ປະຊາຊົນ ຂາດຄວາມເຊື່ອໝັ່ນ ຂອງບັນດາຜູ້ນຳ
ນີ້ແມ່ນໂຮງຮຽນ ພັກ ຣັຖະບາບ ລາວແດງ ສ້າງໃຫ້ລູກຫລານລາວ
ຫລັງນີ້ແມ່ນ ຣັຖບານໄທຍ ສ້າງໃຫ້ລຸກຫລານລາວ
ນີ້ຄືການຂະຫຍາຍພັນຂອງແກວຄອມມູນິດ
21 เม.ย.60 a ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย จับกุมนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด เป็นอสุจิของชาวจีนและชาวเวียดนาม โดยจับกุมได้ขณะกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ ณ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย ซึ่งเป็นการกระทำผิด พรบ.คุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พรบ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร จำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าราคาของรวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากนั้นนายด่านศุลกากรหนองคาย ได้ส่งมอบของกลางให้กับนายพิชิต ลีลาศ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาประจำสะพานมิตรภาพไทย –ลาว
นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ยื่นความจำนงขอระงับคดีในชั้นศุลกากรงดการฟ้องร้อง ซึ่งหลังจากดูข้อกฎหมายแล้ว ก็เห็นว่าการระงับคดีจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยปรับเป็นเงิน 2 แสนบาท ยกเว้นโทษจำคุกไม่ต้องส่งอัยการหรือศาลให้พิจารณาลงโทษ เนื่องจากทางสาธารณสุขก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อ ในการขยายผลไม่ให้มีขบวนการค้ามนุษย์ ค้าอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนอีกต่อไป โดยจะมีการทำงานร่วมกัน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะขยายผลในส่วนกลางต่อไป เบื้องต้นตรวจสอบด้านกฎหมายของ สปป.ลาว ยังไม่มีกฎหมายห้ามในการดำเนินการดังกล่าว แต่ในด้าน พรบ.ศุลกากร ไทยกับลาวใช้กฎหมายเหมือนกันในการนำเข้าส่งออกสินค้าทุกชนิด ซึ่งการลักลอบนำออกประเทศนี้ถือว่าผิดกฎหมาย โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นการลักลอบนำเข้าประเทศลาว จากการตรวจสอบคาดว่า น่าจะมีเพียงขบวนการกลุ่มนี้เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมครั้งนี้ได้มีการเดินทางข้ามไปกัมพูชาและ สปป.ลาว ส่วนบุคคลอื่นยังไม่เคยมีประวัติ ซึ่งทางศุลกากรได้ส่งของกลางพร้อมมอบข้อมูลทั้งหมดให้กับสาธารณสุข เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการขยายผลและเชื่อมโยงขบวนการ
ทางด้าน นายพิชิต ลีลาศ กล่าวว่า ตนจะนำของกลางพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ส่งให้กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ให้ไปดำเนินการตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลทั้งกับเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบวิชาชีพ รวมไปถึงสถานประกอบการว่าได้มีการขออนุญาต ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งส่วนกลางจะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องรายละเอียดตามข้อกฎหมาย โดยใช้ฐานข้อมูลของด่านศุลกากรหนองคาย ในการขยายผลต่อไป
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่คลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ (VIP คลินิก) ซึ่งเป็นคลินิกที่นายนิธินนทน์ นำถังบรรจุอสุจิมาส่งเพื่อทำการอุ้มบุญนั้น พบว่าเป็นอาคาร 2 ชั้น 2 คูหา ตั้งอยู่ถนนเต้ 4 บ้านดอนกลอย นครหลวงเวียงจันทน์ มีการติดป้ายด้านหน้าข้อความภาษาลาวว่า “ศูนย์การแพทย์ปิ่นปัวภาวะมีลูกยาก” (ศูนย์การแพทย์รักษาภาวะมีลูกยาก) โดยยังมีการเปิดให้บริการตามปกติ
ເດັກ ອະນຸບານບ້ານເຂົາ ນັ່ງເຝົ້າຄອມພິວເຕີ້ ເດັກ ອະນຸບານບ້ານເຮົາ ນັ່ງເຝົ້າແກ້ວເບັຍລາວ
ຕາຍໄປອິກ 10 ຊາດ ບ້ານເມືອງກໍບໍ່ຈະເຮີນນຳເຂົາດອກ, ບໍຣິຫານປະເທດຊາດຄືພວກສູ
wrote: ນີ້ຄືການຂະຫຍາຍພັນຂອງແກວຄອມມູນິດ 21 เม.ย.60 a ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย จับกุมนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด เป็นอสุจิของชาวจีนและชาวเวียดนาม โดยจับกุมได้ขณะกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ ณ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย ซึ่งเป็นการกระทำผิด พรบ.คุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พรบ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร จำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าราคาของรวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากนั้นนายด่านศุลกากรหนองคาย ได้ส่งมอบของกลางให้กับนายพิชิต ลีลาศ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาประจำสะพานมิตรภาพไทย –ลาว นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ยื่นความจำนงขอระงับคดีในชั้นศุลกากรงดการฟ้องร้อง ซึ่งหลังจากดูข้อกฎหมายแล้ว ก็เห็นว่าการระงับคดีจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยปรับเป็นเงิน 2 แสนบาท ยกเว้นโทษจำคุกไม่ต้องส่งอัยการหรือศาลให้พิจารณาลงโทษ เนื่องจากทางสาธารณสุขก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อ ในการขยายผลไม่ให้มีขบวนการค้ามนุษย์ ค้าอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนอีกต่อไป โดยจะมีการทำงานร่วมกัน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะขยายผลในส่วนกลางต่อไป เบื้องต้นตรวจสอบด้านกฎหมายของ สปป.ลาว ยังไม่มีกฎหมายห้ามในการดำเนินการดังกล่าว แต่ในด้าน พรบ.ศุลกากร ไทยกับลาวใช้กฎหมายเหมือนกันในการนำเข้าส่งออกสินค้าทุกชนิด ซึ่งการลักลอบนำออกประเทศนี้ถือว่าผิดกฎหมาย โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นการลักลอบนำเข้าประเทศลาว จากการตรวจสอบคาดว่า น่าจะมีเพียงขบวนการกลุ่มนี้เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมครั้งนี้ได้มีการเดินทางข้ามไปกัมพูชาและ สปป.ลาว ส่วนบุคคลอื่นยังไม่เคยมีประวัติ ซึ่งทางศุลกากรได้ส่งของกลางพร้อมมอบข้อมูลทั้งหมดให้กับสาธารณสุข เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการขยายผลและเชื่อมโยงขบวนการ ทางด้าน นายพิชิต ลีลาศ กล่าวว่า ตนจะนำของกลางพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ส่งให้กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ให้ไปดำเนินการตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลทั้งกับเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบวิชาชีพ รวมไปถึงสถานประกอบการว่าได้มีการขออนุญาต ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งส่วนกลางจะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องรายละเอียดตามข้อกฎหมาย โดยใช้ฐานข้อมูลของด่านศุลกากรหนองคาย ในการขยายผลต่อไป ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่คลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ (VIP คลินิก) ซึ่งเป็นคลินิกที่นายนิธินนทน์ นำถังบรรจุอสุจิมาส่งเพื่อทำการอุ้มบุญนั้น พบว่าเป็นอาคาร 2 ชั้น 2 คูหา ตั้งอยู่ถนนเต้ 4 บ้านดอนกลอย นครหลวงเวียงจันทน์ มีการติดป้ายด้านหน้าข้อความภาษาลาวว่า “ศูนย์การแพทย์ปิ่นปัวภาวะมีลูกยาก” (ศูนย์การแพทย์รักษาภาวะมีลูกยาก) โดยยังมีการเปิดให้บริการตามปกติ
ຈົບ ປ2 ແລ້ວໄປບວດ ລັກກິນເຂົ້າແລງ ອາຈານໃຫຍ່ເຈົ້າອະທິການວັດ
ຈຳໃຫ້ສິກ ແລະ ໄດ້ສາຍານາມເປັນ ຊຽງ.ຜິດຫວັງເລີຍໄປເຂົ້າທະຫານແນວລາວ
ຂາຍຊາດແລ້ວມາຊອກລັກຄວາຍປະຊາຊົນໄປໃຫ້ແກວໆຍົກກົ້ນຂື້ນໃຫ້ເປັນ
ປະທານປະເທດເພາະເຂົາຮູ້ວ່າເລົາດັງອອນຄືດັງຄວາຍທີ່ເລົາເຄີຍລັກແລ້ວຈູງໄປໃຫ້ແກວ.
