เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย มอบหมายให้นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานไปยังทางเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อขอให้ติดตามช่วยเหลือคนไทย ชื่อว่า นายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ อายุ 54 ปี ชาวต.นางแล อ.เมืองเชียงราย ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน อ.เชียงแสน หลังจากนายสิงห์แก้วเดินทางจากประเทศไทยไปยังเมืองต้นผึ้ง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา และไม่เดินทางกลับประเทศตามปกติ และยังกลับปรากฎข้อความและคลิปที่ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ของญาติในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อให้นำเงินสดไปไถ่ตัวนายสิงห์แก้วอีกด้วย ขณะที่มีรายงานว่าทางการ สปป.ลาว ให้ทางกองกำลังป้องกันความสงบออกตรวจสอบ และยังไม่พบสถานที่ที่นายสิงห์แก้วถูกควบคุมตัว จึงจัดกองกำลังชุดพิเศษออกติดตามแล้ว
สำหรับนายสิงห์แก้วเป็นนักธุรกิจชายแดนด้าน อ.เชียงแสน ที่ค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านรวมไปถึงนักธุรกิจจีนมานาน ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 28 ก.ค. นายสิงห์แก้ว เดินทางข้ามไปยังเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อไปติดต่อธุรกิจผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน แต่ปรากฎว่าหลังจากข้ามไปแล้ว กลับมีข้อความและภาพคลิปดังกล่าวถูกส่งทางไลน์จากโทรศัพท์มือถือของนายสิงห์แก้ว ไปยังมือถือของญาติ พร้อมข้อความเรียกค่าไถ่และข่มขู่ดังกล่าว
แหล่งข่าวจากชายแดนระบุว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวพันกับการที่นักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งสั่งซื้อน้ำตาลทรายจากฝั่งไทยมูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าไม่มีการจัดส่งให้ได้ทันเวลา หรืออาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งออกโคและกระบือมีชีวิตลุ่มน้ำโขงจาก อ.เชียงแสน ที่ในปัจจุบันมีการค้ามูลค่าจำนวนมากโดยในปี 2561 มีการส่งออกผ่านด่านศุลกากรไปมากกว่า 22,052 ตัน มูลค่ากว่า 1,766,935,500 บาท
ໄດ້ຍິນຂ່າວວ່າຈັບໄດ້ແລ້ວຄົນບໍ່ດີໃຊ້ປືນຈີ້ນັກທຸຣະກິດໄທ.