ຢ່າລືມ ເປີດຖ້ຳ ໄກສອນ ກັບຖ້ຳ ສຸພານຸວົງ ນຳແດ່

ໃຫ້ສາວຫວຽດນາມ ມາເຕັ້ນ ຮູດເສົາ ໃຫ້ເບີ່ງ

ແລ້ວເອີ້ນ ພວກເຖົ້າ ລາວລີງ ຢູ່ຕ່າງປະເທດ ໄປເບີ່ງນຳເດີ້.....!

ສຸດຍອດ ຄວາມຄິດສ້າງສັນ ຂອງຜູ້ນໍາ ທີ່ໃຫ້ເກີດປະໂຫຍດສູງສຸດ ຂອງຜູ້ອະນຸມັດ..

.ໃນສະຫມອງ ກັບປັນຍາ ຄິດໄດ້ພຽງນີ້ຕິ ຈັກຫນ່ອຍກະເອົາ ເມຍ ກັບລູກສາວໄປເປັນສາວຂາຍ..ຫ...

.ໃຫ້ຫວຽດຢູ່ຫັ້ນລະ ເຊື່ອໂລດ ເພາະມັນຫມົດແນວຊິອະນຸມັດແລ້ວເດ...

ໃສ່ຊຸດໄຫມລາວ ເຕັ້ນຮູດເສົາ

ຊຸດໄຫມງາມໆຂອງລາວພວກເຮົາ ຢ່າເອົາໄປເຮັດແບບນີ້

ນັບມື້ນັບເຊື່ອມໂຊມຂື້ນທຸກມື້

Anonymous wrote:

---

ໃສ່ຊຸດໄຫມລາວ ເຕັ້ນຮູດເສົາ

ຊຸດໄຫມງາມໆຂອງລາວພວກເຮົາ ຢ່າເອົາໄປເຮັດແບບນີ້

ນັບມື້ນັບເຊື່ອມໂຊມຂື້ນທຸກມື້

---

 ນ້ຳຊິເກີດຖ້ວມຟ້າ ປາຊິແລ່ນກິນດາວ ບາດນີ້ແຫຼະ.............

ຢາກໄດ້ເງິນແຮງ. ຂາຍວັດທະນະທຳ. ຂາຍທຳນຽມ. ຂາຍຮີດຄອງປະເພນີ

ຂາຍເອກະລັກອັນດີງາມຂອງຊາດ ໄດ້ປານນີ້ພຸ້ນຫວາ............

ພວກເຈົົ້າຄືບໍ່ພາກັນໄປ ເຕັ້ນຮູດເສົາ ເຮືອນ ຈຸມມະລີ/ທອງສິງແດ່

Anonymous wrote:

---

ພວກເຈົົ້າຄືບໍ່ພາກັນໄປ ເຕັ້ນຮູດເສົາ ເຮືອນ ຈຸມມະລີ/ທອງສິງແດ່

Very Good Comment

---

ໂຄງການສຳປະທານໂຮງແຮມເລກ 1 ເມືອງວຽງໄຊ
ນີ້ແມ່ນຂໍ້ມູນຫລ້າສຸດທີ່ມີການເປີດເຜີຍຈາກແຂວງຫົວພັນເມື່ອເວລາ18:00 ໂມງຂອງວັນທີ 25 ສິງຫານີ້ວ່າ:ໂຮງແຮມເລກ 1 ຢູ່ເມືອງວຽງໄຊ ແຂວງຫົວພັນ ເປັນໂຮງແຮມທີ່ເກົ່າແກ່ຊຸດໂຊມມາຫລາຍສິບປີ. ສະນັ້ນ ມາຮອດປີ 2011 ພາກລັດຈຶ່ງໄດ້ຈັດຫາຜູ້ມາສຳປະທານ ເພື່ອປັບປຸງສ້ອມແປງ ແລະ ດຳເນີນທຸລະກິດຕາມລະບຽບກົດໝາຍ ເຊິ່ງບໍລິສັດຮວ້າງຟຸກ ລ້າງເຊີນ ສສ ຫວຽດນາມ ໄດ້ຮັບການສຳປະທານເປັນໄລຍະເວລາ 50 ປີ. ຜ່ານການດຳເນີນທຸລະກິດໂຮງແຮມເປັນໄລຍະເວລາ 2 ປີກວ່າຜ່ານມາ ນັບແຕ່ປີ 2012 ມາເຖິງປັດຈຸບັນ ຜູ້ສຳປະທານໄດ້ສືບຕໍ່ຂະຫຍາຍກິດຈະການຕື່ມ ເປັນຕົ້ນແມ່ນໄດ້ປັບປຸງເຂດພັກຜ່ອນຢູ່ດ້ານຫລັງຂອງໂຮງແຮມເຊັ່ນ: ເຂດໜອງນ້ຳບ່ອນພັກຜ່ອນ, ເຂດເວທີກາງແຈ້ງ ເພື່ອຮອງຮັບງານລ້ຽງ, ການແຕ່ງດອງ ແລະ ເຂດຖ້ຳຢູ່ດ້ານຫລັງທີ່ຢູ່ໃນຂອບເຂດຂອງໂຮງແຮມເປັນຮ້ານກາເຟ ແລະ ບ່ອນຟັງເພງ-ຮ້ອງເພງ ເປັນມູນຄ່າການລົງທຶນທັງໝົດ 1 ລ້ານ 6 ແສນກວ່າໂດລາ ເພື່ອກະກຽມຮອງຮັບແຂກພາຍໃນ ແລະ ຕ່າງປະເທດໃນອະນາຄົດ, ພ້ອມທັງໄດ້ເປີດນຳໃຊ້ບັນດາກິດຈະການຂ້າງເທິງໃນມື້ວັນທີ 21/8/2015 ຢ່າງເປັນທາງການ ແລະ ກໍໄດ້ມີແຂກພາກສ່ວນລັດ, ເອກະຊົນ, ແຂກພາຍໃນ ແລະ ຕ່າງປະເທດເຂົ້າຮ່ວມ ໂດຍສະເພາະແມ່ນແຂກທີ່ມາຈາກຫວຽດນາມ ແລະ ກໍໄດ້ມີການສະແດງສິລະປະ, ຟ້ອນລຳວົງ, ຮ້ອງເພງ-ຟັງເພງ ແລະ ໃນຂະນະດຽວກັນນີ້ ຢູ່ພາຍໃນຖ້ຳກໍໄດ້ມີແຂກຂອງບໍລິສັດຜູ້ລົງທຶນຈຳນວນໜຶ່ງຂຶ້ນໄປເຕັ້ນລຳຢູ່ໃນສະຖານທີ່ຖ້ຳດັ່ງກ່າວ ເຊິ່ງເຫັນວ່າບໍ່ຖືກຕ້ອງຕາມການອະນຸຍາດຂອງພາກສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງ. ຕໍ່ບັນຫານີ້ ພະແນກຖະແຫລງຂ່າວ, ວັດທະນະທຳ ແລະ ທ່ອງທ່ຽວແຂວງ ແລະ ເມືອງວຽງໄຊ ກໍໄດ້ແນະນຳໃຫ້ປັບປຸງແກ້ໄຂສິ່ງທີ່ບໍ່ຖືກຕ້ອງ ແລະ ສັ່ງໃຫ້ຢຸດເຊົາພຶດຕິກຳດັ່ງກ່າວໄປແລ້ວ.

               23สิงหาคม 2518 เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ลาวใหม่ เนื่องจากเป็นวันที่มวลมหาประชาชนทั่วแดนจำปาลุกฮือ “ยึดอำนาจ” ภายใต้การชี้นำพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 40 ปีผ่านไป ได้มีการเฉลิมฉลองเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

               ในขณะเดียวกัน สื่อสังคมออนไลน์ชาวลาว กลับฮือฮาด้วยภาพการเปิด “ผับเธคโคโยตี้” ภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน และทันทีที่แฟนเพจ โทละโข่ง (THOLAKHOG) นำมาเผยแพร่ ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวลาว

               วันต่อมา เพจโทละโข่งขึ้นสเตตัส “สังคมลาวรับบ่ได้กับการอนุญาตให้นักธุรกิจเวียดนามเปิดเธคโคโยตี้ที่เขตฐาน ที่มั่นเวียงไซ” พร้อมภาพสาวโคโยตี้นุ่งน้อยหุ่มน้อย “เต้นรูดเสา” อยู่กลางฟลอร์ เสมือนจุดไฟในใจชาวลาวให้โกรธแค้นนักธุรกิจชาวเวียดนามที่ย่ำยี “บ้านเกิด” ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)

               จริงๆ แล้ว จุดเริ่มต้นของการตีแผ่เรื่องอื้อฉาวที่ว่านี้ มาจากแฟนเพจ "หัวพันวันนี้” (Houaphantoday) ได้โพสต์ภาพ “เธคโคโยตี้” ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2558 โดยผู้ใช้นาม "คนฮักบ้านเกิด" ได้ตั้งคำถามว่า "ท่านคิดอย่างไร เกี่ยวกับนักธุรกิจเวียดนาม มาเปิดสถานบันเทิงในถ้ำแห่งหนึ่งที่เมืองเวียงไซ"

               ผ่านไปสองวัน แผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม แขวงหัวพัน และอำนาจปกครองเมืองเวียงไซ ได้ชี้แจงว่า เมื่อปี 2556 ทางการได้ให้สัมปทานแก่บริษัทฮว่างฟุก จากเวียดนาม เข้ามาบริหาร “โรงแรมเลข 1” ที่เก่าแก่ทรุดโทรม เป็นเวลา 50 ปี พร้อมกันนั้น ทางผู้บริหารใหม่ได้ดัดแปลง “ถ้ำ” ด้านหลังโรงแรมเป็นสถานบันเทิงในลักษณะ “ผับเธค” ที่มีสาวเวียดนามมาเต้นโคโยตี้ หรือ “เต้นรูดเสา”

               เนื่องในการฉลองวันยึดอำนาจ 23 สิงหา บริษัทฮว่างฟุก ผู้ได้สัมปทานบริหารโรงแรมเลข 1 ได้มีการจัดงาน "กินพาข้าวสามัคคี” โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชนมาร่วมงาน โดยตอนดึกคืนนั้น ก็มีโชว์เต้นรูดเสาจากสาวเวียดนาม

               พลันที่ภาพสาวเต้นรูดเสาภายในถ้ำ เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ ก็มีปฏิกิริยาเชิงลบต่อการเปิดสถานบันเทิงของชาวเวียดนามในเขตที่มั่นเมือง เวียงไซ ราวไฟลามทุ่ง

               ดังที่ทราบกัน "เมืองเวียงไซ” คือบ้านเกิดของ สปป.ลาว เพราะช่วงการต่อสู้กู้ชาติกู้แผ่นดินอันยาวนาน ดินแดนภูดอยแห่งนี้ เป็นฐานที่มั่นของ “แนวลาวฮักชาติ” และ “กองทัพประชาชนลาว”

               เนื่องจากภูมิประเทศเมืองเวียงไซ มีถ้ำกว่า 400 แห่ง จึงกลายเป็นยุทธภูมิอันสำคัญในการดำเนินสงครามประชาชน โดยถ้ำเหล่านี้ถูกดัดแปลงเป็น “แหล่งหลบซ่อน” ของทหารกู้ชาติในระยะแรก และเมื่อมีการประกาศให้แขวงหัวพัน เป็นฐานที่มั่น และที่ตั้ง “รัฐบาลแนวลาวฮักชาติ” ถ้ำหลายแห่งจึงกลายเป็น “สถานที่ทำงาน” ของนักปฏิวัติลาว

               อันประกอบด้วย ถ้ำศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ถ้ำโรงหมอทหาร ถ้ำรับแขก ถ้ำนำเข้าส่งออก ถ้ำวิทยุ ถ้ำไปรษณีย์ ถ้ำกสิกรรม ถ้ำตำรวจ ถ้ำการเงิน ถ้ำธนาคาร ถ้ำโรงพิมพ์ ฯลฯ

               หลังการปลดปล่อยใหม่ๆ พรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้ใช้เมืองเวียงไซเป็นสถานที่ดัดแปลงโลกทัศน์ของข้า ราชการสมัยรัฐบาลราชอาณาจักรลาว ให้เป็น “คนใหม่” ในระบอบสังคมนิยม ซึ่งกลุ่มลาวฝ่ายขวาเรียกว่า เป็นการล้างสมอง

               เมื่อ สปป.ลาว เปิดประเทศ แขวงหัวพัน จึงปรับภูมิทัศน์เขตฐานที่มั่นเวียงไซ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ พร้อมกับเชิญชวนให้คนมาท่องเที่ยวและศึกษาประวัติการต่อสู้ของประชาชนลาวใน อดีต

               อนึ่ง แขวงหัวพัน เป็นแขวงที่ตั้งอยู่ภาคเหนือ ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ ประมาณ 650 กิโลเมตร มีพรมแดนติดกับเวียดนาม ภูมิประเทศเป็นภูดอย การเดินทางจากเวียงจันทน์ไปหัวพันโดยทางรถยนต์จึงยากลำบาก

               เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว แขวงหัวพัน พยายามโปรโมทการท่องเที่ยวเมืองเวียงไซ โดยชูคำขวัญ “กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด สปป.ลาว” แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมของคนลาว เพราะไปมาลำบาก แถมเครื่องอำนวยความสะดวกยังมีข้อจำกัด ชาวต่างประเทศยังเดินทางไปเที่ยวน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างเมืองวังเวียง

               ด้วยเหตุนี้ทางการแขวงหัวพัน จึงให้สัมปทานโรงแรมเลข 1 แก่นักธุรกิจชาวเวียดนาม โดยหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวเวียดนามให้เข้ามาที่แขวงหัวพัน เนื่องจากการเดินทางจากด่านพรมแดนเมืองสบเบา เข้ามาถึงเมืองเวียงไซ มีการตัดถนนลาดยางอย่างดี

               มีข้อสังเกตว่า เหตุที่คนลาวมีปฏิกิริยาไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อ “เธคโคโยตี้” ในถ้ำเมืองเวียงไซ เพราะระยะหลังนี้ นักธุรกิจชาวเวียดนามได้มาเปิดสถานบริการในนครหลวงเวียงจันทน์ และหัวเมืองใหญ่ๆ และมีการขายบริการทางเพศ ก่อให้เกิดปัญหาภัยสังคมและอาชญากรรมเพิ่มขึ้น

               แม้ทางการแขวงหัวพัน จะสั่งให้ผู้บริหารโรงแรมเลข 1 ยุติการเปิดผับเธค และการเต้นรูดเสา แต่ชาวลาวส่วนใหญ่ก็ยังไม่พอใจ และแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อโซเชียลอย่างต่อเนื่อง

               การแสดงพลังต้าน “การเต้นรูดเสา” ในถ้ำ ภายในอาณาบริเวณ “อนุสรณ์สถานการณ์ปฏิวัติลาว” ของพลเมืองลาวออนไลน์ในครั้งนี้ สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ภาครัฐอย่างมาก และคาดว่าจะมีการควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ให้เข้มงวดขึ้น

               ทางการลาวพยายามรักษาเอกลักษณ์การนุ่งถือแบบลาว แต่การรุกเข้ามาของทุนต่างชาติ ก่อให้เปิดปรากฏการณ์ “เสื่อมถอยด้านสังคมและวัฒนธรรม” อย่างทั่วด้าน

Anonymous wrote:

---

Anonymous wrote:

---

Anonymous wrote:

---

ພວກເຈົົ້າຄືບໍ່ພາກັນໄປ ເຕັ້ນຮູດເສົາ ເຮືອນ ຈຸມມະລີ/ທອງສິງແດ່

Very Good Comment

---

 

---

ເອົາພວກມັນໄປເຕັ້ນຮູດເສົາຕຽງ ແມ່ປ້າ ຈູມມະລີ ແລະ ທອງສິງ ບ່ອນມັນສຸດຫັ້ນໂລດ.

ຄັນບໍ່ແມ່ນສອງຄົນນີ້ອະນຸຍາດ ບໍ່ມີທາງຜູ່ອື່ນຈະກ້າອະນຸຍາດ ເພາະເປັນສິ່ງຊົ່ວຊ້າສາມານ

ທີ່ສຸດທີ່ນຳເອົາສັງຄົມທີ່ບໍ່ແມ່ນສັງຄົມຂອງລາວເຂົ້າມາເຜີຍແຜ່ ແລະຢຽບຢ້ຳຮີດຄອງປະເພ

ນີອັນດີງາມຂອງລາວເຮົາ.  ເປັນຜູ່ນຳປະທດແທ້ໆຍັງໄປລັບຫູລັບຕາຮັບເອົາເງິນບໍ່ເທົ່າໃດ

ລ້ານຈາກນາຍທຶນແກວ ເຂົ້າມາທຳລາຍປະເພນີແລະສັງຄົມອັນງັດງາມ ແລະທຳລາຍສະຖານ

ທີ່ທີ່ເປັນປະຫວັດສາດໃນການຕໍ່ສູ້ປົດປ່ອຍປະເທດຊາດ ຈັ່ງແມ່ນໂງ່ຈ້າຫລ້າຫລັງກ່ອນໝາ

ແທ້ໆ.

---

 ແກວມັນຢາກບອກໃຫ້ໂລກຮູ້ວ່າ ຖ້ຳຂອງພວກພັກຂີ້ສໍ້ລາວ ແມ່ນດີ ສຳຫຼັບພວກແມ່ຈ້າງເທົ່ານັ້ນ

ສັນຍານທີ່ມັນຢາກບອກກໍຄື  ພວກພັກລັດຂີ້ສໍ້ທີ່ເຄີຍອາໃສຢູ່ທີ່ນີ້ແຕ່ກ່ອນ ກໍບໍ່ຕ່າງຫຍັງກັບພວກແມ່ຈ້າງແກວ ທີ່ມາຂາຍໂຕຢູ່ໃນຖ້ຳດຽວນີ້...

ມັນມີເງິນ ມັນກໍຊື້ໄດ້ ຄືກັນກັບພວກມັນຊື້ແມ່ຈ້າງພວກນີ້

ແກວມັນກໍຊື້ພວກພັກລັດລາວ ຄືກັນກັບມັນຊື້ແມ່ຈ້າງພວກນີ້  ຊື້ແລ້ວ ສັ່ງໃຫ້ເຮັດຫຍັງ ກໍໄດ້ຕາມໃຈ ...ເຫມືອນຂີ້ຂ້າ