สหรัฐฯมอบ “อาวุธใหม่” ให้ยิวแลกกับการเลื่อนแผนโจมตีอิหร่านไปปี 2013
เอเอฟพี - สหรัฐฯเสนอจะมอบอาวุธที่ทันสมัยให้แก่อิสราเอล แลกกับคำสัญญาว่าจะไม่โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านภายในปีนี้ หนังสือพิมพ์รายวัน มาริฟ ของอิสราเอล รายงานวันนี้(8) รายงานดังกล่าวอ้างข้อมูลข่าวกรองและนักการทูตตะวันตก ซึ่งเปิดเผยว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เททันยาฮู เดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯได้เสนอที่จะมอบระเบิดทำลายบังเกอร์ และเครื่องบินแบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศที่สามารถบินระยะไกล ให้แก่อิสราเอล โดยอิสราเอลจะต้องเลื่อนการโจมตีอิหร่านออกไปจนถึงปี 2013 หรือก็คือหลังการเลือกตั้งประธานาธิบสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้ อิสราเอลและประชาคมโลกส่วนใหญ่ต่างหวั่นเกรงว่า กิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจเป็นหน้ากากซุกซ่อนโครงการผลิตอาวุธทำลาย ล้างสูง ซึ่งกรุงเตหะรานปฏิเสธมาโดยตลอด และประเด็นดังกล่าวก็เป็นหัวข้อสนทนาหลักระหว่าง เนทันยาฮู กับประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯและอิสราเอลยังเห็นไม่ตรงกันว่า อิหร่านจะเป็นภัยคุกคามเฉพาะหน้าอย่างไร ขณะที่ เนทันยาฮู กล่าวเมื่อวันจันทร์(5)ว่า มาตรการคว่ำบาตรใช้ไม่ได้ผลกับอิหร่าน และสหรัฐฯกับอิสราเอล “ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป” ความเห็นต่างที่สำคัญระหว่างสหรัฐฯและอิสราเอลก็คือกำหนดเวลาที่ เหมาะสมในการโจมตีอิหร่าน โดยรัฐยิวอ้างว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ตนมีอยู่ในขณะนี้ทำให้ไม่สามารถรั้งรอแผนโจมตีอิหร่านได้ นานนัก ด้านสหรัฐฯจึงเสนอกลับไปว่า จะมอบอาวุธรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้อิสราเอลมีทางเลือกมากขึ้น หนึ่งในอาวุธที่สหรัฐฯจะมอบให้ก็คือ ระเบิดทำลายบังเกอร์ ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงกว่าที่อิสราเอลครอบครองอยู่ และจะช่วยให้รัฐยิวสามารถโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ แม้จะมีภูเขาหินเป็นเกราะกำบังก็ตาม รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผย หลังจากที่กลุ่มประเทศ พี5+1 ซึ่งหมายถึงสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง 5 และเยอรมนี เสนอจะตั้งโต๊ะเจรจานิวเคลียร์กับเตหะรานอีกครั้ง หลังจากที่ระงับมาเนิ่นนาน อิสราเอลเผยท่าทีสนับสนุนการเจรจาอย่างระมัดระวัง พร้อมเตือนมหาอำนาจตะวันตกให้เตรียมใจรับความล้มเหลวในการพูดคุยกับอิหร่าน ไว้ด้วย
จนท.สหรัฐฯ เผย อิหร่านสร้างโดรนส่งขายให้เวเนซุเอลา
ยูเอสนิวส์ - เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพสหรัฐฯ เผย อิหร่าน และกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงในตะวันออกกลาง เร่งเดินหน้ากิจกรรมในอเมริกาใต้ เช่น การสร้างอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับเวเนซุเอลา โดยมีเป้าหมายเพื่อผูกสัมพันธไมตรี และกอบโกยเงิน นายพลดักลาส เฟรเซอร์ หัวหน้ากองบัญชาการทหารทางใต้ของสหรัฐฯ เผยในกรุงวอชิงตันว่า เตหะรานตั้งใจผลิตโดรนให้กับกองทัพเวเนซุเอลา ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีฮูโก ชาเบซ ทว่า ขีดความสามารถของอากาศยานไร้คนขับนี้ยังค่อนข้างจำกัด "ผมคงจะจัดให้อากาศยานไร้คนขับนี้อยู่ในระดับสแกนอีเกิล ไม่ใช่ระดับพรีเดเตอร์" หัวหน้ากองบัญชาการทหารรายนี้อ้างถึงโดรน ที่ผลิต และใช้ในกองทัพสหรัฐฯ โดยสแกนอีเกิล หมายถึง อากาศยานขนาด 10 ฟุตใช้ในการตรวจตรา ขณะที่เอ็มคิว-1บี พรีเดเตอร์ มีขนาด 27 ฟุต และสามารถติดตั้งขีปนาวุธจากอากาศสู่พื้นเฮลไฟร์ได้ เฟรเซอร์ระบุว่า ยังไม่ทราบว่าทางการเวเนซุลามีภารกิจประเภทใดที่จะต้องใช้โดรนของอิหร่าน ซึ่งเขาคาดการณ์ในทางที่ดีว่า อาจเป็นการป้องกันภายในประเทศ ในปี 2006 เจ้าหน้าที่อิสราเอลเคยกล่าวอ้างว่า ยิงสอยโดรนของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่อิหร่านให้การสนับสนุนอยู่ร่วงลงมาไม่ต่ำกว่า 3 ลำ ระหว่างสงครามในเลบานอน ขณะที่ในเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา เตหะรานคุยว่า หนึ่งในหน่วยรบอิเล็กทรอนิกได้ยิงโดรนสอดแนมอาร์คิว-170 ของกองทัพอเมริกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "สัตว์ร้ายแห่งกันดาฮาร์" และยึดเอาไว้ได้ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า อิหร่านติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวไว้ในโดรนที่ขายให้กับเวเนซุเอลาหรือไม่ เฟรเซอร์ชี้ว่า เท่าที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รับทราบในขณะนี้คือ การสร้างอากาศยานไร้คนขับใดๆ ของอิหร่านนั้นต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเมื่อไม่นานมานี้ ด้าน ฟิลิป ฟินเนแกน นักวิเคราะห์แห่งทีลกรุ๊ปชี้ว่า ข้อตกลงซื้อขายโดรนนี้เป็น 1 ในสัญญาณนามธรรมของความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน และเวเนซุเอลา ซึ่งอาจเป็นความสูญเสียของสหรัฐฯ ทว่า เตหะรานก็ยังไม่ใช่ประเทศชั้นนำในการพัฒนาความสามารถของโดรนอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น เตหะรานยังเพิ่มจำนวนสถานทูต ที่มีอยู่ทั่วอเมริกา จาก 5 เป็น 10 แห่ง ทั้งยังสร้างศูนย์วัฒนธรรมในบางประเทศ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทางการทูตที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ เฟรเซอร์เสริม ส่วนกลุ่มฮามาส และฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน และถูกสหรัฐฯ จับตามองอย่างใกล้ชิดนั้น ก็มีความสัมพันธ์กับประเทศแถบละตินอเมริกาในรูปแบบของกิจกรรมผิดกฏหมาย เช่น ลักลอบค้ายาเสพติด อาวุธ และมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมเงินส่งกลับไปให้เหล่าแกนนำในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ที่แสดงว่า กลุ่มอัลกออิดะห์เข้าไปสร้างรากฐานอยู่ในภูมิภาคอเมริกาใต้ เฟรเซอร์สำทับ
