ข้อมูลพรั่งพรู ผู้ยิ่งใหญ่ของ กฟผ.กำลังเจรจากับตัวแทนจากลาว (กระทรวงพลังงานลาว) เพื่อจะเซ็นสัญญามูลค่ามหาศาล
ในการซื้อกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า ที่ไปตั้งรกรากการผลิตฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ทั้งโรงไฟฟ้าที่ถือหุ้นโดยเอกชนสัญญาติจีน-ไทย และเวียดนาม ที่กำลังจะเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้า (COD) ได้ในปีนี้ แต่ไม่มีที่รับซื้อ จึงจะหันมาขายให้ กฟผ.ของไทย
ถึงขนาดที่ รัฐมนตรีพลังงานของลาว กลายเป็นคนวิ่งล็อบบี้ ทั้งกระทรวงพลังงานของไทยและ กฟผ.ให้เร่งเซ็นซื้อไฟจากลาว
ปัญหาตรงอยู่ที่ กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าของไทยที่ล้นประเทศ จากการศึกษาของกระทรวงพลังงาน สามารถใช้ได้อย่างมั่นคงไปอีก 6 ปี หรือถึงราวปี 2568 แถมกระทรวงพลังงานที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเสนาบดี มีนโยบายให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งคาดว่าจะสร้างกำลังการผลิตขึ้นมาจากนโยบายนี้ได้อีก 2,000 เมกกะวัต
รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ แบตเตอรี่ที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงานที่ผลิตได้ ไปใช้ในช่วงเวลาที่ผลิตไม่ได้
จำเป็นไม่ที่จะแอบไปซื้อไฟฟ้าจากลาวแต่เหตุไฉนบิ๊ก กฟผ.จึงอยากซื้อพลังงานจากลาว?
เหตุผล หากเซ็นสัญญาสำเร็จ จากการซื้อกระแสไฟฟ้า มันมี “เงินทอน” ก้อนโตตกใส่ เท้า “บิ๊ก กฟผ." ใช่หรือไม่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ในฐานะ รมว.พลังงาน ควรเรียกเรื่องนี้มาตรวจสอบโดยด่วน!
ยังมีเรื่องเน่าเฟะใน กฟผ.ที่มีผู้รู้ ส่งข้อมูลให้อีกมาก จะทยอยสรุปมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อช่วยกันรื้อ ไม่ให้ กฟผ.เป็นแดนสนธยา
และขอเตือนสหภาพแรงงานของ กฟผ.ถ้าจะเคลื่ิอนไหวอะไรอย่าให้ “เข้าทาง” จนตกเป็นเครื่องมือฝ่ายบริหาร ที่มีจุดประสงค์ “แฝงเร้น” อันไม่สุจริต เพราะหากเป็นเช่นนั้น สหภาพ แรงงานจะไม่มีความชอบธรรมในการดำรงอยู่ และจะถูกกล่าวหาได้ว่า ถูก “จูงจมูก” โดยฝ่ายบริหาร
หน้าที่หลักของสหภาพแรงงาน คือพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของประเทศ-องค์กรที่สังกัดและพนักงานขององค์กร มิใช่พิทักษ์ผู้บริหาร อย่าเคลื่อนไหวตามรอยเท้าเขา!
ນັກລົງທຶນໄທລົງທຶນສ້າງເຂື່ອນບາງເຂື່ອນເພື່ອຂາຍໃຫ້ສິງຄະໂປ
ແຕ່ເມື່ອຣັຖບານລາວປະຕິບັດບໍ່ໄດ້ຕາມສັນຕະຍາບັນທີ່ໄດ້ໃຫ້ໄວ້ກັບອົງການສາກົນ
ດ້ານສິດທິມະນຸດ ເຂົາຈຶ່ງຍົກເລີກການຊື້-ຂາຍ ກັບຣັຖບານ ສປປ ລາວ ແລະ
ອ້າຍໜວດຈຶ່ງຕ້ອງເດີນທາງໄປເລຍຂານັກລົງທຶນໄທ, ແມ່ນແນວນັ້ນບໍ່ລະ?