นักเคลื่อนไหวฮ่องกงเผยแผน “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” ขู่ชัตดาวน์เขตธุรกิจการค้าใจกลางเมือง เพื่อเรียกร้องการเลือกตั้งอย่างเสรีตามหลักประชาธิปไตย ชาวฮ่องกงหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่การเงิน นักการธนาคาร นักธุรกิจ หรือพ่อค้าคนสำคัญราว 70 คน กล่าว (22 เม.ย.) สนับสนุนแผนการ “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” (Occupy Central) ที่ริเริ่มโดยนักเคลื่อนไหวท้องถิ่น มีเป้าหมายผลักดันรัฐบาลปักกิ่งเปิดทางจัดการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยบน เขตปกครองพิเศษเกาะฮ่องกง ทางด้านผู้ประสานงานกิจกรรมฯ เผยว่า จะระดมชาวฮ่องกงกว่า 10,000 คนมาปิดถนนสายต่างๆ ในย่านการค้าสำคัญใจกลางเมืองจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จตามข้อเรียกร้อง โดยแผนชัตดาวน์ศูนย์กลางธุรกิจจะเริ่มขึ้นในเดือน ก.ค.นี้ แม้หลายฝ่ายท้วงติงว่าควรเลื่อนออกไปเป็นช่วงปลายปี ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ ตลอดจนผู้นำในโลกธุรกิจต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่ากิจกรรมดังกล่าวอาจส่งผลเสีย หายรุนแรงต่อเศรษฐกิจของเมือง ทว่าฝ่ายตรงข้ามก็โต้แย้งว่าจำเป็นต้องออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของ ชาวฮ่องกง “มันถึงเวลาที่ต้องกระตือรือร้นให้เกิดการเลือกตั้งตามหลักสากลบน เกาะฮ่องกงเสียที” เอ็ดเวิร์ด ชิน หนึ่งในกลุ่มผู้ประสานงานกล่าวกับเอเอฟพี “ในฐานะพลเมืองฮ่องกง ผมคิดว่าเราควรลุกขึ้นมาแสดงความต้องการที่แท้จริง” อู๋ ไหลชง พนักงานบริษัทด้านการลงทุน วัย 37 ปี ผู้ประสานงานอีกรายกล่าว โดยทั้งอู๋และชินระบุว่า กลุ่มผู้จัดงานได้ซื้อพื้นที่หน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและต่างประเทศบางฉบับ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม รวมถึงส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งจะเผยแพร่เนื้อหาในวันพุธนี้อีกด้วย ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเคลื่อนไหวต้องการให้ฮ่องกงมีเสรีภาพทางคำพูด สภาพแวดล้อมทางธุรกิจการค้าที่ยุติธรรม และความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยปราศจากการควบคุมอย่างเข้มงวดของจีนแผ่นดินใหญ่ ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนสัญญา ว่าจะจัดการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในปี 2560 แต่ผู้สนับสนุนประชาธิปไตยจำนวนมากหวาดกลัวว่าผู้นำจีนจะเล่นตุกติกหรือแทรก แซงกระบวนการคัดสรรเพื่อให้อำนาจบริหารยังอยู่ใต้เงาของรัฐบาลปักกิ่งต่อไป
นายเหลียง เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
ปักกิ่งกำราบการชุมนุมใหญ่เรียกร้องประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกง โดยออกสมุดปกขาวย้ำให้ประชาชนตระหนักโดยทั่วกันว่า ปักกิ่งคือผู้เดียว ที่มีอำนาจเต็มในการปกครองฮ่องกงอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับเตือนวา กำลังมีการแทรกแซงจาก “กองกำลังภายนอก” รัฐบาลจีนออกสมุดปกขาว ซึ่งสำนักข่าวซินหวาเผยแพร่สู่สาธารณชนใน 7 ภาษาเมื่อวันอังคาร (10 มิ.ย.) ระบุว่า รัฐบาลกลางกรุงปักกิ่งมีอำนาจในการปกครองและใช้อำนาจบังคับควบคุมฮ่องกง อย่างครอบคลุมทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของอำนาจการปกครองตนเองของฮ่องกงอีกด้วย โดยฮ่องกงมีฐานะเป็นเพียงเขตบริหารท้องถิ่นเขตหนึ่งของจีนเท่านั้น ในสมุดปกขาวยังเน้นย้ำว่า แม้ในอนาคตฮ่องกงอาจเลือกผู้นำของตนเองได้ด้วยการใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือก ตั้งโดยชาวฮ่องกงเอง แต่ชาวฮ่องกงก็ต้องจงรักภักดีต่อประเทศชาติ นอกจากนั้น ยังกล่าวด้วยว่า ความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติของจีนกำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเตือนว่า “กองกำลังภายนอก” กำลังใช้ฮ่องกงเป็นทางไปสู่การแทรกแซงกิจการภายในของจีน ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของแผ่นดินใหญ่ได้เคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับฮ่องกงดังเช่นในสมุด ปกขาวมาแล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาและวิธีการเผยแพร่สมุดปกขาวของจีนนี้ย่อมแสดงให้ เห็นว่า ปักกิ่งต้องการเข้ามาควบคุมพัฒนาการทางการเมืองในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงด้วย ตัวเอง “ ทัศนะผิด ๆ มากมายกำลังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในฮ่องกงขณะนี้” สมุดปกขาวระบุ พร้อมกับกล่าวต่อไปว่า “ บางคนก็สับสน หรือมีความโอนเอนต่อความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย (หนึ่งประเทศ สองระบบ) และกฎหมายพื้นฐาน” การเผยแพร่สมุดปกขาวเกิดขึ้นก่อน หน้าที่นักเคลื่อนไหวกลุ่ม “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” (Occupy Central) จะจัดการทำประชามติอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับทางเลือกอื่น ๆ สำหรับการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในปี 2560 เพียง 10 วัน โดยนักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้ต้องการให้ฮ่องกงมีประชาธิปไตยเต็มใบโดยเร็ว นายเหลียง เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงกล่าวว่า การออกสมุดปกขาวของปักกิ่งดำเนินไปภายใต้กฎหมายพื้นฐาน และรอคอยว่า หลักการหนึ่งประเทศสองระบบจะมีการบังคับใช้เพื่อประโยชน์ของทั้งชาวฮ่องกง และประเทศชาติได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม นายเบนนี่ ไต้ เย่าถิง ผู้ก่อกตั้งกลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัลมองว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังพยายามขู่ให้ชาวฮ่องกงหวาดกลัว เพื่อให้อยู่เฉย ๆ ขณะที่นาย เหลียง จยาเจี๋ย หัวหน้าพรรคซิวิกชี้ว่า ปักกิ่งกำลังผิดคำสัญญา ที่เคยให้ไว้ ที่ว่า ชาวฮ่องกงจะมีอำนาจปกครองตนเองในระดับที่สูง ทั้งนี้ นายโจว ปั๋ว รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าภายใต้สังกัดสภาแห่งรัฐของจีน และนายจัง หรงซุ่น รองผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการกฎหมายพื้นฐานจะเดินทางมาฮ่องกงในสัปดาห์หน้า เพื่ออธิบายข้อความในสมุดปกขาวนี้ให้เข้าใจกระจ่างทั้งหมด