ปคม.ล่อซื้อบริการทางเพศเด็กสาวชาวลาวภายในร้านคาราโอเกะย่านดินแดง รวบเจ้าของร้าน สารภาพได้รับค่านายหน้าจากการค้าน้ำกามครั้งละ 300 บาท จึงแจ้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์ วันนี้ (21 มี.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1.บก.ปคม. นำกำลังจับกุมตัว นายสุรชัย ศรีภูมิ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 หมู่ 5 ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ได้ที่ร้านเอไทน์คาราโอเกะ เลขที่ 7 ถนนประชาสุข แขวงและเขตดินแดง กทม. ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ได้รับแจ้งว่าร้านเอไทน์คาราโอเกะได้เปิดร้านคาราโอเกะบังหน้า และลักลอบค้าประเวณีเด็กหญิงชาวลาว จึงได้วางแผนเข้าทำการล้อซื้อบริการกับ น.ส.บี เด็กหญิงชาวลาวอายุ 17 ปี เป็นเงิน 2,300 บาท เมื่อตกลงราคาเรียบร้อยจึงได้ส่งสัญญาณเข้าช่วยเหลือเหยื่อ พร้อมจับกุมนายสุรชัย ศรีภูมิ ไว้ได้ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก และเป็นธุระจัดหา จากการสอบสวนนายสุรชัยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ดูแลร้าน และรับเงินที่ลูกค้าที่ซื้อบริการเด็กออกไป ซึ่งเด็กจะต้องจ่ายเงินให้ทางร้าน 300 บาทต่อครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเหยื่อหญิงสาวชาวลาวได้นำส่งสถานคุ้มครองพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ เพื่อฟื้นฟูจิตใจต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------
ศาลจำคุก 10 ปี นายหน้าพาหญิงลาวอายุไม่เกิน 18 ปี ลอบขายบริการในโรงแรม จ.เพชรบุรี แต่จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือติดคุก 5 ปี ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (21 มี.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีลอบค้าประเวณี หมายเลขดำ อ.2865/2556 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสงัด สุระวัง อายุ 57 ชาว จ.เพชรบุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบค้าประเวณี หญิง อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปหญิงเพื่อค้าประเวณีหรือเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น อัยการโจทก์ฟ้อง ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2556 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) รับแจ้งว่า มีการลักลอบค้าประเวณีเด็ก จึงปลอมตัวติดต่อล่อซื้อบริการเด็กหญิง 4 คน อายุระหว่าง 15-18 ปี เป็นเงินจำนวน 6,100 บาท จากจำเลย เมื่อถึงเวลาจำเลยพาเด็กหญิงผู้เสียหายเดินทางด้วยรถยนต์มาที่โรงแรมแห่ง หนึ่งใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่จึงส่งเงินค่าซื้อบริการให้จำเลย ก่อนแสดงตัวจับกุมพร้อมของกลางหลายรายการ เช่น เงินสดของกลาง โทรศัพท์มือถือ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีผู้เสียหายมาเบิกความสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีเหตุจะคิด ปรุงแต่งเรื่องราวที่น่าอับอาย และเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อตนเอง เชื่อว่าพยานเบิกความไปตามจริงมีน้ำหนักมั่นคง จึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุก 10 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 5 ปี ริบของกลาง
ບັນດາເຈົ້ານາຍ ແລະເສດຖີລາວໄດ້ອ່ານຂ່າວນີ້ແລ້ວຄວນຄິດຫາທາງແກ້ໄຂແດ່ເດີ !