ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: “หลวงปู่เณรคำ”พระในตำนานลุ่มน้ำโขงภูเขาควาย สปป.ลาว....ทำไมถึงกลายมาเป็น”พระลวงโลก”
Anonymous

Date:
“หลวงปู่เณรคำ”พระในตำนานลุ่มน้ำโขงภูเขาควาย สปป.ลาว....ทำไมถึงกลายมาเป็น”พระลวงโลก”
Permalink   
 


“หลวงปู่เณรคำ”พระในตำนานลุ่มน้ำโขงภูเขาควาย สปป.ลาว....ทำไมถึงกลายมาเป็น”พระลวงโลก”

556000008932601.JPEG556000008932602.JPEG

 

นครพนม-เผย"หลวงปู่เณรคำ"มี ที่มาย้อนหลัง70-80ปีก่อนเป็นตำนานพระธุดงค์สายปฏิบัติในลุ่มน้ำโขง"ภูเขา ควาย"สปป.ลาว แต่ถูกอุปโลกน์จากพระปลอมฝั่งไทย ใช้ชื่อหลวงปู่เณรคำหลายรูปหากินจากศรัทธาชาวบ้าน
       
       ข่าว”หลวงปู่เณรคำลวงโลก”กลายเป็นประเด็นโด่งดังทางสื่อในขณะนี้ แต่ยังไม่มีใครทราบว่าจริงๆ แล้ว หลวงปู่เณรคำตัวจริงมีที่มาอย่างไรและมาจากไหน
       
       ต้องย้อนไปเมื่อ 70-80 ปี ในลุ่มน้ำโขง”ภูเขาควาย” สปป.ลาว เทือกเขาสูงชันเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับภูผีพนาค ในวงการพระธุดงค์สายปฏิบัติจะรู้กันภูเขาควายนั้นเปรียบเสมือน"มหาลัยสงฆ์ สายพระป่า” และหาเหตุผลอ้างอิงได้ลองค้นดูชีวิตประวัติพระเกจิชื่อดังตั้งแต่ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้นฯลฯ หลายองค์ที่ล่วงลับ”ล้วนแต่ผ่านภูเขาควาย”มาทั้งนั้น
       
       ตามตำนานหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ”หลวงปู่เณรคำ”แม้กระทั่ง หลวงปู่คำคะนิงเกจิสายปฏิบัติที่มรณะดับภาพไปแล้ว และหลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนเกด จ.ศรีสะเกษ ตลอดจนสมเด็จลุนสุดยอดเกจิชื่อดังฝัง สปป.ลาว หลวงปู่สรวง ก็ล้วนได้กล่าวถึงเณรคำร่วมเดินธุดงค์ ด้วยกันบนภูเขาควาย
       
       ถึงแม้เณรคำจะเป็นเณรอายุราว 20 ปี แต่พระเกจิเหล่านี้นั่งทางในจะรู้ด้วยญานว่า เณรคำมีอายุราว 120 ปี คือเป็นพระไม่แก่
       
       สอดรับกับเรื่องชาวบ้านฝั่ง สปป.ลาวพาลูกสาวอายุ 14-15 ปี ออกมาใส่บาตรรกับหลวงปู่เณรคำ ต่อมาเณรคำก็หายไปวันหนึ่งลูกสาวอายุ 14-15 ในวันนั้นต่อมาอายุ 70 ปีออกมาใส่บาตรเขาจำได้ว่าเป็นเณรที่เขาใส่บาตรแต่เณรคำกลับยังไม่แก่ จึงกลายเป็นตำนานที่รู้กันในลุ่มน้ำโขงใน...หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเคยเห็น เณรคำอีกเลย…..
       
       และ นี่คือจุดเริ่มต้นของ”เณรคำลวงโลก” ที่โด่งดั่งในขณะนี้
       
       ปัจจุบัน มีพระอุตริยกตนว่า”เป็นหลวงปู่เณรคำตัวจริงถึง 2 ราย และโด่งดังมากในห้วง 3-5 ปีมานี้ โดยมีพฤติกรรมเหมือนกัน ทั้งที่จ.ศรีสะเกษ และนครพนม
       
       ชาวบ้านในอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม ออกมากล่าวในทำนองว่าที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้มีพระรูปหนึ่งอ้างตนว่าเป็นหลวงปู่เณรคำ มาตั้งวัดที่ วัดภายในบ้านคำไฮ ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ซึ่งเป็นวัดชื่อดังมาก
       
       ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมที่แหวกแนวเช่นกัน เช่น ตักบาตรเทวดาตอน 6 ทุ่มวันขึ้นปีใหม่ มีทหาร ตำรวจ ประชาชน พ่อค้า นายธนาคาร มาร่วมทำบุญบริจาคเงินจำนวนมาก ภายใต้คอนเช็ปต์ ”คนเหนือโลกเทวดาเดินดินหลวงปู่เณรคำ ” เช่นกันและมีข่าวที่ไม่ดีเช่นกันแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
       
       นายพนมศักดิ์ วะตะมะ อายุ 46 ปี กำนันตำบลหาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พรนายเวา นามเมด อายุ 36 ปี ส.อบต.หาดแพง นายสังวาลย์ สิงห์งอย อายุ 37 ปี ผู้ใหญ่บ้านคำไฮ หมู่ 8 ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม และผู้นำท้องถิ่น ที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณวัดเล่าว่า เดิมทีเป็นสวนยางพารา ชาวบ้านศรัทธายกที่ให้ตั้งสำนักสงฆ์ เดิมทีไม่มีอะไร เมื่อ3 ปีก่อน เป็นเพิงหญ้า หลวงปู่องค์นี้จะมีอายุหนุ่มราว 25 ปี ใส่ผ้าสบงสีดำเก่าๆขาดๆมีไม้เท้าพญานาค
       
       หลังจากคนศรัทธามาบริจาคมากก็มีการพัฒนาวัดสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้น พบมีการจัดทำป้ายบอกทางชื่อ วัดหลวงปู่เณรคำ ส่วนวัดดังกล่าวทราบชื่อคือ วัดป่าสามัคคีธรรม ตั้งอยู่ในพื้นที่กว่า 4 ไร่ ท้ายหมู่บ้านคำไฮ ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
       
       ภายในวัดพบมีการก่อสร้างศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงพบการก่อสร้างพระเจดีย์คำแก้ว ขนาดใหญ่ ที่เกือบแล้วเสร็จ
       
       นอกจากนี้ ภายในวัดยังพบศาลากุฏิเรือนรับรองที่มีการจัดแสดงกิจวัตรของพระที่ชื่อ หลวงปู่เณรคำ เกี่ยวกับพิธีกรรมต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นพิธีกรรมใหญ่ และมีชาวบ้าน รวมถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่มาร่วมงานจำนวนมาก แต่สอบถามทราบว่า พระหลวงปู่เณรคำ ไม่อยู่ภายในวัดประมาณ 4 -5 เดือน แล้ว โดยไม่มีใครทราบที่ไปที่มา มีเพียงพระลูกวัด จำนวน 2 รูป ที่มาอาศัยอยู่ในวัด เพื่อรอจำพรรษา
       
       นายพนมศักดิ์เล่าอีกว่า เดิม วัดป่าสามัคคีธรรม บ้านคำไฮ ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เป็นที่พักสงฆ์ ยังไม่ได้มีการขออนุญาตจัดตั้งเป็นวัดตามกฎหมาย ซึ่งย้อนหลังไปประมาณ 4 - 5 ปี หลวงปู่เณรคำ หรือชื่อเดิม คือ พระทองใบ ปัญญาพโล อายุ 30 ปี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ครูบาอึ่ง ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ก่อนได้บรรพชาเป็นสามเณร และเดินทางมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ เพราะไม่มีพระดูแล จนกระทั่งในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา พบว่า พระทองใบ ได้ไปอุปสมบทเป็นพระสายธรรมยุติ โดยไม่มีใครรู้ถึงที่ไปที่มา หลังไปธุดงค์ และมีการเปลี่ยนฉายาเป็น หลวงปู่เณรคำ อย่างน่าแปลกใจ
       ชาวบ้านตรวจสอบแล้วเป็นคนละรูปกับหลวงปู่เณรคำ ที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนมีการสร้างชื่อเสียงความศรัทธาของชาวบ้านด้วยการแสดงแสดงตัวเป็นเกจิ อาจารย์ คอยรักษาโรคที่เกิดจากไสยศาสตร์ ความเชื่อเรื่องผี และ พิธีสะเดาเคราะห์ เนื่องจากเชื่อว่า หลวงปู่เณรคำคือร่างของเทพเจ้าตามตำนานที่มาโปรดชาวโลก
       
       จนกระทั่งได้รับฉายานามว่า คนเหนือโลก ทำให้มีชื่อเสียงภายใน 2 -3 ปี อย่างเหลือเชื่อ จนมีชาวบ้านจากทั่วสารทิศแห่มาทำบุญ บริจาคเงินจำนวนมาก ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือนักธุรกิจที่ร่ำรวย จากต่างจังหวัดเดินทางมาทำบุญไม่ขาดสาย
       
       จนกระทั่งในปี 2552 ทางวัดได้มีการจัดพิธีใหญ่สร้างเจดีย์ ชื่อ เจย์ดีคำแก้วสมปรารถนา ขึ้น ที่มีผู้ใจบุญมาร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคเงินก่อสร้างมากกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันทำการก่อสร้างไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งทำให้เกิดกระแสความศรัทธามากขึ้น แต่ทางคณะกรรมการหมู่บ้านบางส่วนที่ไม่หลงเชื่อ ได้พยายามประสานงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อติดตามพฤติกรรม เกรงว่าจะเป็นการแฝงผลประโยชน์หลอกลวงชาวบ้าน เพราะบางครั้งพบว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับความเป็นพระรักษาศีล
       
       ในที่สุดได้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้พบข้อมูลว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2554 มีเอกสารบันทึกประจำวันของ สภ.คำป่าหลาย จ.มุกดาหาร ระบุว่า หลวงปู่เณรคำเคยถูกจับกุมหลังขับรถไปกับสีกาลำพัง และมีอาวุธปืนในรถ ก่อนสื่อมวลชนได้ติดตามเสนอข่าวถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นที่มาของก่อน หลวงปู่เณรคำ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสีย โดยมีกำนัน ตกเป็นจำเลย ด้วยเมื่อเดือนสิงหาคม 2555
       
       แต่สุดท้ายศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง เมื่อเดือนมกราคม 2556 แต่หลวงปู่เณรคำ ได้หายไปจากวัด ตั้งแต่มีการยื่นฟ้องร้อง สอบถามคนใกล้ชิดอ้างว่า ไปปฏิบัติธรรมอยู่ประเทศลาว ทำให้การดำเนินกิจวัตรภายในวัดทุกอย่างหยุดชะงักลง เพราะชาวบ้านเริ่มหมดศรัทธา
       
       นายพนมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนมองว่าอาจจะเป็น ขบวนการลวงโลก ที่มีการอุปโลกน์สร้างชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำ เพื่อแฝงประโยชน์ ส่วนจะเชื่อมโยงกันหรือไม่นั้นอยากให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ เพราะทราบว่า มีพระหลายรูปที่ตั้งชื่อ หลวงปู่เณรคำ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ในส่วนของเรื่องคดีหลังศาลยกฟ้องทางตนจะไม่เอาความอีก ปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรม แต่จะไม่ยอมให้ หลวงปู่เณรคำ กลับมาจำวัดอีกแน่นอน เพราะจะสร้างความเสื่อมเสียให้ชาวบ้าน และเชื่อว่าคงไม่กลับมาอีก เพราะมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เงินทอง ที่ติดค้างกับร้านค้าต่างๆ ที่นำมาก่อสร้างวัดอีกจำนวนมาก
       
       ส่วนวัดที่เกิดขึ้นถือเป็นสิ่งปลูกสร้างทางศาสนา จะได้ร่วมกันกับชาวบ้านทำนุบำรุง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านต่อไป และหาพระดีๆ มารักษาดูแล



