พม่านับหมื่นอพยพลี้ภัยไปฝั่งจีนเพราะเหตุขัดแย้งในกะฉิ่น
รอยเตอร์ - ผู้ลี้ภัยหลายพันคนที่อพยพหนีภัยการต่อสู้ในพื้นที่ห่างไกลทางภาคเหนือของ พม่าหลั่งไหลเข้ามาในเมืองของจีนที่เวลานี้เต็มไปด้วยเต็นท์ชั่วคราวตามแนว พรมแดน กลายเป็นปัญหาวิกฤติด้านมนุษยธรรมและเป็นสถานการณ์ทางการทูตที่ซับซ้อนต่อ รัฐบาลจีน กลุ่มให้ความช่วยเหลือกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ผู้ลี้ภัยมากถึง 10,000 คน หลบหนีจากฝั่งพม่าเข้าไปยังพื้นที่ของมณฑลหยุนหนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เนื่องจากการต่อสู้กันระหว่างทหารพม่าและกองทัพอิสระกะฉิ่น (KIA) หนึ่งในกลุ่มกบฎที่มีกำลังมากที่สุดของพม่า และผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา การต่อสู้ปะทุขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิงนาน 17 ปี ล้มเหลวเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชนกลุ่มน้อยกะฉิ่นหลบหนีไปยังพื้นที่บริเวณพรมแดน ความขัดแย้งครั้งนี้อาจเป็นอันตรายต่อความพยายามของพม่าที่จะโน้ม น้าวให้สหภาพยุโรปและสหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศ ทั้งยังชะลอความพยายามที่จะเปิดประเทศและการเป็นประชาธิปไตยหลังตกอยู่ใต้ การปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการทหารหลายทศวรรษ สหภาพยุโรปและสหรัฐกำหนดให้การตกลงสันติภาพกับกองกำลังชนกลุ่มน้อย เป็นหนึ่งในสิ่งที่พม่าต้องดำเนินการก่อนนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร แม้ว่าความตึงเครียดจากการต่อสู้จะผ่อนคลายลง แต่กลุ่มช่วยเหลือเกรงว่าประชาชนจำนวนมากจะหลบหนีข้ามแดนและทำให้สถานการณ์ แย่ลง แม้ว่ารัฐบาลจีนจะยอมให้ตั้งค่ายลี้ภัย แต่ก็ไม่ยอมรับการมีอยู่ของค่ายเหล่านี้อย่างเป็นทางการ "พวกเขาทั้งหมดไม่มีน้ำสะอาดดื่ม" นายลาริบ ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิบัติการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับผู้พลัดถิ่นภาย ในประเทศ (IDP) และผู้ลี้ภัย กล่าวผ่านโทรศัพท์จากพม่า "ในค่ายพักแรมบางค่าย มีการแพร่ระบาดของโรคท้องร่วง เราไม่มีอาหารเพียงพอที่จะมอบให้กับพวกเขา เรามีงบประมาณจำกัดสำหรับช่วยเหลือคนเหล่านี้ และผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไม่มีรายได้ ไม่มีสถานที่ให้ทำงานหารายได้เลี้ยงตัวเอง" ลาริบ กล่าว
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000017814