วันนี้ ( 2 มิ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ทางการจีนจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะรัฐบาล ฐานต้องสงสัยขายข้อมูลลับด้านความมั่นคงให้กับทางการสหรัฐ นับเป็นคดีจารกรรมข้อมูลรัฐบาลจีนที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ทั้ง 2 ชาติมหาอำนาจยังคงสงวนท่าทีในเรื่องนี้
รายงานของหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์” ฉบับวันศุกร์ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวถูกจับกุมเมื่อช่วงต้นปีนี้ โดยดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมช.กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีน ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักด้านข่าวกรองของประเทศ
ทั้งนี้ เนื้อหาในรายงานระบุด้วยว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในหน่วยงานที่ทำหน้าที่เก็บรักษาความลับสุดยอด ในทุกด้านของทางการจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้ต้องสงสัยเป็นถึงเลขานุการรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่รับทราบเรื่อง และได้รับเอกสารข้อมูลด้านข่าวกรองต่าง ๆ เป็นคนแรก แม้ รมช.คนดังกล่าวจะถูกขับออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม
ขณะที่บทความในนิตยสาร “นิว เวย์” ของฮ่องกง ฉบับล่าสุด อ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลจีนว่า ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ตกใจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทันทีที่ได้รับรายงานการจับกุมเจ้าหน้าที่รายนี้ ซึ่งอาจได้รับการว่าจ้างจากหน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐ ( ซีไอเอ ) นอกจากนี้ คดีจารกรรมข้อมูลลับครั้งนี้ ยังถือว่าร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่การจับกุมนาย หยู เชียงเฉิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำหน่วยข่าวกรองของจีน เมื่อปี 2529 ฐานขายข้อมูลลับทางทหารและการทูตของจีนให้กับรัฐบาลวอชิงตัน
ด้านท่าทีของสหรัฐซึ่งกลายเป็นประเทศคู่กรณี นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และโฆษกประจำทำเนียบขาว
อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีด้านการเมืองหลายรายมองว่า การจับกุมที่เกิดขึ้น อาจเป็นหนึ่งในขั้นตอนการสืบสวนของรัฐบาลจีน เพื่อเร่งปิดคดีอันอื้อฉาวของนาย ป๋อ ซีไหล อดีตนายใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำเทศบาลนครฉงชิ่ง และครอบครัว ก็เป็นได้
