นักศึกษาเวียดนามเรียนเมกาฯ มากเป็นอันดับ 8 ของโลก
ASTVผู้จัดการออนไลน์ --เวียดนามเลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 8 ของโลกในบรรดาประเทศที่มีนักศึกษาเรียนในสหรัฐฯ มากที่สุด ปีการศึกษา 2554 จำนวนเพิ่มขึ้น 13.5% เทียบปีต่อปี และยังคงนำหน้านักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน จำนวนนักศึกษาชาวเวียดนามในสหรัฐฯ ไต่อันดับแบบก้าวกระโดดในช่วง 4-5 ปีมานี้ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ (Institute of International Education) ออกรายงานในสัปดาห์นี้ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศเคยออกรายงานคล้ายกันนี้ในเดือน มี.ค.2554 ระบุว่าปีการศึกษา 2553-2554 (เริ่ม ก.ย.2553) มีนักศึกษาชาวเวียดนามถึง 13,112 คน กำลังเรียนในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มีจำนวนมากเป็นอันดับ 9 ของโลก นำหน้าทุกประเทศในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามเลื่อนอันดับขึ้นมาถึง 12 อันดับตั้งแต่ปีการศึกษา 2549-2550 เป็นต้นมาซึ่งขณะนั้นอยู่อันดับ 20 IIE กล่าวในสัปดาห์นี้ สถิติการรับนักศึกษาใหม่ปีการศึกษา 2554 (Open Door 2011) นักศึกษาเวียดนามในสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนเป็น 14,888 คน มนนั้น 74.2% กำลงศึกษาระดับปริญญาตรี 16.3% กำลังศึกษาต่อในระดับมหาบัณฑิตกับดุษฎีบัณฑิต 3.5% ฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ จำนวนที่เหลือ เรียนหลักสูตรระยะสั้นหลากหลายแขนง การศึกษาวิจัยยังพบว่า 41.3% นักศึกษาชาวเวียดนามเลือกศึกษาแขนงบริหารธุรกิจซึ่งเป็นแขนงยอดนิยม รองลงไปเป็นสาขาวิศวกรรมศาสตร์ (10.7%) คณิตศาสตร์/คอมพิวเตอร์ศาสตร์ และฟิสิกส์กับวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (7.1%) นักศึกษาเวียดนามในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 จำนวนเพิ่มเป็นเลข 2 หลักตลอดมา IIE กล่าว ปัจจุบันมีนักศึกษาชาวต่างชาติกำลังศึกษาในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ต่างๆ ในสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้น 723,277 คน เพิ่มขึ้น 5% เทียบกับปีการศึกษาที่แล้วและคิดเป็นอัตราเพิ่มถึง 32% จากทศวรรษที่แล้ว รายงานชิ้นเดียวกันระบุ. สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศเคยออกรายงานคล้ายกันนี้ในเดือน มี.ค.2554 และพบว่าปีการศึกษา 2553-2554 (เริ่ม ก.ย.2553) มีนักศึกษาชาวเวียดนามถึง 13,112 คน กำลังเรียนในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มีจำนวนมากเป็นอันดับ 9 ของโลก นำหน้าทุกประเทศในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน เวียดนามเลื่อนอันดับขึ้นมาถึง 12 อันดับตั้งแต่ปีการศึกษา 2549-2550 เป็นต้นมาซึ่งขณะนั้นเวียดนามรั้งอันดับที่ 20 IIE กล่าวในสัปดาห์นี้ .
สถิติการรับนักศึกษาใหม่ปีการศึกษา 2554 (Open Door 2011) นักศึกษาเวียดนามในสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนเป็น 14,888 คน มนนั้น 74.2% กำลงศึกษาระดับปริญญาตรี 16.3% กำลังศึกษาต่อในระดับมหาบัณฑิตกับดุษฎีบัณฑิต 3.5% ฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ จำนวนที่เหลือ เรียนหลักสูตรระยะสั้นหลากหลายแขนง การศึกษาวิจัยยังพบว่า 41.3% นักศึกษาชาวเวียดนามเลือกศึกษาแขนงบริหารธุรกิจซึ่งเป็นแขนงยอดนิยม รองลงไปเป็นสาขาวิศวกรรมศาสตร์ (10.7%) คณิตศาสตร์/คอมพิวเตอร์ศาสตร์ และฟิสิกส์กับวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (7.1%) นักศึกษาเวียดนามในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 จำนวนเพิ่มเป็นเลข 2 หลักตลอดมา IIE กล่าว ปัจจุบันมีนักศึกษาชาวต่างชาติกำลังศึกษาในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ต่างๆ ในสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้น 723,277 คน เพิ่มขึ้น 5% เทียบกับปีการศึกษาที่แล้วและคิดเป็นอัตราเพิ่มถึง 32% จากทศวรรษที่แล้ว รายงานชิ้นเดียวกันระบุ ตามรายงานของสื่อทางการ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเวียดนามจำนวน 23 แห่ง มีความร่วมมือด้านวิชาการ และโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ กับสถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐฯ และ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันหลายคนก็กำลังทำงานอยู่ในนครโฮจิมินห์และกรุง ฮานอย ทุกๆ ปีรัฐบาลเวียดนาม ได้จัดสรรทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนนักศึกษาหลายพันคนไปศึกษาต่อระดับปริญญา ตรี ถึงปริญญาเอก ในต่างประเทศ โดยสหรัฐฯ เป็นเป้าหมายใหญ่ คอมมิวนิสต์เวียดนาม กำลังเร่งโครงการผลิตบุคลากรด้านการศึกษา โดยตั้งเป้าจะให้มีผู้สำเร็จปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ 20,000 คน ภายในปี 2563 นี้ ส่วนใหญ่จะกลับไปเป็นผู้สอนในระดับอุดมศึกษา.
ເບິ່ງການພັທະນາປະເທດ ຫວຽດນາມກັບປະເທດລາວ ແລ້ວໄກກັນປານຟ້າກັບດິນ
ລາວເຮົາກໍສົ່ງໄປຮຽນຄືກັນ usa ແຕ່ສ່ວນຫລາຍ ພາກັນຮຽນຈົບແລ້ວ ບໍ່ກັບຄືນປະເທດ
ຮູບຂ້າງເທິງນັ້ນແມ່ນການຊ່ອຍເຫຼືອດ້ານການສຶກສາຂອງອາເມຣິກາທີ່ໃຫ້ແກ່ວຽດນາມ, ລອງມາເບິ່ງການ
ຊ່ອຍເຫຼືອດ້ານການສຶກສາທີ່ອາເມຣິກາໃຫລ້ລາວເບິ່ງວ່າແຕກຕ່າງກັນແນວໃດ໋?
ເມື່ອອາເມຣິກາຊ່ອຍລາວນ້ອຍກ່ວາ ແນ່ນອນລາວກໍ່ໄດ້ນ້ອຍກ່ວາ. ເປັນຫຍັງອາເມຣິກາຈຶ່ງຊ່ອຍລາວນ້ອຍ
ກ່ວາ?
ເປັນຫຍັງອາເມຣິກາຈຶ່ງຊ່ອຍລາວນ້ອຍກວ່າ?
ກໍເພາະວ່າຜູ້ນຳລາວ ສອນໃຫ້ລູກຫລານລາວ ຮ້ອງເພັງຊາດລາວ
ດ່າ ເອເມຣິກາ ທຸກໆມື້ ການຊ່ອຍຈື່ງນ້ອຍກວ່າ