ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: หน่อคำ'กับ'ดอกงิ้วคำ' : คอลัมน์มนุษย์สองหน้า : แคน สาริกา
Anonymous

Date:
หน่อคำ'กับ'ดอกงิ้วคำ' : คอลัมน์มนุษย์สองหน้า : แคน สาริกา
Permalink   
 


หน่อคำ'กับ'ดอกงิ้วคำ' : คอลัมน์มนุษย์สองหน้า : แคน สาริกา

          จำได้ว่า ราวปลายเดือนมกราคม ผมนั่งดูสถานีโทรทัศน์แห่งชาติลาว ถ่ายทอดสดการพิธีเปิดงานดอกงิ้วบานครั้งที่ 12 ขึ้น ณ เกาะดอนซาว เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ส.ป.ป.ลาว (ตรงกันข้ามบ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย) ด้วยความประหลาดใจเล็กๆ

         งานดอกงิ้วบานเป็นงานเทศกาลประจำเมืองเล็กๆ บนดินแดนชายขอบ 3 ชาติ(ลาว-พม่า-ไทย) แต่เหตุไฉนปีนี้ สหายจูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ ส.ป.ป.ลาว และเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว พร้อมนายกรัฐมนตรี สหายทองสิง ทำมะวง และรองนายกรัฐมนตรี สหายสมสะหวาด เล่งสะหวัด จึงให้เกียรติเดินทางมาเปิดงานระดับอำเภอเช่นนี้

          พลันที่เห็นภาพการจัดงานดอกงิ้วบาน ภายในโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ของ "กลุ่มดอกงิ้วคำ" ก็มองทะลุถึงข้างหลังภาพงานวัฒนธรรมการเมืองยุคทุนนิยมใหม่

          แต่ก่อนจะถึงพิธีเปิดงานดอกงิ้วบาน สหายจูมมะลี ได้ไปทำพิธีเปิด "บ้านสามเหลี่ยมคำ" ("คำ" หมายถึงทองคำ) ซึ่งทางกลุ่มดอกงิ้วคำได้มาจัดสร้างให้เป็นถิ่นฐานใหม่ของชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ที่เดิมอาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณเกาะดอนซาว

         จากข้อมูลของทางการลาว จ้าวเหว่ย ประธานบริหารบริษัท จิ่นมูเหมิน จำกัด ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล ส.ป.ป.ลาว ให้มาดำเนินโครงการ "เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ" โดยจัดตั้งบริษัทขึ้นมาในชื่อกลุ่มดอกงิ้วคำ ลงทุนเช่าพื้นที่ 7,500 ไร่ ด้วยการทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 99 ปี และมูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้าน

          กลุ่มดอกงิ้วคำ แบ่งการก่อสร้างเป็นอภิมหาคอมเพล็กซ์ ที่มี 5 โซน คือ โซน A เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เน้นด้านการค้า กาสิโน-เอนเตอร์เทน คอมเพล็กซ์, โซน B เป็นกิจการท่าเรือ, โซน C เป็นกิจการด้านวัฒนธรรม, โซน D เป็นกิจการด้านโบราณสถาน และโซน E เป็นเขตการท่องเที่ยวธรรมชาติ

          อ่านข้อมูลข้างต้น จึงคลายความกังขาว่า ทำไมสหายจูมมะลี จึงต้องพาคณะนำของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว มาเยี่ยมยามเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เมืองต้นผึ้ง?

          เมื่อเอ่ยถึง "เมืองต้นผึ้ง" ก็นึกเห็น "ฉากและตัวละคร" ในนิยายเรื่อง "ก็ผมไม่มีทางเลือกนี่ครับ" เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว

          พ.ต.ต.ประชา พูนวิวัฒน์ ผู้มีชีวิตดุจนิยายไม่รู้จบ และนักเขียนเจ้าของฉายา "บรรทัดละ 8 บาท" ได้เขียนนิยายเรื่อง "ก็ผมไม่มีทางเลือกนี่ครับ" เมื่อปี 2509 โดยอิงประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวที่ต้องลี้ภัยการเมืองยุคจอมพลสฤษดิ์ ไปกบดานอยู่กับ "นายพลหลีหมิ่น" แห่งกองพล 93 หรือกลุ่มจีนฮ่อที่รอยตะเข็บชายแดนไทย-พม่า

          นิยายเรื่องแรกในชีวิตของ พ.ต.ต.ประชานั้นฉายภาพขบวนการค้าฝิ่นดิบของนายทหาร "ลาวฝ่ายขวา" ร่วมกับซีไอเอ และพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่แห่งสหรัฐ

          เนื่องจากสามเหลี่ยมทองคำในพื้นที่ของประเทศพม่าเป็นแหล่งผลิตฝิ่นดิบ จึงทำให้เมืองต้นผึ้ง เป็นจุดรับฝิ่นที่ขนข้ามโขงมาจากเมืองพง(ฝั่งพม่า) ก่อนจะลำเลียงล่องไปตามแม่น้ำโขง พอถึงเมืองห้วยทรายก็ขนขึ้นเครื่องบินแอร์อเมริกา เอาไปทิ้งลงในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีการนัดหมายให้เรือสินค้ามารับไปส่งยังแหล่งซื้อขายปลายทาง

          พ.ศ.นี้ การค้าฝิ่นเปลี่ยนเป็นการค้าเฮโรอีน โดยมีชื่อของ "หน่อคำ" เป็นราชายาเสพติดคนใหม่ แต่อีกด้านหนึ่ง หน่อคำและพวก ทำตัวเป็น "สลัดน้ำโขง" ออกปล้นและเรียกเก็บค่าคุ้มครองคาราวานเรือสินค้าจากจีน

          มิเพียงการมีชื่อในฐานะผู้บงการสังหารลูกเรือจีน 13 ศพ หน่อคำยังได้เข้าไปรังควานการประกอบธุรกิจกาสิโนและการท่องเที่ยวของกลุ่ม ดอกงิ้วคำ

          เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงไทยได้ออกข่าวว่า ทางการลาวจับกุมตัว "หน่อคำ" ได้ แต่กระทรวงป้องกันความสงบ ส.ป.ป.ลาว ก็ยังไม่ได้แถลงข่าวแต่อย่างใด แม้ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะยืนยันว่า ลาวได้จับกุมหน่อคำจริง แต่ทางการลาวก็ยังอุบเงียบอยู่

          จากนิยายที่สร้างจากเรื่องจริงของอดีตนายตำรวจอัศวินแหวนเพชร เมืองต้นผึ้งยุคลาวฝ่ายขวายึดครอง คือทางผ่านของฝิ่นดิบสู่ตลาดสหรัฐ 

          ปัจจุบัน เมืองต้นผึ้งคือทางผ่านของทุนที่ล่องตามลำน้ำโขงมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฉากสุดท้ายของหน่อคำ จึงมาถึงเร็วกว่าที่คิด !



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard