ยูเอ็นรายงานแฉโสมแดง เสนอเอาแก๊งผู้นำขึ้นศาลโลก
การเปิดรายงานของคณะกรรมการพิเศษของสหประชาชาติ ในนาม "คณะกรรมาธิการสอบสวนสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ" ต้นสัปดาห์นี้ นอกจากเป็นสิ่ง ที่ยืนยันถึงความโหดร้ายใน ดินแดนลึกลับที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกแล้วยัง เปิดประเด็นด้วยว่า บรรดาบุคคลที่เป็นระดับหัวหน้าด้านความมั่นคงของเกาหลีเหนือ รวมถึงนายคิม จองอึน ผู้นำวัยเยาว์ของเกาหลีเหนือ สมควรถูกคุมตัวขึ้นสู่ศาลโลกเพื่อ ดำเนินคดีในข้อหาการก่ออาชญา กรรมเป็นระบบ ทั้งการกักขังหน่วงเหนี่ยว กระทำชำเรา บังคับให้ทำแท้ง กดขี่ประชา ชน ไปจนถึงการสังหารหมู่ไมเคิล เคอร์บี ประธานคณะกรรมาธิ การ แถลงว่า ไม่สามารถนิ่งเฉยกับการกระทำดังกล่าวได้อีก รวมถึงต้องเปิดโปงให้นานาชาติรู้ถึงความโหดร้าย"มอง ไปในเกาหลีเหนือตอนนี้ ผมก็เห็นแต่ความคล้ายคลึงกับการกระทำของนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2" นายเคอร์บีกล่าวและว่า ทางการเกาหลีเหนือไม่ยอมร่วมมือกับคณะกรรมมาธิการสิทธิมนุษยชนยูเอ็นชุดนี้ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. 2556 โดยอ้างว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นสิ่งที่ถูกปลอมแปลงขึ้นโดยผู้ไม่ปราถนาดีประเด็น สำคัญที่ย่อสรุปได้จากรายงาน ความยาวกว่า 400 หน้า ระบุว่า เกาหลีเหนือขังนักโทษการเมืองไว้ราว 80,000-120,000 คน จากประชากรทั้งหมด 24 ล้านคน มีทหารกระทำชำเราผู้หญิงในค่ายนักโทษ "โยต๊อก" ก่อนที่จะปลิดชีพอีก ทั้งยังมีการกำจัดนักโทษในคุก 2 วิธี คือ ให้นักโทษคนนั้นขุดหลุมเตรียมฝังร่างตัวเองก่อนที่จะใช้ค้อนทุบเข้าที่ ท้ายทอยจนถึงแก่ชีวิต ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการที่ ใช้เชือกรัดคอจนกว่าจะขาดอากาศหายใจรวมถึงการกักขังสมาชิกครอบครัวเดียวกับนักโทษการเมืองไว้ในค่ายนักโทษอีกด้วยหนึ่งในนั้นคือ นางคิม ฮุยซุก ผู้ รอดชีวิตจากค่ายนักโทษ ที่ต้องถูกคุมขังตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวทุกคน ตลอดเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ 28 ปีเต็ม เพียงเพราะคุณตาต้องข้อหานักโทษการเมือง"เมื่อ พ่อแม่ของฉันอดอยากจนถึงแก่ความตายในค่ายนักโทษ ตอนนั้นฉันไม่มีแม้แต่โลง จึงห่อร่างไร้วิญญาณของพวกท่านด้วยฟาง แบกพวกท่านขึ้นหลังแล้วนำไป ฝังดิน มันเหมือนฝันร้ายที่ยังตามหลอกหลอนฉันมาจนทุกวันนี้" นางคิมกล่าวอีก ด้านหนึ่งเป็นเสียงของ นายจู อิลคิม อดีตผู้นำทหาร ที่บรรยายถึงสภาพความอดอยากของนักโทษในค่ายโยต๊อก ที่บีบให้นักโทษผู้หิวโหยยืดลมหายใจต่อไปอีกเพียงนิดด้วยการกินอาหารสัตว์ หรือแม้กระทั่งยังชีพด้วยเศษเมล็ดธัญพืชในมูลสัตว์ก็ตามใน รายงานฉบับนี้ระบุโดยอ้อมว่า นายคิม จองอึน อยู่เบื้องหลังการสั่งการ ที่ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีเหนือคนใดก็ตามที่คอยให้การช่วยเหลือการ กระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่นายนั้นจะต้องถูกนำตัวไปสอบสวนด้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ดูท่าจะพออกพอใจกับรายงานดังกล่าว โดยระบุว่า รายงานชิ้นนี้จะสร้างความตระหนักเพิ่มขึ้นบนเวทีโลกส่วน รัฐบาลจีน พันธมิตรของเกาหลีเหนือ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดที่คัดค้านรายงานฉบับนี้ว่า "เป็นข้อกล่าวหาที่รับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง" โดย เฉพาะเมื่อรายงานเอ่ยถึงจีนว่า "น่าวิตกกังวลที่เจ้าหน้าที่จีนมีส่วนให้ข้อมูลพลเรือนแปรพักตร์ที่เป็นเป้า หมายกับทางการเกาหลีเหนือ" และ "จีนควรต้องระแวดระวังว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้มีส่วนก่ออาชญากรรมต่อ มนุษยชาติด้วย"น.ส.หัว ฉุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเหมาะสม
ປານໃດເດໜໍຈຶ່ງຈະຮອດຝຽນຜູ່ນຳຜເດັດການ ສປປ ລາວ?