ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: อาเซียน-จีนกับสงครามเย็นยุคใหม่
Anonymous

Date:
อาเซียน-จีนกับสงครามเย็นยุคใหม่
Permalink   
 


 

อาเซียน-จีนกับสงครามเย็นยุคใหม่

  ข่าวคราวในบ้านเมืองช่วงนี้...ออกจะเป็นอะไรที่น่าสะอิดสะเอียน น่าขะยิดเขยียน เกินกว่าจะไปพูดถึง เรียกว่าเล่นกันดื้อๆ เล่นกันหน้าด้านๆ เช่นนี้ ถึงจะวิพากษ์ วิจารณ์ แบบสุภาพๆ หรืออดรนทนไม่ไหว ต้องด่าทอแบบแม่ค้าปากตลาด แต่ถ้าหากมันดื้อซะอย่าง ด้านซะอย่าง ระดับ หิริ-โอตตัปปะ ไม่เหลือติดอวัยวะส่วนหนึ่ง ส่วนใด ในร่างกายแม้แต่น้อย ท่านขุนน้อย เองก็หมดปัญญา ไม่รู้จะไปทำอะไรกับมันต่อไปอีกแล้ว...
เพราะฉะนั้นวันนี้...ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปมองดูรอบๆ บ้าน น่าจะเหมาะกว่า หน้าต่างประเทศ ไทยโพสต์ ฉบับวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้เผยแพร่ข่าวชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย นั่นก็คือข่าวที่สหรัฐอเมริกาเตรียมจะส่ง กองกำลังเรือรบขนาดเล็ก ไปประจำการที่สิงคโปร์ และประกาศว่าพร้อมจะจัดให้มีการซ้อมรบในน่านน้ำบริเวณนี้ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนั้น ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นสหรัฐได้เคยสร้างความฮือฮา ด้วยการส่งกองกำลังนาวิกโยธิน ไปประจำการอย่างถาวรที่ออสเตรเลียมาแล้ว อันถือเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมาดปรารถนา ที่จะหวนกลับมาแสดงอิทธิพลในย่านเอเซียและแปซิฟิก อย่างเป็นจริงเป็นจัง ดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเคยประกาศไว้ ในการประชุมอาเซียน เมื่อไม่นานมานี้...
                            -----------------------------------------------------
    นอกจากนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Blue Ridge ของสหรัฐ ก็ได้เข้าเทียบท่าเรือฟิลิปปินส์ โดยมีพิธีต้อนรับกันอย่างคึกคัก โครมคราม แถมรัฐบาลฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังหงุดหงิด ฉุนเต่าเอามากๆ กับกรณีที่เรือตรวจการณ์ของจีน พุ่งเข้าชนเรือสำรวจทางทะเลของฟิลิปปินส์ ในอาณาบริเวณที่เชื่อว่าเป็นน่านน้ำของตนเมื่อไม่นานมานี้ จนถึงขั้นต้องส่งเครื่องบินและเรือรบ ออกไปเผชิญหน้ากับเรือจีน แบบตรงไป-ตรงมา ก็ได้ป่าวประกาศเชิญชวน เชื้อเชิญ ให้รัฐบาลสหรัฐส่งเรือรบเข้ามาลาดตระเวณ ในน่านน้ำบริเวณนี้ให้บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น อีกต่างหาก...
                            -----------------------------------------------------
    ส่วนเวียดนามที่เพิ่งจะโดนเรือตรวจการณ์ของจีน โผล่มาไล่ล่า กดดัน ในขณะกำลังออกสำรวจน้ำมันทางทะเลอยู่ในอาณาบริเวณ ที่ถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของตัวเอง แม้จะยังไม่คิดเชื้อเชิญให้สหรัฐเข้ามาป้วนเปี้ยนในท่าเรือฐานทัพเรือของตัว เอง อย่างที่เคยทำกับโซเวียตรัสเซียมาในยุคสงครามเย็น แต่ก็คงเพราะความอึดอัดขัดข้องใจที่มีกับจีน ในพื้นที่ทางทะเลอยู่บ่อยๆ นั่นเอง ข่าวคราวการจัดซื้ออาวุธของเวียดนามจากรัสเซีย จึงปรากฏให้เห็นถี่ขึ้นๆ ไม่ว่าจะเป็นซื้อเรือดำน้ำชั้นคิโล 6 ลำ หมดเงินค่าขายข้าวไปไม่รู้กี่หมื่นกี่พันล้าน ตามมาด้วยการซื้อเรือฟรีเกต ซื้อเครื่องบินระดับ Su-30MK2 ถึง 3 ล็อตใหญ่ๆ และที่ออกจะฮือฮากันเป็นพิเศษก็คือ การสั่งซื้อจรวดนำวิถี ระดับ Kh-35E เพื่อเอาไว้จมเรือพิฆาตระดับระวางขับน้ำ 5,000 ตัน ซะอีกต่างหาก...

    สรุปรวมความแล้ว...บรรยากาศความเคลื่อนไหวทางทหาร ที่ดูจะแรงขึ้นๆบริเวณรอบๆ บ้านของเราขณะนี้ สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไปขมวดปมตรงที่ จีนหรือตรง ณ บริเวณ เล้งอยู่สะพานขาว...แค่นี้เอง ทั้งที่ว่าไปแล้ว...ถ้านับกันตามความใกล้ชิด ติดพัน สัมพันธภาพอันยืดเยื้อยาวนานมาในตลอดประวัติศาสตร์จีน กับบรรดาประเทศในอาเซียน ย่อมถือเป็นพี่ๆ-น้องๆ หรือแทบจะเป็นสายเลือดเดียวกันเอาเลยก็ว่าได้ ต่างไปจาก ไอ้กัน ที่นอกจากจะเป็นฝรั่งทั้งแท่ง ทั้งด้าม แถมอยู่ไกลไปอีกฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ชนิดแทบหาทางนับญาติกันไม่เจอ ไม่ว่าจะในแง่ประวัติศาสตร์ หรือในแง่เผ่าพันธุ์ก็แล้วแต่ แต่ไปๆ-มาๆแล้ว...แทบไม่น่าเชื่อว่า เพราะความขัดแย้ง กระทบกระทั่งกัน ระหว่างพี่ๆ น้องๆในภูมิภาคเดียวกันนี่เอง ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย หรืออาเซียน...สุดท้ายก็มัก เสร็จฝรั่ง หรือ เสร็จไอ้กัน ซะทุกทีไป...
                              ------------------------------------------------------
    โดยเฉพาะเมื่อเกิดความขัดแย้งกระทบกระทั่งใน ทะเลจีนใต้ ที่ดึงดูดเอาประเทศต่างๆ ในอาเซียน ไม่ว่าเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน ต้องไปมี ปัญหา กับจีนจนได้ อันที่จริงถ้าคิดกันแบบพี่ๆ น้องๆ มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่าการปล่อยให้ใครต่อใคร ต้องหันไปพึ่งบริการ ไอ้กัน กันเป็นแถวๆ ยิ่งเมื่อบรรดา 10 ประเทศอาเซียน เคยได้ร่วมป่าวประกาศแนวทางที่จะทำให้อาณาบริเวณทะเลจีนใต้ กลายเป็น ทะเลแห่งมิตรภาพ โดยมีจีนร่วมลงนามให้การสนับสนุนอีกต่างหากในปี ค.ศ.2002 ที่ผ่านมา หรือที่เรียกกันในนาม ปฏิญญาว่าด้วยทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea) ถ้าหากต่างฝ่ายต่างคิด ที่จะนำแนวทางที่ว่าไปทำให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริงๆ แล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างมันน่าจะ เซ็งลี้ฮ้อ กันได้สบายๆ...
                            -----------------------------------------
    แต่ก็อย่างว่า...ก่อนหน้าจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งล่าสุดที่ กัมพูชา เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี หูจิ่นเทาท่านเผอิญเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา ตัดหน้าการประชุมครั้งนี้ เพียงแค่ไม่ กี่วันเท่านั้น และจะเป็นเพราะการตัดหน้าไปเจอกับเจ้าภาพการประชุมอย่างนายกรัฐมนตรี ฮวยเซ็ง ซะก่อน แถมยังควักกระเป๋าเพิ่มเงินช่วยเหลือกัมพูชาจากปีละ 2,500 ล้านดอลลาร์ ไปเป็น 5,000 ล้านดอลลาร์อีกต่างหาก จะกลายเป็นเหตุให้เจ้าภาพอย่างกัมพูชา ตัดสินใจถอนเรื่องการหารือเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ออกไป จากวาระการประชุมซะดื้อๆ หรือไม่อย่างไร ก็ไม่ทราบ เลี่ยงไปออกแถลงการณ์ร่วม แบบแห้งๆ โหยๆ กันแทนที่...

    เอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะโดยสาเหตุใดๆ ก็ตามที แต่ต้องถือว่า น่าเสียดาย เอามากๆ ที่พี่เบิ้มอย่างจีนนั้น กลับไม่ได้คิดจะใช้โอกาสและช่องทางเหล่านี้ ในการจับเข่า ลูบไข่ พูดคุยกันอย่างน้องๆ พี่ๆ งานนี้เลยต้องสรุปว่า คงต้อง เสร็จไอ้กัน เหมือนอย่างเคย ไม่เพียงแต่ ความไม่เป็นเอกภาพในอาเซียน ซึ่งมันแทบไม่เคยมีอยู่แล้ว ความไม่ลงรอยระหว่างอาเซียนกับจีน ที่กำลังถูกขยายผลให้กว้างและลึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คงทำให้อีกไม่นานไม่ช้า บรรยากาศในแบบยุคสงครามเย็นเมื่อครั้งอดีต น่าจะหวนกลับมาใหม่ได้ไม่ยาก นั่นก็คือ ใครที่หันไปคบจีนหรือหันไปคบอเมริกา สุดท้าย...ต้องหันมาฆ่ากันเองจนได้!!!
                                ---------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก แฮรี่ เอส.ทรูแมน...ความรับผิดชอบของมหาประเทศ คือการรับใช้โลก ไม่ใช่การครองโลก...



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard