ซ.วิภาวดี 16/14 แขวงจอมพล เขตจตุจักร พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เวลาประมาณ 00.30 น. ทาง สน.พหลโยธินได้รับแจ้งเหตุพบศพชายไทยเสียชีวิตในบ้านที่เกิดเหตุ ภายในหมู่บ้านซื่อตรงแกรนด์โฮม เสนานิคม 11 ซึ่งกำลังก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ ทราบชื่อภายหลังนายณัฐวัตร กอบทรัพย์เจริญ อายุ 48 ปี สภาพศพถูกใส่กุญแจมือ และที่ศีรษะถูกตีด้วยดติ้วเหล็ก (เป็นเหล็ก 3 ท่อนสีดำ ขนาดแบบยังไม่ยืดออก 7.5 นิ้ว-20 ซม. เมื่อสลัดออกเต็ม 3 ท่อน ยาว 50 ซม. ขนาดกระชับมือ น้ำหนักเบา มีสายคล้องด้านท้ายใช้ร้อยเข็มขัดได้) เบื้องต้นแพทย์ได้ลงความเห็นว่า ผู้ตายขาดอาอาศหายใจจากการถูกรัดคอ ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวน สน.หหลโยธินจึงร่วมทำการสืบสวนจนทราบว่า ก่อนเกิดเหภตุผู้ตายได้นั่งดื่มสุรากับนายบุญญฤทธิ์
วันนี้( 23 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รรท.รองผบช.น.แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.บก.น.2 ร่วมกันจับกุมตัวนายบุญญฤทธิ์ ปุ่มหล้า หรือท้าวเกสร อายุ 25 ปี และนายอ๊อด ชมพู หรือสิบตรีโก้ (ชื่อในประเทศลาว) อายุ 19 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่น โดยจับกุมได้ที่ชุมชนริงคลองบางซื่อ ซอยวิภาวดี 16/14 แขวงจอมพล เขตจตุจักร
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ม.ค. เวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายไทย เสียชีวิตภายในหมู่บ้านซื่อตรงแกรนด์โฮม เสนานิคม 11 ซึ่งกำลังก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ สภาพศพถูกใส่กุญแจมือ และที่ศีรษะถูกตีด้วยดิ้วเหล็ก มีทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท หายไปซึ่งต่อมาทราบว่าผู้ตายคือนายณัฐวัตร กอบทรัพย์เจริญ อายุ 48 ปี ฝ่ายสืบสวนสน.หหลโยธิน จึงทำการสืบสวนจนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้นั่งดื่มสุรากับนายบุญญฤทธิ์ และนายอ๊อด ซึ่งทั้งสองเป็นรปภ.ของหมู่บ้านดังกล่าว กระทั่งมีผู้ได้ยินเสียงดังที่บ้านหลังดังกล่าวขึ้นรปภ.ที่เข้าเวรอยู่นั้น จึงรีบวิ่งไปดู พบผู้ต้องหาทั้งสองคน กำลังวิ่งหลบหนีไปทางหลังบ้าน ซึ่งต่อมาชุดสืบสวนกก.สส.น. 2 นำโดย พ.ต.ท.ชัยพันธ์ เพ็ชสดศิลป์ สว.สส.กก.สส.บก.น.2 พร้อมพวกได้นำกำลังไปจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เอาไว้ได้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ลงมือฆ่าผู้ตายก็เพราะต้องการที่จะชิงทรัพย์ เพื่อนำเงินไปเป็นทุนในการเดินทางกลับบ้านที่ประเทศลาว โดยก่อนเกิดเหตุได้หลอกให้ผู้ตายมีเพศสัมพันธ์กับนายอ๊อด จากนั้นนายบุญญฤทธิ์ ได้เข้าล็อกตัวและช่วยกันใส่กุญแจมือ พร้อมทั้งรุมชกต่อยและใช้ดิ้วเหล็กตีที่ศีรษะ ก่อนจะบีบคอจนผู้ตายนอนแน่นิ่งไป เมื่อทราบว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว จึงรีบหลบหนีไป กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้นำเอาทรัพย์สินของผู้ตายไป เนื่องจากผู้ตายดันมาเสียชีวิตเสียก่อนจึงตกใจกลัวเลยไม่ได้นำทรัพย์สินของ ผู้ตายติดตัวไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันชิงทรัพย์เวลากลางคืนโดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและส่งให้พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทวีวงศ์ ดิษฐ์แย้ม สว.สส.สน.พหลโยธิน นำกำลังฝ่ายสืบสวน คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านในละแวกออกมามุงดุเป็นจำนวนมาก ใช้เวลา 30 นาที จึงเสร็จสิ้น ก่อนรีบควบคุมตัวกลับมาที่ สน.พหลโยธินในทันที.