ตามการรายงานของสื่อ การชุมนุมประท้วงในเดือนมิ.ย. หลายเมืองดำเนินไปอย่างสงบ แต่การชุมนุมที่จ.บิ่งทวน กลายเป็นความรุนแรง ทั้งการเผารถและกลุ่มม็อบที่โกรธแค้นขว้างปาอิฐหินเข้าใส่ตำรวจปราบจลาจลทนายความชื่อดังรายหนึ่งกล่าวว่าผู้คนในจ.บิ่งทวน เก็บกักความไม่พอใจมานานแรมปี ด้วยกล่าวโทษว่าจีนเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ชาวประมงถูกทำร้าย โรงไฟฟ้าที่จีนสร้างก่อมลพิษ และการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำเหมืองซึ่งส่งออกไปจีนเป็นหลักทนายความผู้นี้ยังกล่าวว่า ความไม่พอใจที่แสดงออกมาไม่เพียงแต่หมายถึงจีนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงรัฐบาลท้องถิ่น ที่ถูกมองว่าทุจริตและตกเป็นทาสผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่ทำลายล้างของจีน “พวกเขาไม่ตรวจสอบว่าทำไมประชาชนถึงขุ่นเคือง พวกเขาไม่แก้ไขปัญหาของประชาชน ความไว้วางใจต่อทางการในพื้นที่ดังกล่าวได้สูญเสียไปแล้ว” ทนายความ กล่าว
การชุมนุมประท้วงหลายพันคนตามเมืองต่าง ๆ ในประเทศเวียดนามนั้นแสดงให้เห็นว่า ง่ายมากถ้าจะรวมตัวกันเพื่อการชุมนุมและแสดงพลังประชาชนของผู้ไม่เห็นด้วย โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่ประการหนึ่งก็คือ มีจีนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แสดงว่าสามารถปลุกกระแสได้เร็วมาก หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับจีน
การชุมนุมประท้วงซึ่งในทางเทคนิคแล้วถือว่าผิดกฎหมาย แต่เหตุการณ์ก็ลุกลามเข้ามาเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเริ่มมาจากกระแสความหวาดวิตกว่าข้อเสนอเขตเศรษฐกิจชายฝั่งสำหรับชาวต่างชาตินั้น จะกลายเป็นการบุกเข้ายึดหัวหาดของนักธุรกิจจากจีนแผ่นดินใหญ่
ข้อเสนอที่ว่านี้ยังไม่มีความเห็นใด ๆ จากทางฝั่งปักกิ่ง แต่นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า ทางฝั่งฮานอยได้ตัดสินใจแล้ว เพราะข้อความที่โพสต์ในสังคมออนไลน์ตอกย้ำให้เห็นถึงการเคลือบแคลงสงสัยว่าผลประโยชน์ของจีนนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อการกำหนดนโยบายของรัฐ การปลุกกระแสของคนรุ่นหลังผสมกับคนรุ่นก่อน ๆ ก็ง่ายมากเหมือนกับเติมเชื้อเพลิงลงไปว่า จีนกระทำการข่มเหงผู้ด้อยกว่าและที่สำคัญคือหมดความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามผู้ปกครองประเทศว่า ไม่ได้ทำอะไรในเรื่องนี้เลย
เมอร์เรย์ ไฮเบิร์ต ผู้เชี่ยวชาญเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศในวอชิงตันบอกว่า รัฐบาลฮานอยประเมินต่ำไปถึงปริมาณของกระแสต่อต้านจีนในประเทศ เพราะยังมีความรู้สึกซ่อนเร้นแบบแน่วแน่อยู่มากในเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลก็ยังไม่ได้ทำอะไรอย่างเพียงพอเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติที่มีต่อจีน
สังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กก็มีคนใช้ราวครึ่งหนึ่งของประชากรเวียดนาม 90 ล้านคน ซึ่งง่ายมากที่จะเติมเชื้อเพลิงโหมใส่กระแสต่อต้านและยากที่จะควบคุม
หลังการชุมนุมประท้วงที่ลุกลามไปตามเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสมัชชาแห่งชาติจึงได้เลื่อนการลงมติว่าด้วยเขตเศรษฐกิจชายฝั่งออกไปก่อนจนกว่าจะถึงสมัยประชุมหน้าในเดือนต.ค.นี้
มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยตามเมืองใหญ่ แต่ผู้คนหลายพันคนก็ยังชุมนุมในจังหวัดห่าติ๋ญจังหวัดชายฝั่งตอนกลางเหนือของเวียดนาม หลายคนมาพร้อมกับป้ายว่าอย่ายอมให้เช่าที่ดินให้กับคอมมิวนิสต์จีนแม้แต่วันเดียว สถานการณ์คาดว่าจะยังคงตึงเครียดต่อไปตราบเท่าที่จีนยังเดินหน้าโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่อรุกคืบหน้าการลงทุนและทำธุรกิจในต่างแดน รวมทั้งการที่จีนยังคงอ้างกรรมสิทธิ์เกือบจะทั้งหมดในเขตทะเลจีนใต้
จีนได้ก่อสร้างและใช้เป็นที่ตั้งทางทหารบนหมู่เกาะสแปรตลีย์และพาราเซลซึ่งเวียดนามก็อ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน และเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาจีนได้กดดันเวียดนามให้ระงับการสำรวจแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งเป็นครั้งที่สองในช่วงเวลา 1 ปี
ผู้นำระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยอมรับว่ากระแสต่อต้านจีนมีอยู่จริงในเวียดนาม โดยประธานสมัชชาแห่งชาติ เหงียน ถิ กีม เงิน บอกว่าสมัชชาชื่นชมการแสดงความรักชาติของประชาชนและแสดงความวิตกอย่างลึกซึ้งต่อปัญหาสำคัญ ขณะที่เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียน ฟู้ จ่อง ได้ไตร่ตรองเพื่อยืนยันต่อสาธารณชนว่าเขตเศรษฐกิจนั้นมีสัญญาเช่า 99 ปี แต่ทั้งสองคนไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ เป็นพิเศษเกี่ยวกับจีนเลย
สื่อของรัฐออกมาตอกย้ำอีกว่า ไม่มีใครโง่ที่จะยกดินแดนให้คนต่างชาติเพื่อให้เข้ามาและสร้างความวุ่นวายในประเทศ
การชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมอย่างสงบเป็นส่วนใหญ่แต่ก็กลายเป็นความรุนแรงในจังหวัดบิ่ญถ่วนทางตอนกลางของประเทศ เพราะมีรถยนต์หลายคันถูกจุดไฟเผาและผู้ชุมนุมขว้างก้อนหินใส่และเข้าตะลุมบอนกับตำรวจปราบจลาจล
นักเคลื่อนไหวคนสำคัญอย่างทนาย ความ ตรัน ฟู ไฮ๋ บอกว่า กระแสไม่พอใจจีนมีมานานแล้วในจังหวัดบิ่ญถ่วน เพราะจีนถูกตำหนิว่าทำร้ายชาวประมง ทำให้ดินเป็นมลพิษจากโรงงานไฟฟ้าที่จีนสร้างและตัดไม้ทำลายป่ากับทำเหมืองแร่แล้วส่งกลับไปจีน คนที่นั่นไม่เพียงโกรธแค้นจีนแต่ก็รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งทุจริตและตกอยู่ใต้อำนาจของผลประโยชน์ด้านธุรกิจของจีนนั่นเอง.
เกิดเหตุระเบิดเล็กน้อยนอกโรงพักแห่งหนึ่งในนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม ตำรวจหญิงบาดเจ็บ 1 คน
เว็บไซต์วีเอ็นเอกซ์เพรสของทางการเวียดนาม รายงานข่าวเหตุระเบิดนอกสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในนครโฮจิมินห์ ไม่ไกลจากจุดที่ประชาชนประท้วงใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด ภาพในที่เกิดเหตุปรากฏกำแพงมีรอยไหม้ เศษซากรถจักรยานยนต์พังกระจายเกลื่อนทางเดิน
ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึี่งเล่าว่าได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้ง ดังติดต่อกัน จึงรีบวิ่งเข้าไปดู เห็นควันขโมง บรรยากาศเต็มไปด้วยความโกลาหลจนเขาตื่นตกใจไปด้วย
6/22/2018
24/6/2018