จีน-ลาวตกลงลาดตระเวนน้ำโขงเพิ่มอีก 5 ปี หลังคดี “หน่อคำ” ปล้น-ฆ่าลูกเรือ
เชียงราย - ลาวและจีนบรรลุข้อตกลงขยายเวลาส่งกองเรือติดอาวุธลาดตระเวนตลอดลำน้ำโขง ตั้งแต่ชายแดนจีนถึงสามเหลี่ยมทองคำอีก 5 ปี หลัง “หน่อคำ” ปล้น-ฆ่าลูกเรือจีน วันนี้ (21 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าหลังเกิดเหตุปล้นฆ่าลูกเรือสินค้าจีนในแม่น้ำโขง บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เมื่อปลายปี 2554 ต่อมาทางการจีนร่วมกับไทย พม่า ลาว จัดตั้งกองกำลังคุ้มกันเรือสินค้า โดยฝ่ายไทยตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) เพื่อคุ้มกันเขตน่านน้ำไทยด้วยนั้น ล่าสุดทางการจีนและลาวยังคงร่วมกันคุ้มกันเรือในแม่น้ำโขงเช่นเดิม แม้ว่านายจาย หน่อคำ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธในแม่น้ำโขงที่ก่อเหตุจะถูกศาลมณฑลยูนนาน จีนตอนใต้ ตัดสินประหารชีวิตไปแล้วก็ตาม โดยช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีรายงานว่า คณะรองหัวหน้ากรมคุ้มครองชายแดน กระทรวงสันติบาล ประเทศจีน ได้ร่วมหารือกับ พ.อ.สีพัน พุดทะวงค์ หัวหน้ากรมชายแดนและแผนที่ กระทรวงป้องกันประเทศ ประเทศลาว เรื่องการร่วมกันลาดตระเวนดังกล่าว โดยรื้อฟื้นกรณีไทย ลาว พม่า และจีน ได้ทำข้อตกลงในการจัดกองกำลังคุ้มกันเรือในแม่น้ำโขงกัน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2554 และวันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว การหารือได้ข้อสรุปว่า จีนและลาวจะขยายเวลาปฏิบัติการลาดตระเวนพร้อมกองกำลังติดอาวุธ ตั้งแต่ท่าเรือเมืองกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านของจีน ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 261.8 กิโลเมตร จนถึงสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ติดกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พร้อมกับตกลงแต่งตั้งเจ้ากรมคุ้มครองชายแดน และกองบัญชาการใหญ่ตำรวจป้องกันชายแดน มณฑลยูนาน เป็นผู้ปฏิบัติการตามกฎหมายของประเทศจีน ขณะที่ทางลาว โดยกระทรวงป้องกันประเทศได้จัดให้เจ้ากรมชายแดนและแผนที่ รวมทั้งกองบัญชาการทหารแขวงบ่อแก้ว-แขวงหลวงน้ำทา เป็นผู้ปฏิบัติการเช่นกัน โดยกำหนดให้ลาดตระเวนร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และให้ศูนย์ปฏิบัติการของลาวที่เมืองมอม เป็นศูนย์ประสานงาน นอกจากนี้ ที่ประชุมบรรลุข้อตกลงด้วยว่าให้มีการลาดตระเวนต่อเนื่องไปอีก 5 ปี นับตั้งแต่การลงนาม หากฝ่ายใดต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงให้แจ้งอีกฝ่ายทราบอย่างเป็นทางการ โดยผ่านทางการทูตล่วงหน้า 6 เดือน ซึ่งทำให้แม่น้ำโขงตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำขึ้นไปถึงเมืองกวนเหล่ย จะเป็นเมืองที่จะมีการลาดตระเวนคุ้มกันอย่างแน่นหนา ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของการเดินเรือสินค้า ขณะที่รายงานข่าวจากหน่วยงานด้านการเดินเรือในแม่น้ำโขง ระบุว่า หลังเกิดเหตุปล้นฆ่าลูกเรือเรือจีนเมื่อปี 2554 ทำให้เรือสินค้าจีนจากเดิมที่เคยมีกว่า 110 ลำ ลดลงเหลือเพียง 40-50 ลำเท่านั้น ขณะที่เรือสัญชาติลาว กลับหันมาขนส่งสินค้าระหว่างไทย-จีนมากขึ้น โดยมีการขนส่งผ่านลาว และพม่า เพราะเรือลาวมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 100 ตัน ไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวและโขดหินในแม่น้ำโขงไปถึงท่าเรือกวนเหล่อยได้ โดยปัจจุบันมีมากกว่า 200 ลำแล้ว