เรือสินค้าจีนจำนวนกว่า 26 ลำ จะอพยพกลับประเทศ
กลุ่มขบวนการใดบ้างที่ยังคงทำการเคลื่อนไหวอยู่ในดินแดนรอยต่อ 3 ชาติแห่งนี้ และกลุ่มเหล่านี้โยงใยไปถึงผู่มีอำนาจของแต่ละชาติอย่างไร ปัญหาถึงได้ไม่มีวันจบสิ้น
สุดท้ายชื่อหน่อคำที่พยายามกล่าวอ้างอยู่ในทุกเหตุการณ์ ตัวตนจริงๆอายุเท่าไหร่ และวันนี้เค้าอยู่ที่ไหน ไม่มีใครตอบได้ เพราะหากเป็นเช่นนี้ เท่ากับว่าอีก 100 ปีข้างหน้า ชื่อของหน่อคำก็จะยังคงอยู่ ชื่อนี้จะไม่มีวันตายไปจากดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ
เบื้องลึกดินแดนเหนือสามเหลี่มทองคำ จึงเป็นเพียงความจริง แต่...เป็นความจริงที่พูดไม่ได้
แม้ว่าเรือสินค้าจีนจำนวนกว่า 26 ลำ จะอพยพกลับประเทศ ท่าเรือเชียงรุ้ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ของจีนตอนใต้ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์กองกำลังติดอาวุธสังหารกัปตันและลูกเรือชาวจีน 2 ลำ เป็นเรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง Hua Ping และเรือขนกระเทียมและแอปเปิ้ล Yu Xing 8 แต่ใช่ว่าเรื่องทั้งหมดจะยุติลงแค่นั้น เมื่อรัฐบาลจีนและสื่อมวลชนจีน ได้เกาะติดความคืบหน้าของคดีชนิดที่ไม่ปล่อยให้หลุดแม้แต่ประเด็นเดียว รัฐบาลจีนเดินหน้าลงพื้นที่ร่วมสอบสวนคดี พร้อมๆกับประโคมข่าวอย่างหนักและต่อเนื่อง
ก่อนขบวนเรือสินค้าจีนจะเดินทางกลับ โดยการรักษาความปลอดภัยจากเรือของทางการจีน พร้อมกำลังและอาวุธครบมือ ญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาดูศพและสถานที่เกิดเหตุ และได้ทำพิธีให้กับผู้เสียชีวิตที่หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่จีนได้ให้ความสำคัญกับสาเหตุการตายของชาวจีนเท่านั้น โดยไม่พยายามกล่าวถึงในประเด็นที่ว่าเรือสินค้าจีน มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร กับยาบ้าจำนวนกว่า 9 แสนเม็ด ที่ติดมากับเรือสินค้าจีน
ท่าทีของรัฐบาลจีนที่แข็งกร้าวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนของไทย ที่ให้ความสำคัญในการคลี่คลายคดี แต่ยังเดือดร้อนไปถึงกลุ่มว้า ที่ต้องร่อนแถลงการณ์ไปยังประเทศจีน เพื่อออกตัวและยืนยันว่า กองกำลังของชนชาติว้า ซึ่งมีอิทธิพลในพื้นที่รัฐฉาน ตั้งแต่ชายแดนจีน-พม่า ลงมาจนถึงชายแดนไทย-พม่า โดยอ้างว่า พื้นที่เกิดเหตุอยู่นอกเขตการเคลื่อนไหวของกลุ่มว้า ท้ายแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ขอแนะนำให้รัฐบาลจีน ทำการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ โดยเน้นให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เอง รวมทั้งขอให้ฝ่ายไทยให้ความร่วมมือและในส่วนของกลุ่มว้า มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการสอบสวนเรื่องนี้ และไม่อยากให้ทั้งไทยและจีน มีความสงสัยในกลุ่มว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
ห่างกันเพียงแค่สองวัน ประเทศพม่าและ สปป.ลาว ได้จัดให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการประสานงานชายแดนพม่า-สปป.ลาว ระดับท้องถิ่น ที่บ้านโป่ง เขตเมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ ไปทางทิศเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร โดยทางพม่าเป็นเจ้าภาพ โดยมีการหารือถึงสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนพม่า - สปป.ลาว ซึ่งได้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย ในการเดินเรือแม่น้ำโขงโดยตรง
ในขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่ง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าทีมลงพื้นที่คลี่คลายคดี และมีการจัดเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองปราบปราม ตำรวจน้ำ ผู้ชำนาญจากสำนักพิสูจน์หลักฐาน สำนักแพทย์ใหญ่ ตำรวจสากลกองการต่างประเทศ ฯลฯ ลงพื้นที่ทั้งด้านการสืบสวน สอบสวน นิติวิทยาศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ โดยทางฝ่ายจีนมี นายกู เช่า ชวน รองอธิบดีกรมกงสุลและหัวหน้าศูนย์คุ้มครองชาวจีนโพ้นทะเล นำเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพิเศษ ตำรวจสันนิบาล แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ ลงไปทำงานร่วมตรวจสอบคดี ข้อมูลที่ได้ในเบื้องต้นคือ เกิดเหตุปล้นเรือสินค้าจีน 2 ลำในน่านน้ำพม่าและ สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 15-20 กิโลเมตร
จากนั้นคนร้าย 9 คน พร้อมเรือเร็ว 4 ลำ ได้เข้ายึดเรือจีน ก่อนที่จะแล่นเข้ามาในเขตไทย ซึ่งทหารไทยนำโดยหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ได้เข้าควบคุมเรือขณะแล่นเข้าฝั่งไทย บริเวณเขตหมู่บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน และเมื่อขึ้นตรวจค้นบนเรือ พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ 920,000 เม็ด และผู้เสียชีวิต 1 ศพ ปืนอาก้า 1 กระบอก แต่ต่อมาค่อยๆ ทะยอยพบศพผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นกัปตันเรือ คนในครอบครัวและลูกเรือ ลอยไปติดตามจุดต่างๆ ทั้งฝั่งไทย และ สปป.ลาว รวม 12 ศพ และหายสาบสูญไปอีก 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นวันที่ 28 ต.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานในการประชุมสอบสวนคดีเรือสินค้าจีน 2 ลำ โดยมีทหารจากกองกำลังผาเมืองรวมจำนวน 9 นาย เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร 2 นาย โดยเป็น พ.ต.จำนวน 1 นายและ ร.ท.จำนวน 1 ที่เหลือเป็นชั้นประทวน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน และในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา" และ "ปิดบังซ้อนเร้นศพ" และตรวจสอบพบว่าเรื่องนี้ ทางกองกำลังผาเมืองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่เป็นการปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ซึ่งยังคงต้องรอการขยายผลจากพยานหลักฐานต่อไปก่อน
สำหรับพื้นที่เหนือสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไป ซึ่งเป็นเขตน่านน้ำของพม่า และลาว ไม่เฉพาะแต่กลุ่มของ"หน่อคำ"ตามที่มีการกล่าวอ้างชื่อนี้อยู่บ่อยครั้งเท่า นั้น ที่ทำการเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง หากแต่ยังมีกลุ่มอื่นๆ อีกหลากหลายกลุ่ม ที่เคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน โดยแต่ละกลุ่มต่างมีผลประโยชน์ในธุรกิจเกี่ยวกับลุ่มแม่น้ำโขงของ เช่น กลุ่มโลซีฮัน กลุ่มโกกั้ง และกลุ่มว้าดำ แต่ปฏิบัติการปล้นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ เป็นฝีมือของใคร ยังไม่มีกลุ่มไหนที่จะออกมายอมรับ ส่วนทหารไทยจำนวน 9 นาย ที่เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้วนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นเหตุผลที่เหนือคำอธิบาย ที่ไม่สามารถสรุปได้ในเวลานี้
แหล่งข่าวในพื้นที่แนวชายแดนพม่า ไทย ลาว ระบุตรงกันว่า ระยะทางทางน้ำกว่า 50 กิโลเมตร เหนือจากสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไป แม้จะมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธในหลายกลุ่ม แต่การจัดสรรผลประโยชน์ อย่างลงตัว ทำให้ทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้ ส่วนเหตุการณ์ที่บานปลายถึงขั้นปล้นฆ่าครั้งนี้ ให้จับตาไปที่การหักหลังกันเอง ในกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งนั่นหมายถึง การลักลอบขนยาเสพติดล็อตนี้ผ่านพื้นที่เขตการดูแล โดยไม่คำนึงถึงกติกากองโจร ซึ่งแม้จะเป็นกฏเกณฑ์นอกระบบ หรือ นอกกฎหมาย แต่ต้องยอมรับว่า ในโซนและเขตพื้นที่ ที่กฎหมายของประเทศพม่า และลาว ยังเข้าไม่ถึง กฏเกณฑ์นี้ ก็มีการใช้กันมาโดยตลอด จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ตามที่ได้มีการกำหนดขึ้น เพื่อบังคับใช้ในเส้นทางนี้
ตราบใดที่กฎหมายของพม่าและลาว ยังเข้าไม่ถึงพื้นที่ การเคลื่อนไหวของกองกำลังเหล่านี้ ระเบียบและกฏเกณฑ์นอกกฎหมาย ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป เหตุการณ์ที่ผ่านมา นั่นเป็นเพียงสัญญาณที่กองกำลังหรือชนกลุ่มน้อย จำเป็นต้องแสดง เพื่อสร้างกรอบและจัดระเบียบให้กับกลุ่มขบวนการต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาเส้นทางนี้ในการดำเนินกิจการ
เบื้องลึกทั้งหมดจึงมีความสลับซับซ้อน ใช่ว่าจะเป็นความลับซะทีเดียว หากแต่หมายถึงเรื่องราวบางมุมและบางตอนยังไร้ซึ่งผู้ยืนยัน เป็นเพียงแต่การวิเคราะห์กันไปตามรูปการณ์เท่าที่พอจะลำดับได้เท่านั้น