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

“ไอ้คำ” ค้า “ขนมนรก”สร้างภาพขึ้นมาเพื่อฟอกเงิน

556000008851810.JPEG556000008851811.JPEG556000008851808.JPEG556000008851801.JPEG

       แหล่งข่าวระดับสูงเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง เปิดเผยถึงเส้นทางความร่ำรวยของ นายวิรพล ชุมพล หรือ “ไอ้คำ” ว่า ความจริงนั้นไอ้คำ ไม่ได้ร่ำรวยมาจากแรงศรัทธามหาศาลที่ไอ้คำ และทีมงานอุปโลกน์สร้างขึ้นมาตบตาหลอกลวงญาติโยม และประชาชน การสร้างภาพเรียกแรงศรัทธานั้นเป็นเพียงส่วนประกอบในการ “ฟอกเงิน” จากการค้า “ขนมนรก” ก็คือยาเสพติดเกือบจะทั้งสิ้น โดยอุปโลกน์ตัวเลขขึ้นมาว่า มีญาติโยมถวายเงินให้ครั้งละจำนวนมาก 20 ล้านบาทบ้าง 30 ล้านบาทบ้าง หรือ 50 ล้านบาทบ้าง รวมทั้งการแต่งตัวเลขยอดทอดกฐิน ผ้าป่าสามัคคีจาก 1 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท จาก 10 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท มาเป็นภาพลวงตาบังหน้าในการฟอกเงินจากการค้า “ขนมนรก” เท่านั้น
       
       สำหรับเส้นทางการค้า “ขนมนรก” ของ ไอ้คำ แหล่งข่าวคนเดียวกันคนนี้บอกว่า ไอ้คำ มันทำมานานแล้ว ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นพระดัง พระอริยะเสียอีก ซึ่งหลังจากที่มันสร้างภาพตัวมันจนดังแล้ว ค้าขนมนรกจนรวยแล้ว มันก็เริ่มวางมือแล้วให้ลูกสมุนที่เป็นลูกษ์ของมันรับช่วงทำต่อโดยมันเป็น นายทุนให้ แต่ก็ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่มัน
       
        โดยไอ้คำ มันค้าขนมอยู่ 2 ประเภทคือ ขนม “ตราสิงห์เหยียบโลก” กับ “น้ำแข็ง” หรือ “ไอซ์” ส่วน “ขนมเม็ด” นั้นมันไม่ทำ มันจะให้ลูกศิษย์ทำ ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ) ก็เคยจับตามันอยู่ แต่ไม่สามารถทำอะไรกลุ่มขบวนการนี้ได้ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ของไทย ซึ่งก็ทำอะไรมันไม่ได้เช่นกัน
       
       สำหรับขนมนรก ที่ ไอ้คำ มันค้านั้น จะถูกลำเลียงมาจากทางภาคเหนือของไทยผ่านมาทางประเทศเพื่อนบ้าน โดยขนมนรกทั้งหมด ทั้ง “ตราสิงห์เหยียบโลก” กับ “น้ำแข็ง” ฝ่าย พ.ท.ยี่เซ อดีตสมุนคนสำคัญของขุนส่า เป็นฝ่ายจัดหามาให้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากทางภาคเหนือของไทย ลงไปยังประเทศเพื่อนบ้านทาง จ.อุบลราชธานี และ จ.มุกดาหาร
       
       ส่วนสาเหตุที่มันไม่ยอมลำเลียงผ่านมาทางภาคเหนือ เพราะเส้นทางนั้น “เจ้าที่มันแรง” มันก็เลยต้องเอามาเข้าเส้นทางนี้ เพราะเส้นทางภาคเหนือเขามีเจ้าที่เดิมเขาอยู่
       
       แฉ “พ.ท.ยี่เซ” จัดหาขนมนรกให้ไอ้คำ
       
       สำหรับการลำเลียงจะทำกันในหลายรูปแบบเป็นขบวนการใหญ่ โดยจะทำการเป็นลักษณะล็อตใหญ่ด้วยการซุกมาในท่อนซุง โดยอาจจะใช้วิธีการผ่าไม้ซุงแล้วยัดขนมลงไปแล้วนำมาพักไว้ที่ทางตอนใต้ของ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะมีการชักลากไม้ซุงเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งจากประเทศกัมพูชา และลาว แล้วมาผ่านขบวนการด่านศุลกากรเข้ามาทางด้าน จ.อุบลราชธานี และ จ.มุกดาหาร แต่ส่วนใหญ่ไม้ซุงจะเข้าทางด้าน จ.อุบลราชธานี มากกว่า
       
       โดยไม้ซุงทั้งหมดจะมาเป็นท่อนๆ มีทั้งแบบชักลากผ่านรถชักลากขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งก็เป็นท่อนซุงเหมือนกันแต่จะตัดสั้นแล้วขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์มา โดยมีการใส่ปะปนกันมา โดยนำเข้ามาทีละมากๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับกันได้ยาก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าท่อนไหนแอบซุกยานรกเข้ามา เพราะการนำเข้ามามีจำนวนมาก เป็นตู้ๆ อีกทั้งไม้ซุงนี้ก็เป้นไม้ระหว่างชาติ หน่วยงาน ดีอีเอ ของอเมริกา และเจ้าหน้าที่ของไทยมีการเฝ้าจับตามานานแล้ว แต่มันไม่ได้หลักฐานชัดเจน เพราะการจะตรวจยึดนั้นมันต้องผ่าออกมาดู สำหรับไม้ซุงพวกนี้จะมีการนำลงเรือปลายทางอยู่ที่กลุ่มประเทศละตินอเมริกา
       
        “ไอ้คำ มันค้าขนมนรก กับ พ.ท.ยี่เซ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยจะไปซื้อขนมนรกมาจากกลุ่มสมุนของ พ.ท.ยี่เซ ที่เป็นพวกจีนฮ่อ ซึ่งกลุ่มพวกจีนฮ่อนี้จะเข้ามาบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้านของเราในลักษณะ พ่อค้าไม้จากภาคเหนือ มาทำไม้อยู่ทางตอนใต้ประเทศเพื่อนของเรา แล้วนำไม้เข้ามาในประเทศไทย ผ่านด่านศุลกากรอย่างถูกต้องแล้วก็นำลงเรือส่งออกพื้นที่เป้าหมาย โดยผ่านออกทางอ่าวไทย” แหล่งข่าวผู้นี้ระบุ
       
       แหล่งข่าวคนเดียวกันนี้เปิดเผยต่อว่า กลุ่มขบวนการจีนฮ่อ ลูกสมุน พ.ท.ยี่เซ ที่ค้าขนมนรกมาในคราบของพ่อค้าไม้นี้จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาครั้งละ จำนวนมาก ซึ่ง ไอ้คำ มันจะไปซื้อมาจากพ่อค้าพวกนี้ โดยจะมีการค้าขายกันเป็นล็อตๆ ครั้งละ 100 กิโลกรัม 200 กิโลกรัม 300 กิโลกรัม หรือ 500 กิโลกรัม โดยไอ้คำ มันจะข้ามไปซื้อในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเอง จากนั้นจะใช้วิธีการลำเลียงเข้ามายังฝั่งไทยปลายทางประเทศกลุ่มละตินอเมริกา
       
       ส่วน ไอ้คำ จะซื้อขนมนรกจากพวกพ่อค้าจอมปลอมค้าไม้นี้ราคาเท่าไรพวกมันไม่สน แต่ต้องซื้อของมันครั้งละมากๆ จากนั้น ไอ้คำ มันจะนำไปขายต่อในราคาเท่าไรก็แล้วแต่ ซึ่งเมื่อไอ้คำ มันซื้อมาแล้วก็จะนำเข้าไทยในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่สามารถจับมันได้ โดยเข้ามาทาง อ.เขมราช และทางช่องเม็ก โดยผ่านด่านศุลกากรที่เขมราช และช่องเม็ก แต่ช่วงนี้ไม่มีแล้ว แต่ถ้าเราย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มันจะเข้ามาทางนี้คือทาง อ.เขมราช และทางช่องเม็ก
       
        “สำหรับขนมนรก ตราสิงห์เหยียบโลก กับ น้ำแข็ง นี้ ในพื้นที่นี้ไม่นิยมเล่นกันคือไม่มีการค้าร่วม ไม่เหมือนขนมเม็ด แต่ขนมเม็ดผมจะไม่พูด เพราะไอ้คำ มันไม่เล่นขนมเม็ดมันเล่นของใหญ่ ครั้งเดียวรวย เมื่อไม่พอก็ค้าอีก โดยนำส่งไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ส่วนหนึ่งก็เข้ายุโรป แต่ไปในรูปของไม้ซุงคือ การค้าไม้ โดยจะมีคนระดับเจ้าพ่อใหญ่ทางโน้นคอยรับช่วงต่อ” แหล่งข่าวเผย
       
       หลังร่ำรวยแล้วก็นำเงินมาฟอกเข้าระบบ
       
       พร้อมกับเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ไอ้คำ มันทำจนร่ำรวยแล้ว มาช่วงหลังมันไม่ทำแล้ว เพราะมันอิ่มตัว รวยแล้ว และเมื่อรวยแล้วมันก็เอาเงินจากการค้าขนมนรกนี้เข้าสู่ขบวนการฟอกเงิน เอาเงินของมันเข้าสู่ระบบ ส่วนการค้าขนมนรกจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกศิษย์ หรือลูกสมุนมันทำ โดยมันเป็นนายทุนให้ แต่กลุ่มลูกศิษย์มันทำแต่ขนมเม็ด แต่ต้องส่งเงินส่งปันผลให้แก่มัน จนกระทั่งมาช่วงหลังเรื่องเริ่มฉาว ข่าวเริ่มดัง เจ้าหน้าที่เริ่มเข้ามาจับตา ไอ้คำ เริ่มมีปัญหา คนพวกนี้ก็เริ่มแตก กลุ่มลูกศิษย์ที่ไหวตัวทันก็ดีดตัวออกห่าง เอาตัวรอดไว้ก่อน
       
       สำหรับขบวนการฟอกเงินนั้นมีหลายรูปแบบ รูปแบบที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ รูปแบบการบริจาคเงิน ที่มีการอุปโลกน์ตัวเลขการบริจาคเงินเป็นจำนวนมากๆ แล้วนำเงินเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคาร และการนำเงินเข้าสู่กระบวนการของธนาคารในรูปแบบโยมถวายเงินจำนวนมากๆ ถวายทองคำ และแหวนเพชรจำนวนมากๆ รวมทั้งการสร้างวัด สร้างบ้านให้พ่อแม่ สร้างมูลนิธิขนาดใหญ่ การซื้อรถยนต์หรูจำนวนหลายคัน โดยเฉพาะรถยนต์เบนช์กว่า 20 คัน เป็นเงินร่วม 100 ล้านบาท และเช่าเหมาลำเครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งเป็นในรูปแบบของการฟอกเงินทั้งสิ้น
       
        “ทุกอย่างพูดง่ายๆ เงินมาใต้ดิน เหมือนกับทักษิณ ที่มันเอาไปฟอก แต่ว่ามันไม่ได้เล่นหุ้น ไม่ได้เล่นอะไรทั้งสิ้น มันก็ผ่านขบวนการ โดยมีขบวนการจัดการ มีทีมงานมีหลายทีม แล้วแต่มันจะให้ใครไปทำอะไร ซึ่งทีมของมันมีครบหมด”
       
       แหล่งข่าวคนเดียวกันยังเปิดเผยต่อด้วยว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ ปปง. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ในช่วงนี้จะพบว่า ไอ้คำ มันมีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชีกว่า 40 บัญชี มีเงินประมาณ 200 ล้านบาท แต่จำนวนนี้มันน้อยไป ความจริงมันมีเงินอยู่มากกว่านี้ โดยมีบัญชีอยู่ในต่างประเทศอีกถึง 2 บัญชีใหญ่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่
       
       แต่อย่างไรก็ตาม แม้มันจะมีบัญชีเงินอยู่ในต่างประเทศถึง 2 บัญชีใหญ่ แต่มันก็จะโดนกฎหมายฟอกเงินอย่างเดียวจะไม่โดนเรื่องการค้าขนมนรก เพราะตราบใดถ้าเจ้าหน้าที่หาหลักฐานไม่ได้ก็จะทำอะไรไอ้คำมันไม่ได้ ทำได้แค่ยึดเงิน ดำเนินคดีฟอกเงิน แต่นำสืบไปถึงเรื่องของขนมนรกไม่ได้ ส่วนเงินใน 2 บัญชีนั้น เชื่อว่าตอนนี้ไอ้คำ มันคงโยกไปมากแล้ว
       
       เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และ ปปง.รู้นานแล้ว
       
       "...สำหรับข้อมูลทั้งหมดตอนนี้อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.หมดแล้ว และถือเป็นข้อมูลหลักที่เจ้าหน้าที่ทั้งกองปราบปราม และ ปปง.เข้าไปในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษ เพื่อหาข้อมูลเล่นงานไอ้คำ ความจริงเรื่องนี้มันฉาวมานานแล้ว และเจ้าหน้าที่ก็รู้มานานแล้วด้วย แต่ทำอะไรมันไม่ได้ ซึ่ง ปปง.ที่ลงมาตรวจสอบข้อมูลการเงินในพื้นที่ก็ได้ข้อมูลมาจาก ป.ป.ส. โดยอาศัยเงื่อนไขในการเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินบริจาค แต่แท้จริงแล้วมาตรวจสอบเรื่องของขนมนรก หรือยาเสพติด โดยอ้างว่ามาตรวจสอบเส้นทางบริจาคเงิน ไอ้คำ แต่ไม่ได้พูดว่ามาตรวจสอบเส้นทางยาเสพติด โดยเอาเงื่อนไขมาโยงว่าเงินบริจาคที่ไอ้คำได้มานั้น ได้มาอย่างไรบ้าง มาเส้นไหน ไปเส้นไหน..."
       
       ถามว่าก่อนหน้านี้ ปปง.รู้ไหม รู้แต่ทำอะไรไม่ได้ มันไม่รู้จะเอาเงื่อนไขไหนมาเล่นไอ้คำ มัน เพราะไอ้คำ มันก็ฉลาดพอตัว มันเที่ยวกระโดดเกาะคนโน้นที คนนี้ที หมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นักนักการเมือง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูง จึงทำให้ ปปง.เข้าไม่ถึงตัว พอได้จังหวะนี้จึงกระโดดเข้าใส่โดยอ้างมาตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาค แต่จริงๆ แล้ว พูดกันตรงๆ ก็คือ “กูจะมาตรวจสอบเส้นทางเงินมึงเรื่องยาเสพติดนี้แหละไอ้คำ”
       
       “อย่างที่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ไอ้คำ มันรวยได้เพราะมันขายขนมนรก มันมาจากแรงศรัทธากันที่ไหน มันมาจากการขายขนมนรก ความที่มันมาแตก เป็นเรื่องราวขึ้นมาทำให้มันซวย ก็เพราะความที่มันอยากมีอยากโชว์ของมันนั่นแหละ ประกอบกับความเป็นเด็กบ้านนอกคอกนาของมันที่ไม่เคยมีเงินมากๆ พอมันมีเงินมากๆ ก็อยากแอ็กชัน อวดโน่นอวดนี่ เรื่องมันจึงแตกออกมา” แหล่งข่าวผู้นี้กล่าว
       
       พร้อมกับฟันธงว่า ไอ้คำ จะไม่กลับมาประเทศไทยอย่างแน่นอน และมันจะต้องหลบหนีเข้าไปอยู่ในประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับมัน และจะต้องมีผู้ให้ที่พักพิงแก่มัน เพราะถ้าดูตามอายุแล้วไอ้คำ อายุแค่ 34-35 ปี มันโตมาได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา
       
       และไม่ธรรมดาเข้าไปใหญ่กับเรื่องที่มันสามารถเข้าไปทำธุรกิจค้า ขนมนรกกับ พ.ท.ยี่เซ อดีตสมุนคนสำคัญของขุนส่า จนร่ำรวยเช่นนี้เพราะการที่ใครก็ตามจะเข้าไปหา และทำธุรกิจกับ พ.ท.ยี่เซ ได้มันไม่ใช่ของง่าย ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะต้องมีคนที่ใหญ่ และสำคัญมากที่ พ.ท.ยี่เช ให้ความนับถือ และไว้ใจ ถ้าไม่เช่นนั้นไอ้คำ มันจะไม่สามารถเข้าไปทำการค้ากับ พ.ท.ยี่เซ ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังมันที่ถือว่ายิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งในกลุ่มประเทศละ ตินอเมริกา เพราะถ้าไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่สามารถทำการค้าส่งขนมนรกมาขายในแถบนี้ได้แน่
       
        “ผมขอฟันธงว่า มันไม่กลับมาแน่นอน ไอ้คำ”
       
       อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่า วันนี้ (12 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ทุกฝ่ายขีดเส้นตายของ “เณรคำ” บทสรุปจะเป็นอย่างไร ทั้งคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเรียกให้พระวิรพล มารายงานตัว รวมทั้งเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ นอกจากนี้ ดีเอสไอก็จะบุกค้นรังเณรคำในจังหวัดอุบลราชธานีอีกหลายจุดด้วย

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000084298



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard