รายงานข่าวซึ่งอ้างผลสำรวจ “International Comparison Program” ซึ่งเริ่มจัดทำตั้งแต่เมื่อปี 2011 แต่เพิ่งมีการนำ “ข้อมูลบางส่วน” ออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุ สหรัฐอเมริกายังคงครองตำแหน่งดินแดนที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกต่อ ไป จากการที่เศรษฐกิจเมืองลุงแซมมีสัดส่วนของจีดีพีในแง่ของ “อำนาจซื้อ” อยู่ที่ร้อยละ 17.1 ของอำนาจซื้อทั่วโลก ขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนรั้งอันดับ 2 ของโลกด้วยสัดส่วนอำนาจซื้อที่ร้อยละ 14.9 ส่วนอินเดียถูกจัดให้เป็นดินแดนที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกด้วยสัดส่วนอำนาจซื้อที่คิดเป็นร้อยละ 6.4 ของโลก ขณะที่ญี่ปุ่น ดินแดนที่เคยรั้งตำแหน่งเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับที่ 2 ของโลกมายาวนาน ถูกเขี่ยตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก หลังจากที่สัดส่วนจีดีพีในแง่ของอำนาจซื้อของแดนปลาดิบลดลงมาเหลือร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับอำนาจซื้อทั่วโลก ผลสำรวจดังกล่าวของธนาคารโลกซึ่งทำการเก็บข้อมูลใน 199 ประเทศทั่วโลก และจะมีการเผยแพร่ “ข้อมูลฉบับสมบูรณ์”ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมปีนี้ระบุว่า นอกเหนือจากสหรัฐฯ จีน อินเดีย และญี่ปุ่นแล้ว ดินแดนอื่นๆที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกใน “10 อันดับแรก” ยังประกอบไปด้วย เยอรมนี รัสเซีย บราซิล ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอินโดนีเซีย ตามลำดับ ข้อมูลของเวิลด์แบงก์ระบุว่า ประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอินโดนีเซียที่เป็นบ้านของประชากร มากกว่า 240 ล้านคน และเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นประเทศที่มีพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดที่สุด จากการเป็นเขตเศรษฐกิจอันดับ 16 ของโลกในการสำรวจครั้งก่อน ขึ้นมาเป็นดินแดนที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 10 ของโลกแล้ว แซงหน้าเศรษฐกิจของหลายประเทศ รวมถึง สเปน เกาหลีใต้ และแคนาดา
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000049971
ຖືວ່າເປັນຂ່າວດີທີ່ເສດຖະກິດຂອສະຫະຣັຖອາເມຣິກາຂະຫຍາຍຕົວ, ແຕ່ບໍ່ຮູ້ວ່າມັນຈະມີຜົນສະທ້ອນ
ແນວໃດຕໍ່ການພັດທະນາເສດຖະກິດ-ສັງຄົມໃນໄລຍະ 5 ປີ ຄັ້ງທີ 8 ຂອງລາວ?
Anonymous wrote:ຖືວ່າເປັນຂ່າວດີທີ່ເສດຖະກິດຂອສະຫະຣັຖອາເມຣິກາຂະຫຍາຍຕົວ, ແຕ່ບໍ່ຮູ້ວ່າມັນຈະມີຜົນສະທ້ອນແນວໃດຕໍ່ການພັດທະນາເສດຖະກິດ-ສັງຄົມໃນໄລຍະ 5 ປີ ຄັ້ງທີ 8 ຂອງລາວ?
ລາວປະກາດວ່າບໍ່ໜ້າຈະເປັນຮ່ວງຕໍ່ການພັທະນາເສຖະກິດ-ສັງຄົມບໍ່ວ່າໃນໄລຍະໃດໆ
ເພາະປະທານປະເທດແລະນາຍຍົກຕ່າງກໍແຍກກັນອອກໄປຂໍທານນຳຕ່າງປະເທດຢ່າງ
ບໍ່ຂາດລະຍະ. ຂໍໄດ້ $100ລ້ານ ເຂົ້າຖົງເມັຍຫລວງ $50ລ້ານ, ເມັຍນ້ອຍ $30ລ້ານ
$10ລ້ານ ເຂົ້າຖົງສ່ວນຕົວຕົນເອງ ແລະ $10ລ້ານສຸດທ້າຍເຂົ້າຄັງຫຼວງເທົ່ານັ້ນ.
ໝັ້ນຍືນໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆໝັ້ນຍືນໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆ
ກໍ່ຢາກຮູ້ເນ໊າະ ເພາະໄດ້ຍິນທ່ານສົມດີ ດວງດີ ຈົ່ມວ່າການພັດທະນາເສດຖະກິດ-ສັງຄົມ ໃນໄລຍະ 6 ເດືອນ
ສຳລັບສົກປີ 2013-2014 ຫຼຸດເປົ້າໝາຍປະມານ 0,7% ຊຶ້ງຕາມເປົ້າໝາຍແມ່ນ 8,3% ແຕ່ເພິ່ນເຮັດໄດ້ແຕ່
7,6% ເທົ່ານັ້ນ ຍ້ອນການຫົດຕົວຂອງເສດຖະກິດໂລກ.
ເຖິງຢ່າງໃດກໍ່ຂໍຂອບໃຈທີ່ທ່ານອອກມາຊີ້ແຈງໃຫ້ຮູ້, ຂອບໃຈ.
ผลสำรวจดังกล่าวของธนาคารโลกซึ่งทำการเก็บข้อมูลใน 199 ประเทศทั่วโลก
ສປປລາວ ຢູ່ລຳດັບທີ່ທໍ່ໃດ? ມີໃຜຮູ້ແດ່ ?