ชาวรัสเซียออกมาชุมนุมประท้วง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอนุญาตให้สมาชิกฝ่ายค้านลงสมัครในการเลือกตั้ง ของมอสโก
ม็อบเรียกร้องประชาธิปไตยเสรี ของบรรดา “กะปอมฮ่องกง” จะจบลงไปแบบไหน? เมื่อไหร่? วันนี้เลยน่าจะลองเปลี่ยนบรรยากาศร่อนไปแถวๆ กรุงมอสโกดูมั่ง ไปดูว่าบรรดา “กะปอมรัสเซีย” ที่ลุกฮือขึ้นมาก่อการประท้วงต่อรัฐบาลรัสเซีย เรียกหา เพรียกหาประชาธิปไตยอันบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ต่างไปจากกันเท่าไหร่ ในช่วงจังหวะใกล้ๆ กันกับ “กะปอมฮ่องกง” นี่แหละ แถมยังฮือแล้ว ฮืออีก ก่อให้เกิดเหตุการณ์ประท้วงชนิดยืดเยื้อคาราคาซังมาร่วมๆ 6 สัปดาห์เข้าไปแล้ว ว่ามันจะไปไง-มาไง กันต่อไป???คือสำหรับ “กะปอมรัสเซีย” นั้น...แม้ไม่ได้มี “กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ที่ถูกหยิบมาใช้เป็นเงื่อนไข เหตุปัจจัยในการจุดชนวนการประท้วงเหมือนกับ “กะปอมฮ่องกง” ก็ตาม แต่ก็ยังพออาศัยเหตุปัจจัยระดับเล็กๆ อย่างกรณีที่ทางการรัสเซียเขาตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นบางรายไม่ให้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลที่อาจคล้ายๆ กับพวกประเภทที่ถือครอง “หุ้นสื่อฯ” ในบ้านเรา อะไรประมาณนั้น อันเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย ว่าด้วยการเลือกตั้งในรัสเซียโดยปกติ แต่ก็ยังถูกหยิบมาใช้เป็นเงื่อนไข เหตุปัจจัยในการลุกฮือของบรรดา “กะปอมรัสเซีย” ที่ล้วนแต่หนักไปทางพวก “เด็กๆ” ไม่ต่างไปจาก “กะปอมฮ่องกง” กันจนได้ หรือก่อให้เกิดการรวมตัวเรียกหา เพรียกหา “การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม” ไปจนถึง “เสรีภาพ” และ “ความเท่าเทียมกัน” ภายในสังคม เริ่มตั้งแต่ระดับร้อยคน พันคน ไปจนถึงหมื่นคน โดยเฉพาะสัปดาห์ล่าสุดที่ผ่านมา เห็นว่าปาเข้าไปถึง 60,000 คน เอาเลยถึงขั้นนั้น...โดยเด็กๆ ผู้ประท้วงบางราย...อายุอานามเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้นเอง คือเพิ่งลืมตามาดูโลกในช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผู้นำรัสเซีย อย่าง “วลาดิมีร์ ปูติน” ได้ขึ้นมาครองอำนาจในประเทศรัสเซียมาโดยตลอด และจะด้วยสาเหตุเพราะความเบื่อหน้า เบื่อของเก่า อยากลองของใหม่ หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ เธอจึงได้ระบายอารมณ์ความรู้สึก ผ่านสำนักข่าวตะวันตก ดังที่ปรากฏอยู่ในคอลัมน์ของ “Anne Applebaum” แห่งหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ประมาณว่า “ฉันมีอายุ 20 ปี...และตลอดชีวิตของฉัน ไม่เคยมีสักวันเลย ที่ฉันรู้สึกว่าฉันมีเสรีภาพ” แต่ก็ด้วยอารมณ์ ความรู้สึกประมาณนี้นี่แหละ ที่สามารถทำให้ “กะปอมรัสเซีย” จำนวนไม่น้อย เลื้อยออกมายั๊วะเยี๊ยะอยู่ ณ กลางใจกรุงมอสโกได้คราวละเป็นพันๆ หมื่นๆ โดยอาศัยการเชื่อมต่อ เชื่อมโยง “รสนิยม” ระหว่างกันและกัน ในแบบเดียวกับ “กะปอมฮ่องกง” นั่นเอง คืออาศัย “โลกโซเชียล มีเดีย” เป็นตัวส่งผ่านความรู้สึก เป็นตัวปลุกเร้า ปลุกระดม อย่างชนิดได้ผลเอามากๆ...