ยูเครนเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ออกหมายจับ วิกตอร์ ยานูโควิช ผู้ถูกโค่นลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี ในข้อหา “สังหารหมู่ประชาชน” โดยสถานที่ล่าสุดที่มีผู้พบเห็นตัวผู้นำที่ฝักใฝ่มอสโกผู้นี้ คือคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนรัสเซียและมีการชุมนุมต่อต้านการยึดอำนาจในเมือง หลวง อีกทั้งเป็นจุดที่น่าเป็นห่วงว่าจะมีการแบ่งแยกดินแดน นอกจากนั้นผู้นำหมีขาวยังตั้งคำถามว่าคณะผู้นำใหม่ของยูเครนนั้นได้อำนาจมา ด้วยความไม่ชอบธรรม อย่างไรก็ตามทางด้านสหภาพยุโรป(อียู) และสหรัฐฯ ให้การหนุนหลังกลุ่มกุมอำนาจใหม่อย่างแข็งขัน โดยสัญญาพิจารณาให้ความช่วยเหลือ แม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะถึงระดับ 35,000 ล้านดอลลาร์ตามที่รักษาการรัฐมนตรีคลังของกรุงเคียฟร้องขอหรือไม่ เสียงเรียกร้องดังกึกก้องขึ้นทุกขณะให้ดำเนินคดีกับยานูโควิช ผู้ถูกกล่าวหาว่ารวบอำนาจทำตัวเป็นเผด็จการ, กระจายความมั่งคั่งให้พวกพ้อง และปราบปรามจนทำให้ผู้ประท้วงจำนวนมากเสียชีวิตในช่วง 3 เดือนล่าสุด โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการซุ่มยิงผู้ประท้วงจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 82 คนในกรุงเคียฟ ถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ที่ยูเครนแยกตัวเป็นเอกราชภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เมื่อ วันจันทร์ อาร์เซน อาวาคอฟ รักษาการฐมนตรีมหาดไทย โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ได้เริ่มการสอบสวนกรณี “การสังหารหมู่ประชาชน” และออกหมายจับยานูโควิช รวมทั้งเจ้าหน้าที่อีกหลายคนแล้ว อาวาคอฟเสริมว่า ในวันเสาร์ (22) ยานูโควิชพยายามหนีออกนอกประเทศทางเครื่องบินจากเมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออก ซึ่งเป็นฐานอำนาจทางการเมืองและพื้นที่ที่สนับสนุนรัสเซีย แต่ติดขัดที่เอกสารไม่ครบจึงไม่ได้รับ อนุญาตให้ใช้สนามบิน จากนั้น ยานูโควิชพร้อมทีมรักษาความปลอดภัยติดอาวุธได้เดินทางต่อด้วยขบวนรถยนต์ 3 คันและไปถึงแหลมไครเมียในวันอาทิตย์ (23) ก่อนขึ้นรถหายไปและยุติการติดต่อสื่อสารทุกรูปแบบ ยูเครนนั้นเผชิญทั้งวิกฤตการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ กระทั่งมีความเสี่ยงที่จะมีการแบ่งแยกดินแดนระหว่างพื้นที่ที่สนับสนุนตะวัน ตกกับพื้นที่ที่สนับสนุนรัสเซีย ขณะเดียวกันก็กำลังมีความเสี่ยงผิดชำระหนี้ด้วย ที่แหลมไครเมียเมื่อวันอาทิตย์ สถานการณ์เข้าสู่ภาวะตึงเครียด โดยมีผู้ประท้วงสนับสนุนรัสเซียนับพันๆ คนชูธงรัสเซียบนศาลาการเมืองเซวาสโตโปล พร้อมเรียกร้องให้ “เมืองแม่รัสเซีย” มาช่วยเหลือ และประณาม “การปล้นอำนาจ” ในเคียฟ อย่างไรก็ดี ผู้ประท้วงบางส่วนก็แสดงความไม่พอใจที่ยานูโควิชไม่สามารถจัดการวิกฤตได้ และกลับหลบหนีออกจากกรุงเคียฟ ทั้งนี้ รัสเซียยังคงมีฐานทัพเรือขนาดใหญ่ในเมืองท่าเซวาสโตโปล ในไครเมีย อันเป็นสาเหตุให้ยูเครนกับรัสเซียปีนเกลียวกันมาตลอดสองทศวรรษ ความตึงเครียดล่าสุดที่ไครเมีย ดูเหมือนเกิดจากการปลุกปั่นของรัสเซีย แม้ตัวแทนของพรรครัสเซียน ยูนิตี้ ที่สนับสนุนมอสโก ออกมาลดกระแสความกังวลโดยยืนยันว่า ไม่ต้องการแบ่งแยกไครเมีย แต่ต้องการคงความสัมพันธ์กับรัสเซีย และเข้าร่วมสหภาพศุลกากรที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ผลักดันเท่านั้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไครเมียซึ่งมีฐานะเป็นเขตปกครองตนเอง ยังประกาศว่า พร้อมปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐสภาในเคียฟทุกประการ
ປາບໃຫ້ມັນຊິ້ນຊາດໄປເລີຍ ພວກພະເດັດການ
ຢ່າເອົາພວກມັນໄວ້.....!