"จีน" ประชุมฉุกเฉินร่วมกับ "เมียนมา" เรียกร้องขอให้คุ้มครองความปลอดภัยท่อก๊าซและท่อน้ำมัน หลังผู้ประท้วงขู่ระเบิด ไม่พอใจท่าทีจีนในเหตุการณ์ประท้วงรัฐประหาร
ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองเมียนมา ที่ร้อนระอุ ซึ่งกองกำลังรักษาความมั่นคงได้ใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามผู้ประท้วงชาวเมียนมาต้านรัฐประหาร ทางด้านรัฐบาลปักกิ่ง ได้จัดประชุมฉุกเฉินระดับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงต่างประเทศเมียนมา เพื่อขอให้คุ้มครองความปลอดภัยท่อก๊าซและท่อน้ำมันระหว่างจีนกับเมียนมา ที่อยู่ในฝั่งเมียนมามีความยาว 795 กม.
เว็บไซต์สํานักข่าวอิระวดีอ้างเอกสารลับว่า นายไป๋ เทียน อธิบดีกรมกิจการความมั่นคงระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ขอให้รัฐบาลทหารเมียนมารับรองความปลอดภัยของท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หลังจากที่กลุ่มต่อต้านจีนเกิดความไม่พอใจจุดยืนรัฐบาลจีนต่อการที่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหาร
ท่อส่งก๊าซธรรมชาติระหว่างจีน - เมียนมา มีระยะทางในฝั่งเมียนมาเกือบ 800 กม. ซึ่งประกอบด้วยท่อส่งคู่ขนานเริ่มต้นที่เกาะแรมรี ในเขตท่าเรือเจียวเพียว และสร้างคู่ขนานกับท่อน้ำมันดิบจีน-เมียนมา และไปแยกกันที่เมืองอานซุ่นในมณฑลกุ้ยโจว ผ่านนครกุ้ยหยาง และสิ้นสุดที่เมืองกุ้ยก่าง ในเขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วง มีความยาวรวมทั้งหมด 2,520 กม.
รัฐบาลปักกิ่งคาดหวังว่า เมียนมาจะออกมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นสำหรับโครงการท่อส่งก๊าซและน้ำมันดังกล่าว เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญของโครงการสายแถบและเส้นทาง(บีอาร์ไอ)
“ความเสียหายใดๆ ที่เกิดกับท่อส่งก๊าซและน้ำมัน จะส่งผลต่อความสัมพันธ์จีนและเมียนมา รวมถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ” ไป๋กล่าวเตือน
เอกสารลับฉบับนี้ยังระบุว่า ปลัดกระทรวงต่างประเทศเมียนมาไม่สามารถเข้าร่วมประชุมนี้ได้ เนื่องจากได้รับการแจ้งล่วงหน้าจากจีนเพียง 4 ชั่วโมงให้จัดประชุมฉุกเฉินดังกล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลปักกิ่งมีความกังวลอย่างยิ่งต่อโครงการท่อส่งก๊าซและน้ำมันดังกล่าว
การแสวงหาผลประโยชน์ของจีนในเมียนมา และท่าทีของรัฐบาลจีนที่มีต่อเหตุการณ์รัฐประหารเมียนมา ได้กระตุ้นความรู้สึกในกลุ่มชาวเมียนมาให้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านจีนทางโซเชียลมีเดีย โดยที่ผ่านมา มีการเรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าจีน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีประชาชนชาวเมียนมาเกือบ 1 ล้านคนแชร์ข้อความทางเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์เป็นภาษาเมียนมา จีน และอังกฤษ ที่ระบุว่า ท่าทีของจีนที่มีต่อผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บชาวเมียนมาในการประท้วงต้านรัฐประหาร ถือเป็นเรื่องภายในประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งกล่าวว่า "คำขู่จะระเบิดท่อส่งก๊าซธรรมชาติในเมียนมา ยังเป็นเรื่องภายในประเทศอยู่หรือไม่ งั้นมาดูกันสิว่า ก่อนหน้านี้ จีนได้พูดอะไรไป"
นอกจากนี้ มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียอีกมากกล่าวว่า หากจีนยังคงขัดขวางสหประชาชาติเพื่อแสดงท่าทีใดๆต่อรัฐประหารเมียนมา ทางกลุ่มประท้วงจะทำการเคลื่อนไหวต่อต้านจีนในเมียนมา แน่นอนว่าย่อมจะส่งผลร้ายต่อโครงการบีอาร์ไอ และธุรกิจจีนในเมียนมา
ແຜນການຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າມຽນມາ.
Anonymous wrote:ແຜນການຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າມຽນມາ.
ຈິນທຳຢ່າງນັ້ນ ອະເມຣິກາ ຄົງໄມ້ຍອມ
ຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າ ເມຣິກາກໍເອົາເຂົ້າເຫນືອນກັນ
buckhumnoy wrote:Anonymous wrote:ແຜນການຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າມຽນມາ. ຈິນທຳຢ່າງນັ້ນ ອະເມຣິກາ ຄົງໄມ້ຍອມຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າ ເມຣິກາກໍເອົາເຂົ້າເຫນືອນກັນ
China, North Korea top agenda as Blinken begins first Asian tour
https://youtu.be/9b8TCdlzVRc
buckhumnoy wrote:buckhumnoy wrote:Anonymous wrote:ແຜນການຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າມຽນມາ. ຈິນທຳຢ່າງນັ້ນ ອະເມຣິກາ ຄົງໄມ້ຍອມຈີນເອົາທະຫານເຂົ້າ ເມຣິກາກໍເອົາເຂົ້າເຫນືອນກັນ China, North Korea top agenda as Blinken begins first Asian tour
วันนี้ (15 มี.ค.) โกลบอล ไทม์ส สื่อของรัฐบาลจีน รายงานว่า สถานทูตจีน ในเมียนมา ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมา ดำเนินมาตรการยุติความรุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ หลังจากโรงงานของธุรกิจจีนหลายแห่ง ในนครย่างกุ้ง โดนทุบทำลาย ปล้นสะดมภ์ หรือแม้กระทั่งเผา
สถานทูตจีน ระบุด้วยว่า โรงงานที่ลงทุนโดยจีนทั้งหมด 32 แห่ง ในนครย่างกุ้งของเมียนมา ถูกทำลายจนได้รับความเสียหาย สูญทรัพย์สินถึง 240 ล้านหยวน หรือคิดเป็นทมูลค่ามากกว่า 1,100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีคนงานชาวจีน 2 คน ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างที่โรงงานถูกทำลายทรัพย์สิน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่นักธุรกิจชาวจีนในย่างกุ้ง กำลังวางแผนระงับการดำเนินการทางธุรกิจไว้ชั่วคราว และร่วมกันปกป้องตนเอง ภายหลังการบุกโจมตี ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.)
ชาวจีนในพื้นที่เผยว่า ไม่มีการโจมตีครั้งใหม่เกิดขึ้น ภายหลังมีการประกาศกฎอัยการศึกใน 2 เขต ซึ่งเป็นจุดที่โรงงานหลายแห่งถูกทำลาย
ถนนหลายสายจากตัวเมืองย่างกุ้งไปยังเขตอุตสาหกรรมไลง์ตายา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 เขตที่โรงงานถูกโจมตี และถูกเผาเมื่อวานนี้ กลายเป็นอัมพาตในบางส่วน ท่ามกลางเถ้าถ่าน กองไฟ และสิ่งกีดขวางบนถนน ที่ยังคงพบเห็นได้ในวันนี้
นักธุรกิจชาวจีนในย่างกุ้งรายหนึ่งให้สัมภาษณ์โกลบอล ไทม์สโดยไม่เปิดเผยตัวตนว่า เขาต้องเดินทางอ้อมหลายทางในตัวเมือง เพื่อเข้าไปยังเขตอุตสาหกรรม
ขณะที่นายหลู่ ตง ชาวจีนในย่างกุ้งเผยว่า เขาอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมไลง์ตายา จนถึงช่วงเช้าวันนี้ เพราะไม่กล้าออกไปข้างนอก เพราะกังวลเรื่องเหตุปะทะในวันอาทิตย์ แต่ขณะนี้ไม่มีกลุ่มควัน หรือเสียงปืนดังอีกต่อไปแล้ว หลังมีการบังคับใช้กฎอัยการศึก
เขากล่าวว่ากองทัพเมียนมาได้เข้าควบคุมเขตอุตสาหกรรมแห่งนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งกองกำลังเข้าไปปกป้องโรงงานของจีน
รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศกฎอัยการศึกเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยมีผลในบางส่วนของนครย่างกุ้ง หลังโรงงานหลายแห่งของจีนได้รับความเสียหาย คำสั่งกฎอัยการศึกมีผลบังคับใช้กับเขตไลง์ตายา และเขตชเวปีทา ซึ่งกองทัพได้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยตามหลักนิติธรรม และความสงบสุข
พนักงานรัฐวิสาหกิจของจีนในย่างกุ้งเผยว่า ขณะนี้บริษัทที่ใช้แรงงานจำนวนมาก กำลังวางแผนที่จะร่วมมือกันเพื่อปกป้องตนเอง และกำลังติดต่อกับสถานทูต
“ก่อนหน้านี้บริษัทหลายแห่งในจีนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ ณ เวลานี้ พวกเขาจะตัดสินใจปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์” พนักงานรายเดิมกล่าวพร้อมระบุว่า บริษัทที่เขาทำงาน ยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
นักธุรกิจในย่างกุ้งรายหนึ่ง ที่อยู่ในความดูแลของสมาคมการค้าแห่งมณฑลเจ้อเจียงในเมียนมา ได้แสดงความกังวล หลังหนึ่งในโรงงานเสื้อผ้า ซึ่งอยู่ในเครือสมาคมฯ ถูกไฟไหม้ และบอกว่า ผู้ลอบวางเพลิงดูเหมือนจะมีการเตรียมการ และข่มขู่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องยากสำหรับชาวจีนในเมียนมา ที่จะสามารถติดต่อสื่อสารกัน เนื่องจากข้อจำกัดตามคำสั่งของกฎอัยการศึก และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่ค่อยดี
ບາງຄົນກໍ່ວ່າອາເມຣິກາສົ່ງທະຫານຮັບຈ້າງນາໆຊາດເຂົ້າໄປເຄື່ອນໄຫວແລ້ວ.