เลือกตั้งครั้งนี้ “ฮุนเซน” เจ็บ.. แสบจนถึงทรวง
พนมเปญ 29 ก.ค.2556 (รอยเตอร์) - นายกรัฐมนตีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของกัมพูชา เผชิญกับความถดถอยทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษวันจันทร์นี้ เมื่อฝ่ายค้านของประเทศปฏิเสธผลการเลือกตั้งที่ด่างพร้อยด้วยความไม่ปกติ ต่างๆ แม้ว่าพรรคของรัฐบาลจะสูญเสียที่นั่งไปอย่างมากก็ตาม นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งลิงโลดกับที่นั่งในรัฐสภาที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนสิ่งที่เรียกว่า เป็นการประพฤติมิชอบในขบวนการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศในตอนค่ำวันอาทิตย์ว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party) ของฮุนเซนเป็นฝ่ายชนะได้ 68 จากทั้งหมด 123 ที่นั่งในรัฐสภา ขณะที่ฝ่ายค้านได้ 55 ที่นั่ง ซึ่งหมายความว่า ฝ่ายรัฐบาลสูญเสียไปถึง 22 ที่นั่ง นับเป็นการเลือกตั้งครั้งเลวร้ายที่สุดของฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันอายุ 60 ปี ตั้งแต่ประเทศที่ถูกทำลายจากสงครามแห่งนี้กลับสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง ในปี 2541 แม้ว่า CPP จะยังคงมีเสียงข้างมาก และขยายเวลาการอยู่ในอำนาจของฮุนเซนที่ครองเก้าอี้มา 28 ปีออกไปได้อีก ปัญหาเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งที่ลากยาว และฮุนเซน ที่อ่อนแรงลง อาจจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางด้านนโยบายขึ้นในประเทศเล็กๆ แต่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน และสร้างสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งกับจีนและเวียดนาม แต่โอกาสที่ฝ่ายค้านจะทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงผลการเลือกนั้นนับว่า ริบหรี่มาก เนื่องจากพรรครัฐบาลกุมศาลเอาไว้ในมือ และประเทศผู้บริจาครายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ ก็อาจไม่ยอมปฏิเสธผลการเลือกตั้ง จนกว่าจะสามารถแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตฉ้อโกงได้ พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) ซึ่งการกลับจากลี้ภัยในต่างแดนของนายสม รังสี ได้ช่วยหนุนเนื่องในการรณรงค์หาเสียง กล่าวว่า พรรคต้องการให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยมีผู้แทนจากพรรคการเมือง ต่างๆ ตัวแทนองค์การสหประชาชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ และผู้แทนจากองค์กรพัฒนาภาคเอกชน “มีคนอยู่ 1.2 ถึง 1.3 ล้าน ที่ไม่มีชื่ออยู่ในบัญชี และไม่สามารถหย่อนบัตรลงคะแนนได้ พวกเขาได้ลบสิทธิในการโหวตของพวกเรา แล้วจะให้เรายอมรับการเลือกตั้งได้อย่างไร” นายรังสี ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวระหว่างการแถลงข่าว “นอกจากนั้นก็ยังมีบัญชีผี คือ มีเพียงชื่ออยู่ในบัญชี” พรรคฝ่ายค้านได้ถือโอกาสแทรกเข้าไปในความวิตกกังวลของชาวกัมพูชา เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียม และการคอร์รัปชันที่ฝังแน่น ซึ่งฝ่ายตรงกันข้ามกล่าวว่า นโยบายของฮุนเซนทำให้สิ่งนี้แพร่ลาม ฮุนเซน ที่ยังไม่ได้แสดงวาจาใดๆ ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง อาจจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายบางอย่างต่อหน้าพรรคฝ่ายค้านที่ได้รับเสียงสนับ สนุนจากประชาชนมากขึ้น และอาจจะต้องเอาใจใส่ต่อเสียงประชามติให้มากยิ่งขึ้น การสูญเสียเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ในรัฐสภาหมายความว่า CPP จะต้องพึ่งการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ด้วยเสียงส่วนใหญ่ และเครือข่ายอิทธิพลทางการเมืองที่ฝังตัวอยู่ใน CPP ที่เขาเองสร้างขึ้นภายในพรรค ทำให้ฮุนเซน ยังสามารถควบคุมกระบวนการกำหนดนโยบายต่างๆ ได้ “มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน และอย่างไม่คาดคิด นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปผมเองไม่คิดว่า ระบอบนี้จะมีเสถียรภาพอีกต่อไป” กูเลีย ซิโน นักวิเคราะห์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มคอนโทรล ริสค์ (Control Risks) ในสิงคโปร์กล่าว
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่โกรธแค้น พรรครัฐบาลครอง 90 ที่นั่งในรัฐสภาที่กำลังจะหมดวาระลง พรรคอื่นๆ ที่รวมตัวกันจัดตั้งขึ้นเป็น CNRP มี 29 ที่นั่ง พรรคเล็กพรรคน้อยอื่นๆ อีก 4 ที่นั่งที่เหลือ บัดนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชาจะต้องประกาศออกมาว่า แต่ละพรรคจะได้เก้าอี้จำนวนเท่าไร แต่จะยังไม่มีการประกาศผลการเลือกตั้งทั้งหมดจนกว่าจะวันที่ 15 ส.ค.เป็นอย่างเร็ว กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนได้วิจารณ์ว่า ระบบเลือกตั้งโอนเอียงเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลอย่างมาก สหภาพยุโรปได้ตัดสินใจไม่ส่งผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ หลังจากกัมพูชาไม่ยอมปรับปรุงแก้ไขตามที่อียูเสนอไปก่อนหน้านี้ กลุ่มเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ (Transparency International) ที่เข้าไปช่วยสังเกตการณ์ ได้ชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง และระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งว่า กลุ่ม “มีความห่วงใยเกี่ยวกับการสูญเสียสิทธิของพลเมืองจำนวนหนึ่งกับจำนวนผู้มี สิทธิที่น่าสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง” แต่การหย่อนบัตรลงคะแนนเมื่อวันอาทิตย์ก็ถือว่า มีความสงบโดยทั่วไป เช่นเดียวกันกับการณรงค์หาเสียง พรรค CPPP ที่ได้รับการหนุนหลังจากสื่อในประเทศ และแหล่งข้อมูลที่เหนือกว่ามีความมั่นใจในชัยชนะ นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ล่างหน้าว่า CPP จะมีเสียงข้างมากลดลง หลังการรวมตัวของพรรคฝ่ายค้านหลัก 2 พรรค เช่นเดียวกับการเดินทางกลับประเทศของนายรังสี แต่การได้เสียงเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมายของฝ่ายค้านนับเป็นเซอร์ไพรส์ การส่งออกสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป บวกกับการไหลเข้าของเงินลงทุนกับความช่วยเหลือจากจีน ได้เป็นเชื้อเพลิงขับดันให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นควบคู่ไปกับความตึงเครียดทางสังคมที่เพิ่มสูงขึ้น
สหรัฐแสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้งของกัมพูชา และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
นางเจน ซากี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่าสหรัฐขอให้ทุกพรรคการเมืองและบรรดาผู้สนับสนุน ปฏิบัติตัวอย่างเป็นระเบียบและสงบหลังการเลือกตั้ง และแสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานความไม่ชอบมาพากลจำนวนมากในกระบวนการเลือกตั้ง พร้อมเสริมว่าสหรัฐเรียกร้องมานานแล้วให้กัมพูชาแก้ไขความบกพร่องของระบบ อย่างปัญหาเรื่องระบบการลงทะเบียนของผู้มีสิทธิออกเสียงและการเข้าถึงสื่อที่ไม่เท่าเทียมกัน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่าสหรัฐขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและละเอียดสำหรับรายงานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความผิดปกติทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ พรรคฝ่ายค้านกัมพูชาประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แม้ว่าทางพรรคจะได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังกล่าวว่า พวกเขาถูกปล้นชัยชนะโดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซน
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเลวร้ายที่สุดสำหรับพรรครัฐบาลกัมพูชาตั้งแต่ปี 2541 หลังจากฝ่ายค้านได้แรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากการเดินทางกลับประเทศของนาย สม รังสี แม้เขาไม่มีสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้งก็ตาม โดยพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 68 ที่นั่งจากจำนวนทั้งหมด 123 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน พรรคกู้ชาติหรือซีเอ็นอาร์พี ได้ที่นั่งทั้งหมด 55 ที่นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่มี 29 ที่นั่ง
ຕໍ່ໄປໃນອານາຄົດ ພວກ 3 ເກີ,ນີ້ ຕ້ອງເຈີ ແບບ (ຮຸນເຊັນ) ແນ່ນອນ
ເພາະວ່າໄປໄລ່ຢຶດ ເອົາດິນດອນຂອງປະຊາຊົນ, ແລ້ວເອົາໄປໃຫ້ຄົນຕ່າງຊາດ