ເຈົ້າໜ້າທີ່ ພາສີເຄື່ອນທີ່ ແຂວງຈາປາສັກ ຈັບຣົດບັນທຸກຂອງຊາວຈີນ 6 ຄັນ ທີ່ລັກລອບຂົນໄມ້ຜິດກົດໝາຍຈາກແຂວງເຊກອງຜ່ານແຂວງ ຈໍາປາສັກ ແລະຢຶດໄມ້ ປະດົງ ແລະໄມ້ດູ່ ໄດ້ທັງໝົດ 200 ປາຍ ແມັດກ້ອນ, ຕາມການເປີດເຜີຽ ຂອງເຈົ້າໜ້າທີ່ຄົນນຶ່ງ:
"ເຂົາຈັບແຕ່ວັນທີ່ 23 ເດືອນ 12 ແລະ 26 ຈໍານວນ 6 ຄັນ 200 ປາຍແມັດກ້ອນໄມ້ປະດົງກັບໄມ້ປະດູ່ ຄົນລົກລອບຂາຍນີ້ແມ່ນພວກຄົນ ຈີນ".
ທ່ານວ່າ ເມື່ອເຈົ້າໜ້າທີ່ພາສີກວດເອກກະສານໃບອະນຸຍາດ ແລ້ວພົບວ່າ ໄມ້ຈໍານວນດັ່ງກ່າວ ບໍ່ກົງກັນກັບເອກສານທີ່ອະນຸຍາດໃຫ້ ຈຶ່ງໄດ້ ກັກເອົາໄມ້ທັງໝົດນັ້ນໄວ້. ເມື່ອສອບຖາມຄົນຂັບຣົ ດທັງ 6 ຄັນນີ້ແລ້ວ ເຂົາກໍບອກວ່າ ຈະນໍາໄມ້ຈໍານວນນິ້ຂຶ້ນ ໄປນະຄອນຫລວງວຽງຈັນ.
ໄມ້ປະດົງແລະປະດູ່ທີ່ວ່ານີ້ ອາດຕັດມາຈາກປ່າເມືອງລະມາມ ແຂວງເຊກອງ. ສໍາລັບໄມ້ທີ່ຍຶດໄດ້ນີ້ ທ່ານວ່າ ຈະມອບໃຫ້ຄນະກັມການຈັດ ການປະມູນ ເພື່ອເອົາເງິນເຂົ້າຣັຖ.
ການລັກລອບຕັດໄມ້ ຢູ່ໃນແຂວງພາກໃຕ້ຂອງລາວ ຫລາຍປີມານີ້ ມີຂຶ້ນຢ່າງກວ້າງຂວາງ ໂດຍມີເຈົ້າໜ້າທີ່ ບາງຈໍານວນ ສົມຮູ້ຮ່ວມຄິດກັບ ພໍ່ຄ້າຊາວວຽດນາມ ຫລືພໍ່ຄ້າຊາວຈີນ. ຍິ່ງໄປກວ່ານັ້ນ ຣັຖບານເອງໄດ້ ອະນຸຍາດ ໃຫ້ບໍຣິສັດຄ້າໄມ້ ຈາກປະເທດວຽດນາມ ຫລາຍບໍຣິສັດ ເປັນຕົ້ນບໍຣິສັດ ຮ່ວງອານເຢັຽຫລາຍ ບໍຣິສັດປູກຢາງພາຣາ ແລະປູກຕົ້ນໄມ້ ອຸດສະຫະກັມອື່ນໆ ຮ່ວມກັບກອງທັບ ຕັດໄມ້ສົ່ງອອກໄປ ວຽດ ນາມ ຢ່າງເປັນຂະບວນ ໂດຍທີ່ເຈົ້່າໜ້າທີ່ ກະຊວງກະສິກັມແລະປ່າໄມ້ ບໍ່ມີສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງນໍາ. ການຈັບໄມ້ 200 ແມັດກ້ອນກວ່ານີ້ ກໍພຽງ ປີດປາຍ ຂອງການຄ້າໄມ້ຜິດກົດໝາຍເທົ່ານັ້ນ.
ໄມ້ຈຳນວນນີ້ ຜ່ານດ່ານ ກົມພາສີ ສປປລາວ ໄປໄດ້ແນວໃດ ?
ຖ້າພະນັກງານ ພັກລັດ ບໍ່ລວມຫົວກັນກັບນາຍທຶນ ໂກງຊາດ
หนองคาย - ป่าไม้ ร่วมศุลกากรหนองคาย อายัดตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าจากลาว บรรทุกไม้ประดู่แปรรูป แต่พบไม้พะยูงปะปนมา พบพิรุธแจ้งนำไม้ประดู่เข้า 12 ตู้ แต่ไปไม่ถึงปลายทาง 1 ตู้ ตรวจสอบผิด พ.ร.บ.ศุลกากรชัดเจน เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (9 ม.ค.57) นายพิชัย ด้วงแดงโชติ หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากร ด่านศุลกากรหนองคาย, นายนิกร ศิโรจนานนท์ ผอ.สำนักด่านป่าไม้, นายพงศ์ษา เพ็งหนู หัวหน้าด่านป่าไม้หนองคายเวียงจันทน์, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงศ์ ผบก.บก.ปทส., ร.ต.อ.สุริยา บญสิทธิ์ สว.สส.สภ.เวียงคุกปฏิบัติหน้าที่ ศพส.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งได้ร่วมกันตรวจสอบที่ โกดังไม้ของนายณัฎชัย ทิพย์สุทธิ์ เลขที่ 200 หมู่ 2 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ม.ค.57 ที่ผ่านมา ได้มีตัวแทนบริษัททรัพย์ธนาทรานสปอร์ตจำกัด ขอนำรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าจากลาว กับเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย จำนวน 12 ตู้ ระบุว่าเป็นไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 1,678 ท่อน, ปริมาตร 224 คิว น้ำหนัก 291 ตัน มูลค่า 9,742,162 บาท และขออนุญาตใบเบิกทางจากด่านป่าไม้หนองคายเวียงจันทน์ นำไปยังท่าเรือแหลมฉบัง กำหนดถึงท่าเรือวันที่ 9 ม.ค.57 แล้วนำส่งออกไปประเทศจีน ซึ่งปรากฏว่ามีตู้คอนเทนเนอร์ไปถึงท่าเรือตามกำหนด 11 ตู้ เดินทางยังไม่ถึง 1 ตู้ หลังจากนั้นได้มีตัวแทนบริษัททรัพย์ธนาทรานสปอร์ตจำกัด มาขอต่อเวลาใบเบิกทางไปอีก 7 วัน ซึ่งผิดสังเกต เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงสืบสวนจนทราบว่ามีตู้คอนเทนเนอร์มาอยู่ภายใน โกดังไม้ของนายณัฎชัย จึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดหนองคาย แล้วประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตรวจสอบร่วมกัน จากการตรวจสอบพบว่า มีการทำลายแผ่นตะกั่วที่ศุลกากรใช้เป็นเครื่องหมายรับรองว่าผ่านการตรวจสอบ ของศุลกากรซึ่งปิดทับประตูเปิดตู้คอนเทนเนอร์ไว้ ส่วนภายตู้คอนเทนเนอร์พบไม้พะยูงแบบท่อนเหลี่ยมจำนวนมากปะปนกับไม้ประดู่แปร รูปในลักษณะเป็นไม้ใหม่ ยังมีน้ำยางไหลออกมาตามเนื้อไม้ ไม่ชัดเจนว่าเป็นไม้ประดู่ที่แจ้งกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ เจ้าหน้าที่จึงขออายัดไม้ทั้งหมดนำไปตรวจสอบที่ด่านศุลกากรหนองคาย ซึ่งนายณัฏชัย เจ้าของโกดังไม้ระบุว่า ไม้ดังกล่าวนี้มีคนนำมาให้แปรรูป บอกว่าเป็นไม้ของตัวเองที่ตัดในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง นายพิชัย ด้วงแดงโชติ หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่ากรณีนี้มีการกระทำผิดชัดเจน ในฐานความผิดนำของผ่านแดนออกจากภาชนะบรรจุโดยไม่ไดรับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ศุลกากรโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นการลักลอบนำของผ่านแดนเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 27 พรบ.ศุลกากร อัตราโทษปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมค่าอากร และจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามมาตรา 15 ทำลายดวงตราของรัฐบาลไทยซึ่งกำกับไว้ที่ประจำตู้ อัตราโทษปรับ 50,000 บาท ระหว่างนี้บริษัทที่รับผิดชอบสามารถนำเอกสารมาแสดงในความเป็นเจ้าของ ไม้กับเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือนำไปแสดงในชั้นพนักงานสอนได้ โดยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันตรวจสอบไม้ที่ด่านศุลกากร หลังจากนั้นจึงจะส่งมอบให้พนักงานสอบสวนสภ.เมืองหนองคาย ร่วมกับป่าไม้ ดำเนินการต่อ ในส่วนของป่าไม้ ตั้งข้อสังเกตในการกระทำความผิดถึงการสวมไม้ประดู่ และปะปนไม้พะยูงเพิ่มเติม เนื่องจากระยะหลัง ความต้องการไม้พะยูงของจีนลดลง เนื่องจากหายาก จึงหันมาซื้อไม้ประดู่แทน ซึ่งอาจมีการตั้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป่าไม้ ด้วย