กฟผ.เผยก่อนปี 73 มีแผนซื้อไฟฟ้าจากลาว-พม่าอีก 2 หมื่นเมกะวัตต์
นครพนม - กฟผ.เปิดสถานีไฟฟ้าแรงสูงนครพนม 2 รับไฟจากเขื่อนเทิน-หินบูน สปป.ลาว 230 กิโลโวลต์ รับการลงทุนเติบโต รองผู้ว่าฯ เผยก่อนถึงปี 2573 เตรียมซื้อไฟฟ้าจากลาวและพม่าอีก 2 หมื่นเมกะวัตต์ รองรับความต้องใช้ที่สูงกว่า 5 หมื่นเมกะวัตต์ วันนี้ (6 ธ.ค.) นายธนา พุฒรังสี รองผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยหลังพิธีเปิดสถานีไฟฟ้าแรงสูงนครพนม 2 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ว่าสถานีแห่งนี้รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “เทิน-หินบูน” แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) 230 กิโลโวลต์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้ไฟฟ้าแก่ประชาชน ตลอดจนการลงทุนในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะ จ.นครพนม ซึ่งหลังมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแล้ว จากข้อมูลจังหวัดชี้ว่ามีการขยายตัวด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น จึงถือเป็นการเพิ่มความมั่นใจด้านพลังงานให้กับนักธุรกิจที่จะมาลงทุน รวมทั้งเป็นการเตรียมรองรับการลงทุนก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีกไม่กี่ปี ข้างหน้านี้ “ในภาพรวมทั้งประเทศใช้กระแสไฟฟ้ากว่า 2 หมื่นเมกะวัตต์ต่อปี ซึ่งจะซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนพลังน้ำใน สปป.ลาวอีกราว 9 เขื่อน รวม 2,000 เมกะวัตต์ โดยปี 2558 จะมีการลงนามระหว่างรัฐบาลไทยและลาว โดยลาวจะผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้ 7,000 เมกะวัตต์ และก่อนถึงปี 2573 กฟผ.มีแผนจะซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว 1 หมื่นเมกะวัตต์ และพม่า 1 หมื่นเมกะวัตต์” นายธนากล่าว และว่า กฟผ.ประเมินว่าปี 2573 ไทยจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 5 หมื่นเมกะวัตต์ จึงต้องเตรียมพร้อมตรงจุดนี้ นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า การเปิดสถานีไฟฟ้าครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับนักธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในนครพนม เพราะข้อมูลด้านเศรษฐกิจหลังจากมีการเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขงมีดัชนีชี้ วัดเพิ่มขึ้น อาทิ การค้าชายแดนเพิ่มขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ยอดนักท่องเที่ยวผ่านท่าอากาศยานตอนที่ยังไม่มีสะพานเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2,000 คน หลังจากเปิดสะพานเพิ่มขึ้นกว่า 4,000 คน