ยิ่งได้นักร้องเพลงแร็พชาวรัสเซีย อย่าง “นายEgor Kreed” โดดมาช่วยร่วมปลุก ร่วมกระตุ้น เฉพาะตัวเลขการ “แชร์วิดีโอ” ของหนุ่มๆ-สาวๆ ชาวรัสเซีย จากเว็บเพจของขวัญใจวัยรุ่นรายนี้ ก็ปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน หรือคลิปวิดีโอของผู้ประท้วงบางราย อย่าง “นางLyubov Sobol” ที่พยายามแสดงให้เห็นถึงความเหี้ยมโหดอำมหิต ของเจ้าหน้าที่รัสเซีย ในการปราบม็อบ สยบม็อบ มีตัวเลขคนดูไม่ต่ำกว่า 4 ล้านครั้งเฉพาะในประเทศรัสเซีย การลุกฮือครั้งแล้วครั้งเล่า มันจึงเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน ขาดสาย แถมยิ่งเมื่อได้การ “ตีปี๊บ” อย่างสนั่นหวั่นไหวจากสื่อตะวันตก หรือสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าจะซีเอ็นเอ็น ซีเอ็นบีซี วอชิงตัน โพสต์ นิวยอร์ก ไทมส์ บีบีซี ฯลฯ ตลอดไปจนองค์กรสิทธิมนุษยชนในยุโรป อย่าง “CoE” (The Council of Europe’s human rights) ที่ออกมาปรามรัฐบาลรัสเซียในการจัดการกับเด็กๆ เหล่านี้ ไม่ต่างไปจากเด็กๆ ฮ่องกง ที่ได้แรงยุ แรงเชียร์ ทั้งจากรัฐบาลอเมริกัน และรัฐบาลอังกฤษ อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ บรรดา “ม็อบ” เหล่านี้ ก็ยิ่งเป็นอะไรที่ “หัวไม่ตก” ยิ่งค่อยๆ ขยายตัวจากหลักร้อย หลักพัน กลายไปเป็นหลักหมื่นจนได้...ชนิดที่ทำให้สื่อตะวันตกบางราย อย่างเช่น “The Economist” ถึงกับเอาไปขยายความให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต ด้วยการอ้างอิงคำพูดของผู้ประท้วงบางรายประมาณว่า... “ความรู้สึกของคนหนุ่ม-สาวชาวรัสเซียทุกวันนี้ ไม่ต่างไปจากระเบิดค็อกเทล โดยเรามีทางออกทางเดียวเท่านั้น นั่นคือเราต้องปฏิวัติ!!! และเราพร้อมแล้วที่จะเดินหน้า...” นี่...ต้องเรียกว่า พอๆ กับการ “สืบทอดปฏิวัติ 2475” ในบ้านเรา เอาเลยก็ว่าได้...แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่า “กะปอมฮ่องกง” หรือ “กะปอมรัสเซีย” จะสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายไปถึงเป้าหมายที่ได้วาด(มายา)ภาพ วาดจินตนาการเอาไว้ในแบบไหน อย่างไร หรือไม่ เพียงใด ก็ตามที แต่ภายใต้สีสันบรรยากาศ ในลักษณะทำนองนี้ อาจมีส่วนส่งผลให้บรรดา “ไดโนเสาร์จีน” และ “ไดโนเสาร์รัสเซีย” เกิดอารมณ์ ความรู้สึก ที่อยากจะใกล้ชิด ติดพัน อยากจะเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันและกัน ตามประสาผู้ที่มีหัวอกเดียวกัน หรือผู้ที่ถูกจัดอยู่ใน “สปีชีส์” เดียวกันก็แล้วแต่จะคิด โดยเฉพาะเพื่อรับมือกับความพยายาม “แทรกแซง” และ “บ่อนทำลาย” สังคมและประเทศของตัวเองในแต่ละรูป แต่ละแบบ...ดังนั้น...มันถึงได้เกิด “การร่วมประสานงานทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก” ระหว่างกองทัพรัสเซียกับกองทัพปลดแอกประชาชนจีนขึ้นเป็นครั้งแรก เช่นการร่วมดำเนินการตรวจการณ์ทางอากาศ โดยฝูงบิน Tu-95 MS และฝูงบิน H-6 ของกองทัพอากาศและอวกาศของรัสเซียกับกองทัพอากาศจีน ไปเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเครือข่ายข่าวกรองและระบบป้องกันทางอินเทอร์เน็ต ไปจนกระทั่งการประกาศที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี ค.ศ. 2024 ให้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี คือพร้อมที่จะซื้อ-ขายแก๊ส น้ำมันไปจนถึงถั่วเหลือง หรือข้าวสาลี ฯลฯ ในแบบไม่ต้องใช้ “เงินดอลลาร์” ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี อีกต่อไปแล้ว...ฯลฯ ฯลฯ...พูดง่ายๆ ว่า...ด้วยเหตุเพราะความพยายาม “แทรกแซง” และ “บ่อนทำลาย” สังคมภายในของทั้งสองประเทศ ที่ออกจะชัดเจนและทำท่าว่าจะยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยมหาอำนาจตะวันตกซึ่งกำลังดิ้นรนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจออยู่ในทุกวันนี้ มันเลยยิ่งทำให้เกิดการรวมตัว การกระชับความร่วมมือระหว่าง “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างจีนและรัสเซียให้แนบแน่น เหนียวหนึบยิ่งเข้าไปทุกที แม้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับบรรดา “กะปอม” ในประเทศตัวเองอยู่พอสมควร แต่ระดับ “ไดโนเสาร์” ซะอย่าง!!! โอกาสที่จะ “สูญพันธุ์” คงต้องรอไปจนกว่าดาวหาง ดวงใดดวงหนึ่งพุ่งชนโลกโน่นเลย ไม่ใช่ด้วยเหตุเพราะ “ประชาธิปไตยเสรี” หรือความ “ลิเบอร์ร่าน” ทั้งหลาย ที่แม้แต่ผู้นำรัสเซียก็เคยได้ “ฟันธง” ลงไปแล้วว่า...กำลังจะ “พ้นสมัย” ไปในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในรัฐนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันอาทิตย์ (18 ส.ค.) ว่า คงยากที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในฮ่องกงแบบเดียวกับที่เคยเกิดในจัตุรัสเทียนอันเหมินในเหตุการณ์ที่เทียนอันเหมิน มหาจัตุรัสใจกลางกรุงปักกิ่งเมื่อปี 1989 นั้น จีนได้ใช้ขบวนรถถังและกำลังทหารเข้ายุติการประท้วงที่นำโดยนักศึกษาและทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนหรืออาจถึงพันคนอย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ฝ่ายตะวันตกต่างเชื่อว่า ปักกิ่งตระหนักว่า การแทรกแซงด้วยกำลังทหารจะทำลายล้างภาพลักษณ์ของจีนและเศรษฐกิจจีน
ຂ້ອຍບໍ່ເຊື່ອວ່າ ອາເມຣິກາຈະໃຊ້ການປະທ້ວງຂອງຊາວຮົງກົງເປັນເຄື່ອງຕໍ່ຮອງຈີນໃນການເຮັດສົງຄາມການຄ້າ
ມັນບໍ່ຄຸ້ມຄ່າເລີຍທີ່ຈະເຮັດຜິດໃຈຈີນແບບນັ້ນ. ອັງກິດກໍ່ຄົງຈະບໍ່ສອດມືມາກ່ຽວເພາະຍັງມີບັນຫາຂ້ອງຄາຫລາຍຢ່າງ
ໂດຍສະເພາະແມ່ນບັນຫາ Brexit.
ສ່ວນການປະທ້ວງໃນ Russia ກຸງວໍຊິງຕັນບໍ່ມີສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງແນ່ນອນ !