ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: กงล้อประวัติศาสตร์ลาว
Anonymous

Date:
กงล้อประวัติศาสตร์ลาว
Permalink   
 


กงล้อประวัติศาสตร์ลาว

5afgbii8ehbhhc6fhk5a7.jpg

กงล้อประวัติศาสตร์ลาว

กงล้อประวัติศาสตร์ลาว : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

              ได้รับหนังสือ "ประวัติศาสตร์เมืองพวน" ในเวลาไล่เลี่ยกันก็ได้รับข่าวสารจากฝั่งซ้าย นักพัฒนารางวัลแมกไซไซคนแรกของเมืองลาว ถูกกลุ่มชายนิรนามอุ้มตัวขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ป้องกันความสงบ (ปกส.)

              "ประวัติศาสตร์เมืองพวน" เป็นหนังสือรวบรวมและเรียบเรียงโดย เจ้าคำหลวง หน่อคำ จัดพิมพ์โดยสมาคมลาวพวนในสหรัฐ เมื่อปี 2549 สุจิตต์ วงษ์เทศ มีความสนใจจึงมอบให้ พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร มหาบัณฑิตทางภาษาโบราณตะวันออก จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ถอดแปลเป็นอักษรไทย และให้อาจารย์สมชาย นิลอาธิ ตรวจทานเนื้อความอีกทีหนึ่ง

              อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ลาวของนักวิชาการไทยมาหลายเล่ม แต่กลับชอบประวัติศาสตร์ฉบับ "เรื่องเล่า" ของเจ้าคำหลวง หน่อคำ โดยเฉพาะเรื่องของราชวงศ์ลาวกับรอยต่อการเปลี่ยนแปลงจาก "ระบอบเก่า" สู่ "ระบอบใหม่" แค่ได้อ่านช่วงปลายๆ ของราชวงศ์หลวงพระบาง ก็น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว

              "การอวสานของสถาบันราชวงศ์ล้านช้างร่มขาวของลาวเราในมื้อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ.1975 นั้น แม่นเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของพระบรมวงศานุวงศ์ของหลวงพระบางเอง แบบไส้อยู่ในท้องกลับเกิดเป็นหนอน พยาธิมันเกิดเจาะอยู่ทางในของร่างกายก่อน แต่พอเมื่ออาการหนักขึ้นมาแล้ว จึงได้เห็นมันลามออกมาทางนอก แล้วทางนอกจึงแทรกแซงกลับคืนเข้าไปทางใน"

              เจ้าคำหลวงสรุปได้ในวันที่ตัวท่านและครอบครัว ต้องไปอยู่ใน "ศูนย์สัมมนา" ที่เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน ซึ่งการนำเอาเชื้อพระวงศ์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไปสัมมนาเพื่อดัดสร้างความคิด โดยพรรคประชาชนปฏิวัติลาวอ้างว่าเพื่อให้คนเหล่านี้เป็น "คนใหม่" ในระบอบใหม่

              ฉะนั้นคำว่า "ไปสัมมนา" จะมีความหมายในเชิงลบของผู้ประสบการณ์จากเมืองเวียงไซ และหากผู้ใดคิดต่างจากพรรคลาวก็มักถูกเตือนว่า "ระวังถูกเชิญไปสัมมนา"

              การหายตัวไปของ สมบัด สมพอน นักพัฒนาอาวุโสของลาว เจ้าของรางวัลแมกไซไซปี 2548 หายตัวไประหว่างการขับรถกลับบ้านพักในกรุงเวียงจันทน์ ในช่วงระหว่าง 17.00-18.00 น.ของวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายคนนึกถึงเรื่องเล่าของเจ้าคำหลวง

              เมื่อ 8 ปีที่แล้ว สมบัดมาร่วมประชุมเรื่อง "เขื่อนแม่น้ำโขงสายหลัก-เสียงประชาชนข้ามพรมแดน" ในเวทีของเอ็นจีโอไทย เขาพูดถึงการทำงานพัฒนาบนดินแดนลาวกับนักข่าวเนชั่นสุดสัปดาห์อย่างระมัด ระวัง

              "ในด้านกฎหมายลาว บ่มีเอ็นจีโอ ที่มีอยู่ ก็เป็นเอ็นจีโอต่างประเทศ ผมทำงานในนามนักพัฒนา ครั้งแรกเป็นนักเกษตรศาสตร์ ต่อมาเป็นนักพัฒนา มีเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ เราทำงานร่วมกับรัฐบาลในท้องถิ่น"

              งานพัฒนาเป็นเรื่องใหม่ในสังคมลาว สมบัดทำงานจากข้างล่างขึ้นมา เหมือนเอ็นจีโอไทยที่ลงไปคลุกกับชาวบ้านที่เป็นฐานล่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐลาวก็ไม่เข้าใจ เพราะโดยระบอบสังคมนิยม พวกเขาเป็นตัวแทนของข้างล่างอยู่แล้ว

              "การจะนำแนวคิดใหม่ๆ มาทดลอง ต้องให้เขา (เจ้าหน้าที่รัฐ) เข้าใจก่อน จึงอนุญาตให้ทดลอง ถ้าไม่อนุญาต ก็ทดลองไม่ได้"

              5-6 ปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลลาวใส่เกียร์ห้าเดินหน้าพัฒนาประเทศ ทั้งเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษต้อนรับทุนต่างชาติ การเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าที่ตั้งเป้าเป็น "หม้อไฟแห่งเอเชีย" ด้วยเขื่อนพลังน้ำตกมากกว่า 80 โครงการ และการส่งเสริมการเกษตรเพื่อการส่งออก ซึ่งโครงการเหล่านี้ย่อมผลกระทบต่อชาวบ้าน

              ปัญหาการแย่งชิงที่ดินระหว่างนายทุนต่างชาติกับชาวไร่ชาวนาก็เกิดขึ้นในหลาย พื้นที่ แต่อำนาจรัฐท้องถิ่นไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ชาวบ้าน "สมบัด" จึงต้องรับฟังปัญหาของคนยากคนจนในฐานะนักพัฒนาที่คลุกคลีอยู่กับคนฐานราก

              แล้วพลบค่ำวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ภาพจากกล้องวงจรปิดตรงป้อมตำรวจ กม.3 บนเส้นทางไปท่าเดื่อ เผยให้เห็น "สมบัด" อยู่ที่ป้อมตำรวจก่อนถูกลักพาตัวหายไป

              นี่คือภาพสุดท้ายของนักพัฒนาลาว ทำให้นึกถึงบรรยากาศอันอึมครึมในช่วงผลัดแผ่นดินเมื่อ 37 ปีที่แล้ว ที่มีคนหายไปจากบ้านพักทีละคนสองคน ด้วยข้อหามีแนวคิด "บ่เชื่อฟังพรรค บ่เชื่อฟังรัฐ"



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຂອບໃຈທີ່ເອົາມາ Share ແຕ່ຖ້າລົງເປັນພາສາລາວຄົງຈະດີກ່ວານີ້.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ກົງລໍ້ ປະຫວັດສາດລາວ ກັມລັງຈະໝູນກັບຫລັງ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ຮັຖະບານລາວກຳລັງນຳເອົາສັນດານອັນເກົ່າໆອອກມາໃຊ້ກັບປະຊາຊົນລາວອີກແລ້ວ ຖ້າພວກມັນຈະກຳຈັດໃຜ ຄົນໃດ

ກໍຕາມ ເຖິງວ່າຄົນນັ້ນຈະມີຄຸນງາມຄວາມດີຕໍ່ຊາດແລະປະຊາຊົນກໍຕາມ ແມ່ນຫາຍຕົວຫລຶກລັບໄປແບບນີ້ທຸກໆຄົນ

ໂລດ. ວັນທີ່ 12 ເດືອນມະກາຣາ ( ມັງກອນ ) 1976 ເວລາ 8 ໂມງແລງ ທີ່ຄອບຄົວຂອງຜູ້ຂ້າກຳລັງພາກັນນັ່ງອ້ອມ

ພາເຂົ້າເພື່ອຮັປະທານອາຫານຄ່ຳ ຊຶ່ງມີ ພໍ່ ແມ່ ເອື້ອຍ ອ້າຍ ຜູ້ຂ້າ ແລະ ນ້ອງຊາຍຜຸ້ຂ້າ, ໃນເວລານັ້ນກໍມີສຽງເຄາະປະ

ຕູໜ້າບ້ານດັງຂຶ້ນ ແມ່ກໍຮ້ອງໄປຖາມວ່າແມ່ນໃຜ?  ເຮົາເອງປ້າ ເຮົາທ້າວແສງກອງຫລອນບ້ານເຮົານີ້ລະ ເຮົາມາຫາ

ໝໍ ແປງ ( ຜູ້ຂ້າເອງ ) ເຮົາເອົາວິຊາເລກມາໃຫ້ມັນຕິ່ວໃຫ້. ແມ່ກໍລຸກໄປເປີດປະຕູໃຫ້ ໃນທັນໃດນັ້ນ ຕຳຣວດແນວ

ແນວລາວປະມານ 5-6 ບັກ ກໍສາກປືນແລ້ວຈີ້ໃສ່ພໍ່ ແລະບອກບໍ່ໃຫ້ຂັດຂືນ ແລ້ວກໍເອົາເຊືອກອູ່ໝັດແປ້ສອກພໍ່ຜູ້

ຂ້າໄປ. ອ້າຍຜູ້ໍຂ້າຖາມວ່າພໍ່ເຮັດຫຍັງຜິດຈຶ່ງຈັບເພິ່ນໄປ ຄຳຕອບຂອງເຂົາກໍມີຢ່າງດຽວຄືເອົາທ້າຍປືນອັດໃສ່ໜ້າທ້ອງ

ຂອງລາວ ແລະເວົ້າວ່າ ຢາກຮູ້ໃຫ້ໄປຖາມຂັ້ນເທິງ.

ພໍ່ຜູ້ຂ້າບໍ່ໄດ້ເປັນທະຫານ, ຕຳຣວດ ຫລືນັກການເມືອງໃດໆໃນຣະບອບເກົ່າ ທ່ານເປັນຂ້າຣາຊະການຄຣູ ແລະກໍເປັນ

ເອກອະທິບໍດີຢູ່ກະຊວງສຶກສາທິການ ແລະເປັນທີ່ຮັກແພງຂອງທ່ານເຫລື່ອມອິນສີຊຽງໃໝ່ ແລະ ບັກ ພູມີ ວົງວິຈິດ

ເປັນຢ່າງດີ ໃນສມັຍກ່ອນຍຶດອຳນາດ. ພໍ່ຜູ້ຂ້າບໍ່ເຄີຍມີປະວັດສໍ້ບ້ານກິນເມືອງ ບໍ່ເຄີຍເຂົ້າຮ່ວມອົງການໆເມືອງໃດໆ

ແຕ່ກໍຖືກຈັບໄປແບບບໍ່ມີຄວາມຜິດ ແລະກໍບໍ່ໄດ້ຮັບຂ່າວຄາວນັບຕັ້ລແຕ່ມື້ຖືກອູ້ມໄປຈົນເຖິງທຸກວັນນີ້.

ໄປຖາມຂັ້ນເທິງກໍຖືກປະຕິເສດວ່າຂັ້ນເທິງບໍ່ມີສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງກັບກໍຣະນີນີ້ ຖ້າຖາມວ່າຂັ້ນເທິງບໍ່ມີສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງ

ເປັນຫຍັງຜູ້ໄປຈັບໝັດເອົາພໍ່ຜູ້ຂ້າຄືວ່າເປັນຕຳຣວດ ປກສ?  ຂັ້ນເທິງຕອບວ່າ ປະຕິການມັນປອມໂຕເຂົ້າມາສ້າງ

ຄວາມບໍ່ໄວ້ເນື້ອເຊື່ອໃຈ ສ້າງຄວາມຫວຸ້ນວາຍ ແລ້ວຖີ້ມຄວາມຜິດໃສ່ພັກລັດ.

ນີ້ລະທີ່ພວກມັນຍັງໃຊ້ສັນການອັນເກົ່າມີ່ໂຕເອງເປັນຄົນບົ່ງການແລ້ວໂຍນຄວາມຜິດໃສ່ຄົນອື່ນ. ແຕ່ພວກມັນກໍໂງ່

ໄປຢ່າງນື່ງທີ່ວ່າການຫາຍຕົວຂອງທ່ານສົມບັດ ແລະ ພໍ່ຂອງຜູ້ຂ້າ ເປັນຍ້ອນປະຕິການແລະສັດຕຣູສ່ວນຕົວ ຖ້າວ່າ

ເປັນດັ່ງເຊັ່ນນັ້ນຈິງກໍແປວ່າ ການປ້ອງກັນປະເທດ ແລະປ້ອງກັນຄວາມສງົບຂອງ ສປປລາວ ມັນຮວຍແຕກທີ່ສຸດ

ທີ່ເຮັດໃຫ້ປະຕິການ ແລະຜູ້ກໍ່ການຮ້າຍສາມາດລິດລອດເຂົ້າທາສ້າງຄວາມຫວຸ້ນວາຍພາຍໃນປະເທດໄດ້.



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard