กัมพูชาระงับโครงการทางทหารกับสหรัฐฯ
กัมพูชาได้ระงับโครงการความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ และอื่นๆ หลังประเทศประสบปัญหาข้อพิพาทการเลือกตั้ง กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (12) เหตุผลสำหรับความเคลื่อนไหวของกัมพูชาครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้เลื่อน หรือยกเลิกโครงการจำนวนหนึ่ง นี่อาจเป็นท่าทีที่เกิดขึ้นหลังสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้มีการตัดลดความช่วยเหลือทางตรงต่อรัฐบาลกัมพูชา หากการเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการหยุดพักความสัมพันธ์ทางทหารโดยรวม พรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ชนะการเลือกตั้งวันที่ 28 ก.ค. แต่คะแนนเสียงที่ได้นั้นลดลงอย่างมากตามผลการเลือกตั้งเบื้องต้นที่ประกาศ วานนี้ ซึ่งถูกคัดค้านโดยฝ่ายค้าน และขู่ว่าจะจัดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่หากไม่มีการสอบสวนอย่างอิสระต่อ กระบวนการการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานความผิดปกติในการเลือกตั้ง และเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่ และโปร่งใส รัฐบาลกัมพูชา ได้ระดมกองกำลัง และรถหุ้มเกราะมาประจำในกรุงพนมเปญ เพราะคำเตือนของฝ่ายค้านที่ระบุว่า จะจัดการชุมนุมประท้วงใหญ่ ทำให้เกิดความวิตกกันว่า ฮุนเซนอาจจะใช้กำลังเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง นาวุธ เกิธ ผู้ช่วยทูตทหารประจำสถานทูตกัมพูชาในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า เขาไม่สามารถให้ความคิดเห็นต่อเรื่องการระงับโครงการความร่วมมือทางทหารได้ เนื่องจากเขาไม่ได้รับข้อมูลจากรัฐบาลกัมพูชาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคงทางทะเล การต่อต้านการก่อการร้าย และปฏิบัติการทางมนุษยธรรม เป็นส่วนเล็กๆ ของความช่วยเหลือมูลค่ามากกว่า 70 ล้านดอลลาร์ต่อปีของสหรัฐฯ ต่อกัมพูชา ซึ่งสะท้อนความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะสร้างสัมพันธ์กับรัฐบาลประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ที่ยกให้จีนเป็นผู้มีบุญคุณหลัก ความร่วมมือทางทหารเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ปี 2549 ที่ยังรวมถึงการฝึกอบรบให้แก่เจ้าหน้าที่กัมพูชา และการฝึกซ้อมทางทหารเป็นระยะ และบุตรชายของฮุนเซนคนหนึ่งยังได้เข้าศึกษาในสถาบันทางทหารของสหรัฐฯ ด้วย.