Mekong Review -- Yury Fedotov ผู้อำนวยการองค์การควบคุมยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ แถลงผลการสำรวจเกี่ยวกับสถานการณ์การลักลอบปลูกฝิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ประจำปี 2010 ที่ผ่านมานี้ว่า พม่ายังคงเป็นประเทศที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นมากที่สุด ส่วนลาวนั้นก็นับเป็นประเทศที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย ที่สูงที่สุด และไทยนั้นถึงแม้ว่าจะสามารถลดพื้นที่ปลูกฝิ่นลงได้ มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับพม่าและลาวที่อยู่ในเขตสามเหลี่ยมทองคำด้วยกัน ก็ตามแต่การลักลอบ ปลูกฝิ่นก็เพิ่มขึ้นในระดับที่สูงเช่นเดียวกัน
กล่าวสำหรับการสำรวจฯในลาวนั้น พบว่าพื้นที่ลักลอบปลูกฝิ่นได้เพิ่มจาก 1,900 เฮกตาร์ในปี 2009 ขึ้นมาเป็น 3,000 เฮกตาร์ในปี 2010 หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 58% แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับปี 2007 ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นคิดเป็นพื้นที่รวม 1,500 เฮกตาร์นั้น ก็จะได้ว่าในช่วง 3 ปีมานี้การลักลอบปลูกฝิ่นในลาวได้เพิ่มขึ้นมากถึง 100% เลยทีเดียว
Yury Fedotov ระบุว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการลักลอบปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นในลาวนั้น ก็คือปัญหาความยากจนของประชาชนลาวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ทาง เศรษฐกิจ-การเงินโลก ซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งสอดคล้องกับความเห็นของ สุบัน สะลิดทิลาด ประธานคณะกรรมการควบคุมและตรวจตรายาเสพติดแห่งชาติลาว ที่ได้ให้การยืนยันว่านอกจากปัญหาความยากจนแล้ว ก็ยังมีสาเหตุมาจากการที่ลาวได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศต่ำกว่าความ ต้องการที่เป็นจริง ในขณะที่ราคาฝิ่นนั้นกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง