ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: เครือข่าย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ยื่นหนังสือนายกฯ ห่วงผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรี
Anonymous

Date:
เครือข่าย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ยื่นหนังสือนายกฯ ห่วงผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรี
Permalink   
 


เครือข่าย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ยื่นหนังสือนายกฯ ห่วงผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรี

25 ธ.ค.54 ที่จังหวัดศรีสะเกษ เครือข่ายสภาชุมชนลุ่มน้ำโขง (คสข.) ได้เข้ายื่นหนังสือกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ซึ่งเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อคัดค้านการสร้างเขื่อนไซยะบุรี ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นประเด็นสืบเนื่องจากการรณรงค์ที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประชุมของคณะรัฐมนตรีอาเซียน ที่เสียมเรียบ ประเทศเขมร และมีมติให้เลื่อนการพิจารณาออกไป และให้ประเทศญี่ปุ่นทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งยังไม่ชัดเจนในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในลุ่มน้ำโขง 

 เนื้อหาในหนังสือเรียกร้องให้ประชาชนในลุ่มน้ำโขงมีส่วนร่วมในการในการ กำหนดกรอบในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรี

ที่ คสข.พิเศษ/๒๕๕๔                                                                            เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง (คสข.)

                                                                                                              ๒๗๔ หมู่ ๒ ตำบลบุ่งคล้า

                                                                                                              อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ

                                                             วันที่ ๒๕  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

 

เรื่อง ขอให้ยุติการสร้างเขื่อนไซยะบุรี

 เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

ในนามของเครือข่ายประชาชน ๘ จังหวัดลุ่มน้ำโขง อันประกอบด้วยจังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ได้ทำงานติดตามกรณีเขื่อนไซยะบุรี บนแม่น้ำโขง ในพื้นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชนลาว แม้ว่าเขื่อนจะตั้งอยู่ในสปป.ลาว แต่โครงการเขื่อนไซยะบุรีก็เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง เนื่องจากมี บริษัท ช การช่าง (มหาชน) จำกัด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารไทย ๔ แห่งในการพัฒนาโครงการ ขณะที่ผู้รับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนดังกล่าว คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ทั้งไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จะแสดงเจตจำนงต่อพันธกรณีตามกฎหมายตามความตกลงแม่น้ำโขง พ.ศ.๒๕๓๘ ในการแบ่งปันการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อระบบ นิเวศของแม่น้ำ และวิถีชีวิตของประชาชนกว่า ๖๐ ล้านคนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้พึ่งพาอาศัยแม่น้ำโขงทั้งโดยตรง และโดยอ้อม

จากข้อค้นพบของการศึกษาต่างๆ จากนักวิชาการ ยังแสดงให้เห็นความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกโครงการนี้ โดยเฉพาะรายงานการประเมินผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ ของ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง พบว่าเขื่อนไซยะบุรีจะส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตการอพยพของพันธุ์ปลา และอาจเป็นเหตุให้มีการสูญพันธุ์ของพันธุ์สัตว์น้ำกว่า ๔๑ ชนิดในแม่น้ำโขง รวมทั้งปลาบึกด้วย ดังนั้น จึงมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลได้ตระหนัก และดำเนินการในประเด็น ดังต่อไปนี้

 

๑.        ควรให้ประชาชนในพื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำโขง ๘ จังหวัด ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดกรอบการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเขื่อนไซยะ บุรี และมีส่วนร่วมในการศึกษาผลกระทบดังกล่าวนี้ทุกขั้นตอนในกระบวนการศึกษา

๒.        ควรมีการจัดทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเขื่อนไซยะบุรีใหม่ ให้สอดคล้องกับความคาดหวังในระดับสากลที่มีต่อเขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างในแม่ น้ำที่ไหลข้ามพรมแดน ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบข้ามพรมแดนที่อาจเกิด ขึ้นเนื่องจากโครงการนี้

๓.        เนื่องจากการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมีข้อบกพร่อง และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณะทราบก่อนกระบวนการรับฟังความเห็นและมี ส่วนร่วมของประชาชน จึงถือได้ว่ากระบวนการเหล่านี้มีข้อบกพร่องอย่างฉกรรจ์ เมื่อจัดทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจนเสร็จแล้ว ก็ควรนำผลการวิเคราะห์นั้นมาเป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อจัดให้มีการรับฟังความ เห็นและมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนในสปป.ลาวและประเทศ อื่นๆ อีกสามแห่งในแม่น้ำโขงตอนล่าง

