กัมพูชาตัดสินจำคุกนักเคลื่อนไหวการเมือง 20 ปี
เอเอฟพี - นักวิจารณ์รัฐบาลกัมพูชาคนสำคัญ ถูกตัดสินจำคุกนาน 20 ปี ในวันนี้ (1 ต.ค.) ในข้อกล่าวหาวางแผนแบ่งแยกดินแดน สร้างความผิดหวังให้แก่บรรดานักรณรงค์สิทธิมนุษยชน ที่เห็นว่าคำตัดสินดังกล่าวมาจากมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ศาลกรุงพนมเปญยังมีคำตัดสินปรับเงิน นายมัม โซนันโด เจ้าของสถานีวิทยุ เป็นจำนวน 10 ล้านเรียล (2,500 ดอลลาร์) ที่ตัดสินความผิดในข้อหาที่รวมทั้งการก่อจลาจล และปลุกปั่นให้ประชาชนจับอาวุธขึ้นต่อต้านรัฐ นายโซนันโด วัย 71 ปี ที่ถูกจับกุมตัวในเดือน ก.ค. ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในข้อกล่าวหาว่าวางแผนที่จะจัดตั้งเขตปกครอง ตนเองในจังหวัดกระแจะ กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า นายโซนันโดถูกกล่าวหาโดยไร้เหตุผล และว่ารัฐบาลพยายามที่จะปราบปรามความขัดแย้งที่ดินใน จ.กระแจะ ในเดือน พ.ค. ที่เด็กสาวคนหนึ่งถูกกองกำลังรักษาความปลอดภัยที่เข้าปะทะกับผู้ชุมนุม ประท้วงยิงเสียชีวิต “ศาลประกาศคำตัดสินที่เป็นมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่มีหลักฐานที่ว่านายมัม โซนันโด กระทำความผิดตามข้อหาเหล่านั้น” อู วิรัค ประธานศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชากล่าว รูเพิร์ท แอ็บบ็อตต์ นักวิจัยองค์กรนิรโทษกรรมสากล ระบุว่า คำตัดสินรุนแรงเกินไป และระบุว่า นายโซนันโด ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มรณรงค์สมาคมประชาธิปไตย และเป็นเจ้าของสนานีวิทยุที่ดำเนินรายการวิพากษ์รัฐบาล ถูกจำคุกจากการกระทำตามสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสันติ “เราคิดว่านายมัม โซนันโด เป็นนักโทษทางความคิด และเราจะรณรงค์ให้มีการปล่อยตัวนายโซนันโด” แอ็บบ็อตต์กล่าว ประชาชนหลายร้อยคนรวมตคัวกันอยู่ภายนอกศาลเพื่อแสดงการสนับสนุนให้ กำลังใจนายโซนันโด แม้ว่าพวกเขาจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันให้อยู่ห่างศาล ด้านนายโซนันโดที่นั่งรออยู่ในรถ หลังฟังคำตัดสิน นายโซนันโดกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขามีความสุขที่ได้ช่วยประเทศชาติ ส่วนภรรยาของนายโซนันโดกล่าวกับสื่อว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์ นายโซนันโด เจ้าของสถานีวิทยุ “บีไฮฟ์” เคยถูกจำคุกในปี 2546 และ 2548 8 จากการเคลื่อนไหวทางการเมือง และกล่าวให้ร้ายรัฐบาลนายกรัฐมนตรีฮุนเซน นายกรัฐมนตรีฮุนเซน วัย 60 ปี ขึ้นบริหารประเทศนับตั้งแต่ปี 2528 และให้ปฏิญาณว่าจะอยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะอายุ 90 ปี นักเคลื่อนไหวระบุว่า ความขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดินเป็นปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เร่งด่วนที่สุดของ กัมพูชา การประท้วงรุนแรงมากขึ้่นในปีนี้ และนักรณรงค์กล่าวว่า ทางการเพิ่มการปราบรามผู้ที่เห็นต่างกับรัฐมากขึ้น.