2ม.ค.2557 หนังสือพิมพ์นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานถ้อยแถลงของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ที่ระบุว่าตนเองเชื่อมั่นว่ารัฐธรรมนูญที่ดีต้องผ่านการแก้ไขครั้งแล้วครั้ง เล่าเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และสังคมของบ้านเมือง และการที่มีการโต้เถียงในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการแสดงถึงการมีวุฒิ ภาวะทางการเมืองมากขึ้น ทั้งยังส่งสัญญาณด้วยว่าตนเองสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551 ที่ถูกเขียนขึ้นมาโดยรัฐบาลทหารที่กุมอำนาจการบริหารพม่า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรกในประเทศ ในมาตราที่ระบุว่า บุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต้องมีสัญชาติพม่า และไม่มีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสามีหรือบุตร โดยประธานาธิบดีเต็ง เส่ง พูดชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้มีข้อจำกัดใดๆ สำหรับสิทธิของพลเมืองคนใดที่อยากจะเป็นผู้นำประเทศ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) รณรงค์เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว เพื่อเปิดทางให้เธอสามารถลงสมัครเลือกตั้งและก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้นางซูจี ซึ่งมีสามีเป็นชาวอังกฤษและมีลูกด้วยกันสองคน ไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้ง ขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะจัดขึ้นในปี 2558 นี้ และประธานาธิบดีจะได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎร เมื่อไม่กี่วันก่อนพรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) ของรัฐบาลส่งสัญญาณครั้งแรกว่าสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการกลางของพรรคตัดสินใจในการประชุมเมื่อวันจันทร์ (30 ธ.ค.) ว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 73 มาตรา ส่วนอีก 21 มาตราให้ยกเลิกไป หนึ่งในมาตราที่จะแก้ไขรวมถึงการห้ามบุคคลที่มีสามีภรรยา หรือลูกเป็นชาวต่างชาติลงสมัครเลือกตั้งได้ ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อวันเสาร์พรรคเอ็นแอลดีขู่จะบอยคอตการเลือกตั้งในปี 2558 หากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ระบุในถ้อยแถลงล่าสุดโดยเตือนว่า ประเทศกำลังเสี่ยงประสบทางตันทางการเมือง หากความต้องการของประชาชนมากมายเกินกว่าระบบการเมืองปัจจุบันจะเอื้ออำนวย ได้และหากเกิดขึ้น ก็อาจทำให้เราต้องสูญเสียเสรีภาพการเมืองทั้งหมดที่เราได้มาจนถึงขณะนี้