จนท.บุกช่วยหญิงลาว 13 คน ถูกลวงค้าประเวณี
ชุมพร 5 ต.ค.57 - ดีเอสไอภาค 8 สนธิกำลัง ทหารจาก มว.รส.ร.25 พัน 1 และชุด ฉก.จ.ชุมพร บุกคาราโอเกะ ช่วยเหลือ 13
หญิงลาว ถูกลวงค้าประเวณี พร้อมคุมตัวเจ้าของร้านเข้าข่ายพรบ.ค้ามนุษย์
เวลา 00.30 น.วันที่ 5 ตุลาคม 2557 เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 8( DSI ภาค 8) สนธิกำลัง ทหารจาก มว.รส.ร.25 พัน 1 และชุดเฉพาะกิจ (ชุด ฉก.)จ.ชุมพร กว่า 30 เข้าตรวจค้นร้านคาโอเกะเรือนรอง เลขที่ 133/4 ริมถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 15 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพรพบหญิงสาวชาวลาว13 คน มีพฤติกรรมค้าประเวณี และในจำนวนนี้ เป็นเยาวชนมีอายุไม่ถึง 18 ปี จำนวน 6 คน ประกอบด้วย น.ส.ลา (นามสมมุติ) น.ส.วอน (นามสมมุติ) น.ส.งา (นามสมมุติ) น.ส.มอน (นามสมมุติ) น.ส.วัน (นามสมมุติ) และ น.ส.ดา (นามสมมุติ) ทั้งหมดเป็นชาวแขวงเวียงจันทร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งมีลักษณะการกระทำความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551พร้อมควบคุมตัว นางสาวโศจิรัตน์ กุยุคำ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/4 หมู่ที่ 15 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เจ้าของและผู้ดูแลร้าน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมผู้หนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) เปิดเผยว่า ก่อนนำกำลังเจ้าจับกุม ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับรายงานจากสายลับว่า ที่ร้านคาราโอเกะดังกล่าวมีการลักลอบค้าประเวณีโดยใช้หรือบังคับเด็กหญิงจาก สปป.ลาวอายุไม่เกิน 18 ปี และอายุเกิน 18 ปีจึงประสานกับ ผบ.มว.รส.ร.25 พัน 1 ที่ทำการปกครอง อ.ท่าแซะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนให้สายลับปลอมตัวเป็นนักเที่ยวนำธนบัตรใบละ 1,000 บาท 1 ใบ และธนบัตรใบละ 100 บาท 2 ใบ ซึ่งถ่ายสำเนาเอาไว้เข้าไปล่อซื้อบริการประเวณีจากเด็กในร้านดังกล่าว และจ่ายเงินให้ นางสาวโศจิรัตน์ กุยุคำ เจ้าของร้าน เมื่อสายลับนำสาวชาวลาวเข้าไปในห้องพักที่อาคารชั้นเดียวเยื้องหลังร้าน เพื่อทำทีจะขอร่วมประเวณีกับสาวลาวคนดังกล่าว ก็ส่งสัญญาณทางโทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่ชุด ฉก.บุกเข้าไปตรวจค้นร้านโดยอาศัยกฎอัยการศึก ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งนางสาวโศจิรัตน์ได้ยินยอมและนำเจ้าหน้าที่ตรวจค้นด้วยตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ได้พบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อของกลางทั้ง 3 ใบ และพบหญิงสาวชาวลาวอายุไม่เกิน 18 ปีทั้ง 6 คนจึงกันตัวไว้เป็นผู้เสียหายนอกจากนั้น ยังตรวจยึดของกลางอื่นๆ คือ เงินสดรวม 39,240 บาท ถุงยางอนามัยจำนวน 2 ซอง อาวุธปืนสั้นขนาด.38 ชนิดลูกโม่ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 5 นัดและซองปืน สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 6 เล่ม โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง และพาสปอร์ตประเทศ สปป.ลาวอีก 2 เล่ม จึงแจ้งข้อหาแก่นางสาวโศจิรัตน์ 3 ข้อคือ 1.ค้ามนุษย์โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี (ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 และ 52) 2.เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม (ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9) และ 3.เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี โดยกระทำแก่ผู้สืบสันดาน (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 และ 285) ต่อจากนั้น ชุดปฏิบัติการฯ ยังได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 133/5 หมู่ที่ 15 ต.ท่าแซะ ซึ่งอยู่ใกล้กัน โดยนางสาวโศจิรัตน์ยินยอมเป็นผู้นำตรวจค้นด้วยตนเอง พบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารอีกจำนวน 15 เล่ม มีชื่อ นางสาวโศจิรัตน์เป็นเจ้าของบัญชี 6 เล่ม ส่วนอีก 9 เล่มมีชื่อของบุคคลชื่อดังหลากหลายวงการใน จ.ชุมพรเป็นเจ้าของบัญชี สมุดจดหมายเลขโทรศัพท์หลายเล่ม ครั้งนี้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงควบคุมตัวนางสาวโศจิรัตน์พร้อมของกลางทั้งหมดและหญิงสาวชาวลาวทั้ง 13 คน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป