เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ส.ค. 57 มีรายงานว่า พ.ต.ท.อนุสรณ์ มูลสาร รอง ผกก.ป.ฯ สภ.เฉลิมพระเกียตติ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ไตรรัตน์ ชัยวรรณ สวปฯ.สภ.เฉลิมพระเกียติ จนท.ทหารพราน ร้อย 3203 ได้สนธิกำลังออกตรวจพื้นที่ ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน เมื่อมาถึง ที่บ้านน้ำรีพัฒนา หมู่ 12 ต.ขุ่นน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ซึ่ง เป็นแนวชายแดน ติดกับ สปป.ลาวพบ ได้พบกลุ่มบุคคลเดินภายในหมู่บ้านประมาณ 20 คน จนท.ชุดออกตรวจ จึงขอตรวจสอบเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ปรากฏว่าทั้งหมดนั้นไม่มีเอกสารประตัวแต่อย่างใด
จากการสอบถามในเบื้องต้น พบว่าทั้งหมดเป็น ชาวลาว ลักลอบเข้ามาเก็บลำไย หลังจากการรับจ้างเสร็จจึงได้พากันเดินทางกลับเข้า สปป.ลาว ทางช่องทางธรรมชาติ ด้านหลังหมู่บ้านน้ำช้าง ซึ่งเป็นเขตติดต่อ กับ สปป.ลาว
คนงานรายหนึ่ง ให้การว่า ได้ทำหนังสือผ่านด่านชายแดนห้วยโก๋น โดยมีกำหนด 3 วัน เพื่อจะมารับจ้างเก็บลำไย โดยได้ค่าแรงวันล่ะ 300 บาท และได้มี นางวาง ซง อายุ 27 ปี ได้ขึ้นทะเบียนออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่ใช่สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 7 ต.ส้าน อ.เวียงสา จ.น่าน เป็นคนสปป.ลาว และที่ติดต่อให้เข้ามาทำงานที่ประเทศไทย หลังจากนั้นเมื่อเก็บลำไยเสร็จแล้ว นางวาง ซง ได้พาพวกทั้งหมด 20 คน ขึ้นรถยนต์ไปลงที่บ้านน้ำรีพัฒนา หมู่ 12 ต.ขุ่นน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน เพื่อจะให้เดินทางกลับเอง
เบื้องต้น จนท.ชุดจับกุมตัวได้นำผู้ต้องหาทั้งหมด ส่ง ร.ต.ท.ชยพล สุขใจ พงส.สภ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อดำเนินคดี เป็นบุคคลต่างด้าว(สัญชาติลาว)เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ ได้รับอนุญาต
ນີ້ກໍ່ແມ່ນຂ່າວນຶ່ງທີ່ເຮັດໃຫ້ເສົ້າໃຈທີ່ເຮັດພີ່ນ້ອງລາວຖືກຄົນຊາດອື່ນຕົ້ມຕົວະ
ສໍ້ໂກງແບບໜ້າດ້ານໆ. ຣັຖບານລາວຄວນແກ້ໄຂເງິນຄ່າແຮງງານໃຫ້ເທົ່າທຽມ
ກັບປະເທດອື່ນ ພີ່ນ້ອງລາວຈຶ່ງຈະບໍ່ໄດ້ສ່ຽງໄປຂາຍແຮງງານຢູ່ປະເທດອື່ນ.