ช่วงข้ามวันมานี้ประชาคมออนไลน์ชาวลาว ได้เผยแพร่ภาพเครื่องบินขนส่งแบบ C-17 ลำหนึ่งของกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า ไปที่นั่นเพื่อเตรียมการล่วงหน้า สำหรับการเดินทางเยือนลาวโดย ประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัค โอบามา ระหว่างไปร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน และ ผู้นำอาเซียนกับประเทศหุ้นส่วนต่างๆ ที่จะมีขึ้นในนครเวียงจันทน์ สัปดาห์ต้นเดือน ก.ย.ศกนี้ ไม่มีรายละเอียดอื่นใดนอกจากภาพ C-17 ที่มีเครื่องหมาย US Air Force ลำเดียวกัน ที่สนามบินนานาชาติเมืองหลวงพระบาง ไม่มีคำอธิบาย จากฝ่ายใดอีกเช่นกัน เพราะเหตุใดจึงไปจอดที่นั่น ในขณะที่การประชุมจะมีขึ้นในเมืองหลวง ที่อยู่ห่างลงไปทางใต้กว่า 200 กิโลเมตร สถานเอกอัครรัฐทูตสหรัฐประจำลาว ออกแถลงสัปดาห์ที่แล้วว่า ปธน.โอบามา กำลังจะเยือนทวิภาคีลาวอย่างเป็นทางการ รวมทั้งการพบหารือกับบรรดาผู้นำอาเซียน เช่นการประชุมสุดยอดของกลุ่มทุกครั้งที่ผ่านมาและ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยระบุว่า นายโอบามาจะเป็น ปธน.คนแรกที่เดินทางเยือนลาวในปีนี้ ก่อนหน้านี้ นางฮิลลารี คลินตัน อดีต รมว.การต่างประเทศสหรัฐ ได้ไปเยือนลาวเป็นเวลาครึ่งวัน ต่อมานายจอห์น เคอร์รี รมว.ต่างประเทศคนปัจจุบัน ไปเยือนลาวอีกคน เป็นวิถีปฏิบัติปรกติที่ทางการสหรัฐจะจัดการ ขนส่งสัมภาระ วัสดุอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ ล่วงหน้าไปยังปลายทาง รวมทั้งเจ้าหน้าที่บุคคลากร ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนผู้นำสูงสุดจะไปเยือน ส่วนนายโอบามากำลังจะเดินทางเข้าเวียงจันทน์ ด้วย Air Force One เครื่องบินประจำตำแหน่งผู้นำสหรัฐ สัปดาห์ที่ผานมาทางการลาวได้เร่งจัดเตรียมความพร้อม สำหรับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น รวมทั้งการประกาศกำหนดเส้นทางสัญจรในเมืองหลวง ซึ่งจะมีการปิดถนนหลายสาย ในย่านใจกลางเมือง ที่จะใช้เป็นเส้นทางรับ-ส่ง และ เส้นทางสำหรับการเดินทางของบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ จากอาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งนายหลี่เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ส่วนรัสเซียคาดว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะดินทางไปร่วมพบปะผู้นำอาเซียนด้วยตัวเอง เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีลาว กับ ปธน.ปูติน ได้ร่วมกันเป็นประธาน ในการประชุมรัสเซีย-อาเซียนครั้งที่ 2 ที่เมืองโชชิ สัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน กองบังคับการตำรวจจราจรนครเงียงจัยทน์ ได้เปิดใช้ระบบกล้องวงจรปิดทันสมัย เพื่อสอดส่องติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ บนท้องถนนได้ทั่วชั้นในของเมืองหลวง ระบบกล้องจรปิดดังกล่าว ได้รับความช่วยเหลือจากจีน และ ใช้เทคโนโลยีจีน เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายต่างๆ ต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ตามรายงานของสำนักข่าวทางการ วันศุกร์ที่ผ่านมา นรม.ลาว ได้เป็นประธานจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี กับหัวส่วนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมการประชุมผู้นำอาเซียน รวมทั้งตรวจความพร้อมของกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่พิธีเปิดจนถึงพิธีปิดการประชุมทั้งหมด ปีนี้ลาวๆได้เป็นประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะต้องเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดของกลุ่มถึง 2 ครั้ง โดยครั้งต่อไปจะมีขึ้นในต้นปีหน้า ซี-17 "โกลบมาสเตอร์" (Globemaster) เป็นเครื่องบินขนส่งทางอากาศขนาดใหญ่ พัฒนาและผลิตโดยบริษัทแม็คดอนเนลดักลาสเมื่อก่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทโบอิ้งแห่งสหรัฐ ใช้เป็น บ.ขนส่ง ทั้งในทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2538 ผลิตออกมาเพื่อใช้แทน C-141 "สตาร์ลิฟเตอร์" (Starlifter) และ เพื่อแบ่งเบาภารกิจจำนวนหนึ่ง ของ C-5 "กาแล็กซี" (Galaxy) ที่มีขนาดใหญ่กว่า เครื่องบินรุ่นนี้ปีกสองข้างกางกว้าง 52 เมตร ยาว 53 เมตร ระยะปฏิบัติการ 10,390 กม. ต่อการเติมเชื้อเพลิง 1 ครั้ง ติดเครื่องยนต์ PW2000 ของแพร็ตแอนด์วิทนีย์ จำนวน 4 เครื่อง สามารถบินด้วยความเร็วสูงสุด 830 กม./ชม. ราคาพื้นฐานที่หน้าโรงงานลำละ 218 ล้านดอลลาร์ จนถึงสิ้นปีที่แล้ว มีการผลิตออกมาทั้งหมด 279 ลำ.
ภาคพื้น ดินก็พร้อม -- รถยนต์ BMW ซีรีส์ 7 จำนวนนับร้อยคัน ที่จะใช้เป็นพาหนะสำหรับบรรดาผู้นำ ระหว่างการประชุมสัปดาห์ต้นเดือนหน้า ไปถึงนครเวียงจันทน์แล้ว หนังสือพิมพ์ปะเทดลาว เผยแพร่ภาพชุดนี้ ตอนค่ำวันอาทิตย์ 28 ส.ค. โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นสถานที่แห่งใด แต่เข้าใจกันว่า เป็นบริเวณคลังสินค้าท่านาแล้ง ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมือง สะพานมิตรภาพ 1 เวียงจันทน์-หนองคาย
นักวิเคราะห์คาด ผู้นำอเมริกาจะใช้การเดินทางเยือนเวียงจันทน์เดือนหน้า บ่อนทำลายอิทธิพลของจีนในอาเซียน จากการดึงลาวมาเป็นพวกโดยใช้เวียดนามเป็นสื่อกลาง เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่ในเวียงจันทน์ดูเหมือนต้องการตีจากปักกิ่ง และหันไปคบค้ากับเพื่อนบ้านอย่างฮานอยมากกว่า การเดินทางสู่ลาวในสัปดาห์หน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ถูกคาดหมายว่า เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งในช่วงต้นปีหน้าของประธานาธิบดี สหรัฐฯ บารัค โอบามา ในการผลักดันการปรับสมดุลนโยบายต่างประเทศ เพื่อให้ความสำคัญมากขึ้นกับเอเชีย ซึ่งถูกมองว่า เพื่อตอบโต้การขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทหารในภูมิภาคนี้ของจีน นักการทูตชี้ว่า โอบามาอาจสบช่องเข้าหาลาวผ่านทางเวียดนาม ซึ่งมีกรณีพิพาทกับจีนในทะเลจีนใต้ ทำให้เบนเข็มไปเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอเมริกา เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่ในเวียงจันทน์ที่เข้าบริหารประเทศในเดือนเมษายนที่ ผ่านมานั้น ดูเหมือนพร้อมผละจากปักกิ่งไปซบอกฮานอย โอบามาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เดินทางเยือนลาวขณะดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้ อเมริกาเคยทำ “สงครามลับ” ด้วยการทิ้งระเบิดราว 2 ล้านตัน ถล่มลาวระหว่างต่อสู้กับเวียดนาม โดยระเบิด 30% ไม่ทำงาน กลายเป็นภาระตกค้างที่อันตรายและมีต้นทุนการเก็บกู้สูง ลาวนั้นมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับทั้งเวียดนาม และจีน อาทิ เป็นประตูเปิดสู่ไทยสำหรับเวียดนาม และเป็นเกตเวย์สำคัญสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับกลยุทธ์การค้า “เส้นทางสายไหมใหม่” ของจีน นอกจากนั้น ลาวที่กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขง ยังมีเป้าหมายจะเป็น “แบตเตอรีแห่งเอเชีย” ด้วยการขายพลังงานให้เพื่อนบ้าน แม้เป็นการยากที่จะเข้าถึงนโยบายของรัฐบาลลาว ทว่า นักการทูตตะวันตกบางคนได้ตรวจพบสัญญาณการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง สัญญาณแรกคือ การปลดเกษียณของรองนายกรัฐมนตรี สมสะหวาด เล่งสะหวัด ที่ควบคุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการทางรถไฟมูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์ของจีน ทำให้เชื่อกันว่า โครงการนี้จะถูกระงับ เนื่องจากรัฐบาลไม่พอใจเงื่อนไขข้อตกลง นอกจากนั้น เมื่อไม่นานนี้เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรี ทองลุน สีสุลิด ที่หลายคนเรียนจบจากเวียดนาม ยังยกคณะไปเยือนฮานอยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรก ในการประชุมสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) สองครั้งที่ผ่านมา ซึ่งลาวเป็นเจ้าภาพ เวียงจันทน์ยังมีท่าทีแปลกแยกจากจีนมากกว่ากัมพูชา ที่นับวันยิ่งถูกมองว่า เป็นดาวบริวารของปักกิ่ง เฟือง เหวียน จากศูนย์เพื่อการศึกษากลยุทธ์และการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน ชี้ว่า ความสนใจเชิงกลยุทธ์ของอเมริกา คือ ต้องการรู้ว่าลาวจะมีอิสระเชิงกลยุทธ์ในบางระดับหรือไม่ เนื่องจากไม่ต้องการให้ลาวอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์กับจีนแบบเดียวกับ กัมพูชา เจ้าหน้าที่กลาโหมคนหนึ่งในวอชิงตันไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น กลยุทธ์ที่ครอบคลุม แต่บอกเพียงว่าลาวเป็น “พันธมิตรสำคัญ” ของสหรัฐฯ ทางด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนยินดีต้อนรับทุกประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ ตราบที่ความสัมพันธ์นั้นเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อความสงบสุข เสถียรภาพ และความมั่งคั่งของภูมิภาค ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์จีนและสื่อของรัฐ ระบุว่า จีนลงทุนในลาวถึงปีละประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2014 และ 2015 แอนโทนี เนลสัน ผู้อำนวยการสภาธุรกิจอเมริกา - อาเซียน เผยว่า วอชิงตันนำบริษัทแค่ 7 - 8 แห่งเข้าหารือเพื่อหาช่องทางลงทุนในลาว เทียบกับเวียดนามที่หอบหิ้วนักธุรกิจจากบริษัท 30 - 40 แห่งไปลาว ถือว่าเป็นจำนวนที่ต่างกันมาก เนลสัน เสริมว่า ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ประเทศที่มีการพัฒนาในระดับต่ำที่สุด อย่างลาว และกัมพูชา กระตือรือร้นที่สุดที่จะให้การสนับสนุนจุดยืนของจีนในการหารือระหว่างประเทศ
ทางการแขวงอุดมไซ ในภาคเหนือของลาว ได้เปิดเผยตัวเลขที่น่าตื่นตาตื่นใจในสัปดาห์นี้ หลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน พัดพาปุ๋ยกับสารเคมี รวมน้ำหนักหลายตันหายไปในลำน้ำแบง ท่ามกลางความวิตกกังวล เกี่ยวกับผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ที่นี่มีสวนกล้วยของนักลงทุนจากจีน รวมเป็นเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 5,000 เฮกตาร์ หรือ กว่า 31,200 ไร่ ทุกแห่งใช้ปุ๋ยเคมีที่นำเข้าจากจีน ตัวเลขดังกล่าวทำให้อุดมไซ กลายเป็นสวนกล้วยหอมใหญ่อันดับ 2 ของนักลงทุนจีน ถัดจากแขวงบ่อแก้วที่อยู่ถัดขึ้นไป ซึ่งเมื่อรวมตัวเลขเข้าด้วยกัน สองแขวงนี้ก็จะมีเนื้อที่สวนกล้วยจีนเกือบ 100,000 ไร่ นอกจากนั้นอุดมไซก็ยังเป็นแห่งที่สอง ที่สะท้อนถึงผลกระทบในทางลบ จากการส่งเสริมการลงทุนในแขนงนี้ เพื่อส่งผลผลิตกลับไปจำหน่าย ในมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ จนถึงตอนกลางของจีนแผ่นดินใหญ่ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ลาวพัดทะนา แขวงอุดมไซไม่อนุญาตให้นักลงทุนจีน เข้าไปลงทุนปลูกกล้วยเพิ่มเติมอีก เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว รวมทั้งไม่ยอมให้ขยายพื้นที่อีก หลังจากได้พบความจริงว่าการปลูกกล้วย ใช้พื้นที่กว้างมาก "ไม่สร้างผลประโยชน์ให้ภาครัฐ และ ประชาชนในทองถิ่นเท่าที่ควร และ ที่สำคัญคือ ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ" ใช้แรงงานคนน้อย เป็นการจ้างงานที่ไม่ยั่งยืน หากเทียบกับปัจจัยการผลิต และทรัพยากรที่ใช้ นอกจากไม่ออกใบอนุญาตใหม่แล้ว แขวงอุดมไซจะไม่ต่อสัญญา เมื่ออายุสัมปทานหมดลง ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งกระทรวงกสิกรรม-ป่าไม้ และ มติที่ประชุมพรรคสาขาแขวง ที่กำหนดทิศทางการพัฒนากสิกรรม โดยส่งเสริมการผลิตที่สะอาด ให้ผลตอบแทนเร็วทางด้านเศรษฐกิจ และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกข้าวคุณภาพดี ปลูกพืชตามฤดูกาล รวมทั้งปลูกหญ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ด้วย หนังสือพิมพ์ของทางการรายงานเรื่องนี้ อ้างนายบุนเลียน วอละกด หัวหน้าแผนกกสิกรรม-ป่าไม้ แขวงอุดมไซ ซึ่งได้ให้รายละเอียดอีกว่า การลงทุนปลูกกล้วยในแขวงนี้ ดำเนินมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยปลูกมากที่สุดในท้องที่เมือง (อำเภอ) รุน กับเมืองแบง (ที่อยู่ริมลำน้ำแบง) อันเป็นลำน้ำสายใหญ่สาขาของแม่น้ำโขง เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในสัปดาห์กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ที่พัดพาสารเคมีพิษบรรจุในภาชนะถังลงน้ำไป กับอีกส่วนหนึ่งเชื่อกันว่าถูกโคลนถล่มทับถมเอาไว้ข้างล่าง เกิดขึ้นกับสวนกล้วยในเขตสองเมืองนี้ ซึ่งได้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และ ยังไม่มีข่าวคราว เกี่ยวกับผลการค้นหาในช่วงข้ามสัปดาห์มานี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความวิตกว่า ข่าวสารพิษจะสร้างความแตกตื่นให้แก่สาธารณชน สัปดาห์ที่แล้วแผนกกสิกรรม-ป่าไม้ แขวงได้ออกแถลงระบุว่า ข่าวที่ออกไปก่อนหน้านั้น ไม่มีมูลความจริง สิ่งที่ถูกพัดพาหายไปกับน้ำ เป็น เพียง "ยาบำรุงพืช" โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาบำรุงดอกและผลกล้วย กับยาฆ่าเชื้อราที่มักจะเกิดกับผลกล้วยเท่านั้น ซึ่งล้วนเป็นสารที่รัฐบาลอนุมัตให้นำเข้าได้ เพื่อใช้ในการเกษตร เจ้าหน้าที่แผนกนี้เชื่อว่า "ยาบำรุง" ทั้งหมดที่หายไป จะไม่รั่วไหลออกจากภาชนะบรรจุ หรือ ถ้าหากรั่วออกสู่สภาพแวดล้อม ยาพวกนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวะนานาพันธุ์แต่อย่างไร ทั้งยืนยันว่าที่ผ่านมา แผนกกสิกรรมฯ และ แผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของแขวง ได้ตรวจตราอย่างใกล้ชิดและรัดกุม หนังสือพิมพ์ข่าวเศรษฐกิจการค้ารายงาน
แต่สิ่งที่นายบุนเลียน หัวหน้าแผนกกสิกรรมฯ แขวงอุดมไซให้สัมภาษณ์ล่าสุดนี้ อาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอกหนังสือพิมพ์ปะเทดลาวว่า เมื่อสวนกล้วยแห่งใดหมดอายุสัมปทานลง ทางการแขวงจะไม่ต่อสัญญาให้โดยเด็ดขาด เนื่องจากแขวงมีโครงการจัดระเบียบการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร "เพื่อส่งเสริมการผลิตที่สะอาด ประชาชนมีส่วนร่วม เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม และมีความยั่งยืน" ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ปะเทดลาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสำนักข่าวสารปะเทดลาว ได้เป็นหัวหอกสำคัญในการพิทักษ์ปกป้องสิทธิประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น กับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ที่เกิดจากผลกระทบการลงุทนทำสวนกล้วยของ "นักลงทุนต่างชาติ" สัปดาห์ที่แล้วหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ได้ออกวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาในเว็บไซต์ ต่อสิ่งที่เรียกว่า ทางการแขวงอุดมไซ "พยายามปกปิดข้อเท็จจริง" มิให้สาธารณชนได้รับรู้ความจริง เกี่ยวกับการใช้สารพิษในสวนกล้วยของนักลงทุนต่างชาติเหล่านั้น กรณีล่าสุดนี้ได้ทำให้ประชาคมออนไลน์ชาวลาว ต้องย้อนกลับไปรำลึกถึงเหตุการณ์ในปลายเดือน มี.ค..ปีนี้ ครั้งที่เจ้าแขวงคนใหม่ แขวงบ่อแก้ว ออกเปิดเผยต่อสื่อของทางการ เกี่ยวกับตัวเลขสวนกล้วยของนักลงทุนจีนในแขวง ซึ่งมีเนื้อที่รวมกันกว่า 10,000 เฮกตาร์ หรือ 62,500 ไร่ และ ได้ ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างหนัก พร้อมประกาศจะไม่ออกใบอนุญาตให้นักลงทุนรายใหม่ ห้ามนักลงทุนรายเก่าขยายพื้นที่เพาะปลูก กรณีที่แขวงบ่อแก้วได้ทำให้เกิดความตื่นตัวอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของสวนกล้วย นำมาสู่การออกนโยบายระดับประเทศในเวลาต่อมา ที่ ห้ามออกใบอนุญาตการลงทุน แขนงนี้อีกโดยสิ้นเชิง และ ให้ทางการท้องถิ่นต่างๆ เลิกสัญญาทันที หากพบมีการลักลอบ นำสารพิษเข้าไปใช้.
ການ ຮັກສາຄວາມສະຫງົບຮຽບຮ້ອຍ ຕາມເສັ້ນທາງ ພາກເຫນືອຂອງ ສປປລາວ
ຕອນທ່ຽງຂອງວັນທີ່ 30/08/2016 ຍົນຂົນສົ່ງທະຫານຂອງສະຫະລັດອາເມລິກາ ແບບ Boeing C-17 Globemaster ໄດ້ມີລົງຈອດທີ່ສະໜາມບິນວັດໄຕ ອີກຄັ້ງສອງແລ້ວ ຫລັງຈາກມາແລ້ວເມື່ອຄັ້ງຕອນແລງຂອງວັນທີ່ 26/08/2016 ທີ່ຜ່ານມາ ມາໃນຄັ້ງນີ້ກໍ່ເພື່ອນຳອຸປະກອນຮັກສາຄວາມປອດໄພ ມາກະກຽມຕ້ອນຮັບ ປະທານາທິບໍດີ ແຫ່ງ ສະຫະລັດອາເມລິກາ ທ່ານ ບາຣັກ ໂອບາມາ ຈະໄດ້ເດີນທາງ ມາຢ້ຽມຢາມສປປ ລາວ ແລະ ສປ ຈີນ ໃນວັນທີ 2-9 ກັນຍາ 2016 ທີ່ຈະມາເຖິງນີ້.
ຈາກການຈະມາຢ້ຽມຢາມດັ່ງກ່າວທ່ານ ໂອບາມາ ນັບເປັນປະທານາທິບໍດີຄົນທຳອິດທີ່ຈະເດີນທາງມາຢ້ຽມຢາມ ສປປ ລາວ ເພື່ອເຂົ້າຮ່ວມກອງປະຊຸມຂອບການຮ່ວມມື ສະຫະລັດອາເມລິກາ ກັບບັນດາປະເທດອາຊຽນ ແລະ ກອງປະຊຸມສຸດຍອດອາຊີຕາເວັນອອກສຽງໃຕ້ (ອາຊຽນ).
ພວກເຮົາຄົນລາວ ຈົ່ງພ້ອມພຽງກັນ ເປັນເຈົ້າບ້ານທີ່ດີ ໃນການຮັບຕ້ອນບັນດາຜູ້ນຳຕ່າງເທດທີ່ຈະມາຢ້ຽມຢາມລາວໃນກອງປະຊຸມທີ່ຈະມາເຖິງນີ້
Anonymous wrote: ຕອນທ່ຽງຂອງວັນທີ່ 30/08/2016 ຍົນຂົນສົ່ງທະຫານຂອງສະຫະລັດອາເມລິກາ ແບບ Boeing C-17 Globemaster ໄດ້ມີລົງຈອດທີ່ສະໜາມບິນວັດໄຕ ອີກຄັ້ງສອງແລ້ວ ຫລັງຈາກມາແລ້ວເມື່ອຄັ້ງຕອນແລງຂອງວັນທີ່ 26/08/2016 ທີ່ຜ່ານມາ ມາໃນຄັ້ງນີ້ກໍ່ເພື່ອນຳອຸປະກອນຮັກສາຄວາມປອດໄພ ມາກະກຽມຕ້ອນຮັບ ປະທານາທິບໍດີ ແຫ່ງ ສະຫະລັດອາເມລິກາ ທ່ານ ບາຣັກ ໂອບາມາ ຈະໄດ້ເດີນທາງ ມາຢ້ຽມຢາມສປປ ລາວ ແລະ ສປ ຈີນ ໃນວັນທີ 2-9 ກັນຍາ 2016 ທີ່ຈະມາເຖິງນີ້. ຈາກການຈະມາຢ້ຽມຢາມດັ່ງກ່າວທ່ານ ໂອບາມາ ນັບເປັນປະທານາທິບໍດີຄົນທຳອິດທີ່ຈະເດີນທາງມາຢ້ຽມຢາມ ສປປ ລາວ ເພື່ອເຂົ້າຮ່ວມກອງປະຊຸມຂອບການຮ່ວມມື ສະຫະລັດອາເມລິກາ ກັບບັນດາປະເທດອາຊຽນ ແລະ ກອງປະຊຸມສຸດຍອດອາຊີຕາເວັນອອກສຽງໃຕ້ (ອາຊຽນ). ພວກເຮົາຄົນລາວ ຈົ່ງພ້ອມພຽງກັນ ເປັນເຈົ້າບ້ານທີ່ດີ ໃນການຮັບຕ້ອນບັນດາຜູ້ນຳຕ່າງເທດທີ່ຈະມາຢ້ຽມຢາມລາວໃນກອງປະຊຸມທີ່ຈະມາເຖິງນີ້
ປະຊາຊົນບໍ່ໄດ້ເຂົ້າຮ່ວມຕ້ອນຮັບດອກເພາະ ພັກ-ລັດ ສປປ.ລາວ ພາຍໄຕ້ການນຳ 11 ຄົນຫາຍໂລ
ມັນເລີ້ມມີຄຳສັ່ງຈັດສັນເສັ້ນທາງທີ່ເກືອດຫ້າມບໍ່ໃຫ້ປະຊາຊົນເດືນຜ່ານແລ້ວ,ແລະ ບັງຄັບໃຫ້ປະຊາຊົນ
ແຕ່ລະບ້ານໃຫ້ມີໜ້າຢູ່ເຮືອນຂອງຕົນຕລອດເວລາຂອງກອງປະຊຸມໃຫຍ່ຄັ້ງນີ້ໝາຍຄວາມວ່າບໍ່ໃຫ້ປະຊາ
ຊົນຄົນໄດ້ໄປນອນແຮມຄືນຢູ່ແຫ່ງອື່ນ,ອັນເປັນເຫດໃຫ້ຜູ້ຈັດການບ້ານພັກ ລີສອດ ຂາດລາຽຮັບໄປຕາມໆກັນ
ພ້ອມທັງພວກເຖົ້າຫົວພຍານາກກໍ່ເສຍໂອກາດຢ່າງໜັກ.ແຕ່ອີ່ຢູ່ບ້ານດີໃຈ ແລະ ຢີ້ມແຍ້ມແຈ່ມໃສເພາະ
ນໍ້າເຕົ້າແກ້ວເຂົ້າຄີງ,ມີຄວາມຮູ້ບຸນຄຸນຕໍ່ກອງປະຊຸມສຳຄັນນີ້ຢ່າງລົ້ນເຫຼືອ ແລະ ປຼາຖນາຢາກໃຫ້ມີເລື້ອຍໆ.
ການມາຂອງທ່ານບາຣັກໂອບາມາແນ່ນອນວ່າພວກໝາຂີ້ຫິດ
ມີການຂໍທານແນ່ນອນເພາະສນັ້ນພວກມັນຈິ່ງບອກ ປຊຊ ໃຫ້ຢູ່ບ້ານ
ເພາະພວກມັນຢ້ານ ປຊຊ ຮູ້ຂີ້ພື້ນແລະຢ້ານ ປຊຊ ຖາມວ່າເງີນທີ່ຂໍທານ
ມາໄປໃສໝົດ ປຊຊ ຄືບໍ່ເຫັນນຳ
ຮ້ອງເພັງຊາດໃຫ້ດັງໆ ກ່ອນ ແລ້ວຈຶ່ງຄ່ອຍອອກປາກຂໍເງິນ
Anonymous wrote:ຮ້ອງເພັງຊາດໃຫ້ດັງໆ ກ່ອນ ແລ້ວຈຶ່ງຄ່ອຍອອກປາກຂໍເງິນ ພາສາໂຈນເວົ້າວ່າ:ລ້ອງເພງຊາດແຫນ້ວຈຶ່ງຍາດແຍ່ງເອົາການຊ່ວຍເຫລືອ
ພາສາໂຈນເວົ້າວ່າ:ລ້ອງເພງຊາດແຫນ້ວຈຶ່ງຍາດແຍ່ງເອົາການຊ່ວຍເຫລືອ