๔.       การตัดสินใจให้สร้างเขื่อนไซยะบุรีตามโครงการที่เสนอมีแนวโน้มทำให้เกิดผล กระทบร้ายแรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นทรัพยากรร่วมของประเทศต่าง ๆ และยังขัดกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สปป.ลาว ตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity)

๕.       การตัดสินใจให้สร้างเขื่อนไซยะบุรีตามโครงการที่เสนอมีแนวโน้มทำให้เกิด อันตรายร้ายแรงต่อรัฐเพื่อนบ้าน ซึ่งขัดกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สปป.ลาว ในการป้องกันอันตรายข้ามพรมแดน

๖.        การตัดสินใจให้สร้างเขื่อนไซยะบุรีตามโครงการที่เสนอขัดกับหลักการป้องกัน ไว้ก่อน เนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวไม่คำนึงความไม่แน่นอนและข้อกังวลเกี่ยวกับผล กระทบของเขื่อน และไม่แสดงให้เห็นว่าจะสามารถนำมาตรการลดผลกระทบเหล่านี้ไปปฏิบัติได้จริง

๗.       ประเทศกัมพูชา ไทย และเวียดนามมีสิทธิและหน้าที่ในการป้องกันผลกระทบร้ายแรงจากเขื่อนไซยะบุรี ที่มีต่อแม่น้ำโขง  รัฐบาลประเทศเหล่านี้มีสิทธิได้รับการเยียวยาด้านการเงินเนื่องจากผลกระทบ ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในเขตอำนาจของตน

๘.       ให้รัฐบาลไทยยกเลิกแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนไซยะบุรี โดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

 ดังนั้น เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง (คสข.) หวังว่ารัฐบาลไทย จะไม่คำนึงถึงผลประโยชน์เชิงธุรกิจของคนส่วนน้อย แต่ทำลายวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำโขงหลายล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ควรเคารพภูมินิเวศวัฒนธรรมชุมชน โดยไม่คำนึงถึงพรมแดน เพื่อให้สังคมสุวรรณภูมิอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขต่อไป

 

ขอแสดงความนับถือ

(....................................................)                  (....................................................)

 ตัวแทนจังหวัดเลย                                            ตัวแทนจังหวัดหนองคาย

 

 

(....................................................)                  (....................................................)

ตัวแทนจังหวัดบึงกาฬ                                         ตัวแทนจังหวัดนครพนม

 

 

(....................................................)                  (....................................................)

          ตัวแทนจังหวัดมุกดาหาร                                        ตัวแทนจังหวัดอำนาจเจริญ

 

 

(....................................................)                  (....................................................)

        ตัวแทนจังหวัดอุบลราชธานี                                         ตัวแทนจังหวัดเชียงราย



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ชาวบ้านริมโขงยื่นหมื่นรายชื่อถึงสถานทูตลาว – นายกไทย ค้านเขื่อนไซยะบุรี

ชาวบ้านริมโขง 8 จังหวัด จี้รัฐบาลลาว-ไทย เลื่อนตัดสินใจให้ความเห็นชอบโครงการเขื่อนไซยะบุรี ในการประชุม MRC 19 เม.ย.นี้ ชี้โครงการเดินหน้าทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ด้าน คกก.สิทธิฯ อาเซียน รับลูกนำเข้าหารือ พ.ค.นี้

ตามจดหมายที่ส่งถึง นายกรัฐมนตรีของลาว ระบุถึงการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง จำนวน 5 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.54 ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย และสิ้นสุดที่จังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 8 เม.ย.54 เพื่อปรึกษาหารือและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง จากการสร้างเขื่อนไซยะบุรี โดยความเห็นส่วนใหญ่มองว่า ที่ผ่านมาโครงการเขื่อนไซยะบุรีไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้รับ รู้ ในขณะที่การก่อสร้างโครงการกลับมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว สร้างความกังวลใจต่อผลกระทบข้ามพรมแดนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
พร้อมเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีของลาวเลื่อนการตัดสินใจในการให้ความเห็นชอบต่อการก่อสร้าง เขื่อนไซยะบุรี ของคณะกรรมการร่วม MRC ในการประชุมวันที่ 19 เม.ย.นี้ ออกไป เพื่อให้มีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านและชัดเจน พร้อมกับการเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง
 
ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ จ.เชียงราย กล่าวว่า การเดินทางองชาวบ้านมาที่สถานทูตลาวในวันนี้เป็นการแสดงออกซึ่งสัญลักษณ์ใน การไม่ต้องการเขื่อนของประชาชนริมน้ำโขง โดยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบตัวจริงได้ออกมาพูดด้วยตัวเอง และประชาชนควรเป็นผู้มีสิทธิในการกำหนดอนาคตที่อยู่ร่วมกับแม่น้ำโขง ไม่ใช่รัฐบาลหรือนายทุน อีกทั้งที่ผ่านมาการศึกษาของ MRC ก็ได้ชี้ชัดแล้วว่าการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายหลักส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อ วิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำโขง และได้มีข้อเสนอให้ชะลอการตัดสินใจสร้างเขื่อนออกไปอีก 10 ปี เพื่อทำการศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน
 
นายนิวัฒน์ กล่าวให้ข้อมูลด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่าโครงการเขื่อนไซยะบุรีในประเทศลาวได้เริ่ม ดำเนินการก่อสร้างมาราว 5 เดือนแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ก่อสร้างอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ท่าทีของประเทศสมาชิก MRC ทั้งเวียดนาม กัมพูชา และไทยเองก็ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวเพราะต่างหวั่นเกรงผล กระทบ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลลาวแล้วว่าจะเคารพการตัดสินใจของประเทศ สมาชิกอื่นๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตามการเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้นั้นต้องการยุติกระบวนการใน ฝั่งของรัฐบาลไทย บริษัทเอกชน รวมทั้งการสนับสนุนในด้านต่างๆ ของไทย เพราะการก่อสร้างโครงการดังกล่าวไม่สามารถกล่าวโทษรัฐบาลลาวแต่เพียงฝ่าย เดียวได้     
 
สำหรับการไปยื่นจดหมาย พร้อมมอบสำเนารายชื่อชาวบ้านริมน้ำโขงที่ร่วมคัดค้านการสร้างเขื่อนไซยะบุรี 10,000 รายชื่อต่อ ดร.ศรีประภา เพชรมีสี ผู้แทนไทยในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอาเซียน เพื่อขอให้ร่วมตรวจสอบการดำเนินการโครงการดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน นี้ นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ดร.ศรีประภาได้รับปากจะนำเรื่องนี้เขาหารือในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอาเซียน ภายในเดือนพฤษภาคม เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบด้านสิทธิของประชาชน และมีผลกระทบข้ามพรมแดนซึ่งควรถูกยกระดับไปสู่การพูดคุยในวงอาเซียน

 

 

 
 


-- Edited by buckhumnoy on Tuesday 27th of December 2011 05:30:39 AM

__________________
Anonymous

Date:
RE: เครือข่าย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ยื่นหนังสือนายกฯ ห่วงผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรี
Permalink   
 


 

ชาวบ้านหวั่นพื้นที่โครงการเขื่อน อยู่ในเขตรอยเลื่อนเสี่ยงแผ่นดินไหว
 
ส่วนนายสุรชัย แองดี ชาวบ้านจาก อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งอยูห่างจากพื้นที่ที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนไชยะบุรีเพียง 200 กิโลเมตร กล่าวว่า ชาวบ้านหวั่นเกรงถึงผลกระทบจากการสร้างเขื่อน ทั้งเรื่องวิถีชีวิต ระบบนิเวศน์ และการสูญเสียพื้นที่เกษตรริมฝั่งโขง ซึ่งที่ผ่านมาจากการสร้างเขื่องกั้นลำน้ำโขงในประเทศจีนก็เป็นบทเรียนของผล กระทบต่อชาวบ้าน เนื่องจากเกิดระดับน้ำขึ้นน้ำลงไม่ปกติ นอกจากนั้น กรณีการเกิดแผนดินไหว 5.4 ริคเตอร์ ในประเทศลาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ทำให้เกิดความหวั่นวิตก เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีมีลอยเลื่อนของ เปลือกโลกอยู่ซึ่งมีความเสี่ยงหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชาวบ้านใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ในการปราศรัยบริเวณหน้าสถานทูตลาวถึงความหวั่นเกรงต่อผลกระทบด้านต่างๆ รวมทั้งเรียกร้องให้ยับยังการก่อสร้างโครงการ โดยให้มีการรับฝังความเห็นจากผู้ได้รับผลกระทบอย่างรอบด้านก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่มีตัวแทนสถานทูตออกมารับจดหมายของกลุ่มชาวบ้าน โดยมีการแจ้งก่อนหน้านี้ว่าเอกอัครราชทูตได้ไม่อยู่ในสถานทูต ชาวบ้านจึงทำได้เพียงยื่นจดหมายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการในบริเวณ ดังกล่าวเป็นตัวแทนรับมอบ
 
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ชาวบ้านทั้งหมดได้เดินทางไปร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์ที่สถาบันพัฒนาองค์กร ชุมชน (พอช.) โดยมีคนทำงานภาคประชาสังคมร่วมสังเกตการณ์ อาทิ นายประสาร มฤคพิทักษ์, นางเตือนใจ ดีเทศน์, อดีตสมาชิกวุฒิสภา, นางสุนี ไชยรส อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน และได้ยื่นหนังสือต่อ ดร.ศรีประภา เพชรมีสี ผู้แทนไทยในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอาเซียน
 
จากนั้นในช่วงบ่ายจะเดินทางต่อไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือต่อนาย อภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และต่อไปที่รัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุรจิต ชิรเวช ส.ว.สมุทรสงคราม ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการทรัพยากรน้ำ และคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ
 
ส่วนข้อเรียกร้องที่กลุ่มชาวบ้านมีต่อนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายยกรัฐมนตรี คือการให้ยกเลิกแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนไซยะบุรีโดยการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย รวมทั้งปกป้องทรัพยากรลุ่มแม่น้ำโขงและวัฒนธรรมของประชาชนในลุ่มแม่น้ำโขง และให้เลื่อนการตัดสินใจการให้ความเห็นชอบต่อการสร้างเขื่อนดังกล่าวของคณะ กรรมการ่วม MRC ในการประชุมวันที่ 19 เม.ย.54 นี้ออกไป 
 
 
สื่อเผย ช.การช่างเข้าไปปรับพื้นที่แล้ว แถมชาวบ้านได้ค่าชดเชยแค่ 450 บาท
 
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วานนี้ (17 เม.ย.54) เว็บไซต์บางกอก โพสต์ รายงานข่าวความคืบหน้าโครงการเขื่อนไซยะบุรีบนแม่น้ำโขงตอนล่าง ในแขวงไซยะบุรี ประเทศลาว จากการลงพื้นที่โดยนักข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า บริเวณโดยรอบโครงการได้มีการเดินหน้าการก่อสร้างแล้ว ทั้งที่โครงการยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มมีการขุดดินปรับพื้นที่ตามแผนการก่อสร้างในพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจาก ท่าเรือท่าเดื่อราว 20 กิโลเมตร และมีการเริ่มดำเนินการมาได้ประมาณ 5 เดือนแล้ว ด้วยรถบรรทุกและรถแบคโฮของบริษัท ช.การช่าง ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่ร่วมโครงการกับรัฐบาลลาว ขณะที่มีชาวบ้านเตรียมจะย้ายออกจากพื้นที่ โดยได้รับค่าชดเชยเพียงรายละ 450 บาท
 
ในส่วนท่าที่ของประเทศสมาชิก MRC นั้น หลังจาก รัฐบาลลาวได้ร้องขอต่อ MRC เมื่อเดือนกันยายน 2553 เพื่อเริ่มต้นกระบวนการอย่างเป็นทางการในการอนุมัติก่อสร้างโครงการเขื่อนไซ ยะบุรี ซึ่งเป็นโครงการแรกใน 11 โครงการเขื่อนบนแม่น้ำโขงตอนล่าง ตามข้อตกลงในการจัดทำโครงการพัฒนาที่อาจมีผลกระทบข้ามแดน ซึ่งจะต้องผ่านการพิจารณาและให้คำปรึกษาก่อนดำเนินการ โดยตัวแทนของเวียดนามและกัมพูชามีท่าทีไม่เห็นด้วยต่อโครงการเขื่อน เนื่องจากยังมีความกังวลในหมู่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและนักกิจกรรมเรื่อง รายงานการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามการตัดสินใจในการประชุมจะไม่ผูกพันใดๆ กับประเทศสมาชิก หากต้องการที่จะเดินหน้าโครงการต่อไป
 
ทั้งนี้ โครงการเขื่อนไซยะบุรีมีแผนจะเริ่มขายไฟฟ้าในเดือนมกราคม 2562 และเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติของไทยได้รับการอนุมัติข้อตกลงให้ กฟผ.ลงนามในสัญญาการซื้อไฟฟ้า กับ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์  ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ช.การช่างที่ได้สัมปทานในการ ผลิตกระแสไฟฟ้าจากประเทศลาว ประมาณ 95% ของโครงการซึ่งมีกำลังการผลิต 1,260 เมกะวัตต์ ในอัตรา 2.15 บาทต่อหน่วย
 
 
 


__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard