กระทรวงการต่างประเทศจีนขู่จะใช้ "มาตรการที่จำเป็น" เพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกที่เป็นข้อพิพาท ภายหลังนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคุย รัฐบาลมีแผนจะ "ซื้อ" เกาะจากเอกชนผู้เป็นเจ้าของ ท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศของจีนเป็นการตอบโต้คำกล่าวของนายกฯ โยชิฮิโก โนดะ ของญี่ปุ่น ที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ เกี่ยวกับแผนการซื้อหมู่เกาะเซ็นกากุหรือที่จีนเรียกว่าหมู่เกาะเตียวหยู
คำแถลงยืนกรานด้วยว่า หมู่เกาะเตียวหยูและเกาะเล็กเกาะน้อยรายรอบนั้นเป็นดินแดนของจีนตั้งแต่ยุค โบราณ และจีนมีหลักฐานยืนยันสิทธิอธิปไตยของตน ทั้งทางกฎหมายและทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจโต้แย้งได้ แผนการซื้อเกาะหลายเกาะของหมู่เกาะเตียวหยูหรือเซ็นกากุริเริ่มขึ้นเมื่อต้น ปีนี้ โดยชินตาโร อิชิฮาระ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวหัวชาตินิยม ประกาศไว้ว่า เขากำลังระดมเงินจากประชาชนเพื่อมาซื้อเกาะ 3 เกาะที่เอกชนเป็นเจ้าของ เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่เอาจริงกับการปกป้องดินแดนของญี่ปุ่น แต่เมื่อวันเสาร์โนดะเป็นผู้ประกาศชัดเจนว่ารัฐบาลคิดจะซื้อเกาะ 3 เกาะดังกล่าวเอง "เซ็นกากุเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นโดยมิต้องสงสัย ไม่ว่าจะพิจารณาจากกฎหมายระหว่างประเทศหรือแง่ประวัติศาสตร์" โนดะกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมกับยืนยันว่า ประเด็นเรื่องดินแดนหรือเรื่องกรรมสิทธิ์นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะญี่ปุ่นควบคุมหมู่เกาะนี้ไว้ในมืออยู่แล้ว "ส่วนมุมมองเรื่องการจะรักษาและจัดการเซ็นกากุอย่างไรด้วยท่วงทีที่สงบและ มั่นคง รัฐบาลกำลังทำการศึกษาอย่างรอบด้านในประเด็นนี้ และกำลังติดต่อกับเจ้าของเกาะอย่างมิขาดสาย" ผู้นำญี่ปุ่นกล่าว ทัศนะของโนดะมีขึ้นภายหลังหนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุงรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ รัฐบาลได้แจ้งต่ออิชิฮาระถึงแผนการซื้อเกาะเล็ก 3 เกาะ ที่ประกอบด้วย อุโอสึอุริจิมะ, คิตาโคจิมะ และมินามิโกจิมะ จากเจ้าของชาวญี่ปุ่นในตระกูลคุริฮาระ อาซาฮีเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงได้เปิดการเจรจากับตระกูลนี้แล้ว และหวังว่าจะตกลงซื้อขายได้ภายในสิ้นปีนี้ ด้านอิชิฮาระ ซึ่งอ้างว่าเขารวบรวมเงินจากทั่วประเทศได้มากกว่า 1,300 ล้านเยน (517 ล้านบาท) แล้ว ยอมรับว่ารัฐบาลส่งคนมาแจ้งให้เขาทราบถึงแผนนี้จริง แต่เขาแสดงความคลางแคลงใจว่า ข่าวนี้อาจเป็นแค่แผนเรียกความสนใจจากประชาชน "ถ้าพวกเขาอยากซื้อเกาะ ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้" หมู่เกาะดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตทำประมงและอาจมีแหล่งน้ำมันและก๊าซใต้ทะเล ชาวประมงญี่ปุ่นมาตั้งหลักแหล่งบนหมู่เกาะนี้ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตระกูลคูริฮาระได้ซื้อเกาะสาขาหลายเกาะไว้จากลูกหลานเจ้าของเดิมเมื่อ หลายสิบปีก่อน.