้เกิดข้อขัดแย้งกับฝรั่งเศสในเรื่องอำนาจเหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ โขง จากการที่ฝรั่งเศสพยายามขยายอิทธิพลเข้ามามีอำนาจในอินโดจีน หลังจากที่ฝรั่งเศสเข้าครองเวียดนามได้เรียบร้อยแล้ว จนเกิดวิกฤตการณ์ที่เรียกว่า "วิกฤตการณ์ ร.ศ.112" จากการใช้เล่ห์เหลี่ยมของโอกุสต์ ปาวี กงสุลฝรั่งเศส ที่ให้เรือรบมาปิดปากอ่าวไทย เพื่อบังคับให้ยกดินแดนลาวบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ภายหลังไทยยังต้องสูญเสียดินแดนลาวบนฝั่งขวาแม่น้ำโขง รวมทั้งเมืองจำปาศักดิ์และเมืองมโนไพรอีกในปี พ.ศ.2446 ซึ่งรวมดินแดนที่ไทยสูญเสียไปทั้งสิ้นถึง 292,500 ตารางกิโลเมตร


ต่อมาเมื่อโฮจิมินห์พยายามที่จะทำการปลดแอกเวียดนามออกจากการปกครองของ ฝรั่งเศส โดยการร่วมมือกับกลุ่มขบวนการปลดแอกของลาวและเขมร ช่วงนั้นโฮจิมินห์ได้ดำเนินการจัดตั้ง "สหพันธ์อินโดจีน" ขึ้นภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนในปี พ.ศ.2473-2493 โดยรวมกำลังขบวนการปลดปล่อยชาตินิยมของ 3 ชาติอินโดจีนเข้าต่อสู้กับฝรั่งเศส เวียดนามเปลี่ยนชื่อพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนมาเป็นพรรคลาวดง (LAO DONG PARTY) ในช่วงปี พ.ศ.2494 และเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างขบวนพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนามกับลาวและเขมร จากรูปแบบของ "ผู้บังคับบัญชา-ผู้ใต้บังคับบัญชา" มาเป็นแบบ "ฉันพี่น้อง" ซึ่งโฮจิมินห์ก็สามารถนำพรรคคอมมิวนิสต์เข้าขับไล่ฝรั่งเศส ออกไปได้สำเร็จและได้ปกครองแผ่นดินตอนเหนือของเวียดนาม ทำให้ประเทศเวียดนามแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ เวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้


เวียดนามเหนือในช่วงนั้นประกาศสนับสนุนนโยบายเป็นกลางของลาวและเขมรตามข้อตก ลงเจนีวาปี พ.ศ.2497 แต่ไทยกับประเทศตะวันตกยังคงไม่ไว้วางใจเวียดนามเหนือ และกล่าวหาว่าเวียดนามเหนือ (ซึ่งอยู่ภายใต้การสนับสนุนของจีนและโซเวียต) ยังคงให้การสนับสนุนแก่ขบวนการประเทศลาวและพรรคคอมมิวนิสต์เขมรอยู่โดยตลอด ไทยยังคงกล่าวหาว่าเวียดนามไม่ละทิ้งแนวความคิดเรื่องการจัดตั้งสหพันธ์อิน โดจีน เพื่อหวังผลในการครอบงำลาวและเขมร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากที่ลาว กัมพูชา และเวียดนามเหนือ (ซึ่งสามารถผนวกเวียดนามใต้เข้าไว้ได้แล้ว) กลายเป็นระบอบสังคมนิยมภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ทั้ง 3 ประเทศในปี พ.ศ.2518 แล้ว ไทยดูเหมือนจะหวาดระแวงความเป็นสหพันธ์อินโดจีนของเวียดนาม ลาว และเขมรเป็นอย่างมาก


และเมื่อฝรั่งเศสแพ้สงครามที่ค่ายเดียนเบียนฟู ลาวจึงได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ ฝรั่งเศสจำเป็นต้องถอนกำลังออกจากลาว ซึ่งขณะนั้นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายสนับสนุนระบบกษัตริย์ในนครเวียงจันทน์ (ฝ่ายขวา) กับฝ่ายขบวนการประเทศลาว (ฝ่ายซ้าย) แต่ต่อมาขบวนการประเทศลาวสามารถยึดอำนาจทั้งหมดได้ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518 และสถาปนาประเทศใหม่โดยใช้ชื่อว่า "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" หรือ สปป.ลาว อีกทั้งลาวยังให้เวียดนามตั้งกองกำลังทหารไว้ในลาวเป็นจำนวนถึง 30,000 คน ลาวจึงมีความสัมพันธ์กับเวียดนามมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2520 ลาวได้ทำสัญญามิตรภาพกับเวียดนาม โดยลาวยินยอมอย่างเป็นทางการที่จะให้เวียดนามคงทหารไว้ในลาว เพื่อช่วยทำการปราบปรามและรักษาความสงบภายใน โดยมีข้อตกลงว่าจะให้ความร่วมมือกันทุกรูปแบบในการต่อต้านการบ่อนทำลายของ ลัทธิจักรวรรดินิยมและขบวนการลาวกู้ชาติ (ฝ่ายขวา) ดังนั้น กำลังของเวียดนามในลาวจึงเพิ่มจาก 30,000 คนเป็น 50,000 คนในปี พ.ศ.2522 เพื่อช่วยเหลือลาวทำการรบกับขบวนการลาวกู้ชาติ อันเป็นสาเหตุที่สำคัญ ที่ทำให้ผู้นำของไทยในยุคนั้นเชื่อว่า เวียดนามมีเจตนาที่จะครอบงำทั้งลาวและกัมพูชา ไม่ว่าจะภายใต้ชื่อ "สหพันธ์อินโดจีน" หรือการมีความสัมพันธ์ "พิเศษ" ระหว่างเวียดนาม ลาว และกัมพูชาตามที่เวียดนามกล่าวอ้างก็ตาม เพราะฉะนั้น พฤติกรรมและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดการกระทบกระทั่งตามพรมแดนไทย-ลาว ที่เกิดขึ้นมาหลายครั้งหลายหนนับตั้งแต่ลาวเปลี่ยนระบอบ เมื่อปี พ.ศ.2518 เป็นต้นมานั้น มักจะถูกเพ่งเล็งโดยผู้นำไทยส่วนมากว่าเกิดจากการยุยงหรือยั่วยุของเวียดนาม ที่หวังผลจะให้ไทยและลาวแตกแยกกันหรืออีกประการหนึ่งอาจเกิดจากความปรารถนา ของผู้นำลาวคอมมิวนิสต์เองที่มองไทยเป็นศัตรูคู่อริที่สร้างความเจ็บช้ำให้ กับลาวตลอดประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งชาติของพวกเขาก็เป็นได้


แต่ถ้ากลับมาพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาวในปัจจุบัน ในประการแรก เมื่อเราพิจารณาถึงเขตแดนของไทยกับลาวที่ติดกันมีความยาวถึง 1,810 กิโลเมตร ประกอบด้วย เขตแดนตามสันปันน้ำ (เขตแดนทางบก) ประมาณ 702 กิโลเมตร และที่เป็นลำน้ำ (เขตแดนทางน้ำ) อันมีแม่น้ำโขง แม่น้ำเหือง และห้วยดอน ประมาณ 1,108 กม. โดยเริ่มตั้งแต่ ต.สบรวก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (หรือบริเวณที่เรียกว่า "สามเหลี่ยมทองคำ") อันมีแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขงแบ่งดินแดนของ 3 ประเทศคือ พม่า ลาว และไทย ต่อจากนั้นแม่น้ำโขงจะไหลลงมาเป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับลาว จนมาถึงบริเวณแก่งผาได อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เส้นเขตแดนระหว่างไทยกับลาวจะขึ้นสู่ทางบกไต่ไปตามสันปันน้ำของเทือกเขา ยาวเหยียด ส่วนแม่น้ำโขงจะไหลเข้าไปอยู่ในเขตแดนของลาวฝ่ายเดียว จนแม่น้ำโขงไหลออกจากแผ่นดินลาวมาบรรจบกับแม่น้ำเหือง ในเขต อ.เชียงคาน จ.เลย ทอดยาวเป็นเส้นเขตแดนไทย-ลาวไปจนถึงบริเวณปากแม่น้ำมูน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และก็จะไหลเข้าไปอยู่ในแผ่นดินลาวฝ่ายเดียวอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเส้นเขตแดนก็จะเปลี่ยนขึ้นทางบกตามสันปันน้ำไปจนถึงช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดบรรจบของเส้นเขตแดนของ 3 ประเทศคือ ลาว ไทย และกัมพูชา อันเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้ออำนวยต่อการขยายการค้าและการลงทุนระหว่าง ไทย-ลาว อีกทั้งความคล้ายคลึงด้านภาษาและวัฒนธรรม การติดต่อไปมาหาสู่และค้าขายระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศตามบริเวณชายแดน และการที่ลาวไม่มีทางออกทะเลจึงจำเป็นต้องอาศัยไทยเป็นเส้นทางออกทะเลเพื่อ ค้าขายกับประเทศภายนอก


ประการที่ 2 นโยบายต่างประเทศของลาวมุ่งที่จะสร้างความสัมพันธ์แบบรอบด้านกับทุกประเทศบน พื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยไม่แบ่งแยกลัทธิอุดมการณ์เพื่อขอรับ การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายตามที่พรรค คอมมิวนิสต์ กำหนดไว้ ทั้งนี้ ลาวให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำดับแรก ได้แก่ เวียดนาม จีน พม่า กัมพูชา และไทย รองลงมาเป็นประเทศร่วมอุดมการณ์ ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และคิวบา อย่างไรก็ดี แม้ว่าลาวจะพยายามดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ให้สมดุลเพื่อลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นหลัก แต่ข้อจำกัดของลาวที่ไม่มีทางออกทางทะเลและการด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจ ประกอบกับเวียดนามและจีนต้องการคงอิทธิพลในภูมิภาคอินโดจีนไว้ จึงทำให้ลาวมีความสัมพันธ์พิเศษกับเวียดนามและจีนทั้งด้านความมั่นคงและด้าน เศรษฐกิจ อันเป็นผลให้ประเทศทั้ง 2 สามารถขยายอิทธิพลในลาวได้ในระยะต่อไป ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวนั้นได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ นับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายได้ยุติการเผชิญหน้าด้วยกำลังทหารจากกรณีความขัดแย้ง เกี่ยวกับเขตแดนกรณีบ้านร่มเกล้าในปลายปี พ.ศ.2530 ต่อต้นปี พ.ศ.2531 และได้มีการทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2531 แต่อุปสรรคสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาว คือทัศนคติทางลบและความหวาดระแวงที่ลาวมีต่อไทย ปัญหาขบวนการต่อต้านรัฐบาลลาว (ขตล.) ปัญหาการจัดทำหลักเขตแดน และปัญหาอาชญากรรมบริเวณชายแดน เป็นต้น นอกจากนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 ไทยกับลาวได้จัดทำสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน (Treaty of Amity and Cooperation) เพื่อยืนยันว่าจะเคารพในเอกราชและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน รวมทั้งตกลงจะระงับข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี

http://www.youtube.com/all_comments?v=7ggmHOz21Go

eIBD Investor's Business Daily Digital Edition

Access recent eIBD issues easily:

* PDF Version: Recent issues are listed under the bookmark menu

* Web Version: Recent issues are listed under the date menu

Go to PDF Version | Go to Recent Issues

To save time in the future, you may select one of the preferences below. You may update your eIBD preferences at any time by going into My IBD and selecting Update Your eIBD Preferences.

Set Web-Based Version as Default Set PDF Version as Default Set Recent Issues as Default

Streaming Quotes Are


* Home
* Stock Research
* eIBD
* News
* Editorials
* Education
* Community
* Leaderboard
* Store

Get QuoteSearch Site

*

* IBD Charts
* MarketSmith
* Stock Checkup
* Screen Center
* Premium Tools
o Leaderboard
o eTables
o Stocks Under $10
o

Daily Graphs Online
o Daily Graphs Charts
o Custom Screen Wizard
o Industry Groups
o Fund Center
o Option Guide
o William O'Neil + Co 197 Industry Groups PDF
o
* Options Center
* ETF Center
* IBD Indexes

* Investing
o Markets Update
o The Big Picture
o Research Table Review
o Investor's Corner
o Mutual Funds
o ETFs
o Futures
o Bonds
o Options
o
* Business
o Industry Snapshot
o The New America
o New Issue America
o Inside Real Estate
o
* Economy
* Technology
* Management
o Managing for Success
o Leaders & Success
o
* Politics
* Blogs
o Capital Hill
o Click
o
* Special Reports
* Economic Calendar
* IBD TV

* Commentary
* Editorial Cartoons

* Daily Stock Analysis
* Online Courses
o CAN SLIM®
o IBD Tool Chest
o Charting The Course
o Sell Signals
o Buying and Selling Checklists
o IBD How To
o
* Ask IBD
* Financial Dictionary
* Workshops
* Home Study
* You Can Do It Too

* Forums
* Meetups
* Calendar



* Sponsored by:
*


Vietnam, Laos news agencies seek to boost cooperation

Posted 01:10 AM ET

Vientiane, Aug 29, 2011 (BBC Monitoring via COMTEX) -- Laos will create favourable conditions for Vietnam News Agency (VNA) and Laos News Agency (KPL) to strengthen cooperation and fulfil missions assigned by the two Parties and States.

Head of the Commission for Propaganda and Training of the Lao Party Central Committee CheuangSombounkhan and Lao Minister of Information, Culture and Tourism BosengkhamVongdala made the affirmation at a reception to VNA General Director Tran Mai Huong on 29 August, during his visit to Laos from 26 - 29 August.

The Lao officials spoke highly of VNA's assistance to KPL during past years, saying that the presentation of a book entitled, "VNA and KPL - Years of mutual development" to KPL was a deed of special significance, allowing the two agencies' present and future generations of reporters to further understand the loyal and wholehearted relations of the two countries for revolutionary press.

The book was the first publication manifesting cooperation in publishing between the two countries' press sector, with VNA and KPL being pioneering organisations, they said.

General Director Huong expressed his delight at witnessing great changes in Laos and ceaseless development of its revolutionary press.

He said he hoped Lao leaders would create favourable conditions for the TV channel of VNA - Vnews - to be broadcast soon on the Lao cable television system and help the two news agencies cooperate more effectively.

Huong affirmed that VNA will enhance cooperation with KPL in personnel training and exchange of information, professional knowledge, delegations and techniques.

Source: VNA news agency, Hanoi, in English 0000gmt 29 Aug 11

BBC Mon AS1 AsDel MD1 Media pr

BBC Monitoring. Copyright BBC.

Chers amis,
Dans ce domaine, il faut reconnaître que Touxoua a de l'art et du bon sens. Voilà quelqu'un sur qui on peut compter, le moment venu !
Amicalement,
Khamphiou




--------------------------------------------------------------------------------
From: Touxoua@aol.com
Date: Tue, 30 Aug 2011 11:16:23 -0400
Subject: Re: Kratay Noi news today: Laos must be a true democracy.
To: laosnetworkroom@googlegroups.com


Amis et chers compatriotes,

Je partage totalement le point de vue de Madame Krataynoy Lamdouan. Car c'est la seule façon de réconcilier le peuple laotien, séparé par 35 années de dictature du parti unique. Et c'est la solution politique qui fera honneur à l'actuel pouvoir (parce qu'elle contribuera à améliorer son image).

S'il y a des élections libres au Laos, il y a toutes les chances que le parti communiste laotien sorte vainqueur des urnes, parce que les électeurs et les électrices ne connaissent pas les leaders de l'opposition.

Les dictatures, en ce bas monde, tombent progressivement, les unes après les autres, avec des images difficiles à supporter. On voit cela en Irak, en Tunisie, en Egypte, en Libye, puis où encore dans les prochains mois et dans les prochaines années. Je ne comprends pas pourquoi le parti communiste laotien ne saisit pas cette occasion pour organiser et gagner démocratiquement les élections libres, puis exercer le pouvoir en toute légalité et en toute légitimité. L'électorat est en majorité de son côté. Pourquoi le parti communiste laotien craint-il encore le verdict populaire ?

C'est vraiment triste de voir des laotiens, en bon bouddhistes et descendants de Khoun Boulom, s'accrocher au pouvoir par le bout du fusil et par le rejet de leurs propres frères !


TXLF


Dans un e-mail daté du 8/30/2011 2:37:54 p.m. Paris, Madrid (heure d'été, bounkhong_arounsavat@yahoo.com.au a écrit :




Sent: Tuesday, 30 August 2011 5:02 PM

Original Post KratayNoi LaMdouan 4:56pm Aug 30

Laos must be a true democracy with free and fair elections,with participation of other parties.The currently leadership must allow patriotic individuals who are morally principled,appropriately qualified and suitably educated the opportunity to make desperately needed reforms.

ທ່ານລາວຮັກຊາດທີ່ນັບຖື,
ປີຫນ້ານັກສຶກສາ ລາວກໍຈະໄດ້ເຂົ້າຮຽນ ຊູໂຈ ມະຫາວິທຍາລັຍ ຈຳເປັນຕ້ອງຮູ້ຈັກພາສາ ຈີນ ເພາະອາຈານສອນ ແມ່ນມາຈາກຈີນ ແຕ່ກໍຍັງມີ ຊົ່ວໂມງຮຽນພາສາລາວຢູ່ ກໍຄົງມີຄົນລາວສອນຢູ່ນ້ອຍນຶ່ງ


ທ່ານຈັນ ເພິ່ນເວົ້າກໍຄືຯ ຢູ່. ຖ້າໂຄງການໄປໄດ້ດີ ຈີນອາດຈະເພີ່ມຈຳນວນນັກສຶກສາຂຶ້ນ ເປັນ 10,000 ຄົນ ແລະ ຂຍາຍ ຄຸນມິງ ມະຫາວິທຍາລັຍ ມາຕັ້ງຢູ່ຫລວງພຣະບາງ ແລະ ກວາງຊູ ມະຫາວິທຍາລັຍ ມາຕັ້ງຢູ່ປາກເຊ.
ຄົນລາວນອກ ກ່ອນຈະໄປຢາມລາວ ຄົງຈະໄດ້ຮຽນພາຈີນໄດ້ແລ້ວຄ່ອຍໄປ ຈັກນ່ອຍເວົ້າບໍ່
ເຂົ້າໃຈພາສາກັນ.


ຮັກແພງ
ຕູ່


0101. 06. 2011. Chinese Language.


Subject: The Soochow university, in Jiangsu Province- China, plans to provide courses for about 5,000 students in Laos

Chanh






Looking at it one way : it is an honor to be that important language in the sight of a big country. Another way is : they want to take over the country not using guns. And another way is : they seing that the country needing helps from being taken over by Vietnam. What can we do ?
Moderator


A university official quoted in the report said Soochow would offer 12 majors,including Chinese language. The university plans to provide courses for about 5,000 students in Laos.


Soochow University, in Jiangsu Province , which has about 50,000 students in China, expects the Laos campus to begin , enrolling students next year.

ທ່ານເຊດຖາ ຈັ່ງມັກເປັນ ພາລະຊົນ? ກວນຄົນ ຂ້າພຣະເຈົ້າສັງເກຕເພີ່ນ ແຕ່ສີ່ສິບປີຫລັງ ຕອນເພີ່ນຮ້ອງເພງ "ສຸດປຣາຖນາ" ວ່າ "ເປັນບ້າປ່ວງ" ຄືກັນກັບເພີ່ນ ເຫັນອະນາຄົຕ ວ່າໂຕເອງຈະເປັນ ບ້າເປັນປ່ວງຊ້ຳເຖົ້າ


ສຸດທ້າຍຂໍຝາກຄຳຄົມຂອງ ຂົງເບັ້ງລາວ ໂມທະນາ ທີ່ຂຽນວ່າ


ຈັ່ງແມ່ນເຂົາຫລອກຕົ້ມ ໃຫ້ກົ້ມແລ່ນນຳຫລຽນ
ຮຽນຈົນເປັນອາຍາ ພັດວ່າປັນຍາປູ້
ໝູ່ຄູ່ແໜງໜີໜ້າ ຫລຽນຕຣາບໍ່ມີຄ່າ
ແຕ່ກອ່ນຫລອກພວກຂ້າ ສມັຍນີ້ຫລອກອາຍາ ນ່າຍເດ...
ໂມທນາ


ໄດ້ຍິນຂ່າວວ່າ ຣາຍຊື່ທ່ານທັງຫລາຍທີ່ໄດ້ຮັບຫຣຽນຄຳຊອບຖືກສົ່ງໄປສຖານທູຕໄທຍ ແລະອື່ນໆອີກເພື່ອຍັ້ງຍືນການເຄື່ອນໄຫວໃຫ້ ສປປລາວ ຂໍໃຫ້ພວກທ່ານຢ່າປະມາດ ຖືກເພັ່ງເລັງໂດຍເປົ່າປະໂຍດ

ທ່ານ Sysay Chanthavixay 31. August 06:41

ຂໍບອກຕໍ່ເດິພີ່ນ້ອງລາວທັງໂລກ ຈົ່ງພາກັນລຸກຂື້ນຢຽບໂຈນ ຄມນລາວແດງ36 ປິ ປທ ອາຣັບ ພຽງ6ເດືອນຈັບກ້ອນຫິນແກ່ວງໄສ່ຜູ້ນຳຊັ່ວໆຄອງເມືອງຍາວນານ 23 ປິ 33 35 42 ປິ ໄດ້ໄຊຊນະແລ້ວ.....


ປະຊາຊົນລາວ ຄົນລຸ້ນນຸ່ມຖືກປິດຫູບັງຕາຈາກພັກຄອມມຸຍນິດ ທີ່ເປັນພັກເຫັນແກ່ຕົວແລະກຸ່ມກ້ອນ,
ຄົນລຸ້ນນຸ່ມບໍ່ເຂົ້າໃຈເຖິງຄວາມຈິງຂອງສະພາບຕົນເອງ ຖືກພັກປປລາວ ແລະ ວຽດນາມຕົ້ມຕົວະຕລອດມາ ຜົນທີ່ໄດ້ຣັບນັ້ນຄື ພັກ ໄດ້ເອົາຊາດ ແລະປະຊາຊົນເປັນເຄື່ອງ ທັງເປັນສິນຄ້ານຳອີກດ້ວຍ

Press Releases.

"Seminar Camps" and the Death of King Savang Vatthana
Imprisoned in Camp 01, the crown prince died on May 2, 1978,
and the king eleven days later of starvation.
The queen died on December 12, 1981
_________________________
"Seminar camps," also called reeducation centers, were the centerpiece of the new regime's policy toward the enemies it had defeated. The LPRP's Marxist-Leninist dogma allowed no respite in the class struggle, and those identified as its former enemies were the presumed saboteurs and subversives of the socialist phase of the revolution that was just getting under way. After its victory, the regime made people judged unfit to participate in the new society in their present frame of mind construct a series of camps, known only by their numbers.


They included Camp 01 at Sop Hao; Camp 03 near Na Kai, newly given the Pali name Viangxai, meaning "Victorious Town"; Camp 05 near Muang Xamteu; and Camps 04 and 06 near Muang Et, all in Houaphan. A camp was also built at Muang Khoua on the Nam Ou, and others were built in the center and south. There are no official figures on the numbers of people sent for reeducation, because the camp network was kept a secret from the outside world. The only information was brought out by former inmates and their families. Various published estimates have put the number of inmates at 30,000, at 37,600, and at 50,000.


Even before the communist takeover, the first groups of highlevel officials, including provincial governors and district chiefs, had been transported to the camps, arriving in full dress uniform. They had received letters signed by Souvanna Phouma ordering them to attend an important meeting in Vientiane. After an overnight stay in Vientiane, the group was flown to the Plain of Jars, where a festive atmosphere prevailed. The officials, about seventy in all, were feted with food and a movie, and North Vietnamese advisers were present. They were then flown to Houaphan, separated into small groups, and organized into work parties.


In August and September 1977, a group of twenty-six "reactionary" high-ranking officials and military officers in Camp 05 were accused of plotting a coup and arrested. These persons were taken away to Camp 01. They included Pheng Phongsavan, the minister who had signed the Vientiane Agreement; Touby Lyfoung, the Hmong leader; Soukhan Vilaysan, another of Souvanna Phouma's ministers who had been with him in the Lao Issara and had risen to become secretary general of the Neutralists; and Generals Bounphone Maekthepharak and Ouan Ratikoun. All died in Camp 01. Thus, those who played roles in the modern history of Laos were relegated by the regime to the status of nonpersons and their fate placed in the hands of their prison guards. Others, like Tiao Sisoumang Sisaleumsak, a minister in Souvanna Phouma's 1960 government, General Sengsouvanh Souvannarath, commander of the Neutralist forces, Khamchan Pradith, an intellectual and diplomat, and even Sing Chanthakoummane, a lieutenant in the Second Paratroop Battalion in 1960, were held in seminar camps for fifteen years or more before being released. Souvanna Phouma was allowed to live quietly in Vientiane until his death in January 1984.


The new regime feared that ex-King Savang Vatthana, who until March 1977 had lived quietly in the royal palace as a private citizen with the meaningless title of adviser to President Souphanouvong, would become a symbol of popular resistance. As a result, he was suddenly spirited away by helicopter to Houaphan along with Queen Khamboui and Crown Prince Say Vongsavang. Imprisoned in Camp 01, the crown prince died on May 2, 1978, and the king eleven days later of starvation. The queen died on December 12, 1981. According to an eyewitness, all were buried in unmarked graves outside the camp's perimeter. No official announcement was made. More than a decade later, during a visit to France in December 1989, Kaysone confirmed reports of the king's death in an innocuous aside that attributed it to old age.


The party did not dare abolish the Buddhist community of monks and novices, the clergy (sangha), of which the king had been the supreme patron. It did, however, attempt to reshape the sangha into an instrument of control. In March 1979, the Venerable Thammayano, the eighty-seven-year-old Sangha-raja of Laos, the country's highest-ranking abbott, fled by floating across the Mekong on a raft of inflated car tubes. His secretary, who engineered the escape, reported that the Sangha-raja had been confined to his monastery in Louangphrabang and was forbidden to preach. Ordinary monks were not forbidden to preach, but their sermons were commonly tape recorded and monitored for signs of dissidence. As a result of these pressures, the number of monks in Laos decreased sharply after 1975.


English to French translation
«Camps Séminaire» et la mort du roi Savang Vatthana

«Camps de séminaire," centres de rééducation appelé aussi, ont été la pièce maîtresse de la politique du nouveau régime envers les ennemis qu'il avait vaincus.Le PPRL du dogme marxiste-léniniste a permis aucun répit dans la lutte des classes, et ceux identifiés comme ses anciens ennemis étaient les saboteurs présumés et subversifs de la phase socialiste de la révolution qui vient d'obtenir en cours. Après sa victoire, le régime a fait de personnes jugées inaptes à participer à la nouvelle société dans leur cadre actuel de l'esprit de construire une série de camps, connu seulement par leur nombre.

Elles comprenaient Camp 01 à Sop Hao; Camp 03 près de Na Kai, récemment donné le nom de Pali Viangxai, qui signifie «ville victorieuse»; Camp 05 près de Muang Xamteu et Camps 04 et 06 près de Muang Et, tout en Houaphan. Un camp a aussi été construite à Muang Khoua sur la Nam Ou, et d'autres ont été construits dans le centre et le sud. Il n'y a pas de chiffres officiels sur le nombre de personnes envoyées pour la rééducation, car le réseau camp était gardé secret par le monde extérieur. La seule information a été mis en évidence par d'anciens détenus et leurs familles. Diverses estimations publiées ont mis le nombre de détenus à 30.000, à 37 600, et à 50.000.

Même avant l'arrivée des communistes, les premiers groupes de fonctionnaires haut niveau, y compris les gouverneurs provinciaux et chefs de district, avaient été transportés vers les camps, arrivent en grand uniforme. Ils avaient reçu des lettres signées par Souvanna Phouma leur ordonnant d'assister à une importante réunion à Vientiane. Après une nuit à Vientiane, le groupe a été transféré à la Plaine des Jarres, où une ambiance festive a prévalu. Les fonctionnaires, environ soixante-dix en tout, ont été fêtés avec de la nourriture et un film, et nord-vietnamiens conseillers étaient présents. Ils ont ensuite été transportés à l'Houaphan, séparés en petits groupes, et organisée en partis travailler.

En Août et Septembre 1977, un groupe de vingt-six «réactionnaire» des hauts fonctionnaires et des officiers militaires dans le camp de 05 ont été accusés d'avoir fomenté un coup d'Etat et arrêtés. Ces personnes ont été emmenés au camp 01.Elles comprenaient Pheng Phongsavan, le ministre qui avait signé l'accord de Vientiane; Touby Lyfoung, le leader de Hmong; Soukhan Vilaysan, un autre des ministres Souvanna Phouma qui avait été avec lui dans le Lao Issara et avait augmenté pour devenir secrétaire général de la neutralistes et Les généraux Bounphone Maekthepharak et Ouan Ratikoun. Tous sont morts dans le camp 01.Ainsi, ceux qui ont joué un rôle dans l'histoire moderne du Laos ont été relégués par le régime pour le statut de nonpersons et leur sort placé dans les mains de leurs gardiens de prison. D'autres, comme Tiao Sisoumang Sisaleumsak, un ministre de Souvanna Phouma de 1960 du gouvernement, le général Sengsouvanh Souvannarath, commandant des forces neutralistes, Khamchan Pradith, un intellectuel et diplomate, et même chanter Chanthakoummane, un lieutenant dans le bataillon parachutiste Deuxième en 1960, ont eu lieu dans les camps de séminaire pour les quinze ans ou plus avant d'être libéré. Souvanna Phouma a été autorisé à vivre tranquillement à Vientiane jusqu'à sa mort en Janvier 1984.
T
Il craint que le nouveau régime ex-roi Savang Vatthana, qui jusqu'à Mars 1977 a vécu tranquillement dans le palais royal en tant que citoyen privé avec le titre vide de sens du conseiller du Président Souphanouvong, allait devenir un symbole de la résistance populaire. En conséquence, il a été soudainement Chihiro par hélicoptère à Houaphan avec Queen Khamboui et le prince héritier Dites VONGSAVANG.Emprisonné au camp 01, le prince héritier est décédé le 2 mai 1978, et les onze jours plus tard, le roi de la famine. La reine mourut le 12 Décembre, 1981.
Selon un témoin, tous ont été enterrés dans des tombes anonymes en dehors du périmètre du camp. Aucune annonce officielle n'a été faite. Plus d'une décennie plus tard, lors d'une visite en France en Décembre 1989, Kaysone confirmée rapports de la mort du roi dans une anodine côté qu'il attribue à la vieillesse.

Le parti n'a pas osé abolir la communauté bouddhiste de moines et de novices, le clergé (sangha), dont le roi avait été le patron suprême. Il n'a, cependant, tenter de remodeler la sangha en un instrument de contrôle. En Mars 1979, le Vénérable Thammayano, le 87 ans Sangha-raja du Laos, du plus haut rang du pays Abbott, a fui en flottant sur le Mékong sur un radeau de tubes de voiture gonflée. Son secrétaire, qui a conçu l'évasion, a rapporté que la Sangha-Raja avait été confinée à son monastère de Louangphrabang et a été interdit de prêcher. Moines ordinaires n'ont pas été interdit de prêcher, mais leurs sermons étaient souvent enregistrés et surveillés pour tout signe de dissidence. En raison de ces pressions, le nombre de moines au Laos a fortement diminué après 1975.

http://www.komchadluek.net/detail/20110829/107529/รับจ้างนายทุนลาวขนไม้พะยูง.html
รับจ้างนายทุนลาวขนไม้พะยูง
จับ 2 พี่น้องขนไม้พะยูง 17 ท่อน มุลค่ากว่า 5 แสนบาท สารภาพรับจ้างจากนายทุนฝั่งลาวขน ได้ค่าจ้าง 7,000 บาท

เวลา 01.50 น. วันที่ 29 ส.ค.54 พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีการลักลอบขนไม้พะยูงจำนวน หนึ่งเข้ามาในพื้นที่ จึงสั่งการ พ.ต.ท.เสถียร ศรีสมุทร สวป. พร้อมตำรวจชุดสายตรวจ ติดตามความเคลื่อนไหว จนกระทั่ง ร.ต.ท.เหรียญชัย ศรีเชียงสา รองสวป.และ ด.ต.ศักดิ์สิงห์ พระสว่าง ผบ.หมู่งาน กก.3 บก.ปทส. พบรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนด์เงิน ทะเบียน บล 4119 อุดรธานี มีผ้าใบคลุมวิ่งมาตามถนนมิตรภาพหนองคาย - อ.โพนพิสัย กม.ที่ 8 จึงเรียกให้จอดเพื่อทำการตรวจค้น




เมื่อเปิดผ้าใบคลุมพบไม้พะยูงแปร รูป ขนาดต่าง ๆ ยาว 2 ม. จำนวน 17 ท่อน/เหลี่ยม มูลค่ากว่า 5 แสนบาท จึงทำการตรวจยึดและจับกุมทราบชื่อ นายบุญทม เพียเทพ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 250 หมู่ 11 ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย และนายพรพรหม เพียเทพ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 10 ต.รัตนวาปี จ.หนองคาย




จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า มีนายทุนชาวลาวว่าจ้างให้ขนไม้ พะยูงมา จาก อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เพื่อนำส่งที่ อำเภอเมือง จ.บึงกาฬ โดยให้ค่าจ้าง 7,000 บาท จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในความครอบครองเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรและคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
รับจ้างนายทุนลาวขนไม้พะยูง คมชัดลึก : อาชญากรรม : ข่าวทั่วไป
www.komchadluek.net
จับ2พี่น้องขนไม้พะยูง17ท่อนมุลค่ากว่า5แสนบาทสารภาพรับจ้างจากนายทุนฝั่งลาวขนได้ค่าจ้าง7,000บาท

--------------------------------------------------------------------------------
From: blacksaphire@hotmail.fr
To: g+44cjq5w000zg3zqog5p002p7pjm84z6002hcg00q6tr1v846@groups.facebook.com
Subject: RE: Objet : [KHON LAO HUCK XAT] http://www.facebook.com/l/rAQBs7fXhAQDoEJXLGacl3D-...
Date: Thu, 1 Sep 2011 15:41:56 +0200


ท่านอุดม คุทไซซนะ ที่ ขพจ พูดว่าคนลาวโง่เขลาเบาปัญญา,มืดบอดทางปัญญา นั้นจำนวนมากก็เป็นเช่นนี้จริง ไม่ไช่ว่าดูถูกเหยียดหยาม
คนลาวแต่อย่างไร ความจริงย่อมหนีความจริงไม่ได้ คือประเทศลาวจนที่สุดในโลก,ด้อยการพัฒนาที่สุดในโลก,ประชาชนขาดการศึกษาใน
ประเทศของโลก,ปชช ลาวจำนวนมากด้อยโอกาศ แล้วจะไม่ไห้ประเทศประเทศไกล้เคียงและประเทศอื่นยึดครอบครองมาหลายชั่วคน และ
ตักเตือน ไห้เปลี่ยนแปลงไห้ดีขื้นได้อย่างไร แม้แต่ต่างประเทศเขาก็ยังช่วยเหลือการเงินเป็นจำนวนมากเพื่อไห้นำมาพัฒนาชาติเกีดของตน
เองทุกยุคทุกสมัยไห้หลุดพ้นจากความทุกข์จน แต่ผู้นำชาติกับเอาเงินเป็นของส่วนตัว ตัวอย่างพวก พัก-ลัด สปปล มีเงินคนละหลายร้อยล้าน
อเมริกันในBANKต่างประเทศ ปชช ลาวต้องหลั่งหนีออกมาขายแรงงานในราคาถูกๆในสยามประเทศไทย และหญิงสาวคนลาวก็ขายตัว
เป็น"หญิงเสิฟ-โสเภณี"นับเกือบหกแสนคน เพราะความทุกข์จนมิไช่หรือ! สำหรับท่านเป็นคนฉลาด,มีการศึกษาดี,มีเงิน,มืบ้าน อย่าร้อนใจ,
เสียใจ กับคำพูดของข้าพเจ้า มันไม่เหมือนกัน ข้าพเ้จ้าพูดเตือนคนที่โง่กว่าท่านไห้มีสติระวังตัว,ระวังศัตรูหลอกไช้,หลอกไปฃ่าทิ้ง เพราะ
ข้าพเจ้ามีสพการมาที่ลาวด้วยตาของตนเองสมัยไปทำงานช่วยประเทศของท่านในยุคสงครามลาว-เวียตนาม มาแล้วหลายปี.การต่อสู้เพื่อ
"ประชาธิปไตย"ของลาวนอกเพื่อลาวในประเทศก็ไม่สามารตเดีนไปได้ดีเพราะระดับนักวิชาการลาวในต่างประเทศก็แตกแยกกันอยู่ ถ้าพวก
ท่านไม่รวมกันต่อสู้อย่างจริงจังแล้วยากมากจะสำเร็จเพราะเื่รื่องชาติเป็นเรื่องไหญ่โตมากทุกๆคนลาวต้องรวมกันทังนอกและลาวอยู่ภายใน
จึ่งจะชนะ.ข้าพเจ้าได้ข่าวว่า"ลาวฝ่ายค้าน หรือ Alliance Pour La Démocratie Au Laos(ADL)"จะมีการประชุมไหญ่ระดับโลกขื้นที่
SYDNEY,AUSTRALIA ใน17-18/09/2011นี้นำโดยนักการเมือง,นักวิชาการ ระดับไหญ่ๆ,ระดับสากลของลาวเข้าประชุมเพื่อหาทางแก้
ไขปัญหาของลาว ท่านน่าจะไปร่วมประชุมกับท่านเหล่านั้น เพราะกองประชุมท่านเชิญคนลาวฝ่ายค้าน"ADL"ทุกๆท่านไปร่วมด้วย เพราะ
ท่านเองก็เป็นคนมีเกียร์ต,มีการศึกษาดี,มีเงิน,มีชีวิตการเป็นอยู่ดี ควรจะเข้าไปร่วมประชุมกับเพื่อนคนลาวของท่าน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา
ของชาติ,ของประชาชนลาวไห้ประเทศลาวของพวกท่านมี"ประชาธิปไตย"เหมือนประเทศเสรีประชาธิปไตย ถ้าไม่อยากไห้คนชาติอื่นๆดู
หมิ่นดูแคลนว่าคนลาวโง่เขลาเบาปัญญาอีกต่อไปสำหรับข้าพเจ้าคนวงนอกขอไห้กำัลังใจท่าน ขอไห้ลาวรวมลาวครั้งที่4จงสำเร็จเทอญ.



--------------------------------------------------------------------------------
Date: Thu, 1 Sep 2011 05:11:40 -0700
To: 252053981472015@groups.facebook.com
From: notification+zrdoircdpfvz@facebookmail.com
Subject: Objet : [KHON LAO HUCK XAT] http://www.facebook.com/l/rAQBs7fXhAQDoEJXLGacl3D-...

Oudom Khoutxaysana a commenté la publication de Sèng Bounseum dans KHON LAO HUCK XAT.
Oudom Khoutxaysana 1 septembre 14:11
ທ່ານ Black Saphire ຂພຈ ບໍ່ສາມາດເຂົ້າໃຈທ່ານໄດ້ໝົດວ່າ ເປັນຫຍັງຄວາມເຫັນຂອງທ່ານອອກມາບັນລະຍາຍຄັ້ງໃດກໍມີແຕ່ ລາວໂງ່ ລາວບໍ່ມີປັນຍາ ທ່ານກ່າວດັ່ງນີ້ເພື່ອຣະບາຍອາຣົມບໍ່? ຫຼືວ່າກຽດຊັງຄົນໃດຄົນນືງ ແລ້ວມາຕີຣາຄາສ່ວຍລວມ? ນີ້ບໍ່ແມ່ນວິທີທາງທີ່ສະລາດທ່ານເອີຍ ອາຣົມແບບນັ້ນ ເກັບໄປຖີ້ມໃສ່ຖັງຂະຍະເສັຍເທີ້ນ.

Historique des commentaires Black Saphire 1 septembre 13:38
ประชาชนลาวจำนวนมากภายในประเทศและนอกประเทศอยังไม่เข้าใจการเมือง,ไม่เข้าใจการปกครองตัวเองครอบครัวแล้วจะไปปกครอง
ประเทศได้อย่างไร!จึ่งถูกชาติอื่นหลอกไช้ตลอดมา เมื่อเขาหมดความต้องการไช้แล้วเขาก็ฃ่าทิ้ง เช่น:อาจารย์จันลี ไทยเขาฉวยไช้เพื่อ
ต้านลัทิคอมมูนิสต์ไห้ เื่มื่อไทยเขาเปลี่ยนทิสดีการเมืองจาก"สนามรบ เป็น สนามการค้า"เขาก็ั่สั่งฃ่าทิ้งเสีย เช่น นักต่อสู้ลาวนอก"ขตปล"
ที่อยู่ในชายแดนไทย-ลาว เมื่อไทย-สปปล เซ็นสัญญา"ความสงบชายแดน"ก็ถูกสั่งเก็บ-ฃ่าทิ้ง หรือส่งกลับ สปปล ไปไห้ลาว-แกวแดงฃ่าทิ้ง
นี้คือมิตรประเทศที่คนลาวทั่วๆไปเรียกอย่างสวยงามว่า"ไทย-ลาว บ้านพี่เมืองน้อง" ปัจจุบันนี้VIETNAMก็ฉวยไช้ทิสดีการเมืองกับคนลาว
ทังอยู่ในและนอกเ่ช่นเดียวกับไทยสยามว่า"ลาว-เวียตอ้ายน้อง"กัน"ข้าวเมล็ดหัก ผักเสั้นหนึ่งแบ่งกันกิน"เพราะทังสองประเทศเขารู้ว่าคน
ลาวจำนวนมากแท้ๆคือคนโง่หลอกลวงย่างไรก็เชื่อ เช่นเดียวหลอก"ลาวควายนอก"ผู้โง่เขลา"ปัญญาปู้"ไปรับเหรียณตะกั่วสร้างชาติ ในปี
2010ที่ผ่านมา ผ่านมา35ปีแล้วคนลาวในประเทศ-นอกประเทศทั่วไปอยังมืดบอดอยู่อีกหรือ!!!

Publication d’origine Sèng Bounseum 1 septembre 12:31



http://www.facebook.com/l/KAQCX5WDQAQBk37LVwjXPKfJOK406puuHnD1Joi_cVU-eNQ/www.youtube.com/watch?v=t1aycx24AyQ&feature=related
Tell the truth 1 ເປີດເຜີຍສູ່ມວນຊົນwww.youtube.com
ເປີດເຜີຍຄວາມຈິງສູ່ມວນຊົນ ໂດຍ ພຣະອາຈານ ມະຫາຈັນລີ ເຣື້ອງເກົ່າເລົ່າສູ່ກັນຟັງ http://www.laoserixon.com

ສປປລ ປານໃດຊີເຊັນສັນຈາຍາບັນ
ສົນທີສັນກ່ຽວກັບ ສານອາສຍາກອນໂລກ ລະ

ເຊັນເມື່ອ ໃດ ມືງຕາຍເມື່ອນັ້ນ

ປິ 1975 ສາຍແມ່ນ້ຳຂອງກາຍເປັນສາຍເລຶອດ

ໃຜຕາບໍ່ມືຍນເບີ່ງເຫດການປາງນັ້ນ ແມ່ນລາວລີງທັງນັ້ນ ຖືກໂຈນ ປໍສາມຫລອກໃຫ້ຈົກຖົງຕົນເອງຊີ້ປີ້ຍົນມາຮັບຫລຽນ ດັ່ງບັກ ດຣ ແມ້ວຍັງດາວ ທີ່ອມຣກ

ທ່ານ ຈອລ,


ທ່ານ ໄຊຊນະທານາດາບຸດ ຈະບໍ່ໄດ້ເປັນແນວລາວ ນຳເຂົາດອກ ເພາະປະກາດ ຕົນເອງ ໃຫ້ຄົນຮູ້ ເພຶ່ອຍົກຕົນເອງຂຶ້ນ ເພື່ອຂົ່ມຫມູ່ລາວນອກ. ເພຶ່ອຄວາມແນ່ໃຈ ຖ້າຍາດພີ່ນ້ອງ ຫລື ເພຶ່ອນຝູງ ທ່ານມາຢາມ ລອງເລົ່າອາການ ຂອງຄົນຂີ້ໂມ້ ໃຫ້ເຂົາເຈົ້າຟັງ. ຮັປກັນໂລດ ເຂົາເຈົ້າ ຈະວ່າລາວເປັນບ້າ.


ຝ່າຍຂວາຢູ່ໄທກໍຫລາຍ ຂພຈ ວ່າມີແຕ້ເຂົາ ຊີ່ຕົ້ມຫົວ ເພິ່ນນັ້ນແລ້ວ. ສະບາຍໃຈຫາຍຫ່ວງ ທ່ານ ຈອລ.
ຮອດຍາມມາ ລາວຮັົກຊາດ ໄດ້ລຸກຂຶ້ນສູ້ ກໍບໍ່ຕ່າງຫຍັງກັບ ຕາວັນອອກກາງເທົ່າໃດດອກ. ມີມືດ ກໍຕ້ອງມີແຈ້ງ.


ໂຊກດີ
ສຸກ


2011/8/31 blue max

ເມື່ອບໍ່ດົນມານີ້ ທ່ານໄຊຊນະ ຊຶ່ງໄດ້ຍ້າຍສັມມະໂນຄົວກັບໄປຢູ່ບາງກອກ ເປັນອົພຍົບເສຖກິຈ ຈາກປະເທສຝຣັ່ງໄປ ໃຊ້ຊິວິຕບັ້ນປາຍ ທີ່ນັ້ນຫລັງຈາກເປັນອົພຍົບເສຖກິຈ ຈາກພຣະຣາຊອະນາຈັກຣ໌ລາວ ມາຫາກິນຢູ່ຝຣັ່ງ ບໍ່ໄດ້ມາລີ້ພັຍການເມືອງ ເພາະເຂົາໄດ້ປະກາສຕົນເອງ ເປັນຄົນຂອງແນວລາວເຕັມປາກຄຳ
ທ່ານເຊດຖາໄດ້ກ່າວວ່າ "ຍັງມີພາລະກິດ ປາບພວກຝ່າຍຂວາ ຕໍ່ໄປ"ຕ່າງໆນາໆ ຈຶ່ງຢາກອະທີບາຍ ສັພທ໌ທີ່ເພີ່ນເອາມາໃຊ້


ຄຳວ່າ ພະລະ ຫຣື bala बल ແປວ່າ ກຳລັງ
ສວ່ນ ພາຣະ ຫຣື bhara भार ແປວ່າ ວຽກຫນ້າທີ່ ແບກຫາມ (ພາຣະ ບ່າໄຫລ່ ຈາກບາລີ)
ສຳຣັບ ພາລະ ນັ້ນ ຫຣື baala बाल ແມ່ນ ເດັກນ້ອຍ ຈາກບາລີ ຫຣື ຄົນ ໄຫຍ່ແຕ່ຄວາມຄຶດຄືເດັກນ້ອຍ ເວົ້າງ່າຍໆ ຄົນພາລ ຫຣື ອັນທະພາລ ອັນທະ ແປວ່າ ບໍ່ເຫັນ ອັນທະພາລ ຄື ພາລຕາບອດນັ້ນເອງ ສະນັ້ນ


ພາລະກິຈ ກໍ່ແມ່ນກິຈກັມ ຂອງ ຄົນພາລນັ້ນເອງ ທ່ານໄຊຊນະເວົ້າຖືກ ວ່າຈະ ເຮັດພາລະກິຈປາບພວກຂວາ ຫຣື ຈະຊອກພາລຫາກໍ່ກວນຕໍ່ໄປ ແຕ່ບໍ່ເຂົ້າໃຈວ່າ ເປັນຫຍັງ ທ່ານເຊດຖາ ຈັ່ງມັກເປັນ ພາລະຊົນ? ກວນຄົນ ຂ້າພຣະເຈົ້າສັງເກຕເພີ່ນ ແຕ່ສີ່ສິບປີຫລັງ ຕອນເພີ່ນຮ້ອງເພງ "ສຸດປຣາຖນາ" ວ່າ "ເປັນບ້າປ່ວງ" ຄືກັນກັບເພີ່ນ ເຫັນອະນາຄົຕ ວ່າໂຕເອງຈະເປັນ ບ້າເປັນປ່ວງຊ້ຳເຖົ້າ


ສຸດທ້າຍຂໍຝາກຄຳຄົມຂອງ ຂົງເບັ້ງລາວ ໂມທະນາ ທີ່ຂຽນວ່າ


ຈັ່ງແມ່ນເຂົາຫລອກຕົ້ມ ໃຫ້ກົ້ມແລ່ນນຳຫລຽນ
ຮຽນຈົນເປັນອາຍາ ພັດວ່າປັນຍາປູ້
ໝູ່ຄູ່ແໜງໜີໜ້າ ຫລຽນຕຣາບໍ່ມີຄ່າ
ແຕ່ກອ່ນຫລອກພວກຂ້າ ສມັຍນີ້ຫລອກອາຍາ ນ່າຍເດ...
ໂມທນາ


ໄດ້ຍິນຂ່າວວ່າ ຣາຍຊື່ທ່ານທັງຫລາຍທີ່ໄດ້ຮັບຫຣຽນຄຳຊອບຖືກສົ່ງໄປສຖານທູຕໄທຍ ແລະອື່ນໆອີກເພື່ອຍັ້ງຍືນການເຄື່ອນໄຫວໃຫ້ ສປປລາວ ຂໍໃຫ້ພວກທ່ານຢ່າປະມາດ ຖືກເພັ່ງເລັງໂດຍເປົ່າປະໂຍດ

ເວົ້າຄວາມຈິງຢ່າຄຽດເດີ້ ໄຊຊນະ ເຖີງຢ່າງໃດກໍ່ຂໍໃຫ້ ອາຍຸຫມັ້ນຂວັນຍືນນານຕາຍ ຈະໄດ້ມີແນວໄວ້ ສັບໄວ້ສຽບ ອີກຕື່ມຫລາຍສິບປີ

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาประเทศลาวว่า
พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาประเทศลาวว่า
พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาประเทศลาวว่า
ล่าสุดพ.ต.ท.ทักษิณได้โฟนอินมาขอโทษคนเสื้อแดงอุดรธานีที่ท่านได้ผิดนัดแล้ว เป็นเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อประเทศลาว ต้องขอบคุณทุกคนที่อยากพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เวลานี้พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่อยากให้มีการ นำเสนอข่าวของท่านให้มากจนเกินไป เพราะอยาก ให้รัฐบาลทำงานอย่างราบรื่น ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังย้ำด้วยว่า ขอให้ทุกคนสบายใจว่าท่านจะไม่ทำตัวให้เป็นอุปสรรคหรือปัญหากับประเทศ ไทยอย่างแน่นอน เวลาที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปไหนมาไหน นั้นมีแต่จะเกิดประโยชน์กับประเทศไทย และไม่ได้ มุ่งหวังที่จะหาเงินให้กับตัวเองหรือครอบครัว ของท่าน ขอให้มั่นใจว่าจะไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้ สังคมต้องเคลือบแคลงใจอย่างแน่นอน

http://www.dailymotion.com/video/xba5ty_johannes-cornelis-van-baalen-on-lao_news

 

Johannes Cornelis van Baalen requests Mr President of the European Parliament to consider the Resolution that there is no democracy in Laos.

Anonymous wrote:

---

ພີ່ນ້ອງລາວທັງໂລກ

ຫລັງຈາກໄປງັນເຮຶອນດິ ທີ່ ຕຣີໂປລີ ມາແລ້ວຢ່າງເຜັດໆຮ້ອນໆ

ຢ່າລືມ ທິດນີ້ ອາດຈະພາກັນໄປກິນຕົ້ມເຂົ້າປຽກ ທີ່ ກຸງ ດາມາສ ປທ ຊີຣິເດິ

ພີ່ນ້ອງ

ຈາກນັ້ນພິ້ນ້ອງລາວເຈັກແກວ

ກະບອກວ່າ ຢ່າລືມມາແວ່ງັນ ການຕາຍຝັງສົບຂອງພວກລູກກຳພ້າຫ້າສະຫາຍ ໃນແຖບໆອາຊີນີ້ ເດັດຂາດ

ພີ່ນ້ອງແຖວນີ້ ບອກວ່າ ນອກຈາກມີອາຫານດິເພັງມ່ວນ ຍັງບໍ່ແລ້ວ ຍັງຈະມີການມອບກະດູກໂຄດ ຄມນ ພວກນິ້ ໃຫ້ຖື ໄປ

ທີ່ ວໍຊີງຕັນ

ເພື່ອມອບໃຫ້ ປທ ນາທີບໍດິ ໂອບາມາ ເປັນຂອງຂວັນທີ່ລະລືກ ວ່າ

ໂຈນ ຄມນ ທັງ 5 ໄດ້ ຖືກ ທັບມ້າງໄປນາຣົກຄືໂຄດໂຊວຽດມັນແລ້ວ ໃນປີ 1991

---

 ການທີ່ລາວນອກບາງຄົນເວົ້າວ່າ ວິຈານປະເທດລາວ, ການນຳລາວ, ຄົນລາວ ໃນຖ້ອຍຄຳ ທີ່ດູຖູກຢຽບຫຍາມວ່າເປັນຂ້າ, ເປັນຂອມ, ເປັນຂີ້ຂ້າແກວ, ເປັນລີງ ແລະເປັນຄວາຍ ບໍ່ມີສິດ ເສລີພາບ, ບໍ່ມີປະຊາທິປະໄຕ, ຖືກປິດຫູປິດຕາ, ແບ່ງແຍກເປັນລາວແດງ ລາວຂາວ, ດູຖູກ ຢຽບຢໍ່າຊົນເຜົ່າ,ຜູ້ນຳຂາຍຊາດ ຂາຍແຜ່ນດິນ ແລະອື່ນໆ ພ້ອມທັງຮຽກຮ້ອງໃຫ້ ປຊຊ ລາວ ລຸກຂຶ້ນມາໂຄ່ນລົ້ມລະບອບຜະເດັດການຄືດັ່ງກຸ່ມປະເທດ ອາຣັບ ມີຫຼາຍອັນກໍ່ຖືກ ແລະ ສ່ວນຫຼາຍແມ່ນບິດເບືອນຄວາມຈິງ ຊຶ່ງການສະເໜີຂໍ້ມູນທີ່ຜິດໆ ກໍ່ຖືວ່າເປັນການປິດຫູ ປິດຕາ ຜູ້ທີ່ບໍ່ໄດ້ມາເຫັນຕົວຈິງຄືກັນເຮັດໃຫ້ເກີດຄວາມຢ້ານກົວຂຶ້ນ

ການທີ່ລາວນອກບາງຄົນເວົ້າວ່າ ວິຈານປະເທດລາວ, ການນຳລາວ, ຄົນລາວ ໃນຖ້ອຍຄຳ ທີ່ດູຖູກຢຽບຫຍາມວ່າເປັນຂ້າ, ເປັນຂອມ, ເປັນຂີ້ຂ້າແກວ, ເປັນລີງ ແລະເປັນຄວາຍ ບໍ່ມີສິດ ເສລີພາບ, ບໍ່ມີປະຊາທິປະໄຕ, ຖືກປິດຫູປິດຕາ, ແບ່ງແຍກເປັນລາວແດງ ລາວຂາວ, ດູຖູກ ຢຽບຢໍ່າຊົນເຜົ່າ,ຜູ້ນຳຂາຍຊາດ ຂາຍແຜ່ນດິນ ແລະອື່ນໆ ພ້ອມທັງຮຽກຮ້ອງໃຫ້ ປຊຊ ລາວ ລຸກຂຶ້ນມາໂຄ່ນລົ້ມລະບອບຜະເດັດການຄືດັ່ງກຸ່ມປະເທດ ອາຣັບ ມີຫຼາຍອັນກໍ່ຖືກ ແລະ ສ່ວນຫຼາຍແມ່ນບິດເບືອນຄວາມຈິງ ຊຶ່ງການສະເໜີຂໍ້ມູນທີ່ຜິດໆ ກໍ່ຖືວ່າເປັນການປິດຫູ ປິດຕາ ຜູ້ທີ່ບໍ່ໄດ້ມາເຫັນຕົວຈິງຄືກັນເຮັດໃຫ້ເກີດຄວາມຢ້ານກົວຂຶ້ນ

ຂໍຕອບແດ່ຍາ
ແວບໄຊນີ້ຮັບໃຊ້ໃຜ ຢ່າຊີໃຫ້ ພວກເຣົາເຜິຍໂສມຫ້ນາດິກ່ວາ ເພາະມັນຮັບໃຊ້ໂຈນ500 36ປິ ຢ່າງບອກບໍ່ໄດ້
ການໃຊ້ຖ້ອຍຄຳໃນເວທີນິ້ອາດຈະບໍ່ສຸພາບແລະເປັນພາສາທະຫານ
ແຕ່ມັນກະບໍ່ຮູນແຮງສ່ຳພວກຄວາຍຂ້າອັຕປຶ ຂເມນລຶງຫ້ນາແຫລ້ເມືອງໂຂງ ຂ້າພໍ່ແມ່ລາວຝ່າຍຂວະກ່ວາ ສອງແສນຄົນຕີຫລັງປິ75
ຫລື ພວກເຈົ້າຍັງຊິປະຕິເສດໄດ້ອີກບໍ??
ສັງຄົມລາວເປັນສັງຄົມໂທນ ປະຕິເສດທຸກຮູບແບບສະຖາບັນ ປະຊາທີປະໄຕ ເປັນທີ່ຍອມຮັບຂອງລາວໃນແລະລາວນອກ ຖ້າ ຍັງມາປົກປ້ອງກະພວກທ່ານແສນມັນໂຄດຊັ່ວຕ້ອງຕ້ອງຢາກໃຫ້ ປທ ຊາດ ເຮົາລ້າຫລັງຂໍທານເປັນອານາຖາອ່ອນເພັຍ ແດກບ້ານປົ້ນເມືອງຕລອດປິແມ່ນບໍ?
ຝູຍ ເກິນພວກທ່ານຫ້ນາດິ ສ້າງ ແວບນີ້ຂື້ນມາເປັນຫມາຣັບໄຊ້ໂຈນ ລອງເອົາຕັວເລກອອກມາໂຊເບີ່ງ

ລາຍໄດ້ໄປຢູ່ໄສ ມີເຂື່ອນ14ເຂື່ອນ ເປັນຫຍັງປິນີ ສປປລ ຂາດ ງົປມານ ເກືອບ 500ລ້ານ ດລ
ຍ້ອນຫຍັງ ຊອກຫາຂໍ້ມູນມາຕອບ ຊາວລາວທັງໂລກດດ້ວຍ
ລອງເວົ້າ ສະຫາຍຂ້າຈູມມາລີ ແລະລາວອຸບົນບຸນຍັງ ພວກຄົນເຕົ່າເຖົ້າລ້ານປິ ມັນສ້າງເຂດເສຖກີດພິເສດ
ບໍ່ແມ່ນມັນສູນເສັຍເອກກະຣາຊໄປໃນຕັວບໍ ?

ຕອບແດ່ ??
ພາສາ ລາວ ໄປຮອດເຂດນີ້ບໍ? ຕອບແດ່??
ທະຫານຕຳຣວດພັກມືງ ໄປມີອິດຕີພົນ ໃນບ່ອນນີ້ບໍ? ຊອກຫາຄຳຕອບໃຫ້ພວກເຮົາດ້ວຍ
ແຮງງານລາວນຳເຂົ້າໄປສວມໃຊ້ ໃນພາກພຶ້ນນີ້ບໍ? ຕອບມາຕອບມາ
ຂະບວນການຍຸດຕີທັມໂຈນລາວແດງມືງ ຍ່າງເຂົ້າໄປຮອດເຂດນີ້ບໍ??? ຕອບມາ ບໍ່ຈັກຊິຖາມພວກທ່ານແລ້ວ
ພາສີອາກອນກຳໄລຂອງພວກນີ້ ປິນື່ງ ຣັຖບານແນວລາວຂອງພວກທ່ານໄດ້ເທົ້າໃດ ?? ຕອບມາ ຫລຶ ສປປລ ເປັນຂອງບັກໄຊສົມພອນ ທອງສີງ ຈູມມາລີມືງເທົ້ານັ້ນ
ເອກກະຣາຊຂອງ ປທ ມີຢູ່ໄສ ແລ້ວ ໂຄດພວກສາມຄົນຂ້າງເທີງນີ້ແລ່ນອອກປ່າປີ 1945 ໄປຫາຫອກຫຍັງລະ???


ຂ້າພະເຈົ້າເອງບໍ່ແມ່ນການນຳ ແລະລູກຫຼານການນຳຂອງ ສປປ ລາວ, ເປັນປັນຍາຊົນທຳມະດາທີ່ປະກອບອາຊີບອິດສະຫຼະແຕ່ມັກອ່ານເລື້ອງການເມືອງບໍ່ສະເພາະແຕ່ລາວໃນຂອບເຂດທົ່ວໂລກ ຂ້າພະເຈົາໄດ້ມີໂອກາດໄປເຮັດວຽກໃນຫຼາຍໆປະເທດ(65ປະເທດ)ທົ່ວໂລກ ແລະກໍ່ໄດ້ເຫັນ ຮັບຮູ້ຄວາມແຕກຕ່າງຂອງແຕ່ລະລະບອບການປົກຄອງຊຶ່ງມີທັງອັນດີແລະອັນອ່ອນຄວບຄູ່ກັນໄປ ໂດຍສະເພາະການສໍ້ລາດບັງຫຼວງ ພັກພວກ ເຊື້ອສາຍ ອາດຊະຍາກຳ ໂສເພນີ ແຮງງານເຖື່ອນ
ມີໝົດໃນທຸກໆປະເທດຕ່າງແຕ່ໜ້ອຍຫຼືຫຼາຍເທົ່ານັ້ນ, ສ່ວນ ສປປລາວ ຖ້າທຽບໃສ່ຫຼາຍປະເທດ ຖືວ່າມີຄວາມສະຫງົບຫຼາຍ ປຊຊ ສາມາດທຳມາຫາກິນ ເດີນທາງໄດ້ແບບເສລີ ສາມາດຮັບຟັງ ຂໍ້ມູນຂ່າວສານຕຳນິວິຈານໄດ້ທຸກໆຢ່າງ ຄືປະເທດເສລີປະຊາທິປະໄຕ (ແຕກຕ່າງກັບເກົາຫີຼເໜືອ ແລະກຸຍບາ) ບໍ່ໄດ້ຖືກປິດຫູປິດຕາຄືພວກທ່ານເວົ້າ ຍົກເວັ້ນທາງດ້ານການເມືອງທີ່ຜູກຂາດໂດຍພັກດຽວ.

ຕອບ
ໄປຣອດ65 ປທ ແທ້ວະ ສປຈ ວປວນ ກຫລີ ຄີວບາ ບໍໄດ້ໄປບໍ??
ສປປລ ມີຄວາມສະງົບຍ້ອນ ພວກໂຈນເອົາອາຈີ້ຄໍຫອຍອັດປາກພີ່ນ້ອງເຣົາ 7ລ້ານຄົນມາແລ້ວ 36ປິ
ຍອມຣັບໄດ້ແທ້ນໍ?? ຍີ່ງມີຄວາມສະງົບຍີ່ງໂຈນສູມຫັວກັນປົ້ນ ນຳພາ ປທ ເປັນ ປທ ທຸກຍາກທີ່ສຸດໃນໂລກອ່ອນເພັຍຂໍທານເປັນພິການ ອາຍຸເຄີ່ງຄົນແລ້ວຍັງຍ່າງລຸກຂື້ນບໍ່ເປັນ
ສໍ້ໂກງ ແມ່ນແຕ່ ສປຈ ສປປ ວນ ເຂົາຕັດຄໍຄົນພັກແບບບໍ່ຈົ່ງ
ໃນ ສປປລ ເຄີຍເຫັນເທວະດາຍັກໄຫ່ຍຖືກນຳມາຜ່ານຂະບວນການຍຸດຕິທັມ ໂດຍຍົກເອົາກົດຫມາຍວ່າດ້ວຍການສໍ້ຣາຊບັງພັກບໍ??
ສັງຄົມພັກພວກເຊື້ອສາຍວົງຕະກຸນnepotismຮ້າຍແຮງທີ່ສຸດ ບໍ່ເຄີຍມີໃນຍຸກໄດ້ ໃນວົງການຣັຖບານກະຄຶສູນກາງພັກ
ມີແຕ່ລູກພັກຫລານເທີ ໄຊສົມພອນ ນາຍພົນຕຣີສັນຍາລັກ ສັນຕີພາບລູກທ້າວໄກສອນພົມວິຫອຍ ເຫັນແຈ້ງທີ່ສຸດ
ໃນລະບອບເກົ່າ ເຫດການແບບນີ້ບໍ່ມີເກິດໄດ້ຈັກເທື່ອ :ພາະໃນສັງທີ່ໃຫ້ກຽດປຊຊ ມີສິດ ປ້ອບດ່າຜູ້ນຳໄດ້ ມີສື່ ທີ່ ເປັນ ປາກກະບອກໃຫ້ຊາວບ້ານ
ຍາມນີ້ ຍາມໂຈນຄອງເມືອງ ເທວະດາຂ້າຂອມປໍສາມປໍສີ່ ທັງຫລາຍມັນເຮັດໄດ້ສເມີ ແລ້ວຍັງມີຄວາຍມີລີງ ສ້າງແວບໄຊຂື້ນມາປົກປ້ອງແບບຊື້ນສະຕີເລີຍທີ່ດຽວ
ແມ່ຈ້າງ ຢ່າໃຫ້ເວົ້າເຖີງ ເຕັມວຽງຈັນຍັງບໍ່ແລ້ວ ຍັງສົ່ງອອກ ທັ່ວ ປທ ສຍາມ ລ່ວງກາຍເຂົ້າຮອດ ມາເລຊີ
ຢ່າຍອມຕາບອດ ເຊີນມືນຕາເບີ່ງ ກ່ອນ ປິ 75 ສີ່ງນີ້ເກິດຂື້ນໄດ້ບໍ ຍາມສົງຄາມແທ້ໆ
ກາຊິໂນ ເຂດເສຖກິດພີເສດ ແມ່ນຫຍັງ ຍົກເອົາ ປທ ນີ້ ໃຫ້ໂຄດແກວເຈັກສຸ?? ຊ່ວຍຊີ້ແຈງດ້ວຍ
ແຮງງານເຖື່ອນ ເຈັກແກວເຂົ້າມາພັກພວກສຸເອົາກົດຫມາຍວ່າດ້ວຍຄົນເຂົ້າເມືອງໄປບີບຄໍພວກນີ້ໄດ້ບໍ
ບາດລາວນອກຕົນເອງ ຂັດຂວາງ ມີຂໍ້ຜູກມັດ ກາຍເປັນຄວາຍເນຣະຄຸນຈົນໄດ້ ຖ້າບໍ່ມີພວກເຂົາ ໂຄດ ໂຈນລາວແດງສຸຕາຍ ຊີເອົາຕະກຸນ ດລ ທາງໃດ ມາຈ່າຍ ໃນ 25 ສະຖານທູດ ແລະ 6 ກົງສູນໄຫ່ຍ ທັ່ວໂລກ
ແມ່ນກະທັງ ປີ ນີ້ 11 ຍັງຂາດງົປມານຮອດ200ລ້ານ ດລ ທັງທີ່ ສັພຍາກອນປ່າໄມ້ ບໍ່ເງີນບໍ່ຄຳ ຖືກຂຸດຄົ້ນ ມາຈົນຫົມດກ້ຽງແລ້ວ
ເງີນຂາຍໄຟຟ້າໃຫ້ໄທຍ 14 ເຂື່ອນຢູ່ໄສ ??? ຕອບດ້ວຍ



ການທີ່ພວກທ່ານຈະມາປຸກລະດົມໃຫ້ ປຊຊ ລາວ ລຸກຂຶ້ນມາປະທ້ວງຄືປະເທດອາຣັບນັ້ນ ມັນເປັນໄປບໍ່ໄດ້ດອກລຳພັງ ປຊຊ ບໍ່ສາມາດເຮັດໄດ້ແມ້ແຕ່ໃນປະເທດອາຣັບມັນກໍ່ມີຜູ້ນຳ ຝ່າຍຄ້ານທີ່ມີຖານອຳນາດຢູ່ໃນປະເທດເປັນຜູ້ນຳພາບວກໃສ່ການສະໜັບສະໜຸນຂອງພາຍນອກ ຈຶ່ງສຳເລັດ ສະນັ້ນ ການຈະລຸກຮື້ຫຼືບໍ່ແມ່ນ ປຊຊ ລາວ ທີ່ພວກທ່ານເອີ້ນວ່າ ລາວແດງ ຫຼື ລີງ ຫາກຊີ່ເປັນຜູ້ເຮັດ ແຕ່ວ່າທຸກມື້ນີ້ ປຊຊ ລາວ ຍັງມີຄວາມສຸກກັບການຢູ່ໃຕ້ລະບອບການ ປົກຄອງແບບປະຊາທິປະໄຕແບບລາວໆ ຍັງບໍ່ທັນຍາກປ່ຽນລະບອບເທືອ ບໍ່ຍາກມີສົງຄາມ ກາງເມືອງໃຫ້ຄົນລາວຂ້າຄົນລາວຜູ້ໄດ້ຜົນປະໂຫຽດແມ່ນປະເທດມະຫາອຳນາດຄືເກົ່າ ບໍ່ຍາກໃຫ້ປະເທດລາວເປັນແບບ ອັຟການິສຖານ, ອີຣັກ ແລະລີເບຍ. ທາງທີ່ດີມາຊ່ວຍກັນສ້າງສາ ມາຢ້ຽມຢາມເບິ່ງວ່າມັນເປັນຄືພວກເຈົ້າຄິດບໍ່ ລາວແດງບໍ່ຈັບ ພວກເຈົ້າດອກ ຢ່າໄປໂຈມຕີລາວນອກທີ່ມັກທຽວມາບ້ານວ່າເຂົາຢາກເປັນໃຫ່ຍມັນເປັນໄປ ບໍ່ໄດ້ດອກເຂົາເຈົ້າມາດີ ມາຊອກຫາຄ້າຂາຍ, ມາໃຫ້ການຊ່ວຍເຫຼືອຊາວລາວຜູ້ຍັງທຸກຍາກ ມັນກໍ່ດີກ່ວາການເວົ້າໂຈມ ຕີປະເທດຕົນເອງຄືພວກເຈົ້າ. ພວກຄົນລຸ້ນເກົ່າທີ່ພວກເຈົ້າ ປະນາມວ່າເປັນຂ້າ ປ3, ແມ້ວປ4 ແລະອື່ນໆເຂົາເຈົ້າກໍ່ພັກຜ່ອນບຳນານຫຼືຕາຍໄປ ເກືອບໝົດແລ້ວ ສ່ວນພວກທີ່ບໍລິຫານບ້ານເມືອງໃນປະຈຸບັນ 90%ແມ່ນຄົນລຸ້ນໃໝ່ ແລະກໍ່ແມ່ນລູກຫຼານພວກເຈົ້າຄືກັນນັ້ນແລ້ວ.

ຕອບ
ປະທານ ປທ ນາຍຍົກ ຄົນທີ່ຫົກ ຈົບມາຈາກ ໄສ ຈົບປໍສາມຈາກຖ້ຳຊຳເຫນຶອບໍ່ ?? ຫລຶຈັບແຕ່ປຶນຂ້າລາວຕົນເອງ
ປຊທປຕ ແບບລາວຄື ປຊທປຕ ຜດກ ແບບໂຈນ ບໍ່ຍອມຮັບຟັງຄົນສ່ວນໄຫ່ຍຂອງ ປທ ທີ່ເປັນເຈົ້າຂອງ ທັງ ປທ ບໍ່ມີຝ່າຍຄ້ານຍັງບໍ່ແລ້ວ ທີ່ໂລກ ນອກ ຍັງເວີ່ນເສຶອກໄປ ຄູມຫົທດ ໂຄດຊັ່ວ ໂຈນຜິຫ່າຊາຕານນີ້ ມັນຕ້ອງການໃຫ້ ລາວທັງໂລກເປັນຄວາຍ ອັດປາກບໍ່ຍອມໃຫ້ພວກເຂົາ ເອົາຄວາມເປັນໂຈນປົ້ນຊາດເຄີ່ງ ສຕວ ມາ ສາບແຊ່ງປ້ອຍດ່າມັນໄດ້
ຍີ່ງສີ່ງນີ້ ບໍ່ມີຂື້ນໄດ້ໃນສັງຄົມບ້ານເຮົາ ຍີ່ງຂ້າອັຕປິ (ປທປທ)ຂອມເຫນຶອ(ນຍ) ມັນຍົກ ປທ ນີ້ ໃຫ້ເຈັກໃຫ້ແກວ ໂດຍ ເຮັດໄປຕາມອຳເພີໄຈຂອງພວກມັນເອງ

ຕອບຕື່ມໃຫ້ແດ່ເດີ

Anonymous wrote:

---

ຂ້ອຍບໍ່ຈັກຊີ່ຕອບຫັຍງເຈົ້າໄດ້ອີກເພາະເວົ້າໄປເຈົ້າກໍ່ບໍ່ຍອມຮັບຄວາມຈິງດອກເພາະຄວາມອາຄາດບາດໝາງ ອິດສາລິດສະຫຍາ ຈົນປິດຫູປິດຕາເຈົ້າໝົດແລ້ວ ດູຖູກແຕ່ຜູ້ອື່ນວ່າບໍ່ມີການສຶກສາແຕ່ຊາອ່ານຂໍ້ຄວາມເຈົ້າຂຽນແລ້ວເປັນຍິ່ງກ່ວາ ມີວິທີດຽວທີ່ຢາກແນະນຳໃຫ້ເຈົ້າສາມາດແກ້ແຄ້ນ ແລະທວງຖາມຄຳຕອບໄດ້ໂດຍກົງຄືນຳໄປຫາ ທ່ານ ໄກສອນ, ສຸພານຸວົງ, ໜູຮັກ ແລະຜູ້ນຳອື່ນໆ ຂ້ຽວໄປໄວໆເພິ່ນລໍຖ້າເຈົ້າຢູ່ຮັບປະກັນວ່າບໍ່ຜິດຫັວງ

---

 ເຈົ້າຊິໄປຊາເພິ່ນເຮັດຫຍັງຜູ້ເຖົ່າ  ມັນເປັນປົກກະຕິຂອງຄົນແກ້ເວົ້າແຕ່ເລື່ອງອາດີດ ເພິ່ນບໍ່ເວົ້າການເມືອງເພິ່ນກໍ່ເວົ້າຂັວນລູກຂັວນຫຼາຍ

ລາວທັງໂລກ ຂໍຊົມເຊີຍແນວຄິດຊາດນິຍົມຂອງທ່ານ­ໄຕໄຫ່ຍຈາກ ລານນາລາວ ທີ່ສົ່ງຄວາມຄິດເຫັນຊາດ ມີປະໂຍດໃນການລຸກຂຶ້ນຕໍ່ຕ້ານ ຜດກ ໂຈນ500ລາວແດງນີ້ຢ່າງບອກບໍ່ໄດ້

ມີເວລາຈົ່ງໄຂຕູ້ເງີນຕູ້ຄຳຂອງທ່າ­ນ ມາແນະນຳພວກຊີ້ນສະຕີ ລາວລີງນອກ ປທ ດ້ວຍ

Thanks

ປານໃດຊີເອົາບັກສົບເວີຂເມນຫ້ນາແຫ້ລຄຳຕາຍ860ລ້ານດອນ ບັກຂ້າຈູມມາລິ ບັກ ນາຍພົນສິສຫວາດ ຄຳອ້ວຍ ທອງສີງ ໄຊສົມພອນ ມາຕັດຄໍ ທີ່ ສານໂລກ ເມືອງໂຮແລນ ໃນຖານະ ຄາຕກອນໂລກຂ້າລາວເສຣິ ຫລັງປົດປ່ອຍ ປິ 75 ກ່ວາ 2ແສນຄົນ?



FORMER YUGOSLAV ARMY CHIEF CONVICTED BY UN TRIBUNAL FOR WAR CRIMES
New York, Sep 6 2011 12:05PM


The United Nations tribunal set up to prosecute the most serious offences committed during the Balkan conflicts of the 1990s today convicted Momcilo Perišic for crimes against humanity and war crimes and sentenced the former chief of staff of the Yugoslav Army to 27 years in prison.

Mr. Perišic was found guilty by the International Criminal Tribunal for the former Yugoslavia (ICTY) of aiding and abetting murders, inhumane acts, persecutions on political, racial or religious grounds, and attacks on civilians in Sarajevo and Srebrenica.

At the same time, he was acquitted of charges of aiding and abetting extermination as a crime against humanity in Srebrenica, where more than 7,000 Bosnian Muslim men and boys were summarily executed in July 1995, and of command responsibility in relation to crimes in Sarajevo and Srebrenica.

In the judgment – the first handed down by the tribunal in a case against an official of the Federal Republic of Yugoslavia – Mr. Perišic was also found guilty of failing to punish his subordinates for their crimes of murder, attacks on civilians and injuring and wounding civilians during the rocket attacks on Zagreb in May 1995.

The tribunal’s trial chamber found that Mr. Perišic, among other actions, oversaw the Yugoslav Army’s provision of extensive assistance to the Army of Republika Srpska (VRS) in Bosnia and Herzegovina and the Army of Serbian Krajina (SVK) in Croatia, including infantry and artillery ammunition, fuel, spare parts, training and technical assistance.

Such assistance “became more centralized, structured and coordinated during General Perišic’s tenure,” the presiding judge, Bakone Justice Moloto, said as he read the judgment.

The tribunal, which is based in The Hague, heard from more than 100 witnesses during Mr. Perišic’s trial, which began in October 2008 and concluded in March this year.

Since its establishment, the tribunal has indicted 161 persons for serious violations of international humanitarian law committed on the territory of the former Yugoslavia between 1991 and 2001. Proceedings have been concluded against 126 accused and are currently ongoing for 35 others.


อดีตหัวหน้ายูโกสลาเวีย ARMY ตัดสินโดยศาลของสหประชาชาติได้กระทำอาชญากรรมสงคราม
New York, 6 กันยายน 2011 12:05

แห่งสหประชาชาติกำหนดขึ้นศาลในการดำเนินคดีความผิดที่ร้ายแรงที่สุดความมุ่งมั่นในช่วงความขัดแย้งทางผลบอลข่านของปี 1990 วันนี้ตัดสิน Momcilo Perišic สำหรับก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามและพิพากษาหัวหน้าอดีตพนักงานของยูโกสลาเวียกองทัพบกถึง 27 ปีในคุก

นาย Perišic พบผู้กระทำผิดโดยศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) ของการช่วยงานและ abetting murders, การกระทำที่ไร้มนุษยธรรม, ข่มเหงทางการเมืองบนพื้นฐานเชื้อชาติหรือศาสนาและโจมตีพลเรือนในซาราเยโวและ Srebrenica

ในขณะเดียวกันเขาได้พ้นผิดจากค่าใช้จ่ายของการช่วยงานและ abetting ถอนรากถอนโคนเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติใน Srebrenica ที่มากกว่า 7,000 ชายชาวมุสลิมบอสเนียและเด็กชายถูกประหารชีวิตอย่างรวบรัดในเดือนกรกฎาคมปี 1995 และความรับผิดชอบของคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมในซาราเยโวและ Srebrenica

ในการตัดสิน -- แรกมือลงจากศาลในกรณีที่ต่อต้านอย่างเป็นทางการของสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย -- นาย Perišic ยังพบความผิดของความล้มเหลวที่จะลงโทษผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาสำหรับความผิดของการฆาตกรรมของพวกเขาโจมตีพลเรือนและบาดเจ็บและบาดเจ็บพลเรือนในระหว่างการโจมตีจรวดในซาเกร็บพฤษภาคม 1995

ห้องทดลองคณะอนุญาโตตุลาการที่พบว่านาย Perišic หมู่การกระทำอื่น ๆ , ดูแลการให้ยูโกสลาเวียของกองทัพบกของความช่วยเหลือที่ครอบคลุมเพื่อกองทัพของ Republika Srpska (VRS) ในบอสเนียและเฮอร์เซโกและกองทัพของเซอร์เบีย Krajina (SVK) ในโครเอเชียรวมทั้งทหารราบและ กระสุนปืนใหญ่, น้ำมัน, อะไหล่, การฝึกอบรมและความช่วยเหลือด้านเทคนิค

ความช่วยเหลือดังกล่าว"กลายเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างและการประสานงานในระหว่างดำรงตำแหน่งทั่วไป Perišic ของ"เป็นประธานตัดสิน Bakone Moloto ยุติธรรมกล่าวว่าในขณะที่เขาอ่านคำพิพากษา

ศาลซึ่งจะขึ้นอยู่ในกรุงเฮก, ได้ยินจากกว่า 100 พยานในระหว่างการทดลองของนาย Perišic ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2008 และได้ข้อสรุปในเดือนมีนาคมปีนี้

นับตั้งแต่ก่อตั้งคณะอนุญาโตตุลาการได้มีการฟ้อง 161 คนสำหรับการละเมิดอย่างรุนแรงของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่มุ่งมั่นในอาณาเขตของอดีตยูโกสลาเวียระหว่างปี 1991 และ 2001 การดำเนินการได้ข้อสรุปต่อ 126 และจำเลยอยู่ในขณะนี้อย่างต่อเนื่องสำหรับ 35 คนอื่น ๆ


YOUGOSLAVE chef de l'armée condamné par tribunal de l'ONU POUR CRIMES DE GUERRE
New York, le 6 septembre 2011 24:05

Le Tribunal des Nations Unies mis en place pour poursuivre les infractions les plus graves commis durant les conflits des Balkans dans les années 1990 aujourd'hui condamné Momcilo Perisic pour crimes contre l'humanité et crimes de guerre et condamné l'ancien chef de cabinet de l'armée yougoslave à 27 ans de prison.

M. Perisic a été trouvé coupable par le Tribunal pénal international pour l'ex-Yougoslavie (TPIY) de complicité de meurtres, d'actes inhumains, les persécutions pour des motifs politiques, raciaux ou religieux, et les attaques sur les civils de Sarajevo et Srebrenica.

Dans le même temps, il a été acquitté des accusations de complicité d'extermination comme crime contre l'humanité commis à Srebrenica, où plus de 7000 hommes musulmans de Bosnie et les garçons ont été exécutés sommairement en Juillet 1995, et la responsabilité du commandement en matière de crimes de Sarajevo et Srebrenica.

Dans le jugement - le premier rendu par le tribunal dans une affaire contre un fonctionnaire de la République fédérale de Yougoslavie - M. Perisic a également été trouvé coupable d'avoir omis de punir ses subordonnés pour leurs crimes de assassiner, les attaques sur les civils et en blessant et en blessant civils lors des attaques de roquettes sur Zagreb en mai 1995.

Chambre de première instance du tribunal a jugé que M. Perisic, entre autres actions, a supervisé la fourniture de l'armée yougoslave d'assistance étendus pour l'armée de la Republika Srpska (VRS) en Bosnie-Herzégovine et de l'Armée serbe de Krajina (SVK) en Croatie, dont l'infanterie et munitions d'artillerie, carburant, pièces détachées, formation et assistance technique.

Une telle assistance "est devenu plus centralisé, structuré et coordonné durant le mandat du général Perisic,« le juge qui préside, Bakone Justice Moloto, a dit lorsqu'il a lu le jugement.

Le tribunal, qui est basé à La Haye, a entendu plus de 100 témoins durant le procès de M. Perisic, qui a débuté en Octobre 2008 et a conclu en Mars de cette année.

Depuis sa création, le tribunal a inculpé 161 personnes pour violations graves du droit international humanitaire commises sur le territoire de l'ex-Yougoslavie entre 1991 et 2001. Des poursuites ont été conclu contre 126 accusés et sont actuellement en cours pour 35 autres.

Blacksaphire is probably right...it is the same plan as the remains of Vietnam soldiers
that they claimed dyeing in laos during the war...

ແຜນ ການທີ່ເຂົາບອກວ່າ ໄດ້ມີທະຫານວຽດນາມມາຕາຍ ໃນລາວນັ້ນມີສ່ວນນັ້ອຍ...ຍົກຕົວຢ່າງທີ່ແກວ
ໄດ້ສ້າງ ສຸສານໄວ້ ທີ່ ຕໍ່ຫນ້າບ້ານ ລາດຮ່ວງ ເຂຕຊຽງຂວາງທີ່ ຂພຈ ໄດ້ເຫັນ ນັ້ນ ແຕ່ລະຫລຸມ ບໍ່ໄດ້ມີຊາກ
ສົພເລີຽ ພຽງແຕ່ ເອົາ ກ້ອນດິນຈີ່ ທາສີຂາວ ໄປປັກໃວ້ ຕັ້ງ 6000 ຫລຸມ ແລະບໍ່ໄດ້ຂຽນຊື່ໃຜອີກ.....

ກໍລະນີ ເຂົາວ່າຂາດ ຄູສອນນັ້ນ ທີ່ຈິງແລ້ວ ເຂົາບໍ່ໄດ້ມີຊໍ້ານາ...ເພາະຕັ້ງແຕ່ ເຂົາປົກຄອງປີ ທໍາອິດພຸ້ນ ພວກ
ບັນດາຄູເກົ່າໆທີ່ ມີມາແຕ່ກ່ອນນັ້ນ ເຂົາກໍລາອອກໄປເຮັດນາຫມົດແລ້ວ ຫລືປະກອບອາຊີພອື່ນໄປຫມົດ...
ເພາະ ເຂົາບໍ່ໄດ້ເງິນເດືອນ...ຈະມີສມັກເຂົ້າໃຫມ່ ກໍ່ບໍ່ພໍເທົ່າໃດຊໍ້າ...ເຂົາບໍ່ປະກາດວ່າ ຂາດຄູ ເຮົາກໍ່ຮູ້ແລ້ວວ່າ
ບໍ່ໄດ້ມີຄູມາຕັ້ງແຕ່ປະກາດຕັ້ງ ສປປລ ພຸ້ນ....ທ່ານ ແກ້ວດໍາ ເວົ້າຖືກແລ້ວ....


From: black saphire
To: laosnetworkroom@googlegroups.com
Sent: Tuesday, September 6, 2011 7:23 AM
Subject: RE: ລາວປະເຊີນກັບບັນຫາ ຂາດແຄນຄູຫຼາຍຂຶ້ນ ໃນເຂດຊົນນະບົດ


ใน สสป ลาว เขาบอกว่าขาดครูสอนนักเรีนลาว นั้นไม่ไช่ความจริงความเป็นจริงแล้วเขาต้องการครูสอนเป็นคนเวียตนามมาแทนและมาสอนภาษาเวียตนาม
แทนภาษาลาวต่างหาก เพราะประเทศลาวปัจจุบันนี้เป็นของคนเวียตนามแล้วนับตั้งแต่1975เป็นต้นมา ขอไห้คนลาวที่อยังมืดบอดทางสมองจงไ้ด้เข้าใจตามนี้
ด้วย เช่นเีดียวกับลาวตะวันตก(ไทอิสาน)ลาวเหนือล้านนา(ลาวเชียงไหม่)เมือไทยสยามยึดครองจาก"ลาวล้านช้าง"ได้แล้วเขาห้ามไม่ไห้มีครูสอนภาษาลาว และห้ามพูดภาษาลาวในสถานที่ราชการ,โรงเรียนเด็จขาด ฝ่าฝืนทำโทษ,ปรับไหม เพราะประเทศลาวได้ตกเป็็นของเขาไปแล้ว ในปัจจุบันนี้ สปป ลาว ก็ไม่
แตกต่างกับลาวล้านช้างภาคกลางตะวันตก เป็นประเทศข้าทาสของไทยสยาม และของเวียตนาม เพราะคนลาวอ่อนแอ,แตกแยก,ไม่แตกต่างกับ"สามก๊ก"
ในหนังสือนิยายของจีน ในโบราณ ถ้าหากว่าคนลาวทังหมดใน และ นอกอยังไม่รวมกันอีก ก็ไม่แตกต่างกับ ลาวตะวันตก อยู่กับ ประเทศไทย และ ลาวตะวัน
ออกยู่กับเวียตนาม และ จีน. ขอไห้นักวิชาการระดับสงของลาวนอก-ลาวใน พิจาระนาข้าพเจ้าไห้ความคิดเห็นนี้ถูก หรือ ผิด!!! เตือนดวยความหวังดีต่อลาว


Date: Tue, 6 Sep 2011 22:01:37 +1000
Subject: ລາວປະເຊີນກັບບັນຫາ ຂາດແຄນຄູຫຼາຍຂຶ້ນ ໃນເຂດຊົນນະບົດ
From: bounkhong.laosnetwork@gmail.com
To: laosnetworkroom@googlegroups.com


Advertising:
Attn: Lao medalists:
Please be volunteers to teach children at country side schools in Laos.
09-05-2011
ລາວປະເຊີນກັບບັນຫາ ຂາດແຄນຄູຫຼາຍຂຶ້ນ ໃນເຂດຊົນນະບົດ
ລັດຖະມົນຕີລາວຍອມຮັບວ່າ ໂຮງຮຽນໃນເຂດຊົນນະບົດ ຍັງຕ້ອງປະເຊີນກັບບັນຫາຂາດ ແຄນຄູຫຼາຍຂຶ້ນ ສ່ວນໂຮງຮຽນຢູ່ໃນເຂດຕົວເມືອງນັ້ນ ກັບມີຈໍານວນຄູເກີນກວ່າ​ລະດັບ ຄວາມຕ້ອງການທີ່ເປັນຈິງ.
ລາຍງານໂດຍ ຊົງຣິດ ໂພນເງິນ | ບາງກອກ

ຮູບຈາກ: Songrit Pongern ກອງປະຊຸມດ້ານການພັດທະນາການສຶກສາ ທີ່ຈັດຂຶ້ນໃນກາງເດືອນ ມິຖຸນາ, 2011 ທີ່ຈັດຂຶ້ນໃນນະຄອນຫລວງວຽງຈັນ, ລາວ




ທ່ານ ລີຕູ ບົວປາວ, ລັດຖະມົນຕີຊ່ວຍວ່າການກະຊວງສຶກສາທິການ ແລະກິລາຖະແຫຼງ
ຍອມຮັບວ່າ ສົກຮຽນປະຈໍາປີ 2011-2012 ທີ່ໄດ້ເລີ່ມຂຶ້ນຢ່າງເປັນທາງການໃນວັນທີ 1
ກັນຍານີ້ ກໍຍັງປະກົດວ່າ ໂຮງຮຽນທີ່ຢູ່ໃນເຂດຊົນນະບົດຂອງລາວນັ້ນ ຍັງຄົງຕ້ອງປະ
ເຊີນໜ້າກັບບັນຫາຂາດແຄນບຸກຄະລາກອນຄູ ຕໍ່ໄປ ເຖິງແມ່ນວ່າລັດຖະບານລາວຈະ
ອະນຸມັດໃຫ້ເພີ່ມຈໍານວນຄູໄດ້ເຖິງ 9,600 ຄົນກໍຕາມ ຫາກແຕ່ກໍມີຄູພຽງສ່ວນໜ້ອຍ
ທີ່ໄດ້ສະໝັກໃຈປະຈໍາຢູ່ໂຮງຮຽນໃນເຂດຊົນນະບົດ.

Songrit Pongern
ສະພາບການດໍາລົງຊີວິດທີ່ຫຍຸ້ງຍາກໃນເຂດຊົນນະບົດຂອງລາວ ທີ່ຜູ້ຄົນສ່ວນໃຫຍ່ແມ່ນທຸກຍາກສາເຫດທີ່ຄູສ່ວນໃຫຍ່ບໍ່ຢາກໄປປະຈໍາຢູ່ໂຮງຮຽນໃນເຂດ
ຊົນນະບົດນັ້ນກໍເພາະວ່າ ບໍ່ຢາກໃຊ້ຊີວິດຢ່າງລໍາບາກ
ແລະ ທີ່ສໍາຄັນອີກປະການນຶ່ງກໍຄື ຄູໃນເຂດຊົນນະບົດ
ຍັງໄດ້ຮັບເງິນເດືອນບໍ່ຕົງຕາມກໍານົດເວລາອີກດ້ວຍ.
ໃນຂະນະທີ່ຄູໃນເຂດຕົວເມືອງນັ້ນ ມີທັງຄວາມສະດວກ
ສະບາຍໃນການໃຊ້ຊີວິດ ແລະໄດ້ຮັບເງິນເດືອນຕາມກໍາ
ນົດເວລາໂດຍຜ່ານລະບົບທະນາຄານອີກດ້ວຍ. ດ້ວຍສະ
ພາບການທີ່ເປັນຢູ່ນີ້ ຈຶ່ງເຮັດໃຫ້ເຂດຕົວເມືອງມີຈໍານວນ
ຄູເກີນລະດັບຄວາມຕ້ອງການ, ໃນຂະນະທີ່ຄູແຕ່ລະຄົນ
ທີ່ຢູ່ເຂດຊົນະບົດນັ້ນ ກັບຕ້ອງຮັບພາລະໃນການສອນນັກຮຽນເຖິງ 70 ຄົນ ຫຼື 2 ຫ້ອງ ຮຽນເປັນຢ່າງໜ້ອຍ.
ທັງນີ້ ໃນປັດຈຸບັນຢູ່ທົ່ວປະເທດລາວ ມີຈຳນວນຄູທັງໝົດຫຼາຍກ່ວາ 63,000 ຄົນ ເຊິ່ງ
ໃນນີ້ກໍມີຢູ່ປະມານ 37,000 ຄົນ ທີ່ເປັນຄູໃນໂຮງຮຽນຂອງລັດຖະບານ. ສ່ວນທີ່ເຫຼືອ
ກໍເປັນຄູຕາມສະຖານສຶກສາຂອງພາກເອກະຊົນ ໂດຍສ່ວນໃຫຍ່ກໍຄືບັນດາຄູ ທີ່ບໍ່ຍອມ