โดยอากาศยานรุ่นใหม่นี้สามารถที่จะสอดแนมเก็บข้อมูลทางความมั่นคง ทำการมอร์นิเตอร์ และลาดตระเวน( ISR) และสามารถจู่โจมได้ด้วยความเร็วขนาดไฮเปอร์โซนิก พร้อมทั้งราคาที่สามารถรับได้ในสภาพที่สหรัฐฯมีปัญหาด้านงบประมาณการเงิน โดยโครงการนี้ถือกำเนิดมาจากการที่ทางกองทัพสหรัฐฯต้องการความสามารถดาว เทียมสอดแนมร่วมกับเทคโนโลยีอากาศยานที่มีคนขับและไม่มีคนขับรวมอยู่ด้วยกัน เพื่อทดแทนยานโดรนรุ่น “ SR-71” ซึ่งแบล็กเบิร์ดรุ่น “Mach 3 SR-71”นี้ถูกเผยโฉมเป็นครั้งแรกในปี 1966 และใช้ประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯและหน่วยงาน NSAอยู่จนถึง 1999 เพื่อหาข่าวในช่วงสงครามเย็น โดยความสามารถของ “ SR-71”นั้นอยู่ที่มีความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ด้วยสปีดที่บินจากแอลเอไป นิวยอร์กด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 4 นาที พร้อมกับความสามารถหลบขีปนาวุธที่ยิงจากพื้นดินสู่อากาศได้ และยังมีความสามารถหลบเรดาร์ฝ่ายตรงข้ามด้วยการบินต่ำ จากรายงานพบว่า มีการสร้างแบล็กเบิร์ด“ SR-71”จำนวนทั้งสิ้น 32 ลำ ซึ่งมี 12 ลำได้เสียหายจากอุบัติเหตุ และยังไม่ปรากฏว่ามียาน“ SR-71”ลำไหนเพลี่ยงพล้ำให้กับศัตรู
แบรด เลแลนด์ วิศวกรผู้จัดการทีม Skunk Workerของล็อกฮีดมาร์ติน เผยว่า “ได้ทำงาน มากว่า 7 ปีเพื่อพัฒนาเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับนี้ให้มีราคาที่เหมาะสมในสภาพที่ สหรัฐฯมีปัญหากับงบประมาณการคลังโดยใช้วัสดุเท่าที่มีในสต็อกเพื่อเป็นการลด ต้นทุนการวิจัย ” โดยเขากล่าวเสริมว่า มีทีมงาน 20 คนที่ทำอยู่โครงการนี้ในขณะนี้ และกล่าวว่า “ทั้งระบบเครื่องยนต์คู่ที่ทำให้มีความเร็วระดับเหนือเสียง 5 เท่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถซ่อนได้หรือโจมตีก่อนได้ ซึ่งความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิกจะทำให้วงการโลกของเครื่องบินสอดแนมต้องพลิก โฉมครั้งใหญ่ โดยเขาเสริมต่อว่า จะสามารถผลิตSR-72 ออกมาเป็นตัวอย่างลำแรกได้สำเร็จในปี 2018 และสามารถนำมาประจำการในกองทัพสหรัฐฯได้ในปี 2030