ฝูงเรือรบจากจีนแล่นเข้าใกล้น่านน้ำประเทศญี่ปุ่น สะท้อนความตึงเครียดเหตุพิพาทหมู่เกาะยังระอุ ขณะผลวิจัยเผยจีนใช้จ่ายงบประมาณทางทหารมากเป็นอันดับ 2 ของโลก กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวว่า ในวันอังคาร เรือจากประเทศจีน 7 ลำ ซึ่งประกอบไปด้วย เรือพิฆาต 2 ลำ พร้อมปืนยิงมิสไซล์, เรือฟริเกต 2 ลำ, เรือกู้ภัยเรือดำน้ำ 2 ลำ และเรือเสบียงอีก 1 ลำ กำลังแล่นเข้าใกล้กับน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่น โดยในตอนเช้าฝูงเรือแล่นอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะโยนางุนิ ห่างออกไป 49 กิโลเมตร และมุ่งขึ้นเหนือเรื่อยๆ จากมหาสมุทรแปซิฟิกมายังทะเลจีนตะวันออก รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ซาโตชิ โมริโมโตะ กล่าวในการแถลงข่าวว่า "ในขณะนี้ เรายังไม่เห็นกิริยาใดๆ ที่เป็นภัย เช่นว่ามีเฮลิคอปเตอร์บินจากฝูงเรือมุ่งหน้ามายังประเทศของเรา หรือเรือเหล่านั้นแล่นบุกเข้ามาภายในอาณาเขตน่านน้ำของเรา" โมริโมโตะยังกล่าวอีกว่า "เราจะยังคงเตรียมระวังภัยรวมถึงทำการลาดตระเวนในเขตน่านน้ำดังกล่าวด้วย อากาศยานและเรือต่อไปเรื่อยๆ และเราจะคอยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝูงเรือรบจีนอย่างระมัด ระวัง" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในข้อพิพาทหมู่เกาะเซ็งกากุหรือ เตียวหยูระหว่างประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งดูเหมือนจะปะทุหนักขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ส่งเรือต่างๆ เช่นเรือลาดตระเวนและเรือประมงแล่นเข้าไปใกล้กับหมู่เกาะ แต่ไม่ได้มีการส่งเรือรบเข้าไปจนกระทั่งบัดนี้ อีกด้านหนึ่ง ผลการศึกษาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ประเทศจีนคือประเทศที่ใช้จ่ายงบประมาณทางทหารมากเป็นอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีน งบประมาณกลาโหมโดยรวมของจีนเติบโตขึ้นมากกว่า 4 เท่า จาก 22.5 พันล้านดอลาร์สหรัฐเป็น 89.9 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2543 ถึง 2554 นอกจากนี้ ผลวิจัยยังชี้ว่า งบประมาณทางทหารโดยรวมจาก 5 ประเทศในเอเชีย อันประกอบไปด้วย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในระยะเวลา 10 ปี และจะแซงหน้าค่าใช้จ่ายทางกองทัพของยุโรปได้ภายในสิ้นปีนี้ ค่าใช้จ่ายทางทหารของประเทศจีน อินเดีย เกาหลีใต้ และไต้หวันเมื่อปี 2554 รวมกันแล้วมากถึง 224,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้จะถือเป็นจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับงบประมาณกองทัพของสหรัฐ แต่ผลสำรวจนี้ก็อาจช่วยยืนยันว่า อเมริกาจะยังคงยึดถือนโยบายถ่วงดุลอำนาจที่หันเหทิศทางมายังภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกต่อไป.
สำนักข่าว จิจิเพรส และ เกียวโด รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อว่า การซ้อมรบครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบใหญ่
ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะใช้พื้นที่เกาะร้างในเขตจังหวัดโอกินาวาของญี่ปุ่น
กองกำลังสหรัฐฯและญี่ปุ่นซ้อมยกพลขึ้นบกที่เกาะอิริสุนาจิมะ โดยใช้ทั้งเรือและเฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะ
ญี่ปุ่นและจีน บาดหมางกันมานานหลายสิบปี ด้วยเรื่องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเล็กๆในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งญี่ปุ่นเรียกว่า "เซ็งกากุ" ส่วนจีนเรียกในภาษาของตนว่า "เตียวหยู"
แม้จะไม่มีผู้คนอยู่อาศัย แต่เชื่อกันว่าหมู่เกาะแห่งนี้เป็นแหล่งทรัพยากรอันทรงคุณค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
สำหรับเกาะอิริสุนาจิมะ เป็นเกาะเล็กๆซึ่งกองกำลังสหรัฐ ในญี่ปุ่นใช้เป็นสถานที่ซ้อมยิง และตั้งอยู่ในเขตทะเลจีนตะวันออก เช่นเดียวกับหมู่เกาะเซ็งกากุ ทว่าห่างกันหลายร้อยกิโลเมตร
จิจิเพรส รายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯบางคน เริ่มหวั่นใจว่าจีน จะออกมาตอบโต้แผนซ้อมรบครั้งนี้อย่างรุนแรง
กองทัพจีนซ้อมรบ-ญี่ปุ่นตรวจพบกองเรือจีน7 ลำ
กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน จัดการซ้อมรบทหารราบครั้งใหญ่ ท่ามกลางวิกฤตพิพาทอ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะเตียวหยู กับญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ โดยการซ้อมรบครั้งนี้ ซึ่งปฎิบัติการโดยหน่วยกองทัพทหารนานกิง รวมทั้ง การบุกด้วยทหารราบ การซ้อมยิงปืนใหญ่ และการใช้กำลังทางอากาศ เพื่อเสริมการสนับสนุนต่อปฎิบัติการของทหารราบในการยกพลขึ้นบกและยึดเกาะ ด้วย
ปฎิบัติการนี้ มีขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่น พุ่งถึงขีดสุด หลังจากรัฐบาล อ้างว่าได้ซื้อเกาะดังกล่าวจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเกาะเตียวหยู หรือชินกากุ
ขณะเดียวกัน เครื่องบินรบของญี่ปุ่น ได้ตรวจพบกองเรือรบจีนจำนวน 7 ลำ ห่างจากน่านน้ำของญี่ปุ่นราว 200 กิโลเมตร ใกล้หมู่เกาะโยนากูนิ โดยเชื่อว่า กองเรือรบจีนเหล่านี้กำลังเดินทางกลับจีน หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมในภูมิภาคแปซิฟิก ขณะที่กระทรววกลาโหม ระบุว่า ญี่ปุ่น กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของเรือจีนอย่างใกล้ชิด
