ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย และผู้พิทักษ์ความเป็นไทย จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ลดท่าทียกตนข่มประเทศเพื่อนบ้าน
คนไทยส่วนมากจึงยังถูกครอบงำด้วยท่าทีอย่างนั้น แม้คนบางกลุ่มบางรุ่นพยายามทำความเข้าใจ แล้วทำใจยอมรับความจริง แต่ยังหลงเหลือซากเก่าตกค้าง เมื่อไม่ทันระวังย่อมพลั้งปากไปบ้าง ดัง กรณีนักร้องสาวไทยถูกเข้าใจว่าเหยียดลาว แม้พยายามขอโทษขอโพยกันแล้วก็ตาม ซึ่งควรเห็นใจที่พลั้งเผลอไปโดยไม่เจตนา แต่สะท้อนสำนึกทางสังคมวัฒนธรรมที่มีในไทยได้อย่างชัดเจนลาวเป็น กระแสหลักของความเป็นไทย (บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ผู้มีอำนาจไทยใช้แทนคนไทยทั่วประเทศ) เพราะมีหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีว่าบรรพชนลาว(ที่จะเป็นบรรพชน ไทย)เคลื่อนย้ายจากลุ่มน้ำโขง ลงตามเส้นทางการค้าภายใน มาอยู่ปะปนกับกลุ่มชนมอญ-เขมรบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง แล้วรับวัฒนธรรมมอญ-เขมร เลยเกิดสำนึกใหม่เรียกตัวเองด้วยชื่อใหม่ว่าไทย แล้วทิ้งความเป็นลาวลาว แปลว่า คน แต่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หากหมายถึง คนผู้เป็นนาย, ผู้มีอำนาจ, ผู้เป็นใหญ่ แล้วในที่สุดก็เป็นคำนำหน้านามกษัตริย์และผู้ที่เคารพ ต่อมา มีคำอื่นมาใช้เรียกนำหน้านามกษัตริย์แทนคำว่าลาวเช่น ขุน, ท้าว, พญา, ฯลฯ นับแต่นั้นคำว่าลาวจึงค่อยๆ เสียความหมายอันสูงสุดไป แล้วเลื่อนต่ำลงเป็นคำสรรพนามที่หมายถึง ท่าน
ลาว มีตำนานกำเนิดจากน้ำเต้าปุง ร่วมกับคนอื่นๆ รวม 5 พวก แล้วแยกย้ายกระจัดกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆ โดยยังเป็นเครือญาติกันทั้งมวลคำ ว่าลาว เคยใช้เป็นคำนำหน้านามกษัตริย์ เริ่มจากลาวจก มีในลำดับกษัตริย์วงศ์หิรัญนครเงินยาง สืบถึงพญามังราย เชียงใหม่ เช่น (ปู่เจ้า) ลาวจก, ลาวเก๊าแก้ว, ฯลฯ จนถึงลาวมิง, ลาวเมือง, ลาวเมงลูกลาวเมง คือพญามังราย ที่สร้างเมืองเชียงใหม่ คนยุคอยุธยารู้จักพวกลาวในอีก 2 ชื่อว่า ไทยใหญ่ กับไทยน้อย แล้วบอกยืนยันว่า ตัวเองเป็นไทยน้อย ก็คือลาวไทยน้อย เป็นชื่อที่คนในอยุธยา ราวเรือน พ.ศ.2000 ผูกขึ้นเรียกพวก ลาวพุงขาว หรือชาติพันธุ์ในวัฒนธรรมลาวบริเวณสอง ฝั่งโขง ทั้งฝั่งขวา (คือบริเวณอีสานในประเทศไทยทุกวันนี้) และฝั่งซ้าย (คือดินแดนลาวปัจจุบัน) ต่อเนื่องไปทางทิศตะวันออกถึงกลุ่มชาติพันธุ์พูดตระกูลไทย-ลาว ลุ่มน้ำดำ-แดง (ในเวียดนาม), กวางสี-กวางตุ้ง (ในจีน)ลาวสองฝั่งโขง ถูกเรียกสมัยหลังว่า ลาวพุงขาว เพราะไม่สักลายตามตัวเหมือนพวกไทยใหญ่ คนพวกนี้ออกเสียงตรงตามรูปอักษร คือ ท เป็น ท และ พ เป็น พไทยใหญ่ เป็นชื่อที่คนในอยุธยา ราวเรือน พ.ศ.2000 ผูกขึ้นเรียกพวก ลาวพุงดำ บริเวณลุ่มน้ำสาละวินตอนเหนือ (ในพม่า) ต่อเนื่องถึงลุ่มน้ำพรหมบุตร (ในอัสสัมของอินเดีย)ลาวลุ่มน้ำสาละวิน ถูกเรียกสมัยหลังว่า ลาวพุงดำ เพราะสักลายด้วยหมึกสีคล้ำตามตัวตั้งแต่บั้นเอวลงไปถึงแข้ง (ขา) คนพวกนี้ออกเสียง ท เป็น ต และ พ เป็น ปไทยใหญ่ยังถูกเรียกจากชาติพันธุ์อื่นๆอย่างดูถูกเหยียดหยามเป็นสัตว์เลื้อยคลานว่า เงี้ยว แปลว่า งู (เหมือนคำว่า เงือก, งึม)ไทย, คนไทย, ความเป็นไทย, และ ลักษณะไทย แรกมีขึ้นราวหลัง พ.ศ.1700 พร้อมกับวิวัฒนาการ อักษรไทย บริเวณที่ราบลุ่ม น้ำเจ้าพระยาภาคกลางแถบอโยธยา-ละโว้-สุพรรณภูมิ โดยพวกลาวที่เคลื่อนย้ายลงมาอยู่กับมอญและเขมร รับวัฒนธรรมมอญ-เขมร แล้วเรียกตัวเองด้วยคำใหม่ว่าไทย แต่ที่เรียกตนเองว่าไทย เพิ่งพบหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเก่าสุด อยู่ในวรรณคดียุคต้นอยุธยาเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์ หลัง พ.ศ.2000 นับแต่นั้นก็หลงความเป็นไทย ลืมความเป็นลาว สืบจนบัดนี้นักร้องสาวคนนั้น เป็นผลผลิตของประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย ทำให้เธอพลั้งปากตามความเคยชินที่ถูกครอบงำมานานแล้วแนว ทางแก้ไขไม่ใช่กล่าวโทษใครเป็นคนๆ (เช่น โทษนักร้องสาวคนนั้น) แต่ต้องชำระประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยทั้งระบบ ที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจบรรพชนคนไทยของตัวเองจริงๆ ว่าสายแหรกสำคัญสายหนึ่งคือลาว