ไฟฟ้าหงสา อบรมแม่บ้านลาว
ASTVผู้จัดการออนไลน์ – บริษัทไฟฟ้าหงสาจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนไทย-ลาว ร่วมกับบริษัทช่างพินิจจำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาขุดค้นถ่านหินลิกไนต์ ได้เปิดรับสมัครพนักงานสตรีไปทำหน้าที่ขับรถบรรทุกหนัก โดยปฏิบัติงานในแหล่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนถ่านหิน กับเหมืองใหญ่แห่งเมืองหงสา แขวงไซยะบูลี ซึ่งได้รับความสนใจจากบรรดาแม่บ้านเป็นจำนวนมาก โครงการนี้มีขึ้นเพื่อสร้างงานและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร 4 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้ากับเหมืองและบ้านใกล้เคียง โดยทำการฝึกอบรมการขับและการใช้รถบรรทุกหนักให้แก่สตรีทั้งหญิงสาวและแม่ บ้านในหมู่บ้านดังกล่าว การฝึกอบรมที่จัดขึ้นในต้นสัปดาห์ที่แล้วโดยร่วมกับอำนาจการปกครองใน ท้องถิ่น หน่วยจัดการโยกย้ายและจัดสรรและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบ มีผู้สนใจเข้าร่วมทั้งหมด 46 คน โดยใช้วิทยากรของบริษัทช่วงพินิจ กับบริษัทวอลโว่ หนังสือพิมพ์ “ประชาชน” เศรษฐกิจ-สังคมรายงาน ผู้เข้าอบรมได้เรียนภาคทฤษฎีและมีการสอบ ผู้ที่สอบผ่านจะได้ออกเรียนในภาคสนาม สังเกตการณ์กับผู้มีประสบการณ์ เรียนขับรถเปล่า เรียนรู้วิธีการตัก บรรจุและเท ก่อนจะปฏิบัติจริง และหากทดสอบผ่านบริษัทผู้รับเหมาจะรับเข้าเป็นพนักงานทันที เศรษฐกิจ-สังคมกล่าว โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนจากถ่านหินกับเหมืองลิกไนต์ เป็นโครงการลงทุนใหญ่ที่สุดของไทยในลาว โดยมีมูลค่า 3,710 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 129,500 ล้านบาท) บริษัทบ้านปูจำกัด (มหาชน) กับบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) ถือหุ้นฝ่ายละ 40 อีก 20 เป็นของรัฐวิสาหกิจถือหุ้นลาว การลงทุนแบ่งเป็นสองส่วน คือ 2,900 ล้านดอลลาร์ในส่วนของโรงไฟฟ้า กับอีก 800 ล้านดอลลาร์ ในส่วนเหมือง พิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างจัดขึ้นในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว คาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) ได้ในปี 2559 โรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง (อำเภอ) หงสา แขวงไซยะบูลี ประมาณ 10 กม. ห่างจากชายแดนไทยด้าน จ.น่าน ราว 30 กม. และ ด้วยกำลังปั่นไฟขนาด 1,878 เมกะวัตต์ หรือ 12,582 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี จึงเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดที่ลงมือก่อสร้างในลาวขณะนี้ ตามข้อมูลของสำนักข่าวสารปะเทดลาวไฟฟ้าที่ผลิตได้ 1,473 เมกะวัตต์ จะส่งจำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตของไทย อีกราว 170 เมกะวัตต์จำหน่ายให้แก่รัฐวิสาหากิจไฟฟ้าลาว อีก 75 เมกะวัตต์ จะใช้ในท้องถิ่น โครงการส่งผลกระทบต่อราษฎร 5 หมู่บ้าน รวม 450 ครอบครัว ซึ่งจะต้องอพยพไปยังหมู่บ้านจัดสรรแห่งใหม่ ห่างออกไปราว 15 กม. และจะได้รับการดูแลจากโครงการตลอดอายุสัมปทาน 25 ปี