"เวินเจียเป่า" ไม่ฟังใคร อ้างทิ้งทวนจีนครองทะเลจีนใต้ชอบธรรม
การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกในกรุงพนมเปญวันอังคารนี้ได้กลายเป็นเวทีแห่ง การปะทะคารมและตอกย้ำจุดยืนต่อปัญหาทะเลจีนใต้อย่างตรงไปตรงมา ระหว่างผู้นำจีนกับผู้นำสหรัฐ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เป็น และยังเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ผู้นำจีนประกาศว่าการครอบครองทะเลจีนใต้ เป็นสิ่งที่ชอบธรรม จีนไม่ปรารถนาที่จะหยิบยกปัญหาดังกล่าว ขึ้นมาหารือ "ในโอกาสเช่นนี้" และยังยืนยันด้วยว่า จีนสามารถจัดการกับปัญหาความขัดแย้งได้เป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ปัญหาที่ฝ่ายจีนก่อขึ้น นายเวินเจียเป่ากล่าวในวันเดียวกัน ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี ประธานาธิบดีสหรัฐบารัก โอบามา ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพิพาททะเลจีนใต้ใช้ความอดทนและอด กลั้น และท้าทายฝ่ายจีนที่ประท้วงต่อการเข้ายุ่งเกี่ยวของสหรัฐ นายโอบามาได้ให้น้ำหนักต่อการประกาศครอบครองพื้นที่ทะเลจีนใต้เกือบ ทั้งหมดโดยฝ่ายจีน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลสะท้านสะเทือนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทูต เช่นเดียวกันกับปัญหาพิพาทระหว่างจีน ญี่ปุ่นกับเกาหลีเหนือหมู่เกาะเล็กๆ ในแปซิฟิกซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ "ผมคิดว่าประธานาธิบดีโอบามาได้ส่งสารแสดงให้เห็นความจำเป็นที่จะ ต้องลดความตึงเครียดลง.. เพื่อประกันว่า ความขัดแย้งเหล่านี้จะไม่แพร่ขยาย" นายเบน โรดส์ ผู้ช่วยอาวุโสคนหนึ่งของประธานาธิบดีสหรัฐกล่าว ในการโต้ตอบต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้นำสหรัฐกับผู้นำเอเชียคนอื่นๆ ในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก 18 ประเทศในเมืองหลวงของกัมพูชา นายเวินเจียเป่า นรม.จีน ได้สร้างความแปลกใจให้กับทุกฝ่ายโดยบออกปกป้องการกล่าวอ้างของฝ่ายจีน "เราไม่ต้องการนำเอาข้อขัดแย้งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาในโอกาสเช่นนี้" นายเวินบอกกับนายโอบามาและผู้นำชาติอื่นๆ ในโอกาสสุดท้ายของการประชุมอันสำคัญที่จัดขึ้นปีละครั้ง นางฟู่อิงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเป็นผู้เปิดเผยเรื่อง นี้ "การกระทำของจีนในการปกป้องอธิปไตยเป็นสิ่งจำเป็นและมีความชอบธรรม.. และเราจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จีนไม่ได้ก่อขึ้นได้เป็นอย่างดี" รมช.ต่างประเทศจีนอ้างคำกล่าวของผู้นำจากปักกิ่งในที่ประชุม กัมพูชาเป็นประเทศสุดท้ายในการตระเวนเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ปธน.สหรัฐ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งที่ได้เข้าร่วมการประชุมเวทีนี้ ในขณะที่สหรัฐหันเปลี่ยนนโยบายจากตะวันออกกลางมาให้ความสำคัญต่อเอเชีย แปซิฟิก ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อการขยายอำนาจอิทธิพลของจีนเข้าสู่เอเชียตันออก เฉียงใต้