วันนี้ ( 6 พ.ย.) กระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของลาวที่เดินหน้าสร้างเขื่อนแห่งแรกบนแม่น้ำโขง ซึ่งกลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเตือนว่า การสร้างเขื่อนไซยะบุรีอาจส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนหลายสิบล้าน คน และก่อให้เกิดการแข่งกันสร้างเขื่อนในลุ่มแม่น้ำของประเทศแถบเอเชียตะวันออก เฉียงใต้
ขณะเดียวกัน สหรัฐยังเรียกร้องให้ลาวระงับโครงการสร้างเขื่อนไซยะบุรีเอาไว้ก่อน จนกว่าการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเสร็จสิ้น แต่ถ้อยแถลงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุว่า ผลกระทบอย่างรุนแรงจากเขื่อนไซยะบุรีที่มีต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งเป็นแหล่งสร้างความมั่นคงทางอาหารและการดำรงชีวิตของประชาชนหลายสิบล้าน คนยังคงไม่แน่ชัด
ทั้งนี้ ลาวเป็นหนึ่งในชาติยากจนที่สุดของเอเชีย ดังนั้นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำจึงเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ เพราะโครงการดังกล่าวจะผลิตกระแสไฟฟ้าที่ป้อนขายให้แก่ไทย แต่ถูกคัดค้านอย่างหนักจากลาวกับเวียดนาม ส่วนฝ่ายไม่เห็นด้วยต่อการสร้างเขื่อนไซยะบุรีบอกว่า เขื่อนไซยะบุรีที่อยู่ตอนกลางของลาวจะเปิดประตูสำหรับการสร้างเขื่อนอีกหลาย สิบแห่งในแม่น้ำโขงที่มีความยาว 4,800 กิโลเมตร ทั้งในลาวและกัมพูชา อันจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนซึ่งพึ่งพาปลาและน้ำสำหรับการชล ประทาน
ก่อนหน้านั้น นายวีระพน วีระพง รมช.พลังงานของลาวเปิดเผยว่า หลังจากเตรียมการมา 2 ปี ในที่สุดรัฐบาลลาวตัดสินใจวางศิลาฤกษ์ในวันพุธที่ 7 พ.ย. แล้วเริ่มดำเนินก่อสร้างเป็นลำดับต่อไปในสัปดาห์นี้ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 108,500 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัทช.การช่างจากไทย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ตั้งอยู่ในแขวงไซยะบุรีของลาว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,260 เมกะวัตต์ ถือเป็นโครงการแรกในจำนวน 11 โครงการลุ่มน้ำโขง