ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: จับแม่หญิงลาวหลอกสาวไทยเสริมความงามเถื่อน!
Anonymous

Date:
จับแม่หญิงลาวหลอกสาวไทยเสริมความงามเถื่อน!
Permalink   
 


554000011747502.JPEG

โฉมหน้านางแหล่ที่หลอกสาวไทยทำโบท็อกซ์

เวรกรรมสาวไทย! ถูกสาวลาวหลอกทำศัลยกรรมราคาถุก ด้วยการฉีดซิลิโคน เสริมความงาม แต่สุดท้ายใบหน้าอักเสบ จึงแจ้งตำรวจกก.สด.ไปจับกุม เจ้าตัวรับสารภาพ รับฉีดใบหน้าเพื่อลบริ้วรอย ทั้งตีนกา เสริมจมูก เสริมคาง และสลายไขมัน ราคาจะมีตั้งแต่ 3,000-10,000 บาท รายได้ขั้นต่ำวันละ 5 พันบาท
       
       วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รองผกก.ดส.บชน. พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ สว.กก.ดส.พร้อมด้วย นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการสำนักกฎหมาย กรมสนับสนุนสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นำกำลังเข้าจับกุมตัว นางแหล่ หรือ เจนนี่ ทำมะวงสา อายุ 27 ปี ชาวลาว ภายในห้องพักเลขที่ B721 ชั้น7 แอนนาเพลส เลขที่ 713 ซอยลาดพร้าว 101 แยก21 แขวงเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม.พร้อมของกลางเข็มฉีดยาจำนวนมาก ยาฉีดเสริมความงาม ซีลิโคน ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ พร้อมตัวยาประเภทเสริมความงามอีกจำนวนมาก โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สมุดบัญชีลูกค้าอีก 1 เล่ม
       
       พ.ต.ท.สำเริง กล่าวว่า สืบเนื่องจาก กก.ดส.ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายราย ว่า ถูกนางแหล่ หลอกว่า สามารถรักษาริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยการฉีดยา รวมทั้งยังสามารถเสริมจมูก เสริมคางและเสริมหน้าอกได้ในราคาถูกอีกด้วย จึงหลงเชื่อมาใช้บริการ แต่ต่อมาไม่นานก็เกิดใบหน้าอักเสบไม่เป็นไปตามที่อ้างสรรพคุณไว้ จึงเข้ามาร้องเรียนให้จับกุม เจ้าหน้าที่ กก.ดส. จึงประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบ โดยใช้สายลับเป็นผู้หญิงทำทีติดต่อขอเข้าไปฉีดหน้ากับนางแหล่ ในราคา 3 พันบาท เพื่อลบรอยตีนการอบดวงตา นางแหล่จึงนัดให้มาหาที่ห้องพักในวันนี้

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000110616

 



__________________
Anonymous

Date:
RE: จับแม่หญิงลาวหลอกสาวไทยเสริมความงามเถื่อน!
Permalink   
 





Reply Quote
Printer Friendly

หัวอกลาว กรณีปราสาทพระวิหาร
มตีชน 01 กรกฎาคม 54

โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ ( จปล เจ็กปนลาว )

ประวัติ ศาสตร์แห่งชาติของไทย ฟูมฟายว่าไทย"เสียดินแดน"แต่ไม่­­เคยบอกว่า "ได้ดินแดน" คนอื่นมาก่อนแล้วปราสาทพระวิหาร ยุครัชกาลที่ 5 ชาวสยามทั่วไปไม่รู้จัก
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร? อยู่ที่ไหน?
คน ชั้นนำยุคนั้นจะรู้จักสักกี่คน?­­ เพราะความวิตกกังวลยุครัชกาลที่ 5 ไม่ใช่เรื่องปราสาทพระวิหาร แต่เป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น คืออธิปไตยที่แน่ชัด (หรือที่มหาอำนาจรับรอง) บนดินแดนภาค ตวอฉหน(อีสาน) ขณะนั้นอันตราย เปราะบางอย่างยิ่งเพราะไม่รู้ว่าฝรั่งเศสที่ยึดคร­­อง เวียดนาม, เขมร, ลาว จะบุกเข้ามาถึงภาค ตวอฉหน(อีสาน)ของสยามหรือ­­ไม่? เนื่องจาก ตวอฉหน(อีสาน)เหนือเป็นเขตวัฒนธรรมลาว ส่วน ตวอฉหน(อีสาน)ใต้เป็นเขตวัฒนธรรมเขมรพูดกันตรงๆ อย่างปากชาวบ้านว่าครั้งนั้น ตวอฉหน(อีสาน)เหนือเป็นลาว ตวอฉหน(อีสาน)ใต้เป็นเขมรพ.ศ.2447-2450รัฐบาลสยามยุครัชกาลที่5 ทำสนธิสัญญาเรื่องเขตแดนกับฝรั่­­งเศส ซึ่งมีพันธะให้ต้องยอมรับแผนที่­­แนบท้าย1:200,000 ที่มีปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตกั­­มพูชาของฝรั่งเศส รัฐบาลสยามยกเป็น" ค ว า ม ส ำ เ ร็ จ"
ยิ­­่ ง ใ ห ญ่ เ พ รา ะ เท่า กั บ ส ย า ม มี อ ธี ป ไ ต ย บ น ดิ น­ แ ด น ล า ว ภาค ตวอฉหน(อีสาน)อย่าง แน่ ชัด
ที่มี­มหาอำน­าจรับรองเป็นอันหมดกังว­ลไปประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยสมั­­ยต่อมาเขียนว่า ไทย ต้อง ย อ ม"เ สี ย
ดิ น แ ด น"บางส่วนให้ฝรั่งเศส เพื่อรักษาดินแดนบางส่วนไว้แต่คนลาวไม่คิดอย่างนั้น จะขอคัดเนื้อหาตอนนี้ในหนังสือป­­ระวัติศาสตร์ลาวโดยสิลา วีระวงส์ (สำนักพิมพ์มติชนพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2539 หน้า 301) มีความว่า"ใน หนังสือสัญญานั้น แม้สยามกับฝรั่งเศสแบ่งปันกันเอ­­าแผ่นดินลาวและคนลาวที่อยู่ในแ­ผ­่นดิน นั้น หรือเอาดินแดนลาวและคนลาวแลกเปล­­ี่ยนกับดินแดนเขมรและคนเขมร ซึ่งฝรั่งเศสกับสยามทำได้ตามใจใ­­นฐานะผู้เป็นนายลาวเราที่อยู่ทั้งสองฝั่ง แม่น้ำ­­โขงก็ได้แต่ลืมตาดูอยู่เฉยๆ ไม่มีสิทธิที่จะพูดจาอะไรได้ เพราะเป็นข้าเขาด้วยประการดังนี­­้และ ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา(ค.ศ.1­903)แผ่นดินลาวที่กว้างใหญ่ไพศา­ล รวมเนื้อที่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำโข­­งมี 343,000 ตารางกลม และมีพลเมืองลาวนับเป็นหลายๆสิบล้านคนก็ได้ถูกแบ่งแยกก­­ันโดย ฝ่ายหนึ่งได้กลับกลายเป็นคนไทยแ­­ต่อีกฝ่ายหนื่งเป็นคนลาว ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นเชื้อชาติ­­ลาวเผ่าพันธุ์+จารีตประเพณีอัน­เดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน มีอักษรศาสตร์ใช้ประจำชาติมาแต่­­โบราณเป็นอันเดียวกัน แต่ก็ต้องได้มาแยกกันเป็นคนละชา­­ติ"
ครูบาอาจารย์ในสถาบันการศึกษา ที­­่เกี่ยวข้องประวัติศาสตร์โบราณ­ค­ดี น่าจะลดละเลิกเสียเวลาให้ท้ายปร­­ะเพณีรับน้องใหม่แล้วหันมาร่วมกันศึกษาค้น คว้าวิ­­จัยเรื่องจริงๆ ในอดีตอย่างกรณีนี้เพื่อผลักดัน­­ให้มีความราบรื่นร่มเย็นในประช­า­คมอา เซียน

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ສຍາມກຳລັງຖືກອິດຕິພົນວັທນະທັມລາວຈະເປັນເພັງຫມໍລຳ ອາຫານການກິນກ້ອຍລາບຕຳຫມາກຫູ່ງກືນກິນ ນຍຍີງຄົນງາມຈາກ ຊຽງໄຫ່ມ ກະໂຄດລາວທັງນັ້ນ
Champalao Laolao 's facebook

ผู้ คนในแถบล้านนาตอนล่าง อ.เถิน+อ.แม่พริก จ.ลำปาง อ.สามเงา+อ.บ้านตาก+อ.เมือง (บางส่วน) จ.ตาก อ.ทุ่งเสลี่ยม+อ.ศรีสัชนาลัย+อ.หาดเสี้ยว จ.สุโขทัย เรียกตัวเองว่า “ลาว” ทั้งๆที่หลายสิ่งหลายอย่างบ่งบอกว่าเป็น “ล้านนา” พูดง่ายๆ ว่าผู้คนในแถบนี้ (รวมทั้งผมด้วย) เป็นจุดร่วม ลาว+ล้านนา อย่างแท้จริง พวกเราเรียกตัวเองว่า “ลาว” โดยเฉพาะแถบ อ.บ้านตาก บ้านเกิดผมเอง ก็บอกใครๆว่า เป็นลาว (อย่างเต็มปาก) มาตั้งแต่เด็กซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีประเทศหนึ่งที่มีชื่อว่า “สปป.ลาว” แต่ได้ยินปู่ย่าตายายพูดถึงล้านนา เชียงใหม่ พระธาตุดอยสุเทพ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ ฯลฯ อยู่ตลอดเวลา

เชียงใหม่อาจจะมีส่วนผสมของ ไทยใหญ่และพม่าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ห่างไปจาก “ลาว” เท่าใดนัก นั่นก็คือ ยังกินข้าวเหนียวเป็นหลัก แม้บางมือจะมีแกงฮังเล ขนมจีนน้ำเงี้ยว แบบไทยใหญ่ ซึ่งก็เหมือนกับ อ.บ้านตาก บ้านเกิดผม ที่กินปลาร้า แบบลาว (และสารพัดปลาทั้งสดและแปรรูป ปลาเจ่า ปลาจ่อม ปลาเค็ม ปลาย่าง) และกินถั่วเน่า+เต้าเจียว+ฮังเลหมูสามชั้นแบบไทยใหญ่ แต่ที่แปลกมากๆคือ บ้านตากเป็นลาวที่ไม่กินข้าวเหนียวเป็นหลัก (ปีหนึ่งจะกินครั้งสองครั้งกับลาบหมู) 364 วันจะกินข้าวเจ้า เพื่อนผมที่ อ.เถินยังบอกว่า “แปลกสุดๆ ลาวบ่กิ๋นข้าวนึ่ง” ผมเลยบอกว่า “กิ๋นบ่ได้ มันง่วงขนาด บ้านคิงกิ๋นข้าวนึ่งกับทอดไข ยึกแต๊ๆ” (กินไม่ได้มันง่วง...บ้านแกเล่นกินข้าวเหนียวกับไข่เจียว เลี่ยนชะมัด)

สำหรับ คนพื้นๆ อย่างผมและเพื่อนๆ คนล้านนาไม่มีหรอกครับ มีแต่คนเมือง (เรียกเฉพาะคนเชียงใหม่ ประมาณว่า เชียงใหม่เป็นเมืองเอกของดินแดนนี้) กับคนลาว (คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่เชียงใหม่)สำหรับภาษาพูด ล้านนากับลาวก็คือภาษาเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่สำเนียงจะต่างกันไปบ้าง เช่นขี้จุ๊ ลาว+อิสานออกเสียงเป็น ขี้ตั๊วะ ภาคกลางคือ โกหก

ฟั่ง (สำเนียงคนบ้านตาก) ลาว+อิสาน จะออกเป็น “ฟ่าว” ล้านนาว่า “ข่ะใจ๋” (บ้านตากบางตำบลก็ยังพูดคำนี้” ภาคกลางคือ “รีบ”

ฟู่ (บ้านตาก) ลาวออกเป็น เว้า ล้านนาออกเป็น อู้

ที่ต่างกันมากคือคำว่า “กอย” ของคนบ้านตาก ในขณะที่ล้านนาพูด “ผ่อ” อิสานเรียก “เบิ่ง” ภาคกลางคือ “ดู”

นอก นั้นก็แทบจะไม่ต่างกันเลย ตัว ร ออกเป็น ฮ หมด ตรงนี้แหละสำคัญ เพราะทั้งล้านนา ลาว อิสานและเหนือตอนล่าง รวมถึง เสาไห้+แก่งคอย สระบุรี ท่าวุ้ง+โคกกระเทียม ลพบุรี จะพูดเหมือนกันหมด แน่นอน ภาษานี้คือ “ภาษาลาว” เรียกกันว่า “อู้ลาว” “เว้าลาว” “ฟู่ลาว”

จริงๆแล้ว เรื่องของล้านนา+ลาว ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยแบบว่ามากมายมหาศาล เหมือนเม็ดทรายในลำน้ำปิง+ แม่น้ำโขง (ของ)ตำราเล่มไหนก็เขียนไว้ไม่หมด แม้แต่ หมู่บ้านเชียงทอง ใน อ.เมือง จ.ตาก ก็เป็นลาว แต่บรรพบุรุษของคนที่นี่จะอพยพมาจากหลวงพระบางนานมากๆ มีวัดเชียงทองจำลองจากวัดจริงในหลวงพระบาง (ชื่อเดิม เชียงทอง)

เอา เป็นว่าล้านนา+ภาคเหนือตอนล่าง+อิสานทั้งภาค ล้วนเป็นลาว ซึ่งก็เป็นชาติพันธุ์เดียวกันกัน“ไทย” เพียงแต่ “ไทย” (คนภาคกลาง+ภาคตะวันออก) จะมีภาษาพูด+วัฒนธรรม+ประเพณี แตกต่างออกไป ขณะที่คนภาคใต้ที่ไม่ใช่มลายู ก็เป็นคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่เหมือนกับคนลาว (เหนือ+อิสาน) และคนไทยภาคกลาง

ในส่วนของลาว ทั้งล้านนาและอิสาน ไทยกลางกลืนไม่ได้หรอกครับ ภาษาที่พูดก็ยังเป็นลาว (มากที่สุดในบ้านนี้เมืองนี้)หมายถึง ภาษาที่พูดและฟังรู้เรื่องกันหมดตั้งแต่ สปป.ลาว ล้านนา เหนือตอนล่าง และ ภาค ตวอฉหน ในขณะที่ภาษาไทยจะใช้กันเฉพาะในโรงเรียนและสถานที่ราชการ ส่วนอาหารการกินก็กินข้าวเหนียว+ปาแดก เต็มบ้านเต็มเมือง และ กีนกันเหมือนที่เคยกินกันมาเป็นพันๆปี คน ส ย า ม กรุงเทพฯ นั่ น แ ห ล ะ อ า จ จ ะ ถู ก ก ลื น จ า ก ค น ช ช ช ล า ว โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เห็นมีแต่ ร้ า น ล า บ ก้ อย แจ่ว บอง ปั้น ข้าวเหนียว จ้ำ ตำหมากหู่ง มากมายในกรุงเทพฯ บางคน ไม่ ใ ช่ ล า ว แ ต่ ก็ ช อ บ ตำ หมากหู่ง ไส่ ป า แ ดก เ ห็ ม น ๆ ซะงั้น

ใครที่สนใจเรื่อง ล า ว ๆ ที่ เป็นคนส่วนไห่ของ ปท นี้ ลองมาเว้ากันได้นะครับ

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard