ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

อ่านกันอย่างละเอียดอีกครั้ง คำสั่งศาลโลกให้ไทย-เขมร ถอนทหารพ้น "เขาพระวิหาร"

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13:00:00 น.

Share26





(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2554)

หมาย เหตุ - เป็นเนื้อหาในเอกสารเผยแพร่ (อย่างไม่เป็นทางการ) กรณีคำวินิจฉัยชี้ขาดในการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำร้องของเพื่อการ คุ้มครองชั่วคราวในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคำร้องขอเพื่อให้ตีความคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1962 (พ.ศ.2505) ในคดีอันเกี่ยวเนื่องกับปราสาทพระวิหารระหว่างกัมพูชาและไทย

เมื่อ วันที่ 18 กรกฎาคม ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ องค์กรตุลาการหลักแห่งสหประชาชาติ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยชี้ขาด ว่าด้วยคำร้องขอให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่กัมพูชาเป็นผู้ยื่น ในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคำร้องขอให้ตีความคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1962 (พ.ศ.2505) ในคดีอันเกี่ยวเนื่องกับปราสาทพระวิหาร (ระหว่างกัมพูชาและไทย)

ศาลมีคำสั่งลำดับแรกโดยมติเอกฉันท์ขององค์ คณะผู้พิพากษา ให้ปฏิเสธคำร้องขอของไทยเพื่อให้นำคดีที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ยื่นคำร้อง จำหน่ายออกจากสารบบศาล

หลังจากนั้นศาลได้มีคำสั่งให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวหลายประการ เริ่ม ด้วยการมีมติ 11 ต่อ 5 เสียง ให้ภาคีขัดแย้งทั้งสองถอนบุคลากรทางทหารที่ประจำอยู่ในพื้นที่ที่ถูกกำหนด ให้เป็นเขตปลอดทหารชั่วคราวโดยทันที ตามที่ระบุเอาไว้ในย่อหน้าที่ 62 ของคำสั่งนี้ (ดูแผนที่ที่เป็นภาคผนวกประกอบคำสั่ง และเอกสารเผยแพร่นี้) และให้งดการแสดงออกทางด้านการทหารใดๆ ภายในอาณาบริเวณดังกล่าว รวมถึงการกระทำการโดยอาวุธไปยังพื้นที่ดังกล่าว

ศาลได้ตั้งข้อสังเกต ว่า พื้นที่บริเวณปราสาทได้กลายเป็นพื้นที่ของการปะทะกันด้วยอาวุธ ระหว่างภาคีสองฝ่ายมาแล้วหลายครั้งและการปะทะกันดังกล่าวอาจเกิดขึ้นซ้ำได้ อีก ศาลจึงชี้ขาดว่า เพื่อให้เป็นที่แน่ใจว่าจะไม่บังเกิดความเสียหายจนเกินบูรณะได้เกิดขึ้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในอันที่จะห้ามไม่ให้มีการปรากฏขึ้นของกองกำลังติด อาวุธใดๆ ทั้งหมดเป็นการชั่วคราว จากพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดทหารชั่วคราวโดยรอบอาณาบริเวณของตัว ปราสาท นอกจากนั้น ศาลยังเน้นย้ำโดยมติ 15 ต่อ 1 เสียงด้วยว่า ไทยไม่ควรขัดขวางการเข้าถึงปราสาทพระวิหารโดยเสรีของกัมพูชา หรือป้องกันไม่ให้กัมพูชาส่งเสบียงสนับสนุนใหม่ๆ ต่อบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางทหาร

กัมพูชา และไทยควรดำเนินความร่วมมือระหว่างกันภายในกรอบของกลุ่มประเทศสมาคมประชา ชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรร่วมมือกันให้ผู้ทำหน้าที่สังเกตการณ์ซึ่งแต่งตั้งโดยอาเซียนเข้าถึง พื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตปลอดทหารชั่วคราว และระบุว่า ทั้งสองฝ่ายควรงดเว้นจากการกระทำใดๆ ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งหนักหนาสาหัสขึ้น หรือยืดเยื้อออกไปมากขึ้น หรือกระทำการอันทำให้กรณีขัดแย้งยากที่จะแก้ไขมากกว่าที่เป็นอยู่

ประการ สุดท้าย ด้วยมติ 15 ต่อ 1 เสียง ศาลมีคำสั่งให้ภาคีแต่ละฝ่ายจัดทำรายงานนำเสนอให้ศาลได้รับทราบถึง การปฏิบัติตามคำสั่งว่าด้วยมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ทั้งนี้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาว่าด้วยคำร้องขอให้ตีความ ศาลจะยังคงยึดถือเอากรณีทั้งหลายนี้ให้เป็นไปตามคำสั่งนี้ตลอดไป



สำหรับขอบเขตแห่งอำนาจ และเงื่อนไขทางกฎหมาย ซึ่งศาลใช้อ้างอิงเพื่อมีคำสั่งให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวนั้น

ศาล ได้ข้อสรุปว่า (ตามที่ปรากฏในย่อหน้าที่ 19 ถึง 32 ในคำสั่งนี้) ความขัดแย้งที่ดูเหมือนดำรงอยู่ระหว่างคู่ความในความขัดแย้งนั้น เกิดขึ้นจากความหมายหรืออยู่ภายในขอบเขตแห่งคำพิพากษาศาลแห่งนี้เมื่อปี 1962 (พ.ศ.2505) และดังนั้นศาลจึงสามารถดำเนินการวินิจฉัยเพื่อให้ตีความตามที่กัมพูชาเป็น ผู้ยื่นคำร้องขอเอาไว้ได้ เพื่อให้สอดคล้องตามนัยแห่งมาตรา 60 แห่งธรรมนูญศาลแห่งนี้ ดังนั้น ศาลจึงประกาศว่า ศาลไม่อาจดำเนินการตามคำร้องขอของฝ่ายไทย ที่ร้องขอให้คดีนี้ถูกจำหน่ายออกจากสารบบศาลได้ และเสริมด้วยว่า มีมูลเหตุพื้นฐานเพียงพอต่อการที่ทำให้ศาลสามารถวินิจฉัยคำขอ เพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของฝ่ายกัมพูชาหากบรรลุถึงเงื่อนไขที่จำ เป็น จากนั้นศาลได้แจกแจงเงื่อนไขดังกล่าวเรียงลำดับแต่ละหัวข้อ (ย่อหน้าที่ 35 ถึง 56 ในคำสั่งนี้) และได้ข้อสรุปเป็นที่น่าพึงพอใจของศาล ดังนี้

ประการแรก ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า สิทธิต่างๆ ที่อ้างโดยกัมพูชานั้น เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากคำพิพากษาปี 1962 ดังนั้นการขอให้ตีความดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้

ประการที่สอง ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การแสวงหาตามคำขอเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราว เป็นไปเพื่อปกป้องสิทธิตามที่กัมพูชาอ้างถึง ดังนั้น การออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว จึงสามารถกระทำได้

ประการที่สาม ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายที่ไม่อาจบูรณะซ่อมแซมได้ต่อสิทธิตามที่ กล่าวอ้างโดยกัมพูชามีอยู่จริง และอาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่นาน ก่อนหน้าที่ศาลจะมีคำพิพากษาอันเป็นที่สุด และดังนั้นจึงถือว่าเป็นภาวะจำเป็นเร่งด่วน

ที่สุดแล้ว ศาลได้เตือนให้รำลึกว่า คำสั่งให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราว มีผลอันเป็นพันธะพึงยึดถือ ดังนั้นจึงก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายถูกกำหนดให้ต้องปฏิบัติตาม ข้อวินิจฉัยอันเกิดขึ้นสืบเนื่องจากกระบวนการต่างๆ ว่าด้วยคำร้องขอเพื่อให้มีการออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวครั้งนี้ จะไม่มีผลต่อเนื่องเป็นการชี้ขาดล่วงหน้าต่อประเด็นใดๆ ที่ศาลอาจต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับคำร้องขอให้มีการตีความ




บทสัมภาษณ์ชัดๆ "กษิต ภิรมย์" กรณี คำสั่งของศาลโลกกรณีกัมพูชาขอให้มีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราว
"นาเดชิโกะ" กับปาฏิหาริย์ที่แฟรงก์เฟิร์ต
อ่านกันอย่างละเอียดอีกครั้ง คำสั่งศาลโลกให้ไทย-เขมร ถอนทหารพ้น "เขาพระวิหาร"
ฮือฮา รัสเซียเรียกร้องผู้หญิง"เปลือยหน้าอก" สนับสนุน"ปูติน"เป็นปธน.อีกรอบ(ชมคลิป)
หมากัดฉลามและอุบัติเหตุในการแข่งมอเตอร์ไซค์วิบาก
"อุ้ม-ลักขณา"จวกเพื่อนนางแบบ-เสนอ5แสน แลกขายตัวนักการเมือง
ดร.นันทวัฒน์ ฝากถึง"น้องสาวทักษิณ"การบ้านข้อใหญ่ที่ไม่อาจปฎิเสธ ข้อเสนอใหม่ ม.112
กระบวนการ "ข่าว" พระวิหาร ถึง 737-400 กระบวนการ มิติเดียว
มาดูนักการเมือง ใครบ้าง ที่ "รักษ์ความเป็นไทย" ใส่ชุดผ้าไหม ออกงานตลอด...
ศาลโลกมี 3 มติ ให้ไทย-กัมพูชา ถอนทหารออกจากพระวิหาร-พื้นที่โดยรอบ ย้ำ "ไม่ให้ไทยขัดขวางกัมพูชา"
ผลเลือกตั้งล่าสุด เพื่อไทย 264 ปชป. 160 ภูมิใจไทย 34 ชาติไทยพัฒนา19 ชพน.7 "สุวิทย์" วืด!
โจรรัสเซียสะอื้น ปล้นร้านทำผมหญิง กลับถูกจับเป็นทาสบำเรอกาม ให้กินแต่ไวอะกร้า
เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 1) "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา"
เหลือเชื่อ 1 เดียว พรรคประชาธิปไตยใหม่ เสียบเข้าป้าย เพิ่งก่อตั้งสดๆ ร้อน ๆ มีสมาชิกแค่ 19 คน
นานาชาติตะลึงไทยถอนตัวภาคี "มรดกโลก" สุวิทย์ทวีต "ไม่มีประโยชน์ที่เราจะอยู่ในสังคมแบบนี้"