ເງີນ ບັກໄກສອນ ລູກແກວ, ບໍ່ມີທະນາຄານໃດເຂົາຢາກໄດ້ ເພາະວ່າປອມແປງໄດ້ງ່າຍ, ເງີນບໍ່ມີລາຍເຊັນ
วันที่ 22 เม.ย. พ.ต.อ.ณพล กลัดเข็มเพชร รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันจับกุมตัวนายบุญเพ็ง หรือบุญ พลเยี่ยม อายุ 63 ปี นายสันติพงศ์ หรือปาล์ม พลเยี่ยม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 1 ต.หนองน้ำใส อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา นายบุญรุ่ง รินกินา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 7 ต.หนองสรวง อ.วิหารแดง จ.สระบุรี นางกาญจนา มณเทียรรัตน์ ชาวบ้าน ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาร่วมกัน ร่วมกันพยายามฉ้อโกง ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้และได้ใช้ซึ่งสิ่งใดอันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอม ซึ่งธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกใช้หรือให้อำนาจออกใช้ พร้อมของกลางเป็นธนบัตร สปป.ลาวปลอมชนิดราคาต่างๆ จำนวน 7,028 ฉบับ หรือประมาณ 350 ล้านกีบ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,500,000 บาท
สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้นายบุญเพ็ง และนายสันติพงศ์ ซึ่งเป็นพ่อลูกกัน นำธนบัตรของ สปป.ลาวปลอม ไปแลกเงินที่ธนาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นธนบัตรปลอม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภาชี มาจับกุมตัวทั้ง 2 คน จากนั้นจึงขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือพร้อมของกลางดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทราบว่า นายบุญรุ่งซึ่งเป็นคนขับแบ็คโฮ และนางกาญจนา เจอธนบัตรของประเทศลาว จำนวนมากบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อประมาณเดือน ส.ค.59 จึงเก็บเอาไว้ จนมารู้จักกับนายบุญเพ็ง ซึ่งเป็นช่างรถซ่อมรถแบ็คโฮ และนายสันติพงศ์ ลูกชาย จึงได้แบ่งธนบัตรให้ไปจำนวนหนึ่ง ให้ทดลองไปแลกเป็นเงินไทยกับธนาคาร
จนเมื่อวันที่ 10 เม.ย. สองพ่อลูกจึงได้นำธนบัตรจำนวนหนึ่งไปแลกกับธนาคารในห้างสรรพสินค้า พื้นที่ อ.บางปะอิน ได้เงินมา 8,000 บาท จึงแบ่งให้นายบุญรุ่ง 4,000 บาท จากนั้นได้นำธนบัตรไปแลกกอีกครั้งเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ได้เงินมา 180,000 บาท แล้วแบ่งให้นายบุญรุ่งกับภรรยาจำนวน 50,000 บาท จนเมื่อวันที่ 18 เม.ย. สองพ่อลูกยังได้นำธนบัตรประเทศลาวไปขึ้นเงินที่ธนาคารในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา แต่เจ้าหน้าที่ธนาคาร ตรวจสอบพบว่าเป็นธนบัตรปลอม จึงแจ้งตำรวจ สภ.ภาชี มาจับกุมตัวดังกล่าว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขายผลถึงที่มาของธนบัตรปลอมทั้งหมด ก่อนดำเนินการต่อไป
wrote:ປະຊາຊົນ ຂາດຄວາມເຊື່ອໝັ່ນ ຂອງບັນດາຜູ້ນຳ
ການເຮັດວຽກທຳງານທີ່ເອົາແຕ່ໂຊວ໌ຫນ້າຕາ ສ້າງແຕ່ພາບ ມັນບໍ່ມີປະໂຍດຫຍັງດອກ
ຕ້ອງເອົາຄຸນະພາບ.....
ມີບໍ່ລະ ?