สหรัฐฯ พร้อมขายอาวุธให้เวียดนาม? จี้ปรับปรุงสิทธิมนุษยชน
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- หากสำนักข่าวตะวันตกรายงานไม่ผิด วุฒิสมาชิกชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนเวียดนามสัปดาห์นี้กล่าวว่า "คนจำนวนไม่น้อย" ในรัฐสภา พร้อมสนับสนุนให้ “ขนถ่ายอาวุธ” ไปยังเวียดนามในยุคที่การเผชิญหน้ากับจีนกำลังเพิ่มทวี แต่ยังติดเงื่อนไขในเรื่องสิทธิมนุษยชนเท่านั้น วุฒิสมาชิกโจเซฟ ลีเบอร์แมน จากมลรัฐคอนเน็คติกัต ประธานคณะกรรมาธิการกิจการภายในและความมั่นคง วุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า คนจำนวนมากในรัฐสภาสหรัฐฯ อยากจะสามารถช่วยให้ขนถ่ายอาวุธไปยังเวียดนามได้ "โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเพิ่มกระชับความมั่นคงด้านการเดินเรือ" แต่ดูจะยังเป็นไปไม่ได้ จนกว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนจะได้รับการปรับปรุง ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ วุฒิสมาชิกลีเบอร์แมน ซึ่งเป็นอดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับวุฒิสมาชิกอัลเบิร์ต กอร์ แห่งพรรคเดโมแคร็ตในการเลือกตั้งปี 23543 ระบุดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงฮานอยร่วมกับวุฒิสมาชิกอีก 4 คน ที่ไปเยือนเวียดนามสัปดาห์นี้ รวมทั้งวุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน อดีตนักบินทหารผ่านศึกที่เคยถูกฝ่ายเวียดนามเหนือยิงตกและถูกจับเป็นเชลย ลีเบอร์แมนกล่าว เสริมเรื่องนี้หลังจากนายแม็คเคนกล่าวทำนองเดียวกันว่า สัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนามควรจะได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น "เพื่อช่วยต่อกรกับจีน" แต่ประวัติด้านสิทธิมนุษยชนในเวียดนามเป็นตัวจำกัดความก้าวหน้า "มีความตึงเครียดกับจีนเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับทะเลจีนใต้และประเด็น อื่นๆ และเราเชื่อว่าด้วยหลากหลายวิธีการที่ดำเนินต่อจีน และการเพิ่มขยายการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของเรากับเวียดนามย่อมเป็นสิ่งที่ เรียกร้องต้องการ" วุฒิสมาชิกแม็คเคนแห่งพรรครีปับลิกัน ที่เคยสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2551 กล่าว นายแม็คเคนยังเปิดเผยด้วยว่าระหว่างการเยือนได้เข้าพบหารือกับบรรดา ผู้นำเวียดนามหลายคนเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล และกรณีพิพาทเวียดนาม-จีนในทะเลจีนใต้ รวมทั้งสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเวียดนามด้วย วุฒิสมาชิกสหรัฐคณะนี้เป็น สมาชิกรัฐสภาชุดแรกที่ไปเยือนเวียดนามในปีนี้ ก่อนจะเดินทางต่อไปเยือนพม่า เพื่อติดตามความคืบหน้าการปฏิรูป ในขณะที่การเลือกตั้งตั้งซ่อมทั่วประเทศกำลังจะมีขึ้นในเดือน เม.ย.ศกนี้ และนางอองซานซูจี ผู้เป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตยในพม่า เข้าร่วมด้วย
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000009020