จีนกดหัวเขมร อาเซียนเละเป็นโจ๊กปัญหาทะเลจีนใต้
. พนมเปญ (รอยเตอร์) -- ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้มเหลวในการหาข้อตกลงกันเกี่ยวกับกรณีพิพาท ทางทะเลที่เกี่ยวข้องกับจีน สิ้นสุดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างอลเวง หลังจากดูเหมือนปักกิ่งได้สร้างความแตกแยกแก่ทั้ง 10 ประเทศ เกี่ยวกับปัญหาอันเขม็งเกลียวนี้ ฟิลิปปินส์ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ออกในวันศุกร์ (13 ก.ค.) ว่า "เสียใจ" (Deplore) ต่อความล้มเหลวของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการจัดการกับความ ขัดแย้งที่กำลังเลวร้ายลง และวิจารณ์กัมพูชาด้วยถ้อยความที่มีความรุนแรงผิดปรกติ ในการจัดการเกี่ยวกับประเด็นนี้ จีนถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลอันหนักหน่วงเหนือการประชุมรัฐมนตรีอา เซียนต่อกัมพูชาซึ่งเป็นประธานและประเทศอาเซียนอื่นๆ เพื่อปิดกั้นการปรึกษาหารือประเด็นนี้ในระดับภูมิภาคและพยายามตกลงกันให้กฎ ข้อปฏิบัติทางทะเลมีผลบังคับใช้ ฟิลิปปินส์กล่าวว่า "ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง" ต่อคำแถลงของกัมพูชาที่ระบุว่า การที่ไม่มีการออกคำแถลง (Communiqué) เกิดจาก "ความขัดแย้งทวิภาคีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศเพื่อนบ้านแห่ง หนึ่ง" คำแถลงกล่าวว่าฟิลิปปินส์เพียงแค่เรียกร้องให้คำแถลงร่วมระบุถึงการ เผชิญหน้าเมื่อเร็วๆ นี้ระหว่างเรือจีนกับเรือฟิลิปปินส์ที่หมู่เกาะปะการัง สคาร์โบโร เกาะปะการังรูปเกือกม้าในทะเลที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างเป็นเจ้าของ "ประธาน (กัมพูชา) ได้คัดค้านอย่างแข็งขันต่อการระบุอะไรเกี่ยวกับเกาะปะการังสคาร์โบโรในคำ แถลงร่วม (Joint Communiqué) และประกาศในวันนี้ว่าคำแถลงร่วมไม่อาจจะออกมาได้" คำแถลงของฟิลิปปินส์ระบุ การล้มเหลวในการออกคำแถลงร่วมเป็นการบ่งบอกถึงความเสื่อมถอยในความ พยายามลดความตึงเครียด หลังจากเหตุการณ์เกิดเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการปะทะทางทะเลในน่านน้ำที่ รุ่มรวยด้วยน้ำมันดิบ จีนซึ่งความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนกับกัมพูชาเพิ่มขึ้นมากในช่วง ไม่กี่ปีมานี้ ได้กล่าวเตือนว่า "กำลังภายนอก" ไม่ควรจะเข้าเกี่ยวข้องกับกรณีพิพาท ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวันต่างก็กล่าวอ้างส่วนใดส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้เช่นกัน สหรัฐฯ ได้ย้ำความเป็นกลางในความขัดแย้งทางทะเลที่มีมายาวนานนี้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะช่วยเหลือฟิลิปปินส์พัฒนากองทัพที่อ่อนด้อยก็ตาม ระหว่างแถลงข่าวในการพนมเปญค่ำวันพฤหัสบดี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาที่แก้ไม่ตกภายในอาเซียน "ข้าพเจ้าได้ทำงานในหลากหลายวงกับหลายฝ่าย และไม่ใช่เรื่องที่ไม่ปรกติสำหรับองค์กรที่มีวุฒิภาวะมากขึ้นกว่านี้ เพื่อทำงานและหารือและกระทั่งการโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งจน ผ่านเส้นกำหนด เพื่อพยายามให้เห็นว่ายังมีหนทางต่อไปข้างหน้า" นางคลินตันกล่าว.