ฮุนเซน' ท้าสหรัฐยุติความช่วยเหลือ
สมเด็จฮุน เซน ประกาศกร้าวว่า "กัมพูชาไม่ตาย" ถ้าสหรัฐจะยกเลิกมอบความช่วยเหลือทั้งหมด ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ตึงเครียดขึ้นอย่างหนัก หลังศาลฎีกาสั่งยุบพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชา อาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.57 น.
ำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ว่าสำนักข่าวออนไลน์ “เฟรช นิวส์” ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา เสนอรายงานโดยอ้างเป็นถ้อยแถลงของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวระหว่างลงพื้นที่พบปะกับพนักงานโรงงานผลิตเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่มีวันได้รับผลกระทบจากการยกเลิกความช่วยเหลือของสหรัฐ เพราะฝ่ายที่จะเดือดร้อนมากที่สุดย่อมเป็นกลุ่มคนซึ่งมีหน้าที่ “ปกป้อง” ผลประโยชน์ของอเมริกาเท่านั้น แม้สมเด็จฮุน เซน ไม่ได้กล่าวอย่างเจาะจงว่า “กลุ่มคน” ซึ่งคอยปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐในกัมพูชาหมายถึงใครบ้าง แต่ผู้นำรัฐบาลพนมเปญกล่าวว่า “มีความยินดีและไม่ขัดข้อง” หากรัฐบาลวอชิงตันจะยุติการมอบความสนับสนุนและความช่วยเหลือทั้งหมดแก่กัมพูชา อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงพนมเปญยังสงวนท่าทีต่อรายงานดังกล่าว ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณความช่วยเหลือของรัฐบาลวอชิงตันต่อกัมพูชาตามฐานข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่ามีมูลค่ามากกว่า 77.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2,560.8 ล้านบาท ) เมื่อปี 2557 โดยครอบคลุมบริการพื้นฐานทั้งในด้านการศึกษา การสาธารณสุข เศรษฐกิจ และการสนับสนุนระบบบริหารราชการ
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับกัมพูชาตึงเครียดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ เมื่อรัฐบาลของสมเด็จฮุน เซน เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยเพื่อ “จัดการ” กับพรรคกู้ชาติกัมพูชา ( ซีเอ็นอาร์พี ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่รวมถึงองค์กรอิสระ ( เอ็นจีโอ ) หลายแห่ง ที่สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่าสหรัฐเป็นผู้ให้เงินทุนสนับสนุน “กิจกรรมปลุกปั่น” เพื่อสร้างความแตกแยกในกัมพูชา จนกระทั่งมีการจับกุมและดำเนินคดีกับนายเกิม สุขา หัวหน้าพรรคซีเอ็นอาร์พี ในข้อหาเป็นกบฏ “ที่สหรัฐสนับสนุน” ตามด้วยการที่ศาลฎีกาสั่งยุบพรรคซีเอ็นอาร์พีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตันต่างวิจารณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนัก ว่าเป็น “จุดจบ” ของระบอบประชาธิปไตยในกัมพูชา และเตือนเป็นนัยว่าจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนก.ค.ปีหน้าด้วย อีกทั้งประกาศระงับการสนับสนุนกิจกรรมของคณะกรรมการเลือกตั้งกัมพูชา กระนั้นสมเด็จฮุน เซน หันไปขอความสนับสนุนจากจีนและญี่ปุ่น ตลอดจนเกาหลีใต้ มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ที่ญี่ปุ่นได้สัมปทานโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง.
ຖ້າອາເມຣິກາບໍ່ຮັບສິນຄ້າມາຂາຍຢູ່ Kmart, Target, Thrift Store
ຜູ່ທີ່ຈະຮັບຜົນກະທົບກໍ່ຄືປະຊາຊົນຜູ່ມີລາຍຮັບນ້ອຍຄືຂ້ອຍນີ້ລະ !