ข้ามจับถึงฝั่งลาว ยาบ้า20กระสอบศาล จำคุก 2 ตร.ทางหลวง 33 ปี 4 เดือน ปรับ 2 ล้านบาท ฐานครอบครองยาบ้า 3,000 เม็ดรีดไถ่เงินแก๊งค้ายา 1 แสนแลกไม่ดำเนินคดี ส่วนตร.อีกคนยกฟ้อง ขณะที่ "เหลิม" ฟุ้งผลงาน เพื่อนบ้านร่วมมือปราบยาเสพติดเขตเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว คิงส์โรมัน ยึดยานรกได้ 20 กระสอบ เงิน 50 ล้าน เผยมี 6 คนไทยเอี่ยว เรียก "ภาณุพงศ์" ถกไล่ล่า เมื่อเวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ครม.ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ จ.เชียงราย ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่เสนอภาพแผนที่แหล่งค้ายาเสพติดในประเทศใกล้เคียง ผลปรากฏว่าช่วงค่ำวันที่ 25 ก.ย.ทาง ป.ป.ส.ของลาวและเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ตรงข้ามโครงการเขต พัฒนาเศรษฐ กิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่อาเซียนของกลุ่มนักลงทุนจีน หรือคิงส์โรมัน ซึ่งเป็นเขตปก ครองพิเศษที่จีนขอสัมปทานไว้ 99 ปี สามารถยึดยาเสพติดได้ 20 กระสอบ เงินไทย 50 ล้านบาท โดยพบข้อมูลฐานการผลิต มีคนไทยเกี่ยวข้อง 6 คน จากนี้ไปจะปฏิบัติการเชิงรุกให้มากที่สุด เพราะการสกัดกั้นยาเสพติดนั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุ ถ้าแก้ปลายเหตุจะบำบัดไม่ไหว ปัจจุบันมีผู้เสพ 1.2 ล้านคน "ผมจะลง พื้นที่เชียงรายให้มากที่สุดเพราะเป้าหมายอยู่ที่นี่ ต่อไปจะใช้วิธีการแพร่ข่าวเมื่อเขารู้จะได้ดำเนินการ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ขอความร่วมมือไปทางลาวหรือจีน แต่ในอนาคตจะขอความร่วมมืออย่างแน่นอนโดยได้ส่งคนไปประสานงานแล้ว ส่วนการเข้าจับกุมยาเสพติดในเรือนั้นถ้ามียาเสพติดในเรือไม่ต้องไปรอดูว่ามี ธงหรือไม่ เรื่องนี้ได้ทำความเข้าใจไปแล้ว" รองนายกฯ กล่าวเมื่อถาม ว่า 6 คนไทยที่เกี่ยวข้องมีการขยายผลหรือยังว่าเกี่ยวข้องกับข้าราชการหรือนักการ เมืองหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตอนนี้ยังจับไม่ได้ แต่มีข้อมูลว่ามีคนไทยเกี่ยวข้อง 6 คนซึ่งได้ชื่อหมดแล้ว และมอบให้พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. ไปจัดการตามล่าตัว ทั้งนี้ ทั้ง 6 คนไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง แต่ถ้าจะเกี่ยวข้องก็เป็นในระดับท้องถิ่น เช่น อบต. หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นอกจากนี้ มีข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเก่าและใหม่ประมาณ 300 คน ที่เคลื่อนไหวอยู่ตามตะเข็บแนวชายแดน ต่อข้อถามที่ว่าปัญหายาเสพติด ที่แพร่ระบาดส่วนใหญ่มักมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้อง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ได้จัดการแล้ว มีการนำตำรวจไปสาบานตามสถานที่ต่างๆ แล้ว พวกนี้ดุไม่เชื่อต้องพึ่งพระพึ่งเจ้า อย่างภาคอีสานจับกุมดาบตำรวจไปแล้ว 3 นายที่เข้าไปเกี่ยวข้องเพราะอยากได้เงิน วันเดียวกันเวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ฟ้องด.ต.พรชัย น้อยลัทธี ด.ต.วิษณุ ถึงสุข และด.ต.ธนู ภู่ทอง ทั้งสามตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.7 บก.ทล. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติด (เมท แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เป็น ข้าราชการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องได้รับโทษเป็น 3 เท่า ตาม โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.53 เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยทั้งสามเป็นข้าราชการตำรวจ ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 3,000 เม็ด น้ำหนัก 266.457 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 37.195 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพวกจำเลยทั้งหมดได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวนดัง กล่าวเป็นของกลาง เหตุเกิดที่ ต.ปลายพระยา อ.ปลาย พระยา จ.กระบี่ จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธศาลพิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1-2 จับกุมคนร้าย 3 คนได้พร้อมของกลางยาบ้า 3,000 เม็ด แต่เมื่อคนร้ายทั้ง 3 ยินยอมนำเงิน 100,000 บาทไปมอบให้จึงได้รับการปล่อยตัวไป แต่จำเลยที่ 1-2 ยึดยาบ้าของกลางไว้ จากนั้นได้ติดต่อกับคนร้ายทั้งสามหากต้องการไถ่ของกลางคืนให้นำเงินมามอบให้ อีก 300,000 บาท ปรากฏว่าคนร้ายทั้งสามถูกตำรวจ สภ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช จับ กุมไว้ฐานเสพยาเสพติด จึงซ้อนแผนจับกุมได้ที่ ต.อ่าวลึก จ.กระบี่ ขณะจำเลยทั้งสามแต่งกายชุดตำรวจ ตั้งด่านอยู่ริมถนน โดย จำเลยที่ 1 อ้างว่าเงินที่ได้มา 100,000 บาท แบ่งให้จำเลยที่ 1-2 คนละ 40,000 บาท จำเลยที่ 3 ได้ไป 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 10,000 บาท แจกจ่ายให้แก่ผู้ให้การช่วยเหลือ เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครอง เนื่องจากไม่ปฏิบัติไปตามขั้นตอน ส่วนจำเลยที่ 3 โจทก์ไม่นำสืบเห็นว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรค 3(2), 66 วรรค 3 เมื่อเป็นข้าราชการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องได้รับโทษเป็น 3 เท่า จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-2 ตลอดชีวิต ปรับ 3 ล้านบาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง เห็นสมควรให้ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 เป็นเวลา 33 ปี 4 เดือน ปรับ 2 ล้านบาท และให้ริบของกลาง ยกฟ้อง จำเลยที่ 3 แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ต่อ มาเวลา 15.15 น. นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า ในที่ประชุมครม.นายกฯ แสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่รายงานเรื่องปราบปรามยาเสพติด หลังจากไปประชุมที่ จ.เชียงราย และจับกุมการลักลอบขนยาเสพติดได้จำนวนมาก และเน้นย้ำให้กระทรวงมหาดไทยมีส่วนร่วมให้มาก โดยนายกฯ ย้ำให้เร่งดำเนินการปราบปรามยาเสพติด เพราะผลโพลที่ออกมาประชาชนสนใจและให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวอย่างมาก จึงขอให้ทุกหน่วยงานกำชับสายงานบังคับบัญชาร่วมแก้ปัญหาและปราบปรามอย่าง จริงจังด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้ได้รับการชื่นชมจากประชาชนเป็น อย่างมาก ซึ่งร.ต.อ. เฉลิมตั้งใจและทุ่มเทการทำงานนี้อย่างเต็มที่ เมื่อมีการพูดเรื่องการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านสื่อต่างๆ ออกไป ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และรัฐบาลประเทศลาวให้ความร่วมมือด้วยดี นำมาไปสู่การจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ถึง 20 กระสอบ และเงินสดอีก 50 ล้านบาทวัน เดียวกันเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง ได้เข้าสอบปากคำนายจะโบ อายุ 25 ปี ชาวไทยเผ่ามูเซอ พักอยู่ ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ภายหลังถูกจับกุมระหว่างการล่อซื้อยาบ้าและถูกจับตัวไว้ได้ พร้อมยึดยาบ้า 950 เม็ด อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. กระสุนปืน และเงินสดที่ใช้ล่อซื้อ 60,000 บาท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สายของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 ราย