ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login

Post Info

TOPIC: J-20 สเตลธ์จีน ทำท่าจะจ๋อย เรดาร์เวียดนามจับได้ชัดแจ๋ว

Anonymous

Date: Jun 18, 2012

J-20 สเตลธ์จีน ทำท่าจะจ๋อย เรดาร์เวียดนามจับได้ชัดแจ๋ว

Permalink

J-20 สเตลธ์จีน ทำท่าจะจ๋อย เรดาร์เวียดนามจับได้ชัดแจ๋ว

ภาพ จากเว็บไซต์ข่าวกลาโหมของรัสเซียซึ่งบรรยายว่า เป็นรถบรรทุกระบบเรดาร์ป้องกัน RV-01/Vostock-E ของเบลารุส ระบบที่ใช้ตรวจจับและนำไปสู่การยิงทำลายเครื่องบินที่ใช้เทคโนโลยีอันล้ำ หน้าราคาแพงลิ่วนั้น ดูราวกับโครงเหล็กธรรมดาๆ ที่สามารถนำไปติดตั้งในที่แห่งใดก็ย่อมได้ แต่ภายในระบบควบคุมนั้นสามารถตรวจจับเป้าเคลื่อนไหวทางอากาศได้ไม่น้อยกว่า 120 เป้าในขณะเดียวกัน และไกลออกไปกว่า 300 กม. ระบบนี้เคยสร้างชื่อเสียงเมื่อครั้งสงครามแคว้นโคโซโว ซึ่งกองทัพยูโกสลาเวียใช้ล็อกเป้าเครื่องบินโจมตี F-117A "Nighhawk" ระบบซูเปอร์ล่องหนของสหรัฐและยิงตกด้วยจรวดแซมรุ่นเก๋าของโซเวียตจนเป็นที่ ฮือฮา.

       .

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ระบบเรดาร์ในเวียดนามสามารถจับเครื่องบิน J-20 ที่ใช้เทคโนโลยี "ล่องหน" ของจีนได้ชัดเจน ซึ่งทำให้เวียดนามขอซื้อระบบเรดาร์ที่ทันสมัยนี้จากประเทศเบลารุสอีก 20 ชุด และหลังจากทดสอบประสิทธิภาพแล้วพบว่า มีสมรรถนะสูงกว่าเรดาร์ที่ผลิตในรัสเซียซึ่งเวียดนามมีประจำการเช่นกัน สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหาร

       เรดาร์เวียดนามที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของเครื่องบิน "สเตลธ์" จีนได้ อยู่ในระบบป้องกันทางอากาศ RV-01/Vostock-E เวอร์ชั่นเก่าของเบลารุส ที่ซื้อเข้าประจำการเมื่อปี 2548

       แต่ระบบที่เวียดนามซื้อนี้เป็นเวอร์ที่ใหม่กว่าและดีกว่า ต้นแบบของระบบที่กองทัพยูโกสลาเวียใช้จับเครื่องบินล่องหน F-117 "ไนท์ฮอว์ค" (Nighthawk) กองทัพอากาศสหรัฐ ในสงครามแคว้นโคโซโวและยิงตกในเดือน มี.ค.2542 ให้เป็นที่ฮือฮา

       สหรัฐฯ แจ้งต่อสาธารณชนว่า F-117 เป็นเครื่องบินเทคโนโลยีสเตลธ์ล้ำยุคที่เรดาร์ไม่สามารถมองเห็น และสหรัฐฯ อาจจะลืมไปว่ากองทัพยูโกสลาเวีย มีระบบเรดาร์กับระบบขีปนาวุธทันสมัยอื่นๆ ของอดีตสหภาพโซเวียตประจำการอยู่ครบ

       เว็บไซต์กลาโหมฮว่านเกิ่ว (Hoàn Cầu) รายงานการตรวจจับความเคลื่อนไหวเครื่องบินรบยุคที่ 5 ของจีนในวันเสาร์ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า การตรวจจับมีขึ้นเมื่อไรและอย่างไร แต่กล่าวว่าในเดือนนี้เวียดนามได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ไปยัง เบลารุส เพื่อศึกษาระบบป้องกัน RV-01/Vostock-E รุ่นใหม่ที่สั่งซื้อ

       เว็บไซต์แห่งนี้อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า ระบบเรดาร์รุ่นใหม่จะทำให้กองทัพอากาศเวียดนามสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหว ของอากาศยาน "ครอบคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและไกลออกไป" เช่นเดียวกับทั่วทั้งอาณาบริเวณ "ทะเลตะวันออก" ทำให้มีเวลามากยิ่งขึ้นสำหรับการป้องกันเขตน่านน้ำแดนดินของตน

       เว็บไซต์ Russian Military Review ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าเวียดนามกับเบลารุสได้เจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับ ระบบเรดาร์ที่ซื้อขายกันครั้งใหม่เมื่อไม่นาน หลังจากที่เวียดนามสั่งซื้อลอตแรกในปี 2548 และนำเข้าติดตั้งในโครงข่ายการป้องกันทางอากาศมาตั้งแต่นั้น

       การเจรจาซื้อขายครั้งใหม่ยังรวมถึงชิ้นส่วน เพื่อนำไปอัพเกรดระบบเรดาร์ที่ซื้อลอตแรกด้วย เว็บไซต์เดียวกันกล่าว

       คณะทหารจากกองทัพประชาชนเวียดนามกำลังศึกษาระบบเรดาร์ใหม่อยู่ที่ เมืองมินสต์ (Minsk) ของเบลารุสในขณะนี้ เว็บไซต์แห่งเดียวกันระบุ
       .

สื่อ ในเวียดนามนำรูปภาพระบบเรดาร์ของเบลารุสที่ประจำการในปัจจุบันออกแสดง ราวกับพยายามยืนยันว่าการตรวจจับเครื่องบินรบทันสมัยที่สุดของจีนได้นั้น เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้โม้ เวียดนามซื้อระบบป้องกันนี้เมื่อปี 2548 และติดตั้งอยู่ในระบบป้องกันทางอากาศมาตั้งแต่นั้น เมื่อเร็วๆ นี้ซื้ออีก 20 ชุด และในเดือนนี้ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพประชาชนเวียดนามจำนวนหนึ่งกำลังศึกษา ระบบใหม่อยู่ในเมืองมินสค์ (Minsk).

สื่อ ออนไลน์ในเวียดนามนำภาพที่ตั้งระบบเรดาร์ RV-01 ที่ผลิตในเบลารุสและประจำการอยู่ในปัจจุบันออกแสดง พร้อมให้เห็นแผ่นป้ายที่ตั้งของกองทัพประชาชนซึ่งไม่ทราบว่าอยู่ในจังหวัด ไหนของประเทศ สื่อภาษาเวียดนามกล่าวว่าระบบเรดาร์ในปัจจุบันสามารถตรวจจับเครื่องบิน ล่องหนรุ่นใหม่ล่าสุดของจีนได้ และ เวียดนามสั่งซื้อเรดาร์รุ่นใหม่ล่าสุดของเบลารุสอีก 20 ชุด.

               small;">3
       นักวิเคราะห์กล่าวกับ Russian Military Review ว่า เวียดนามซื้อระบบเรดาร์ RV-01/Vostock-E รุ่นใหม่ก็เพื่อรับมือเครื่องบินรบยุคที่ 5 คือ J-20 ของจีนโดยเฉพาะ และยังสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายป้องกันของเวียดนามในปัจจุบันได้

       ในครั้งสงครามแคว้นโคโซโว ระบบเรดาร์ของเบลารุส ตรวจจับเครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิด F-117A ของสหรัฐฯ ได้ ขณะบินในความสูง 10 กิโลเมตรและในระยะห่างออกไปถึง 72 กม. กองพันขีปนาวุธที่ 3 ในสังกัดกองพลขีปนาวุธที่ 250 ของยูโกสลาเวียได้ใช้จรวดต่อสู้อากาศยาน SA-3 "Goa" ของอดีตสหภาพโซเวียตยิงตกในวันที่ 27 มี.ค.2542

       เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากระบบของรัสเซียที่ตรวจจับการเคลื่อนไหว ที่ผิดปรกในน่านฟ้ายูโกสลาเวีย และได้ส่งข้อมูลเข้าไปสู่ข่ายป้องกันของระบบที่ผลิตจากเบลารุส ซึ่งทำให้สามารถล็อกเป้าได้อย่างแม่นยำ เว็บไซต์ข่าวกลาโหมแห่งเดียวกันระบุ

       หากปราศจากการรบกวนใดๆ ระบบนี้สามารถตรวจจับเป้าเคลื่อนไหวได้ไกลถึง 350 กม. และ จับได้ไม่น้อยกว่า 120 เป้าหมายในขณะเดียวกัน แม้ภายใต้สภาพอากาศเลวร้าย

       นักวิเคราะห์มองว่าเวียดนามตัดสินใจถูกต้องในการจัดซื้อระบบเรดาร์ ทันสมัยนี้ นอกเหนือจากการแสวงหาอาวุธกับความร่วมมือด้านกลาโหมจากมิตรเก่าแก่เช่นรัส เซีย ยูเครน สาธารณรัฐเช็ค โปแลนด์ หรือแม้กระทั่งเกาหลีใต้ ในขณะนี้โลกตะวันตก รวมทั้งฝรั่งเศส เยอรมนีกับอังกฤษ ต่างก็จ้องเข้าไปยังตลาดเวียดนามเช่นกัน

       หากเวียดนามสามารถร่วมมือกับค่ายตะวันตกในด้านกลาโหมได้ ขีดความสามารถในการป้องกันก็จะสูงยิ่งขึ้นไปอีก นักวิเคราะห์กล่าว.

เครื่อง บินรบยุคที่ 5 "สเตลธ์" ของจีนซึ่งอยู่ระหว่างการบินทดลองในช่วงท้ายๆ ขณะนี้อาจจะเจอปัญหาใหญ่เสียแล้ว หากเรดาร์ของเวียดนามตรวจจับได้มันก็จะมีค่าไม่ต่างไปจากเครื่องบินรบ ธรรมดาๆ รุ่นอื่นๆ ที่ประจำการในขณะนี้ และหากระบบเรดาร์ของเบลารุสสามารถตรวจจับได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงระบบอื่นๆ ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรทั้งหลายทั้งปวง.

__________________

Page 1 of 1 sorted by

Quick Reply
Please log in to post quick replies.

Create your own FREE Forum
Report Abuse